บทที่ 139 การคาดเดาจากหลายฝ่าย
บทที่ 139 การคาดเดาจากหลายฝ่าย
หลังจากกลับมาตั้งสติได้หัวหน้ากิลด์ใหญ่ทุกกิลด์ต่างก็แสดงสีหน้าออกมาอย่างโกรธเคือง เพราะถ้าหากลู่หยางหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาได้จริง ๆ ในเวลานั้นทุกคนก็คงจะเสียหน้าอย่างมาก
“ตามมันไป” ฉงป้าตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวโกรธ ลูกน้องของเขาจึงรีบพุ่งเข้าไปภายในพระราชวังทันที
“ล้อมวังเอาไว้แล้วฆ่ามันให้ได้!” บลัดไทแรนท์ตะโกนพร้อมกับชูดาบยาวภายในมือ
“มันเพิ่งถูกโจมตีอย่างน้อยภายใน 2 นาทีนี้ มันไม่สามารถใช้คัมภีร์ย้อนกลับได้” แบล็คบลัดตะโกนสั่งการลูกน้องที่วิ่งมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำ
…
ชั่วขณะนั้นหัวหน้ากิลด์ใหญ่ต่างก็ล้วนแล้วแต่ออกคำสั่งให้ลูกน้องพุ่งเข้าไปในวังหลวง
ประตูหลักของวังหลวงสามารถให้อัศวินเกราะหนักเดินเรียงผ่านกันได้นับ 50 คน ถ้าผู้เล่นไม่ได้มีสัตว์ขี่พวกเขาก็สามารถเดินเรียงกันได้มากกว่า 80 คน แต่ในคราวนี้มันได้มีผู้เล่นหลายหมื่นคนกรูเข้าไปภายในพระราชวังพร้อมกัน มันจึงทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเกิดการแออัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“หลบไปอย่ามาขวาง”
“ฉันคือคนของกิลด์ดาร์กซอร์ด พวกแกรีบไสหัวไปให้หมด!”
…
เมื่อลู่หยางได้ยินเสียงโวยวายตรงบริเวณประตูวัง เขาก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก ตามกฎของเกมหลังจากผู้เล่นถูกโจมตีภายใน 2 นาทีพวกเขาจะไม่สามารถใช้คัมภีร์ย้อนกลับได้ และนี่ก็คือเหตุผลที่ทุกคนยังคงไล่ล่าเขาต่อไป แต่คนพวกนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคาถาย้อนกลับไปยังวิหารเทพอสูรไม่ได้ถูกจำกัดด้วยกฎข้อนี้เลย
ตำแหน่งของลู่หยางในปัจจุบันคือสวนของวังหลวงอยู่ห่างจากประตูหลักมากกว่า 200 เมตร ระยะทางเพียงแค่นี้มากเพียงพอที่จะทำให้เขาท่องคาถาได้แล้ว แต่สถานที่แห่งนี้มันยังไม่ปลอดภัย ชายหนุ่มจึงวิ่งเข้าไปยังหอคอยทางด้านข้างของวังหลวงก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดเวียนไปทางด้านบนอย่างรวดเร็ว
เมื่อคูลดาวน์ของมีดเอสเคพเดจเจอร์มาถึงเขาก็ขว้างมีดขึ้นไปทางด้านบนอย่างแรง ซึ่งหลังจากที่มีดลอยขึ้นไปได้ 30 เมตรร่างของเขาก็กลายเป็นแสงสีฟ้าไปปรากฏตัวทางด้านบน จากนั้นนักเวทหนุ่มก็ใช้สกิลแฟลชเพื่อกระโดดสูงขึ้นไปบนบันไดอีก 30 เมตร
“เทพแห่งเพลิงผู้ยิ่งใหญ่…”
ลู่หยางเริ่มท่องคาถาเพื่อกลับไปยังวิหารเทพอสูร ซึ่งหลังจากที่เขาท่องคาถาไปได้ 2 นาที ผู้เล่นจำนวนมากก็เพิ่งจะวิ่งเข้ามาผ่านทางประตูวัง
เมื่อเขาท่องคาถาได้ 4 วินาที ผู้เล่นที่พุ่งเข้ามาภายในวังก็กำลังมองหาพื้นที่บริเวณโดยรอบอย่างสับสน
หลังเขาท่องคาถาได้ 5 วินาทีครบกำหนด ร่างของชายหนุ่มก็กลายเป็นแสงสีแดงหายตัวไป ขณะที่ผู้เล่นทั้งหลายยังไม่เห็นแม้แต่เงาของลู่หยางด้วยซ้ำ
“มันอยู่ไหน?”
“มันหนีไปไหนแล้ว?”
ผู้เล่นอิสระกระจายกันค้นหาอย่างไร้ระเบียบ แต่เมื่อผู้เล่นของกิลด์ใหญ่วิ่งเข้ามาหัวหน้าทีมของพวกเขาก็เริ่มตะโกนสั่งการว่า
“กระจายกันค้นหาทั่วทั้งวัง พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ตอนนี้คนคนนั้นอาจจะเปลี่ยนร่างกลับมาเป็นมนุษย์ ถ้าเจอใครน่าสงสัยให้ฆ่ามันทิ้งเลย ไม่ต้องเสียเวลาถาม”
“ครับ” สมาชิกกิลด์จำนวนมากตอบรับก่อนที่ผู้เล่นจำนวนหลายหมื่นคนจะเริ่มกระจายออกไปค้นหาทั่วทั้งวังพร้อมกัน
ไม่นานฉงป้า, ฉือมู่, บลัดไทแรนท์, แบล็คบลัดและหัวหน้ากิลด์ใหญ่คนอื่น ๆ ก็มาถึงประตูวัง
“เกิน 2 นาทีแล้ว เขาคนนั้นคงจะใช้คัมภีร์หนีไปแล้วแน่ ๆ” ฉงป้ากล่าวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ขายหน้าจริง ๆ ถึงพวกเราจะร่วมมือกันพร้อมกับผู้เล่นอิสระอีกหลายหมื่นคน แต่เราก็ยังจับก็อบลินตัวเดียวไม่ได้” ฉือมู่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“อย่าให้ฉันรู้นะว่ามันเป็นใคร ไม่งั้นฉันจะฆ่ามันให้ตายซ้ำ ๆ ให้ดู” บลัดไทแรนท์พูดอย่างเกรี้ยวโกรธ
“แต่เรื่องนี้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ” ฉือมู่กล่าว
“ดียังไง?” หัวหน้ากิลด์ทุกคนต่างก็หันไปมองฉือมู่พร้อมกัน
ชายชราเผยรอยยิ้มและพูดว่า “แม้ผู้เล่นคนนี้จะแย่งอุปกรณ์ไปต่อหน้าเราได้สำเร็จ แต่เราก็เห็นวิธีการเคลื่อนไหวของเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้มีดพิเศษเล่มนั้น, การจับจังหวะหรือการใช้สกิลแฟลช 2 ครั้งนอกกำแพงวังอย่างแม่นยำ การเคลื่อนไหวเหล่านี้ต่างล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการที่พวกเราสมควรจะเรียนรู้”
ฉงป้าพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะพูดว่า “ใช่ ถ้าลูกน้องของเรามีฝีมือแบบนี้การเคลียร์ดันเจียนก็คงจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าเดิมมาก”
“แยกย้ายกันเถอะ” ฉือมู่กล่าวก่อนจะพาลูกน้องของเขาเดินจากไป
ฉงป้าเดินตามหลังจากไปด้วยเช่นกัน
บลัดไทแรนท์กับแบล็คบลัดยังคงไม่ยอมแพ้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าถึงจะค้นหาต่อไปมันก็ไม่มีความหมายต่างคนจึงต่างพาลูกน้องกลับไปทำธุระของตัวเอง
ผู้เล่นอิสระก็ทยอยแยกย้ายจากกันไปทำให้ในเวลาเพียงแค่ไม่นานวังหลวงก็กลับสู่ความเงียบสงบเหมือนเดิม
—
ระหว่างเดินทางกลับบลัดไทแรนท์สังเกตเห็นเย่กู่ซิงขมวดคิ้วตลอดเวลา เขาจึงถามออกไปว่า
“มีอะไร?”
เย่กู่ซิงคิดอยู่นานกว่าจะพูดว่า “หัวหน้า ผมคิดว่าก็อบลินนั่นอาจจะเป็นลู่หยางแปลงร่างมา”
“อะไรนะ?! นายมั่นใจได้ยังไง?” บลัดไทแรนท์ถาม
“มันก็แค่ความรู้สึก ตอนที่ผมหายตัวเข้าไปและถูกก็อบลินนั่นใช้รีซิสท์ไฟร์ริงดีดออกมา ระยะที่ถูกมันดีดเกือบจะเท่ากับตอนที่ผมถูกลู่หยางดีดออกมาในครั้งก่อนเลย”
“ดี! ดีมาก!! ผู้เล่นอิสระคนเดียวกลับกล้าต่อต้านฉันอย่างเปิดเผยแบบนี้ ฉันจะทำให้มันได้รู้เองว่าสิ่งที่มันต้องเจอคืออะไร” บลัดไทแรนท์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“หัวหน้าจะประกาศค่าหัวในช่องแชทโลกเหรอครับ? ถ้าเป็นแบบนั้นผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์คงจะช่วยไล่ล่ามันจนตายแน่ ๆ” เย่กู่ซิงกล่าวอย่างตื่นเต้น
“นายอยากให้กิลด์ของเรากลายเป็นตัวตลกหรือยังไง” บลัดไทแรนท์ตวาดอย่างไม่พอใจ
“ทำไมล่ะครับ?” เย่กู่ซิงถามอย่างไม่เข้าใจ
“ข้อแรกเราไม่มีหลักฐานว่าก็อบลินนั่นคือลู่หยางแปลงร่างมา ข้อสองด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเรากับมัน ถึงฉันจะบอกว่ามันคือการคาดเดาของนายแต่ผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์จะคิดยังไง พวกมันคงคิดว่าฉันเป็นหัวหน้ากิลด์ใหญ่ที่ทำอะไรลู่หยางไม่ได้เลยหาข้ออ้างอื่นมาจัดการกับมันแทน ถึงตอนนั้นแม้ว่ามันจะเป็นคนที่ปลอมตัวมาจริง ๆ แต่คนที่เสียหน้ามากที่สุดก็คือฉัน” บลัดไทแรนท์อธิบาย
เย่กู่ซิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“ส่งสายลับไปในเมืองให้มากขึ้น ฉันไม่เชื่อว่าลู่หยางจะไม่กลับมาในเมืองเซนต์กอลล์ ช่วงนี้นายก็รีบพาลูกน้องออกไปเก็บเลเวล ระหว่างนั้นก็ให้ฝึกเทคนิคการต่อสู้ให้ดี ๆ ทุกคนไม่จำเป็นจะต้องเก่งกว่าลู่หยางในทันที แต่อย่างน้อยจะต้องมีความสามารถประมาณ 70% จากความสามารถของมัน” บลัดไทแรนท์สั่ง
“วางใจผมได้เลยหัวหน้า ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
—
อีกด้านหนึ่ง
ฉือมู่กำลังนำลูกน้องเดินกลับไปอย่างช้า ๆ และเมื่อเดินทางมาจนถึงหน้าร้านค้าประมูล ชายชราก็อดที่จะหัวเราะลั่นขึ้นมาไม่ได้
ชิงเฟิงรอให้ฉือมู่หัวเราะจนจบก่อนจะถามว่า
“หัวหน้าหัวเราะอะไรเหรอครับ?”
ฉือมู่ตบไหล่ชิงเฟิงเบา ๆ แล้วพูดว่า
“ฉันรู้แล้วว่าก็อบลินนั่นคือใคร”
“ใครครับ?”
“ลู่หยาง” ฉือมู่เลือกที่จะส่งข้อความตอบโดยไม่พูดออกมา
“หา?! นั่นสินะพอหัวหน้าพูดขึ้นมาผมก็เพิ่งนึกได้ว่าวิธีการเคลื่อนไหวนั่นมันเหมือนกับเขาจริง ๆ” ชิงเฟิงกล่าวพร้อมกับเบิกตากว้าง
มีคนดูออก 55555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 48
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น