บทที่ 237: คุยกันตรงจุดเริ่มต้น
ไม่ว่ามู่ไป๋ไป่จะพยายามโน้มน้าวซูหว่านด้วยอะไร นางก็ยังยืนยันว่านางเป็นคนผลักลี่เฟยซึ่งมันทำให้มู่ไป๋ไป่ปวดหัวมากยิ่งขึ้น
“เซียวเซียว เจ้าคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร?” คนตัวเล็กกลับมาที่ห้องของตัวเองพร้อมกับรู้สึกว่าทุกอย่างมันแปลกประหลาดไปหมด “เจ้าคิดว่าท่านแม่ของข้าผลักลี่เฟยจริง ๆ หรือ?”
“ย่อมเป็นไปไม่ได้เพคะ!” หลัวเซียวเซียวส่ายหัวตอบโดยไม่ต้องคิด “ทุกคนรู้ดีว่าหว่านผินเป็นคนเช่นไร เป็นไปไม่ได้เลยที่พระสนมจะทำเช่นนั้น”
“ในทางกลับกัน แม้ว่าหว่านผินจะผลักลี่เฟยจริง ๆ แต่มันก็ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง”
มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วขณะนั่งเงยหน้ามองเพดานอยู่บนเตียง ยามนี้ในสมองของเธอเต็มไปด้วยเรื่องของลี่เฟยกับซูหว่าน
“อ้าว นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ?” เจ้าส้มที่โผล่มาจากที่ใดสักแห่งกระโดดขึ้นไปบนตักของคนตัวเล็ก “เจ้ารอข้าอยู่หรือ ข้าไม่ได้บอกเจ้าไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วหรือว่าคืนนี้ข้าจะไปดื่มกับเจ้าเสือในกรง แล้วจะกลับดึก…”
ขณะที่มันพูด มันก็ส่งเสียงเรอจนทำให้กลิ่นสุราฟุ้งกระจายไปทั่ว
“เจ้ามันก็รู้จักแต่กินกับดื่ม” มู่ไป๋ไป่คว้าตัวแมวอ้วนขึ้นมาแล้วพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ตั้งแต่ที่เรากลับมาถึงวังหลวง ข้ารู้สึกว่าเจ้าแทบจะไปนอนเฝ้าอยู่ในห้องเก็บสุราแล้ว”
“เจ้าส้ม ทำไมเจ้าถึงได้เป็นอย่างนี้!”
“อ่า ก็ในวังหลวงมันไม่มีอะไรทำนี่” เจ้าส้มโบกขาหน้าพลางพูดด้วยน้ำเสียงเมามายว่า “แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ดื่มบ้างล่ะ?”
“ข้าคิดว่าที่ชายแดนมีอะไรน่าสนใจกว่านี้อีก”
“เจ้าว่างมากหรือ?” เด็กหญิงจิ้มพุงอ้วน ๆ ของอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยวและพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าลี่เฟยตกเลือดจนสูญเสียบุตร? และนางก็ใส่ร้ายท่านแม่ของข้าโดยป่าวประกาศบอกทุกคนว่าท่านแม่เป็นคนผลักนาง!”
เจ้าส้มนิ่งอึ้งไปสักพัก จากนั้นสติของมันก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นมา 3 ส่วน “มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ?”
“ทำไมข้าต้องโกหกเจ้าด้วย! นอกจากนี้ ตอนที่เกิดเรื่องมีคนอยู่ในอุทยานหลวงเพียงแค่ 2 คนก็คือท่านแม่กับลี่เฟย ข้าไปถามท่านแม่มาแล้ว แต่นางก็ไม่ยอมบอกความจริงกับข้า นางทำให้ข้ากังวลมาก เจ้ารีบช่วยข้าคิดหาทางแก้ปัญหานี้ซิ!” มู่ไป๋ไป่พูดพร้อมกับเขย่าเจ้าก้อนไขมันตรงหน้า
ส่งผลให้เจ้าส้มหัวสั่นหัวคลอนขณะที่มันร้องห้ามอีกฝ่าย “เจ้าอย่าเขย่าข้าแรงสิ สุราที่ข้าเพิ่งดื่มเข้าไปจะพุ่งออกมาแล้วเนี่ย”
“องค์หญิงหก พระองค์วางเจ้าส้มลงก่อนเถิดเพคะ” หลัวเซียวเซียวเห็นสีหน้าสิ้นหวังของแมวอ้วนจึงรีบเข้าไปเกลี้ยกล่อมมู่ไป๋ไป่ “องค์หญิง ก่อนหน้านี้พระองค์บอกว่าต้องการสอบถามนางกำนัลที่อยู่ข้างกายหว่านผินในวันนี้ไม่ใช่หรือเพคะ?”
“จริงสิ” คนตัวเล็กวางเจ้าส้มลงแล้วเอ่ยปากว่า “ก่อนอื่นเราต้องไปถามนางกำนัลที่ติดตามท่านแม่ของข้า แล้วหาคำตอบว่าทำไมในอุทยานหลวงถึงเหลือเพียงท่านแม่กับลี่เฟย 2 คน”
เนื่องจากมีเรื่องเกิดขึ้นกับลี่เฟย นางกำนัลและขันทีที่รับใช้หว่านผินในปัจจุบันจึงถูกควบคุมตัวเอาไว้เช่นกัน
ซึ่งมันเป็นเวลาดึกมากแล้วที่มู่ไป๋ไป่มาพบกับคนพวกนี้ ทันทีที่นางกำนัลและขันทีเห็นเด็กหญิงตัวน้อย พวกเขาก็รีบคุกเข่าลงร้องขอความเมตตา
“องค์หญิงหก โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย พวกเราถอยออกไปตามคำสั่งของหว่านผินเท่านั้น พวกเราออกไปโดยพลการ”
“ใช่ องค์หญิงหก หม่อมฉันอยู่ข้างกายหว่านผินมานานหลายปีแล้ว หม่อมฉันไม่มีทางละทิ้งผู้เป็นนายอย่างแน่นอน”
มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วมองไปที่นางกำนัลและขันทีที่คุกเข่าต่อหน้า “ ใครบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อทำโทษพวกเจ้า”
เหล่านางกำนัลและขันทีซึ่งกำลังร้องขอความเมตตาเมื่อสักครู่นี้หันมามองหน้ากันด้วยสายตาเหลือเชื่อ แล้วพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเด็กหญิงด้วยความสับสน “องค์หญิงหกมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อลงโทษพวกเราหรือ?”
“ถ้าพวกเจ้าอยากถูกลงโทษ เช่นนั้นข้าขอทำความเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่จะลงโทษพวกเจ้า” มู่ไป๋ไป่นั่งลงบนเก้าอี้ที่หลัวเซียวเซียวยกมา และเชิดคางขึ้นพูด “พวกเจ้าเล่าเรื่องมาทีละคน โดยเริ่มจากพฤติกรรมของท่านแม่ของข้า เรามาเริ่มไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอุทยานหลวงกันเถอะ…”
…
ขณะเดียวกัน ณ ตำหนักอีกแห่งหนึ่ง
เซียวถังอี้ผลักประตูห้องเข้าไปก่อนที่ความอุ่นจะปะทะเข้ามาที่ใบหน้าของเขา
ภายในห้องโถงยังสว่างไสวด้วยแสงเทียนและเงียบสงบเหมือนตอนที่เขาออกไป
ดวงตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีเงินกวาดมองไปทั่วห้อง ในที่สุดก็มาหยุดอยู่บนตั่งซึ่งควรจะมีคนนอนอยู่
“คนหายไปไหน?” เซียวถังอี้ถามคนที่เฝ้าประตูอยู่ไม่ไกล “นางกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตอบนายท่าน องค์หญิงเสด็จกลับไปเมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้วขอรับ” ชิงหานปรากฏตัวออกมาจากมุมมืด เขาคุกเข่าลงตรงหน้าอีกฝ่ายแล้วรายงานสถานการณ์ว่า “มีคนจากตำหนักอิ๋งชุนมาเรียก…”
“นายท่าน ที่ตำหนักอิ๋งชุนเกิดเรื่องขึ้นแล้วขอรับ”
“หว่านผินหรือ?” เซียวถังอี้หยิบสุราอุ่น ๆ ขึ้นมาจิบ ในขณะที่ใบหน้าเย็นชาของเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อ 1 ชั่วยามที่แล้ว จู่ ๆ มู่เทียนฉงก็ส่งคนมาเรียกเขาให้ไปพบเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ
และการหารือก็ดำเนินมาจนถึงขณะนี้ หลังออกจากห้องทรงพระอักษรของฝ่าบาท เขาก็ตรงกลับมาที่ตำหนักของเขา นั่นจึงทำให้เขาไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในวังหลวง
“มีคนบอกว่าวันนี้หว่านผินมีความขัดแย้งกับลี่เฟยในอุทยานหลวง…” ชิงหานพูดขึ้นมาอย่างลังเลแต่ก็เล่าทุกอย่างคร่าว ๆ ตามที่เขาได้ยินมา “หว่านผินผลักลี่เฟย จึงเป็นเหตุให้… ลี่เฟยสูญเสียบุตรขอรับ”
เซียวถังอี้ชะงักมือที่กำลังถือจอกสุรา ก่อนจะหันมาถามว่า “แล้วตอนนั้นพวกนางกำนัลอยู่ที่ไหนกันหมด ทำไมถึงไม่มีใครเข้าไปขวางพวกนาง?”
ชิงหานส่ายหัวแล้วตอบว่า “ตามที่ข้าน้อยได้ยินมา ตอนที่เกิดเรื่องในอุทยานหลวงมีเพียงหว่านผินกับลี่เฟย 2 คนเท่านั้นขอรับ”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ตัวเขานั้นไม่ได้กลับมาที่วังหลวงนานมากแล้ว และเขาก็ไม่เคยได้ยินข่าวว่าลี่เฟยตั้งครรภ์เลยสักครั้ง
ดูเหมือนว่าลี่เฟยจะจงใจปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ หรือไม่ลี่เฟยเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน
ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะเป็นอย่างไร หว่านผินก็ไม่มีความผิด เพราะคนไม่รู้ย่อมไม่ผิด
แต่เรื่องดันมาเกิดขึ้นในวันนี้…
จากนั้นเซียวถังอี้ก็นึกถึงสิ่งที่เขาได้ยินมู่เทียนฉงตรัสในวันนี้ ทำให้มีแสงเย็นเยียบแล่นผ่านดวงตาของเขา
“ตอนนี้มู่ไป๋ไป่อยู่ที่ไหน?” เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว “เจ้ามุ่งหน้าไปยังตำหนักลี่เฟยเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ แล้วก็ไปตรวจสอบอุทยานหลวง”
ชิงหานเหลือบมองเจ้านายด้วยสายตาประหลาดใจ ในขณะที่เขากล่าวว่า “องค์หญิงหกได้ไปยังสถานที่ทั้ง 2 แห่งแล้วขอรับ ตอนนี้พระนางอยู่ที่ตำหนักอิ๋งชุนเพื่อสอบถามนางกำนัลและขันทีที่ติดตามหว่านผินในวันนี้”
“เข้าใจแล้ว” เซียวถังอี้พูดจบแล้วก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคา “ข้าจะไปดูนางสักหน่อย เจ้าไม่ต้องตามมา”
สิ้นเสียงพูด เด็กหนุ่มก็หายตัวไปท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำคืน
…
อีกด้านหนึ่ง มู่ไป๋ไป่กำลังสอบถามเหล่านางกำนัลและขันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วเธอก็ได้รู้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้หว่านผินอารมณ์ไม่ดี ตอนกลางคืนก็ฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง
วันนี้จู่ ๆ นางก็อยากไปเดินเล่นในอุทยานหลวง และบังเอิญพบกับลี่เฟยระหว่างทาง
แม้ว่าลี่เฟยจะไม่ได้รับความโปรดปรานเหมือนแต่ก่อน ทว่าเนื้อแท้ของนางก็เป็นคนที่เอาแต่ใจและเย่อหยิ่งอยู่แล้ว ดังนั้นพอพบหน้ากัน นางก็ดูถูกถากถางหว่านผินไม่หยุดหย่อน
ถ้าเป็นในอดีต ซูหว่านคงจะเพิกเฉยต่อคำว่าร้ายของอีกฝ่าย แต่วันนี้นางกลับขับไล่นางกำนัลและขันทีที่ติดตามมาออกไป
ต่อมา ตอนที่นางกำนัลกับขันทีได้ยินเสียงดัง พวกเขาก็รีบวิ่งไปยังที่เกิดเหตุแล้วพบว่าลี่เฟยนอนอยู่บนพื้นโดยมีเลือดโชกตรงบริเวณร่างกายส่วนล่าง
“องค์หญิงหก นี่คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพคะ” นางกำนัลมองมู่ไป๋ไป่ด้วยสายตาระมัดระวัง “หม่อมฉันไม่กล้าโกหกพระองค์เพคะ”
“เจ้าบอกว่าท่านแม่อารมณ์ไม่ดีแล้วฝันร้ายบ่อย ๆ เรื่องนี้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เด็กหญิงขมวดคิ้วถาม
ตั้งแต่ที่เธอกลับมายังวังหลวง เธอมุ่งความสนใจไปกับการหาความสุขให้กับตัวเองเท่านั้น จึงไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีแปลกไปของซูหว่าน
หากเธอสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้และใส่ใจผู้เป็นแม่ให้มากขึ้น บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อาจจะไม่เกิดก็เป็นได้
“เอ่อ… เป็นมาหลายเดือนแล้วเพคะ” นางกำนัลนับนิ้วก่อนจะตอบ “ไม่นานหลังจากที่พระองค์เดินทางไปยังชายแดน น่าจะตอนที่หว่านผินกลับมาจากวัดฮู่กั๋วเพคะ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 91
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น