บทที่ 480: ศิษย์พี่ใหญ่กำลังแอบสร้างสัมพันธ์กับท่านอ๋อง
“หา?” อวี้หวานหว่านหยุดชะงักมือที่กำลังขยี้ตา จากนั้นนางก็พิงกำแพงตรอกยื่นหน้าออกไปมองด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ศิษย์พี่ใหญ่กำลังแอบสร้างสัมพันธ์กับท่านอ๋อง…?”
“เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ?” เซียวถังถังหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าได้มองคนอื่นเพียงผิวเผิน”
“ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างท่านพี่กับไป๋ไป่ก็คืออายุ ส่วนในด้านอื่น ๆ พวกเขาเหมาะสมกันมาก! นี่ยังไม่นับรวมที่พวกเขาเป็นคู่รักที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พวกเขายังเคยช่วยชีวิตของกันและกันด้วย หากทั้ง 2 ไม่ลงเอยด้วยการแต่งงานกัน พวกแม่สื่อคงพากันทอดถอนหายใจ”
อวี้หวานหว่านกะพริบตาปริบ ๆ อยู่นานก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “ข้าไม่คิดว่าระหว่างศิษย์พี่ใหญ่กับท่านอ๋องจะอายุต่างกันมากขนาดนั้น”
“ใช่ สมแล้วที่เจ้าเป็นศิษย์น้องของข้า” เซียวถังถังลูบศีรษะของเด็กหญิงพลางพูดด้วยรอยยิ้ม
นั่นเป็นเรื่องจริง เพราะอายุของพี่ชายนางไล่เลี่ยกันกับองค์รัชทายาทเลย
ทางด้านอวี้หวานหว่านยิ้มเอียงอาย แล้วหลบสายตาเซียวถังถังก่อนจะถามขึ้นเบา ๆ ว่า “ศิษย์พี่รอง องค์รัชทายาทแต่งงานหรือยังเจ้าคะ?”
“องค์รัชทายาทหรือ?” ผู้เป็นศิษย์พี่กำลังคิดว่านางควรรีบออกไปแสดงตัวต่อหน้าเซียวถังอี้กับมู่ไป๋ไป่ดีหรือไม่ นางจึงตอบออกไปแบบส่ง ๆ ว่า “ยังไม่ได้แต่ง ตอนที่ข้าอยู่ในหุบเขาหมอเทวดา ข้าได้ยินไป๋ไป่บ่นเกี่ยวกับเรื่องหาคู่ที่เหมาะสมให้องค์รัชทายาทอยู่ตั้งหลายหน”
ขณะนี้มือของอวี้หวานหว่านที่กำลังกำชายกระโปรงของตัวเองชะงักไป พร้อมกับแก้มที่แดงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ที่แท้องค์รัชทายาทยังไม่ได้อภิเษกสมรส…
เหตุใดชายหนุ่มที่ทั้งอ่อนโยนและสง่างาม พร้อมด้วยความสามารถทั้งบู๊และบุ๋นเช่นนี้ถึงยังครองตัวเป็นโสด…
“อ้าว ทำไมพวกเขาถึงพากันออกไปจากร้านแล้วล่ะ?” ดวงตาของเซียวถังถังเบิกกว้างพร้อมกับที่นางคว้าแขนเสื้อของศิษย์น้อง “หวานหว่าน แอบตามพวกเขาไปกันเถอะ!”
เด็กหญิงที่ไม่ทันตั้งตัวก็เซไปมาในขณะที่ถูกลากออกไป “ศิษย์พี่รอง ช้า ๆ หน่อย หากท่านอ๋องรู้เข้า ท่านจะโดนดุอีกแน่”
“ปล่อยให้เขาดุข้าเถอะ ทำไมข้าจะต้องกลัวว่าเขาจะดุข้าด้วย?” เซียวถังถังพูดอย่างไม่เกรงกลัวขณะเดินตามเซียวถังอี้กับมู่ไป๋ไป่ไปเรื่อย ๆ
“อีกอย่าง คราวนี้เป็นเขาที่ควรรู้สึกผิด ทำไมข้าต้องกลัวด้วย!”
พอหญิงสาวพูดจบ จู่ ๆ นางก็รู้สึกเจ็บที่ไหล “โอ๊ย!”
“ศิษย์พี่รอง ท่านเป็นอะไรไป?” อวี้หวานหว่านตกใจกับเสียงร้องของอีกฝ่ายจึงถามขึ้นอย่างเป็นกังวล
“ข้า… ข้า… ข้าเจ็บไหล่” เซียวถังถังยืนในท่าที่แปลกประหลาดในขณะที่ใบหน้ายับย่น
“ท่านเจ็บไหล่หรือ?” เมื่ออวี้หวานหว่านได้ยินศิษย์พี่รองพูดเช่นนั้น นางก็รีบคว้าข้อมือของคนตรงหน้ามาตรวจชีพจร ในไม่ช้านางก็พบว่าแขนขาของอีกฝ่ายแข็งทื่อไปแล้ว “ศิษย์พี่รอง ท่านช่วยขยับตัวเล็กน้อยได้หรือไม่…”
เซียวถังถังได้แต่ยืนน้ำตาคลอเบ้า “ข้าขยับตัวไม่ได้ ข้าถูกสกัดจุด! ใครกันที่กล้ามาสกัดจุดข้ากลางถนน?”
“อย่าให้ข้าจับได้นะ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้!”
“เจ้าบอกว่าใครจะต้องชดใช้นะ?” ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เดินเข้ามาใกล้ เธอก็ได้ยินศิษย์น้องจอมป่วนบ่นพึมพำไม่หยุด
เจ้าเด็กนี่ กลางค่ำกลางคืนไม่ยอมนอน แต่กลับมาแอบเดินตามเธอกับพี่ชายนาง
“ศิษย์พี่ใหญ่!” อวี้หวานหว่านตกตะลึงเมื่อเห็นมู่ไป๋ไป่กับเซียวถังอี้เดินเข้ามาใกล้ แล้วนางก็ไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังศิษย์พี่รองโดยไม่รู้ตัว
พอเซียวถังถังสบตากับพี่ชายตัวเอง นางก็รู้ว่าใครเป็นคนสกัดจุดตน ส่งผลให้ท่าทีเกรี้ยวกราดก่อนหน้านี้เปลี่ยนกลายเป็นสงบเสงี่ยม
“แหะ ๆๆ… ช่างบังเอิญยิ่งนัก”
“เอ่อ พอดีข้ากับหวานหว่านนอนไม่หลับ เราก็เลยตัดสินใจออกมาเดินเล่น ข้าไม่คิดเลยว่าจะเจอพวกท่านที่นี่ ไป๋ไป่ ท่านนี่ก็เหลือเกิน พอออกจากวังหลวงทำไมถึงไม่มาหาข้ากับหวานหว่าน แต่มาหา—”
ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดจบ เซียวถังอี้ก็พูดขัดขึ้นมาว่า “เจ้าตามเรามาทำไม?”
เขาสังเกตเห็นนานแล้วว่าเซียวถังถังกับอวี้หวานหว่านกำลังซ่อนตัวเฝ้าดูพวกเขาอยู่ไม่ไกล แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อเปิดโปงทั้ง 2
ตอนนี้เขากำลังจะกลับไปที่วังหลวงพร้อมกับมู่ไป๋ไป่เพื่อสืบหาความจริง แต่ 2 คนนี้กลับตามพวกเขามาอีก ดังนั้นเขาจึงได้ลงมือสกัดจุดน้องสาวเพื่อป้องกันไม่ให้นางก่อเรื่องวุ่นวาย
“ตามหรือ? ใครตามท่าน?” ดวงตาของเซียวถังถังเบิกกว้างในขณะที่นางปฏิเสธไม่ยอมรับ “ท่านพี่ ท่านคิดจะทำอะไรซี้ซั้วก็ได้ แต่ท่านจะมาพูดซี้ซั้วไม่ได้นะ เมืองหลวงจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็เล็กมาก ท่านจะบอกว่าทุกคนที่ท่านเจอในระหว่างทางคอยติดตามท่านมาหรืออย่างไร!”
“เอ่อ ไป๋ไป่ ท่านช่วยคลายจุดให้ข้าได้หรือไม่ มันเจ็บมาก”
เซียวถังถังรู้ดีว่าควรขอร้องใคร นางจึงหันไปส่งสายตาอ้อนวอนศิษย์พี่ใหญ่
มู่ไป๋ไป่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะปฏิเสธอีกฝ่าย “ไม่ ถ้าตอนนี้ข้าคลายจุดให้เจ้า เจ้าจะต้องหาวิธีตามข้ามาแน่นอน”
เธอกับเซียวถังอี้กำลังจะไปที่จวนของลี่เฟย ปัจจุบันสถานการณ์ในนั้นยังไม่แน่ชัด ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถพาเซียวถังถังกับอวี้หวานหว่านไปกับเธอได้ หากเกิดเรื่องไม่ดีหรือถูกจับได้ ทั้งคู่จะตกอยู่ในอันตราย
“ไป๋ไป่!” คนเป็นศิษย์น้องเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อที่ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ยอมช่วยตน “ทำไมท่านถึงโหดร้ายเหมือนกับท่านพี่ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะเป็นสหายกันไปตลอดชีวิต!”
“ตอนนี้ท่านมีพี่ชายของข้าแล้ว ท่านไม่ต้องการข้าที่เป็นสหายของท่านอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่ ท่านเห็นผู้ชายดีกว่ามิตรภาพ!”
“ไม่ใช่!” มู่ไป๋ไป่ยกมือขึ้นปิดปากของเซียวถังถังเอาไว้แน่นพร้อมกับถลึงตาใส่นาง “ถ้าเจ้ายังพูดจาเหลวไหลอีก ระวังเอาไว้ให้ดี ท่านพี่ของเจ้าจะให้เจ้ายืนอยู่กลางถนนจนถึงเช้าพรุ่งนี้แน่”
“...” ฝ่ายที่ได้รับคำขู่หุบปากทันที
ซึ่งเหตุผลนั้นไม่มีอะไรมาก นั่นก็คือเซียวถังอี้เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน
ตอนที่นางยังเด็ก นางซนมากจนไปแอบปีนต้นไม้กับเด็กผู้ชายเพื่อขโมยรังนก ด้วยความที่ไม่ระวังตัวจึงทำให้นางตกลงมาขาหัก
เพื่อสั่งสอนให้นางหลาบจำ เซียวถังอี้จึงให้นางยืนคาบไม้อยู่ในสวนตลอดทั้งคืนโดยไม่อนุญาตให้ขยับตัวไปไหน
จนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่หญิงสาวเห็นต้นไม้ นางก็จะหวนคิดถึงค่ำคืนอันแสนทรมานนั้น
เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นว่าเซียวถังถังสงบลงแล้ว เธอก็คลายมือออกก่อนจะบอกอวี้หวานหว่านว่า “จุดที่ถูกสกัดจะคลายออกภายใน 1 เค่อ ทันทีที่คลายจุดแล้ว พวกเจ้าทั้ง 2 ก็รีบกลับไปยังตำหนักอ๋องเซียวทันที เข้าใจหรือไม่?”
“พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงฉลองในวัง ข้าจะให้จื่อเฟิงไปรับพวกเจ้าที่ตำหนัก”
เมื่ออวี้หวานหว่านได้ยินว่านางจะต้องเข้าวังพรุ่งนี้ ดวงตาของนางก็เป็นประกายสดใสทันตาเห็น “ศิษย์พี่ใหญ่อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ ข้าจะคอยจับตาดูศิษย์พี่รองให้ดีแล้วรอพี่จื่อเฟิงมารับในวันพรุ่งนี้”
เซียวถังถังเม้มปากแน่น แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำกับตัวเอง “เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าคอยจับตาดูข้า ข้าไม่ต้องให้นางมาคอยดูหรอก…”
“ถังถัง ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ปกติ เจ้าอย่าเพิ่งก่อเรื่องวุ่นวาย” มู่ไป๋ไป่ถอนหายใจในขณะที่มองศิษย์น้องจอมวุ่นวาย แล้วเธอก็กำชับอีกฝ่าย 2-3 ประโยคก่อนจะออกเดินไปพร้อมกับเซียวถังอี้เพื่อมุ่งหน้าสู่วังหลวง
ทางด้านเซียวถังถังมองดูแผ่นหลังของทั้งคู่จนกระทั่งหายไปสุดปลายถนน จากที่นางรู้สึกหดหู่ก็ดูเหมือนจะหายไปทันควัน
หลังจากที่เซียวถังอี้กับมู่ไป๋ไป่เข้าไปในวังหลวงแล้ว ทั้ง 2 ก็มุ่งตรงไปที่ตำหนักตี้เฉิน
ก่อนหน้านี้หญิงสาวได้ตรวจสอบกล่องที่มีกลิ่นเหม็นโชยออกมาและขอให้ชายหนุ่มพาไปยังสถานที่ที่พบกล่องนั้น
ส่วนเซียวถังอี้กำลังจะกลับไปที่ตำหนักเพื่อสอบสวนทหารรักษาพระองค์ต่อไป เขาจึงเสนอตัวว่าเขาจะไปกับมู่ไป๋ไป่ด้วย
“ตรงนี้” ในค่ำคืนที่มืดมิดอาศัยเพียงแสงจันทร์ส่องนำทาง ร่างสูงได้ชี้ไปยังมุมลับในสวนหลังตำหนักตี้เฉิน “คนของข้าขุดกล่องนี้ขึ้นมาจากจุดนี้”
“เพื่อไม่ให้ศัตรูรู้ตัว เราจึงได้หากล่องที่มีลักษณะคล้ายกันมาวางแทนกล่องเก่า”
มู่ไป๋ไป่ย่อตัวลงมองดูบนพื้นดินอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกล่าวว่า “ดินนี้ก็มีกลิ่นเหมือนกัน…”
และกลิ่นก็ไม่ได้รุนแรงน้อยไปกว่ากล่องที่ถูกขุดออกมาเลย
เซียวถังอี้ได้ยินดังนั้นจึงย่อตัวลงพยายามสูดดม แต่เขาก็ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 143
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น