บทที่ 41 ฉันคือลู่หยาง

-A A +A

บทที่ 41 ฉันคือลู่หยาง

บทที่ 41 ฉันคือลู่หยาง

“อะไรนะ?! นายยังจะพาคนอื่นมาอีกงั้นเหรอ” เจิ้งหยวนพูดพร้อมกับเบิกตากว้าง

“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” ลู่หยางถาม

“มันก็มีปัญหาน่ะสิ อุปกรณ์นักเวทพวกเราก็ให้นายไปจนหมดแล้ว ทำไมนายถึงยังจะพาคนมาเพิ่มอีก คิดว่าปาร์ตี้ของพวกเรากำลังรับใช้นายอยู่หรือไง” เจิ้งหยวนพูดพร้อมกับชี้หน้าลู่หยาง

“ใช่ ถ้าไม่ใช่คนสำคัญก็อย่าพามาเลย พวกเรามีกัน 24 คนแล้วไม่ว่าใครก็อยากจะเข้าดันเจียนไปด้วยกันทั้งนั้นแหละ”

“ถึงนายจะเป็นหัวหน้าปาร์ตี้แต่ก็ไม่ควรทำแบบนี้นะ พวกเราต้องการจะเข้าไปเพิ่มเลเวลด้วย”

สมาชิกคนอื่น ๆ ในปาร์ตี้ของเซี่ยหยู่เว่ยเริ่มแสดงความคิดเห็นออกมาในทันที ซึ่งคนเหล่านี้นั่นก็คือคนที่เจิ้งหยวนได้จ้างมา

“พวกคุณจะพูดกันเกินไปแล้วนะ!” ชิงเฟิงกล่าว เพราะว่าเขารู้ฐานะของลู่หยางเป็นอย่างดีและก็รู้ด้วยว่าฉือมู่อยากจะชวนชายคนนี้เข้ากิลด์มากแค่ไหน เมื่อเขาเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่เป็นใจ เขาจึงเริ่มออกหน้าปกป้องลู่หยางในทันที

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ลู่หยางก็ได้ตบไหล่ชิงเฟิงเอาไว้เสียก่อนเป็นเชิงบอกว่าเขายังไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรออกมา

ชิงเฟิงมองลู่หยางอย่างงุนงงและไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงไม่ปล่อยให้เขาออกหน้าพูดต่อไป

“อาจารย์ ถ้าคุณต้องการคน หัวหน้าบอกผมไว้ว่าเขาพร้อมจะส่งปาร์ตี้ฝีมือดีของกิลด์มาช่วยคุณลงปาร์ตี้เมื่อไหร่ก็ได้ ทำไมคุณถึงจะต้องไปให้ความสนใจพวกเขาด้วย” ชิงเฟิงส่งข้อความหาลู่หยางเป็นการส่วนตัว เพราะเขายังไม่อยากเปิดเผยตัวตนว่าแท้จริงแล้วเขาคือรองหัวหน้ากิลด์ของฉือมู่

ความเป็นจริงลู่หยางก็ไม่ได้อยากจะพาพวกเจิ้งหยวนไปลงดันเจียนด้วยเหมือนกัน ซึ่งถ้าหากไม่ใช่เพราะหลานอวี่ ลู่หยางก็คงจะไปร่วมทีมกับปาร์ตี้ชั้นยอดของฉือมู่ไปแล้ว การทำแบบนั้นมันจะทำให้การลงดันเจียนง่ายกว่าเดิมมาก แต่เนื่องมาจากสิ่งที่หลานอวี่เคยช่วยเขาเอาไว้ในอดีต ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องอดทนเอาไว้ก่อน

“ไม่ต้องรีบร้อน รอดูสถานการณ์ไปก่อนก็แล้วกัน” ลู่หยางตอบชิงเฟิง ก่อนที่เขาจะหันไปมองหน้าเซี่ยหยู่เว่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

เซี่ยหยู่เว่ยรู้สึกอับอายขายขี้หน้า ก่อนที่เธอจะหันไปพูดกับเจิ้งหยวนด้วยความโกรธว่า

“เงียบปากไปซะ! อย่ามาทำตัวให้ฉันต้องขายขี้หน้าแบบนี้!!”

“ฉัน... ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ?” เจิ้งหยวนพยายามโต้เถียง

“นี่ยังไม่รู้ตัวอีกงั้นเหรอ?!” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวด้วยแววตาอันเย็นชา

“โอเค ฉันยอมแล้วก็ได้” เจิ้งหยวนนิ่งเงียบไปโดยไม่กล้าจะก่อปัญหาขึ้นมาเพิ่มเติม

ท่าทีของอีกฝ่ายทำให้เซี่ยหยู่เว่ยผ่อนคลายลงได้บ้าง ก่อนที่เธอจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และได้เห็นว่าลูกน้องที่เคยเห็นด้วยกับเจิ้งหยวนในก่อนหน้านี้ต่างก็รีบเงียบปากด้วยกันทั้งหมด

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปลู่หยางคือหัวหน้าปาร์ตี้ หากใครไม่ยอมฟังคำสั่งของเขาก็เทียบเท่ากับการไม่ยอมรับคำสั่งของฉัน!” เซี่ยหยู่เว่ยประกาศเสียงดัง

“ครับ พวกเราจะยอมทำตามคำสั่งของหัวหน้าปาร์ตี้” พวกจางจื่อโป๋ตอบรับ

“อือ” เจิ้งหยวนตอบรับขึ้นมาเบา ๆ แต่ทว่าก็ยังคงมีแอบบ่นพึมพำกับตัวเอง

“ดูซิว่าคนที่ไอ้หมอนี่พามาจะเป็นคนยังไง? ถ้ามันไม่มีฝีมือ ฉันไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แน่”

เซี่ยหยู่เว่ยไม่อยากจะสนใจเจิ้งหยวนอีกแล้ว เธอจึงหันไปบอกกับลู่หยางว่า

“ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องอับอายแบบนี้ เชิญเพื่อนคุณมาได้เลย ฝั่งพวกฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าหากเขาต้องการอุปกรณ์ทางฝั่งของเราก็ยินดีจะมอบให้กับเขาด้วยเหมือนกัน”

หลานอวี่รีบเดินมาข้างหน้าและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มว่า

“อาจารย์ คุณไม่ได้โกรธใช่ไหม?”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเธอ ฉันก็คงจะไปตั้งนานแล้ว” ลู่หยางคิดในใจ แต่เขากลับพูดออกไปอีกอย่างหนึ่งว่า

“ไม่โกรธหรอก รอแป๊บนึงนะ ฉันขอตามเพื่อนมาก่อน”

ชายหนุ่มเปิดช่องสื่อสาร ก่อนที่จะทำการติดต่อไปหาเสี่ยวเหลียง

“ตอนนี้นายเลเวลเท่าไหร่แล้ว?”

“ผมเลเวล 8 แล้วครับ” เสี่ยวเหลียงตอบขณะมองไปยังฮาล์ฟออร์คที่ถูกฆ่าเกลื่อนพื้น

“แล้วเรื่องอุปกรณ์ล่ะ เป็นยังไงบ้าง?” ลู่หยางถาม

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกฮาล์ฟออร์คจะดรอปอุปกรณ์เลเวล 8 ลงมาด้วย ผมรวบรวมพวกมันได้ครบทั้งเซ็ตแล้ว น่าเสียดายที่พวกมันเป็นแค่อุปกรณ์ระดับหิน” เสี่ยวเหลียงตอบ

“บอกค่าสถานะของนายมาหน่อย” ลู่หยางถาม

“พลังชีวิต 576 พลังป้องกัน 109 หน่วยครับ” เสี่ยวเหลียงรายงาน

ลู่หยางคำนวณภายในใจและด้วยค่าสถานะที่เสี่ยวเหลียงมีประกอบกับสกิลชิลด์วอลล์ การรับมือกับบอสลับมันก็คงจะไม่มีปัญหา

“มาหาฉันที่นี่” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งพิกัดไปให้เสี่ยวเหลียง

“ได้ครับ” เสี่ยวเหลียงตอบพร้อมกับใช้คัมภีร์ย้อนกลับเดินทางไปยังเมืองเซนต์กอลล์ในทันที

จากจัตุรัสกลางเมืองมายังธนาคารทางฝั่งทิศตะวันออกใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น ในเวลาเพียงแค่ไม่นานลู่หยางจึงได้เห็นเสี่ยวเหลียงวิ่งมาในระยะไกล

“ลูกพี่ ผมมาแล้ว!!” เสี่ยวเหลียงตะโกนเสียงดัง

ลู่หยางยิ้มพร้อมกับโบกมือเรียก

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเจิ้งหยวนได้ยินเสียงและท่าทางของเสี่ยวเหลียง พวกเขาก็สัมผัสได้ในทันทีว่าชายคนนี้เป็นคนไร้ฝีมือ โดยเหตุผลประการแรกคือยอดฝีมือจะไม่เรียกคนอื่นว่าลูกพี่ และเหตุผลประการที่ 2 คือยอดฝีมือจะไม่ใช้น้ำเสียงแบบนี้อย่างเด็ดขาด

“ที่แท้มันก็แค่ตัวถ่วงที่เอามาดูดค่าประสบการณ์กับเก็บอุปกรณ์เพิ่มเติมไปสินะ” เจิ้งหยวนพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

สมาชิกหลาย ๆ คนในปาร์ตี้เริ่มทำหน้าบึ้งขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทำให้บรรยากาศเริ่มจะกลับมาอึดอัดอีกครั้งหนึ่ง

“อาจารย์ เพื่อนของคุณชื่ออะไรเหรอ?” หลานอวี่ถาม

มุมปากลู่หยางเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะถามด้วยน้ำเสียงเชิงหยอกล้อว่า

“เธอจะถามชื่อเขาไปทำไมเหรอ?”

เมื่อวานตอนที่ปาร์ตี้กำลังเก็บเลเวล หลานอวี่ได้ยินการวิเคราะห์ของจางจื่อโป๋เกี่ยวกับลู่หยางและเฮ่ยเจีย แน่นอนว่าหลานอวี่รู้จักลู่หยางดีอยู่แล้ว เพราะเขาคนนั้นก็คือนักเวทตรงหน้าของเธอนี่เอง เธอจึงคิดว่าคนที่อีกฝ่ายเรียกตัวมาจึงมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นเฮ่ยเจีย แต่เมื่อพิจารณาจากสีหน้าของชายหนุ่มแล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าเธอจะเดาได้อย่างถูกต้อง

“อย่ามาแกล้งกันสิ” หลานอวี่กล่าวพร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มด้วยดวงตาอันกลมโต

“ไหนใครแกล้ง?” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับยักไหล่

“ถ้าอย่างนั้นก็บอกชื่อเขามาสิ” หลานอวี่ยังคงถามอย่างไม่ลดละ

เซี่ยหยู่เว่ยแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมหลานอวี่ถึงตั้งคำถามลู่หยางแบบนั้น เจิ้งหยวนกับจางจื่อโป๋ก็กำลังมองมาทางหญิงสาวอย่างสงสัยด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขารู้ดีว่าโดยปกติหลานอวี่ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่มย่ามเรื่องของคนอื่นแบบนี้

ลู่หยางเห็นทุกคนที่กำลังมองมาเขาก็รู้ตัวแล้วว่าตอนนี้ไม่สามารถปิดบังความจริงได้อีกต่อไป อีกอย่างเขาก็ขี้เกียจจะแกล้งทำเป็นคนโง่แล้วและแอบคิดในใจว่าการแกล้งโง่ให้คนอื่นดูถูก มันไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ จะทำกันได้ง่าย ๆ จริง ๆ

“ลูกพี่ ผมมาแล้ว!” เสี่ยวเหลียงกล่าวขณะมาหยุดอยู่ข้างลู่หยาง

ชายหนุ่มตบไหล่เสี่ยวเหลียงเบา ๆ พร้อมกับบอกว่า 

“แนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักหน่อยว่านายเป็นใคร? ชื่ออะไร?”

เสี่ยวเหลียงมองไปรอบ ๆ และได้พบว่ามันมีดวงตามากกว่า 20 คู่กำลังจ้องมองมาทางเขา ซึ่งเด็กหนุ่มไม่เคยได้รับความสนใจมากมายขนาดนี้มาก่อน เขาจึงเกาศีรษะด้วยความเขินอายและแนะนำตัวขึ้นมาเบา ๆ ว่า

“สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อเฮ่ยเจีย”

พวกเซี่ยหยู่เว่ยต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง โดยเฉพาะเจิ้งหยวนที่กำลังเบิกตากว้างโดยไม่อยากจะเชื่อ

“คุณคือเฮ่ยเจีย!?” เซี่ยหยู่เว่ยถามซ้ำ

“ใช่ครับ”

“เฮ่ยเจียที่อยู่อันดับ 2 ในกระดานจัดอันดับคนนั้นน่ะเหรอ?!” จางจื่อโป๋ถามย้ำอีกครั้ง

“ใช่ครับ” เสี่ยวเหลียงตอบโดยคิดว่าคนพวกนี้มีปฏิกิริยาแปลก ๆ

“พรืด!” ในที่สุดชิงเฟิงก็เก็บอาการไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงหัวเราะขึ้นมาจนตัวงอ แต่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องมองไปยังลู่หยางด้วยความชื่นชม

หลานอวี่ใช้มือเล็ก ๆ ทุบไปยังหน้าอกของลู่หยางพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

“คนขี้แกล้ง!”

ในที่สุดพวกเซี่ยหยู่เว่ยก็ตระหนักถึงบางอย่างได้ในทันที และพวกเธอก็หันมามองหน้าลู่หยางพร้อม ๆ กัน

“ถ้าเขาคือเฮ่ยเจีย ถ้าอย่างนั้นคุณก็คือ... ลู่หยาง?” เซี่ยหยู่เว่ยรู้สึกปากแห้งผากจนเหมือนกับจะพูดอะไรออกมาไม่ออก

“ใช่ ฉันคือลู่หยาง”

 

 


เปิดตัวสักทีพ่อคู๊ณณณณณณ เป็นเราไม่ร่วมตี้กับกลุ่มนี้ไปแล้ว หลายรอบละนะ!!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.