บทที่ 74 ผูกมิตร
บทที่ 74 ผูกมิตร
สมาชิกในทีมฉิงชางทั้งหมดต่างก็เป็นผู้เล่นฝีมือดี แต่เนื่องมาจากความช่วยเหลือในอดีตพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องคอยติดตามคิลลิ่งสเตปไปโดยตลอด
อย่างไรก็ตามคิลลิ่งสเตปก็ถือว่าเป็นคนตระหนี่นิสัยไม่ดี ฉิงชางจึงทนไม่ไหวนำทีมของตัวเองออกไปจากกิลด์ หลังจากนั้นกิลด์ของคิลลิ่งสเตปจึงพ่ายแพ้อย่างราบคราบ ก่อนที่จะเลิกเล่นเกมนี้ไปอย่างถาวร
เมื่อพวกฉิงชางได้รับอิสรภาพกลับคืนมา กิลด์อื่น ๆ เป็นจำนวนมากก็พยายามชักชวนพวกเขาเข้าไปภายในกิลด์ แต่น่าเสียดายที่บาดแผลภายในอดีตทำให้พวกเขาไม่ต้องการจะเข้าร่วมกับกิลด์ใดอีกเลย
ลู่หยางมีความมั่นใจว่าคนพวกนี้เป็นคนดีอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็ไม่ต้องพูดถึงการที่อีกฝ่ายจะตอบแทนบุญคุณพวกเขาในภายหลัง เพราะแค่นิสัยของพวกฉิงชางมันก็มากพอที่จะทำให้ลู่หยางอยากยื่นมือไปช่วยเหลือพวกเขาแล้ว
“ไม่ต้องถือว่าเป็นบุญคุณอะไรกันหรอก พวกคุณช่วยทนรออีกนิดนึงก็แล้วกัน” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะออกคำสั่งให้ผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ใช้สกิลยั่วยุเข้าใส่ฝูงสุนัขล่าเนื้อโครงกระดูก
เมื่อถูกสกิลยั่วยุฝูงสุนัขโครงกระดูกก็หันมารุมผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ในทันที ซึ่งในระหว่างนั้นลู่หยางก็ร่ายคาถาเรียกนกสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ขึ้นมาเหนือศีรษะ
เฟลมเบิร์ด!
วิหกเพลิงกรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมา 1 ครั้ง ก่อนที่มันจะบินเข้าชนฝูงสุนัขโครงกระดูกที่อยู่ตรงหน้า
-848, -826, -412, -476,...
ตัวเลขความเสียหายลอยขึ้นมาเป็นจำนวนมากจนทำให้พวกฉิงชางที่กอดเสาอยู่ด้านบนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
“นั่นมันเวทมนตร์ธาตุไฟจริง ๆ เหรอ?”
“หรือว่ามันจะเป็นเวทมนตร์ต้องห้าม?”
“หัวหน้า! พวกเราจะต้องเล่นกันคนละเกมกับเขาแน่ ๆ พลังโจมตีของผมแค่ 40 กว่า ๆ แต่เขากลับทำได้มากกว่า 400” เอ็ม 16 กล่าว
“ลองสังเกตให้ดี ๆ เขาไม่ได้ดึงดูดความเกลียดชังจากมอนสเตอร์ไปด้วยซ้ำ” ไนท์มูนกล่าว
ฉิงชางก็สังเกตเห็นจุดนี้ด้วยเช่นกัน เขาจึงพูดออกไปว่า
“บางทีเขาอาจจะมีอุปกรณ์พิเศษอะไรบางอย่างก็ได้มั้ง”
สุนัขล่าเนื้อโครงกระดูกเป็นมอนสเตอร์เลเวล 28 ที่มีพลังชีวิต 4,110 หน่วย ลู่หยางจึงจำเป็นจะต้องปล่อยเฟลมเบิร์ดออกมา 9 ครั้งติดต่อกันกว่าที่จะสังหารพวกมันไปได้ทั้งหมด
ในที่สุดพวกฉิงชางก็ปีนลงมาจากเสาทั้งสามต้น ก่อนที่ทุกคนจะยืนเรียงหน้าอยู่ตรงหน้าลู่หยางพร้อมกัน
“ขอบคุณมาก ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้พวกเราคงต้องตายแน่ ๆ” ฉิงชางพูดแทนสมาชิกภายในทีม
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก มันไม่ได้ลำบากอะไรฉันขนาดนั้น”
“ไม่ได้! คุณช่วยพวกเราเอาไว้ เราจึงรักษาของมีค่าชิ้นหนึ่งเอาไว้ได้ ผมฉิงชางจะจดจำบุญคุณในคราวนี้เอาไว้ชั่วชีวิต ต่อไปหากคุณต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ขอให้บอกพวกเรามาได้เลย” ฉิงชางกล่าวด้วยสีหน้าอันจริงจัง
“หัวหน้า เราจะไปพูดถึงของชิ้นนั้นทำไม?” เหมาชิวกล่าว
“พูด ๆ ไปเถอะเพราะถ้าหากพวกเราตายของชิ้นนั้นก็จะดรอปลงไปกลายเป็นของของเขาอยู่ดี” ฉิงชางกล่าวพร้อมกับยักไหล่ จากนั้นเขาก็หันไปมองที่ลู่หยางอีกครั้ง
“พี่ชาย ว่าแต่คุณชื่ออะไร? พวกเรายังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย”
“ฉันชื่อลู่หยาง”
“ลู่หยาง!?” ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นมาอย่างตกตะลึง
“ลู่หยางที่อยู่อันดับ 1 ของกระดานจัดอันดับคนนั้นน่ะเหรอ?”
“ใช่ ฉันเอง” ลู่หยางกล่าวโดยเขารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าทุกคนน่าจะมีปฏิกิริยาอะไรทำนองนี้
“ผมว่าแล้วว่าทำไมคุณถึงกล้ามาที่นี่คนเดียว ที่แท้คุณก็คืออาจารย์อันดับ 1 ในกระดานจัดอันดับนี่เอง” ไนท์มูนกล่าว
ฉิงชางเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงอันดับ 1 ในตารางจัดอันดับ แล้วเนื่องมาจากพวกเขามีเลเวลเพียงแค่เลเวล 5 ฉิงชางจึงนึกไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะไปช่วยเหลืออะไรลู่หยางได้
ลู่หยางสังเกตเห็นความอึดอัดของอีกฝ่ายได้ในทันที เขาจึงเผยรอยยิ้มและตบไหล่ฉิงชางลงไปเบา ๆ
“ไม่ต้องลำบากใจอะไรไปหรอก คิดซะว่าพวกเรามีวาสนาได้มาเป็นเพื่อนกันก็แล้วกัน”
หลังจากกล่าวจบลู่หยางก็ส่งคำขอเป็นเพื่อนไปให้ฉิงชาง
ในความคิดของฉิงชางเหล่าบรรดาปรมาจารย์สมควรจะมีนิสัยที่เย่อหยิ่ง เพราะนักเล่นเกมมือฉมังที่เขาเคยได้พบในเกมก่อน ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีนิสัยแปลก ๆ กันทั้งนั้น เขาจึงสับสนเมื่อได้เห็นลู่หยางเป็นฝ่ายขอผูกมิตรมาก่อนแบบนี้
ฉิงชางตกลงรับคำขอเป็นเพื่อนก่อนที่เขาจะเริ่มแนะนำพี่น้องให้ลู่หยางรู้จักอีกครั้ง ซึ่งในระหว่างนั้นลู่หยางก็ส่งคำขอเป็นเพื่อนไปให้กับพวกไนท์มูนด้วย
“พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไง?” ลู่หยางถามขณะที่เขานั่งพักฟื้นมานา
เมื่อได้ยินคำถามนี้พวกฉิงชางก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างจนใจ
“คุณอย่าพึ่งถามถึงเรื่องนั้นเลย ลองดูอุปกรณ์ชิ้นนี้ก่อนก็แล้วกัน” ฉิงชางกล่าวพร้อมกับส่งหนังสือสีทองเล่มหนึ่งให้ลู่หยาง
คัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์
เลเวล 10
ตำแหน่ง เครื่องประดับ
พลังป้องกัน 20-20
ความแข็งแกร่ง +10
ความอดทน +10
พลังกาย +10
สติปัญญา +10
รายละเอียด แสงศักดิ์สิทธิ์มอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้ที่เชื่อมั่น เมื่อพกพาคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้คุณจะได้รับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
"คัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์? พวกคุณได้ของชิ้นนี้มาตั้งแต่เลเวล 5 เลยเหรอ” ลู่หยางอุทานอย่างตกใจ
“คุณรู้จักมันเหรอ?” พวกฉิงชางต่างก็มองมาทางลู่หยางเป็นตาเดียว
ชายหนุ่มไม่เพียงแต่รู้จักไอเท็มชิ้นนี้เท่านั้น แต่เขายังรู้จักมันดีมาก ๆ อีกด้วย เพราะท้ายที่สุดคัมภีร์แสงศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงมากในชาติที่แล้ว แล้วมันก็เป็นไอเท็มระดับท็อปที่เป็นรองเพียงแค่อุปกรณ์ระดับเทพอย่างหัวใจแห่งเทพอสูร
“พวกคุณเก็บของชิ้นนี้เอาไว้ให้ดี ๆ อย่าให้คนอื่นนอกจากฉันรู้เรื่องอุปกรณ์นี้อย่างเด็ดขาดและก็อย่าขายมันออกไปให้ใครด้วย” ลู่หยางกล่าวอย่างจริงจัง
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจเมื่อได้เห็นลู่หยางแสดงท่าทีจริงจังออกมามากขนาดนี้
“อาจารย์มันดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉิงชางถามซึ่งแต่เดิมเขาคิดว่ามันเป็นเครื่องประดับที่มีค่าสถานะพอใช้ได้ชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อได้ฟังจากคำพูดของลู่หยางแล้วเขาก็รู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรพิเศษมากกว่านั้นแน่ ๆ
ไนท์มูน, เหมาชิวและคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปทางลู่หยางด้วยเหมือนกัน
“จุดเด่นของอุปกรณ์ชิ้นนี้อยู่ที่คำอธิบายช่วงวรรคแรก” ลู่หยางกล่าว
“แสงศักดิ์สิทธิ์จะมอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับผู้ที่เชื่อมั่น? มันก็เป็นเพียงแค่คำอธิบายธรรมดา ๆ ไม่ใช่เหรอ?” เหมาชิวถามพร้อมกับเกาหัว
“พวกคุณยังไม่เคยไปที่ห้องสมุดของเกมสินะ ภายในห้องสมุดของเกมมีการอธิบายผลของหนังสือเล่มนี้เอาไว้อย่างละเอียด พาลาดินคนไหนที่สวมใส่อุปกรณ์ชิ้นนี้เอาไว้ พวกเขาจะได้รับเอฟเฟกต์เพิ่มเลเวลของสกิลเซคคริฟาย 2 ระดับ
“อะไรนะ! เพิ่มเลเวลสกิลเซคคริฟาย 2 ระดับ!?” ฉิงชางอุทานอย่างตกใจ
เซคคริฟายเป็นสกิลดึงดูดมอนสเตอร์ของพาลาดินที่สร้างความเสียหายได้เพียงแค่ 10 หน่วยต่อวินาทีเท่านั้น และมันยังเป็นความเสียหายเวทมนตร์ที่พวกเขาไม่มีโบนัสเพิ่มความเสียหายใด ๆ ให้กับสกิลนี้ได้เลย อย่างไรก็ตามหากสกิลมีการเพิ่มเลเวล ผลของสกิลก็จะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
โดยปกติผู้เล่นจะเพิ่มเลเวลของสกิลได้ก็ต่อเมื่อเข้าร่วมสถาบันเวทมนตร์เท่านั้น ซึ่งมันมีข้อกำหนดขั้นต่ำว่าผู้เล่นจะต้องมีเลเวล 30 หรือมันก็อาจจะหมายความว่าก่อนผู้เล่นจะมีเลเวลถึง 30 สกิลทุกสกิลจะเป็นสกิลเลเวล 1 ด้วยกันทั้งหมด หากเขาสามารถเพิ่มเลเวลของสกิลได้ตั้งแต่เลเวล 5 มันก็ไม่จำเป็นจะต้องคาดเดาเลยว่าประสิทธิภาพของอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากขนาดไหน
“ใช่ พวกคุณโชคดีมากที่ได้มันมา” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“หัวหน้า ถ้าสกิลเซคคริฟายของคุณมีเลเวลเพิ่มขึ้นมาสองเลเวล แบบนี้มันก็หมายความว่าคุณสามารถสร้างความเสียหายได้สูงกว่าพวกเราแล้วน่ะสิ!” เหมาชิวกล่าว
ฉิงชางมองลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“พี่ชาย ตอนนี้พวกเรามั่นใจแล้วว่าคุณคือคนที่เชื่อใจได้จริง ๆ ถ้าเป็นคนอื่นที่เห็นว่าพวกเรามีอุปกรณ์ดี ๆ แบบนี้ มันก็อย่าว่าแต่พวกเขาจะอธิบายคุณสมบัติของมันให้กับพวกเราฟังเลย คนพวกนั้นคงจะแย่งอุปกรณ์ไปจากเราโดยไม่พูดอะไรด้วยซ้ำ”
ทันใดนั้นพวกไนท์มูนต่างก็มองไปทางลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
จะต้องเป็นการทำดีหวังผลแน่ ๆ (หรือจะเข้าใจผิดลู่หยางในแง่ร้ายเกินไปหน่อยนะ)
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 46
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น