รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 49 ปัญหาที่ต้องเผชิญหน้า
รับคำท้าฯ
ตอนที่ 49
สิ้นเสียงปลายทางเขากดวางสายโทรศัพท์ในมือทันที ปริมาบอกว่ามาถึงที่นัดหมายแล้ว หนุ่มผมยาวสปีดฝีเท้าอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ราวกับว่าถ้าเหาะได้ บินได้ หายตัวได้ จะทำทันที เขาอยากจะไปถึงให้เร็วที่สุดอย่างใจนึกเดี๋ยวนี้เลย
ปฏิการก้าวลงบันไดทีละสองสามขั้นอย่างรวดเร็ว สามขั้นสุดท้ายเขากระโดดลงบนพื้นชั้นล่างอย่างคล่องแคล่วว่องไว เลี้ยวมุมตึกข้างหน้านี้คือ สถานที่นัดหมาย ทันทีที่เท้าเลี้ยวมุมตึกไปนั้น เขาต้องชะลอฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน! เท้าที่จะก้าวไปข้างหน้ากลับลังเลไม่แน่ใจ ถอยกลับมาข้างหลังอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้รู้สึกกลัวและไม่กล้า
ปริมายืนคุยอยู่กับปกป้องลูกชายคนโตของผู้อำนวยการโรงพยาบาล
สิ่งที่เพื่อน ๆ เคยพูดกรอกหูเมื่อวันก่อน ว่าปริมาเป็นแฟนกับหนุ่มรถป้ายแดงคันนั้นขึ้นมารบกวนจิตใจ แม้จะไม่เชื่อ แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เริ่มไม่แน่ใจว่ายัยตัวแสบยังต้องการจะไปกับเขาอยู่รึเปล่า? หรืออาจจะเปลี่ยนใจไปกับหมอนั่นแล้ว ถึงจะรับปากกันไว้แล้วก็ตาม เธอเพียงรอเขาไปพบเพื่อที่จะบอกว่า จะไปกับคนอื่นเท่านั้นเอง เขาควรจะเข้าไปไหม หรือทิ้งเธอเอาไว้กับคนนั้นเลย จะได้ไม่ต้องได้ยินถ้อยคำบาดใจในอนาคตอันใกล้นี้ จิตใจรู้สึกสับสน อดนึกเปรียบเทียบตัวเองกับพี่รหัสของเธอ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรที่จะสู้กับคน ๆ นั้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะ การเรียน เขามันไม่เอาไหน ไม่มีดีอะไรจะเทียบเทียมนายปกป้องได้เลย และไม่อยากจะไปยื้อแย่งอะไรกับใคร มันทำให้ต่างฝ่ายต่างเจ็บปวดมากกว่า ให้เธออยู่กับคนที่หัวใจเธอต้องการ คงเป็นสิ่งที่เขาควรทำที่สุด
หนุ่มนักดนตรีพยายามหายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ เพื่อผ่อนคลายอารมณ์เครียดและสับสน พยายามมีสติ และบอกตัวเองในที่สุดว่า สิ่งที่เขาคิดสับสนอยู่นี้นั้น เป็นแค่การคิดไปเองของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่ควรยัดเยียดความคิดของตัวเองให้เธอ ว่าจะคิดอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น เขาควรกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ขอเพียงทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ อย่างดีที่สุดก่อน ได้ให้โอกาสตัวเอง และให้โอกาสเธอเป็นคนเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาปริมาให้ความใกล้ชิด และสนิทใจกับเขามากกว่าพี่รหัสของเธอแน่นอน เขามั่นใจ แต่หากวันหนึ่งเธอจะไม่เลือกเขา เขาก็พร้อมที่จะยอมรับความจริงนั้น!!
ปฏิการตัดสินใจเดินเร็ว ๆ เข้าไปหาปริมาทันที
“ปริม!!”
หญิงสาวหันหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยความเป็นห่วงกังวลมาทางหนุ่มผมยาว
“ให้พี่ไปส่งนะปริม” ปกป้องขอเป็นสารถีช่วยขับรถพาไปส่งโรงพยาบาล
“ไปด้วยกันสิ ปฏิการ” แล้วหันไปชวนอย่างมีน้ำใจ
ปริมามองเวลาที่ข้อมือ มองถนนหน้ามหาวิทยาลัย รถเริ่มติดเป็นแถวยาวตามเคย สำหรับเวลาช่วงเย็นอย่างนี้
“รถเริ่มติดอีกแล้วพี่ป้อง ปริมไม่รบกวนพี่ดีกว่า ขอบคุณมากนะคะ”
ปกป้องจำนนต่อเหตุผลที่เธอไม่รับความช่วยเหลือจากเขาตามเคย
“พี่เอาใจช่วยนะปริม ขอให้พี่ปรามปลอดภัยนะ“
“ขอบคุณมากค่ะ ไปก่อนนะคะ”
ปฏิการรู้สึกโล่งอก ที่เธอไม่เป็นอย่างที่เขาคิดกลัวเอาไว้ก่อนหน้านี้ และดีใจที่ตัดสินใจกล้าเผชิญหน้ากับความจริง ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดเสมอไป โดยเฉพาะความคิดในแง่เลวร้าย
***********************
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อล่องลอยอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยสำหรับโรงพยาบาล คนไข้ที่มารอตรวจรักษาดูบางตา และทยอยกลับกันไปเกือบหมดแล้ว พยาบาลในชุดสีขาวสะอาดเดินผ่านไปมา ลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลเข็นเตียงคนป่วยสายระโยงระยางเข้าไปบ้าง ออกมาบ้าง
ปรามถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปนานแล้ว หลังจากได้รับอุบัติเหตุ เนื่องจากถูกรถเก๋งของเด็กวัยรุ่นที่เมาแล้วขับชนเข้าอย่างแรง พลิกคว่ำลงข้างทาง ขณะที่ขับรถกลับจากต่างจังหวัดเมื่อเสร็จงานในกลางดึก เด็กวัยรุ่นสองคนในรถคันนั้นเสียชีวิตทันที ถ้าหากตัวเขาเองยังไม่เลิกดื่มเหล้า อาจมีวันหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ อาจทำให้ตนเองอาจเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ หากพิการก็ทำให้พ่อลำบากอีก เลวร้ายกว่านั้นคือ ทำให้คนอื่นต้องบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต เขาคิดถูกแล้วที่เลิกดื่มเหล้า และจะไม่ทำงานที่เกี่ยวข้องหรือส่งเสริมให้คนดื่มเหล้าอีกเด็ดขาด
ไฟหน้าห้องฉุกเฉินเปิดสว่างจ้าบอกให้รู้ว่ากำลังปฏิบัติการอยู่ ปริมาเฝ้ามองหน้าห้องฉุกเฉิน เธอรอคอยประตูสองบานนั้นจะเปิดออกพร้อมกัน รอคอยหมอที่จะออกมาบอกว่าพี่ชายของเธอปลอดภัย ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้น และไม่อยากให้เป็นอย่างอื่นเลย
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เวลาชักช้าเสมอสำหรับการรอคอย มักจะแกล้งให้คนรอทรมานใจ เพื่อน ๆ ทยอยกันกลับไปหมดแล้ว มีเพียงปฏิการที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอเท่านั้น
และแล้วไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง ประตูห้องฉุกเฉินสองบานนั้นเปิดออก หมอหนุ่มใหญ่ในชุดสีเขียวเข้ม มีผ้าปิดจมูกปิดปากเดินออกมา
ปริมารีบวิ่งเข้าไปหาหมออย่างรวดเร็ว โดยมีปฏิการเดินตามไปติด ๆ
“หมอคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ”
มือของหมออีกข้างหนึ่งเอื้อมมากุมมือของเด็กสาวเอาไว้ แล้วบีบไว้แน่น พลางตบมือของเธอเบา ๆ
“ปริม..” เสียงหมอเรียกชื่อของเธอดังผ่านผ้าปิดปากปิดจมูกฟังอู้อี้ไม่ชัดเจนนัก
หมอหนุ่มใหญ่ถอดผ้าปิดปากปิดจมูกออก
“ปริม…ปรามปลอดภัยแล้ว”
ปริมามองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงงันด้วยความตกใจ สมองประมวลผลหน้าตาของบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าขณะนี้ทันที
“พ่อ…!!”
น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ในดวงตาสวยคู่นั้น ภาพแม่แอบร้องไห้ทุกวันทุกคืนอย่างเศร้าโศกเสียใจที่พ่อไปมีผู้หญิงคนอื่นปรากฏอยู่ในห้วงนึกจนจำติดตา ไม่มีวันลืม ปริมาดึงมือของตัวเองออกจากการกุมไว้ของบิดา
“ปริม…”
เขาสัมผัสได้ว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอไม่ยอมรับ และไม่ให้อภัยเขา มือที่เอื้อมไปหวังจะได้โอบกอดลูกสาวสักครั้งถูกดึงกลับมาทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดหวัง
“พ่อขอโทษ สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา” แม้จะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดประโยคนี้ แต่เขาก็อยากจะบอกกับลูกอีกครั้ง
“พ่อขอดูแลปรามนะ ถึงอาการของปรามพ้นขีดอันตรายแล้วก็จริง แต่ยังไม่รู้ว่าสมองจะได้รับการกระทบกระเทือนขนาดไหน ต้องรอให้รู้สึกตัวก่อน ให้พ่อได้มีโอกาสดูแลปรามนะลูก ขอให้พ่อได้ทำหน้าที่ของพ่อที่ควรจะดูแลลูก ๆ บ้าง” สายตานั้นเต็มไปด้วยคำขอร้อง และเป็นห่วงเป็นใยสุดประมาณ
ปริมานิ่งเงียบไม่ตอบ ราวกับเป็นการตอบปฏิเสธอยู่ในที เธอเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สายตาแสนห่วงใย มองทะลุกระจกสี่เหลี่ยมช่องแคบ ๆ เข้าไปเฝ้ามองพี่ชาย คนที่เธอรักที่สุด
หมอหนุ่มใหญ่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนมองไปทางหนุ่มผมยาว
“ผมชื่อปฏิการครับ เป็นเพื่อนของปรามและปริม” เขาแนะนำตัวเอง มองหน้าบุรุษในชุดสีเขียวเข้ม
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลเธออย่างดีที่สุด”
หมอหนุ่มใหญ่พยักหน้ารับรู้ มองชายหนุ่มตรงหน้านิ่งงัน เขาจำได้ พ่อหนุ่มคนนี้คือลูกชายของภรรยาของเขา ไม่มีถ้อยคำหลุดออกจากปากหมออีกเลย ด้วยความรู้สึกข้างในมันย่ำแย่จนไม่อาจจะพูดคำใดได้อีก
ปฏิการเดินไปตามปริมาที่ยืนเฝ้ามองอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน
“ปริมเรากลับกันเถอะ”
คนถูกเรียกนิ่งเงียบราวกับไม่ได้ยิน…
ปฏิการเอื้อมมือดึงมือน้องสาวเพื่อนให้เดินตามมา
หญิงสาวหันมามอง สายตาคู่นั้นดูกังวลและเศร้าสร้อยเหลือเกิน
หนุ่มผมยาวจึงพยักหน้าอีกครั้ง “พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่นะ ตอนนี้ให้ปรามเขาพักผ่อนก่อน”
สาวชาวสวนปล่อยให้เพื่อนพี่ชายจูงมือ และเดินตามเขาไปแต่โดยดี แต่ทว่าสายตายังคงมองเหลียวหลังอยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉิน เขากระชับมือของเธอแน่นขึ้น อยากบอกให้รู้ว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
******************************
หลังจากที่ปรามเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลยังนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ กิจการของรีสอร์ตบ้านไร่ทะเลฝัน ปริมาต้องเข้ามาช่วยดูแลแทนพี่ชาย พนักงานของรีสอร์ตนำเอกสารฉบับหนึ่งมาให้ซึ่งมีตราครุฑอยู่บนหัวกระดาษ นั่นคือหมายศาล เธอเคยรู้มาว่า ที่ดินที่ทำสวนอยู่ในขณะนี้ มีคนพยายามมาขอซื้อเพื่อทำรีสอร์ต แต่พี่ชายของเธอไม่ขาย ต่อมามีคนมาฟ้องร้องว่า พื้นที่ผืนนี้เป็นที่สาธารณะอีก ที่แน่นอนคือที่ดินตรงนี้ซื้อมาจากกรมบังคับคดี ตอนนี้หมายศาลมาแล้ว พี่ชายของเธอก็ยังไม่ฟื้นเลย เอกสารและโฉนดที่ดินนั้นเก็บอยู่ที่ไหน เธอไม่รู้เลย
ปริมาต้องหยุดคิดเรื่องหมายศาลนี้ไว้ก่อน เพราะพนักงานมาแจ้งว่า ลูกค้ามาขอคืนของที่ซื้อไปแล้ว แต่ไม่มีใบเสร็จมายืนยัน และเป็นเวลาช่วงพักกลางวัน ที่พนักงานขายที่ขายของให้ลูกค้าคนนั้นไม่อยู่ เนื่องจากลูกค้าไม่ยอม จะขอคืนของให้ได้จึงยืนรออยู่ ไม่ยอมไปไหน พนักงานขายอีกคนที่ขายของแทนจึงลองไปค้นถังขยะ ปรากฏว่าเจอใบเสร็จรับเงินของลูกค้าถูกทิ้งอยู่ในถังขยะใต้โต๊ะของแคชเชียร์คนนั้น แต่ที่ประหลาดใจคือ รายการขายในคอมพิวเตอร์ตามเลขที่ใบเสร็จนี้กลายเป็นสินค้าอย่างอื่น ไม่ได้ขายสิ่งที่ลูกค้าเอามาคืน เธอจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด ปรากฏว่ามีการขายสินค้านั้นให้กับลูกค้าจริง ส่อเจตนาว่า พนักงานขายคนดังกล่าวทุจริต และได้เรียกมาสอบสวน ในตอนแรกพนักงานขายคนนั้นไม่ยอมรับ แต่ต้องยอมจำนนด้วยหลักฐานจากกล้องวงจรปิด เธอจึงสั่งพักงานพนักงานขายคนนั้นไว้ก่อน
ตอนเย็นของวันเดียวกัน ปฏิการมาช่วยดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังให้ และตรวจสอบโปรแกรมขาย เพราะเขาเป็นคนเขียนโปรแกรมนี้และนำมาติดตั้งให้ใช้งาน จากการตรวจสอบโปรแกรมขาย พบว่ามีการแก้ไขบิลขายเงินสดมาประมาณเดือนสองเดือนแล้ว ก่อนหน้านั้นแทบไม่มีการแก้ไขเลย
สาวชาวสวนเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชาย มองไปที่โต๊ะทำงาน เห็นหนุ่มผมยาวหลับฟุบอยู่กับโต๊ะหน้าคอมพิวเตอร์ เขานั่งดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังจนหลับคาจอมาสองวันแล้ว
“การ....นายไปนอนเถอะ” ยัยตัวแสบปลุกหนุ่มหน้าหวาน พลางเอื้อมมือจับชายเสื้อของเขาเขย่าเบา ๆ
คนหลับค่อย ๆ รู้สึกตัวจากเสียงเรียกนั้น เขาผงกศีรษะขึ้นมาจากพื้นโต๊ะด้วยความงัวเงีย
“ไปนอนที่ห้องดี ๆ นอนให้สบาย” เธอมองหน้าชายหนุ่มเวลานี้เหมือนเด็กน้อยขี้เซา เปลือกตายังไม่ยอมลืมขึ้นเลย ศรีษะที่ผงกขึ้นมา ค่อย ๆ ก้มหน้าลงยังไม่ยอมตื่น นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น หญิงสาวยกเหยือกน้ำรินน้ำใส่แก้วใสทรงสูงที่ตั้งอยู่ด้านขวามือของโต๊ะ
ครู่หนึ่งหนุ่มหน้าหวานสะดุ้ง! หายง่วงขึ้นมาทันที รีบยกมือจับผมจับเผ้ากลัวจะไม่หล่อ ไม่ดูดีเมื่ออยู่ต่อหน้าหวานใจ
“ทานน้ำก่อน” เธอเลื่อนแก้วน้ำไปตรงหน้าชายหนุ่ม
ปฏิการยกแก้วขึ้นดื่มอย่างว่าง่าย
เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ควรดื่มน้ำทันทีสองแก้ว เนื่องจากเลือดมีความเข้มข้นสูง เพราะร่างกายเราขาดน้ำจากการนอนหลับเป็นช่วงเวลาอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ร่างกายเราประกอบด้วยน้ำถึง 72% ส่วนสมองของเราประกอบด้วยน้ำมากถึง 75% โดยขณะที่เรานอนหลับสนิทร่างกายเราจะค่อยๆ เกิดภาวะขาดน้ำขึ้นดังนั้นการดื่มน้ำหลังตื่นจึงช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายได้ดี
การดื่มน้ำช่วยทำให้ผิวพรรณดูกระจ่างใส การดื่มน้ำตอนท้องว่างตั้งแต่ 500 ซีซี จะช่วยเพิ่มปริมาณการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและกระจ่างใส ทั้งยังช่วยฟื้นฟูและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวอีกด้วย
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง การดื่มน้ำในทุก ๆ เช้าจะช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบน้ำเหลือง และยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ปกป้องร่างกายจากความผิดปกติต่าง ๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรง
ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย การดื่มน้ำหลังตื่นนอนในตอนท้องว่างถือเป็นการทำความสะอาดลำไส้และกระตุ้นลำไส้โดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นการช่วยล้างสารพิษและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในร่างกายไปพร้อมกับของเสียที่ขับถ่ายในตอนเช้า
ช่วยในการลำเลียงสารอาหาร น้ำเปล่าจะช่วยลำเลียงอาหารออกจากกระเพาะและช่วยให้ย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระเพาะอาหารได้
ช่วยลดอาการปวดศีรษะ การดื่มน้ำตอนเช้าจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบสมองให้ทำงานได้ดีและยังช่วยเพิ่มความสดชื่น ช่วยคลายเครียดและลดอาการปวดศีรษะอีกด้วย
การดื่มน้ำอุ่นอย่างน้อย 2 แก้วหลังตื่นนอนช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้มากขึ้นถึง 24% เลยทีเดียว จึงช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน ช่วยลดน้ำหนักได้
“ปริมดูไลน์ที่ฉันส่งให้หรือยัง” หนุ่มหน้าหวานถาม
ปริมาพยักหน้าว่าเธอได้ดูข้อมูลที่เข้าส่งมาให้ทางไลน์เรียบร้อยแล้ว
ผลของการตรวจสอบจากโปรแกรมขาย เขาจะเลือกเฉพาะบิลขายของพนักงานขายที่ทุจริต เฉพาะบิลที่มีการแก้ไข โชคดีที่โปรแกรมขายของเขา ระบุเวลาพิมพ์เอกสารที่มีการขายด้วย จึงนำวันเวลามาดูเทียบกับภาพจากกล้องวงจรปิดอีกครั้ง ซึ่งต้องใช้เวลาดูนานมาก และต้องจ้องอยู่หน้าคอมตลอดเวลา เขาเพิ่งดูได้แค่สองอาทิตย์เท่านั้น และพบว่ามีทั้งแก้ไขบิล โดยแก้ไขจำนวนสินค้า แต่ส่วนใหญ่จะลบสินค้าของจากบิลไปหนึ่งรายการสองรายการ ในแต่ละวันนั้นทำแบบนี้มาตลอด จะมีการจดลงในเศษกระดาษไว้ด้วย หลังจากปริมาสั่งพักงาน พนักงานดังกล่าวได้มาเก็บข้าวของและถุงขยะไปหมดเลย ส่อเจตนาชัดเจนว่าต้องการทำลายหลักฐาน
สาวชาวสวนมองหน้าชายหนุ่ม นัยตาของเขาแดงมาก ข้อมูลจากไลน์ที่เขาส่งให้นั้น จำนวนเงินรวมกันที่ถูกพนักงานขายคนนี้ยักยอกไป ประมาณสองสามพันบาท ซึ่งเพิ่งดูได้แค่สองอาทิตย์
“นายไม่ต้องหาแล้วล่ะ”
ปฏิการขมวดคิ้ว มีคำถามอยู่ในสีหน้าและแววตา
“ทำไมล่ะ”
“ตานายแดงมากเลย” เธอมองเห็นเส้นเลือดฝอยในตาของเขาแตก เพราะจ้องหน้าคอมติด ๆ กันมาทั้งวันทั้งคืน การเรียนของเขาก็ต้องจ้องหน้าคอมตลอดเวลาอยู่แล้ว
“นายไปนอนที่โซฟาก่อน” เธอไปหาผ้าขนหนูชุปน้ำมาประคบดวงตาให้เขา ความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว และรักษาอาการอักเสบได้ระดับหนึ่ง
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” ปฏิการปฏิเสธที่จะไปนอนที่โซฟา แถมยังกดปุ่มเอ็นเทอร์ทำให้หน้าจอที่ดับอยู่สว่างขึ้นทันที
“พอเถอะ ฉันไม่อยากรู้แล้วว่า เขาเอาไปเท่าไหร่”
หนุ่มหน้าหวานมองหน้ายัยตัวแสบอย่างมึนงง
“เราประมาณเอาก็ได้ ตอนนี้ก็พอรู้คร่าว ๆ แล้วนี่”
“การจะให้ใครมาชดใช้เงิน ฉันคิดว่า มันต้องมีหลักฐานชัดเจน” เธอหยุดพูดลงชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อไป
“นายไม่ต้องหาแล้ว ฉันจะทำหนังสือไปให้เขาเซ็นต์ยอมรับการกระทำผิด แล้วเขาอยากใช้คืนเท่าไหร่ก็สุดแล้วแต่เขาเลย ฉันไม่อยากเอาเรื่องเอาราว ฉันอยากเอาเวลาค้นหาความจริงเรื่องนี้ไปทำอย่างอื่น ฉันไม่มีเวลาไปโรงพักไปขึ้นศาลอะไรทั้งนั้น ตอนนี้พี่ปรามก็ยังไม่ฟื้น ฉันอยากเอาเวลาไปเฝ้าพี่ปรามมากกว่า”
หญิงสาวคิดว่า การให้พนักงานออกจากงานก็เพียงพอแล้ว อย่างอื่นให้เป็นเรื่องของกรรม เธอเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เราต้องเคยทำเขามาก่อน ก็แค่คืนสิ่งที่เราเคยเอาจากเขามาไปเท่านั้นเอง เขาจะคืนก็เป็นกรรมของเขา เขาจะไม่คืนก็เป็นกรรมของเขาเช่นกัน ได้ข่าวว่า สามีของพนักงานขายคนดังกล่าวติดเหล้าติดการพนัน คงทำไปเพราะความจำเป็น เธอเข้าใจคำว่า ศีลนำสุขมาให้ อย่างท่องแท้ก็วันนี้เอง ถ้าไม่มีศีลแล้ว ชีวิตคงจะมีทุกข์มากมายมีปัญหาสาระพัดแน่นอน ศีลเหมือนเป็นเกราะป้องกันคุ้มภัยอย่างดี เธอโชคดีที่แม่พาเข้าวัด ท่องศีลห้าละอบายมุขมาตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นชีวิตคงวุ่นวายเหมือนคนอื่น ๆ
“ฉันจะไปเยี่ยมพี่ปราม”
ปฏิการมองเวลาที่ผนังห้อง ขณะนั้นบอกเวลาเกือบเที่ยงแล้ว
“ปริมทานข้าวหรือยัง”
“ฉันยังไม่หิว”
“ถ้าเธอไม่ทานข้าว ฉันไม่ให้ไปเยี่ยมปราม” คนพูดคว้าข้อมือคนหัวดื้อเอาไว้ พนักงานของรีสอร์ตบ้านไร่ทะเลฝันแอบมาบ่นให้ฟังว่า ตั้งแต่ปรามเกิดอุบัติเหตุ ปริมาไม่ค่อยยอมทานข้าว ทุกคนไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงมาขอร้องให้เขาช่วย
***********************
สวัสดีค่า...เพื่อน ๆ เวลาตื่นนอนตอนเช้า อย่าลืม! ทานน้ำ 2 แก้วนะคะ มีใครทานอยู่แล้วบ้างหรือเปล่าคะ ส่วนตัวทานทุกวันเลยค่ะ เพราะเวลาตื่นมารู้สึกเหมือนร่างกายขาดน้ำเลย ^^
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 575
ความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ผมก็มีดื่มบ้าง เป็นน้ำอุณหภูมิห้อง แต่ดื่มไม่ถึง 2 แก้ว
ดื่มประจำค่า 2 แก้ว ^^
แสดงความคิดเห็น