รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่9 ขอกวนใจเธอหน่อย
รับคำท้าฯ
ตอนที่ 9
ปฏิการเปิดประตูเข้ามาในห้องของเขาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง เงยศีรษะกระแทกตัวเองพิงกับประตูห้อง เหมือนน้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ที่ขอบตา เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองดี ถ้าทำตามที่พ่อต้องการ เขาคงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต ตั้งแต่เล็ก สิ่งที่เขาชอบ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การเล่นดนตรี การเล่นกีฬา บาสเก็ตบอลเป็นกีฬาที่เขาชอบมากที่สุด แต่ทุกสิ่งที่เขาชอบพ่อไม่เคยเห็นด้วยแม้แต่อย่างเดียว สิ่งพ่อต้องการคือ ต้องเรียนเก่ง ได้คะแนนดีเท่านั้น พ่อไม่เคยถามเขาซักคำว่า ชอบอะไรไม่ชอบอะไร มีแต่กำหนดให้ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้มาตลอด พ่อจะแต่งงานใหม่ จะเอาใครไม่รู้มาอยู่ในบ้าน พ่อยังไม่เคยถามเขาซักคำเลย แต่ก่อนยังมีแม่ที่คอยสนับสนุนให้ทำสิ่งที่เขาอยากทำ ในสิ่งที่เขารักบ้าง แม่จะคอยปลอบประโลมเป็นที่พักพิงหัวใจให้กับเขาเสมอ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว....เขารู้สึกคิดถึงแม่มาก.... อยากกอดแม่เหลือเกิน...แต่ไม่รู้จะไปหาแม่ได้ที่ไหน...
หนุ่มผมยาวเดินมานั่งลงที่เตียงนอน พลางถอนหายใจยาว กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตามผนังห้องเต็มไปด้วยรูปของคนที่เขารักที่สุด เขาโกรธและเสียใจมากที่พ่อปลดรูปของแม่ในบ้านทุกรูปออกจนหมด จึงนำมาติดไว้ในห้องของเขาแทน ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบรูปของคนที่เขาแสนคิดถึงขึ้นมาดู ไล่นิ้วมือเบา ๆ ไปตามใบหน้าของแม่ที่กำลังยิ้มหวานอยู่ในรูป หลายคนบอกว่า เขายิ้มหวานเหมือนแม่มาก
อดถามตัวเองซ้ำ ๆ ไม่ได้เลย พ่อกับแม่เลิกกันเพราะอะไร? ทำไมแม่ถึงไม่มาหาเขาบ้าง ทำไมไม่เคยโทรมาหาเขาเลย ทำไมแม่ต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ทำไมติดต่อแม่ไม่ได้ เป็นคำถามที่ได้แต่วนถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่มีคำตอบ ถ้าไปถามพ่อ พ่อจะโกรธมากและตวาดใส่เขาว่า อย่ามาถามและเอ่ยถึงแม่ให้ได้ยินอีก พ่อกับแม่โกรธกันเรื่องอะไรจนถึงทำให้เลิกกันได้ ทำไมพ่อที่เคยรักแม่ถึงโกรธแม่ได้มากขนาดนี้
เขาวางรูปแม่ไว้ที่เดิม แล้วเอื้อมหยิบกีต้าร์โปร่งตัวโปรดที่ตั้งพิงไว้กับโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาวางไว้ในอ้อมแขน กล้ามเนื้อบริเวณเหนือข้อศอกยังรู้สึกตึง ๆ จนต้องมองดูบาดแผลที่กำลังตกสะเก็ด ‘ยัยตัวแสบเอ๊ย!’ ใบหน้าของคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ลอยขึ้นมาในห้วงนึก เขาลองดีดกีต้าร์ดู มันมีผลทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแขนไม่คล่องเท่าที่ควร แต่ไม่ถึงกับทำให้เป็นปัญหาอะไรมากนัก
กีต้าร์ตัวนี้เขารักมาก แม่บอกว่าถ้าอยากได้ ให้เก็บเงินซื้อเอง เขาใช้เวลาเป็นปีกว่าจะได้เป็นเจ้าของในราคาสองหมื่นกว่าบาท มันเหมือนเพื่อนที่อยู่กับเขาเสมอในวันที่ยิ้ม หัวเราะ หรือมีความสุข และในวันที่มีความทุกข์ ท้อ เศร้า เบื่อ ผิดหวังและเสียใจ เขาวางนิ้วยาวเรียวกรีดลงบนสายกีต้าร์เบา ๆ เพื่อนและใครต่อใครบอกว่า เขาเล่นกีต้าร์ได้ดีมากราวกับหลับตาเล่นก็ยังได้ ยกเว้นพ่อคนเดียวที่ไม่เคยชม และดูไม่พอใจทุกครั้งที่เขาเล่นดนตรี ในสายตาของพ่อมันเป็นเรื่องไร้สาระ
เสียงเพลง I JUST CALL TO SAY I LOVE YOU ดังขึ้น เขาตั้งเสียงเพลงนี้ไว้เพื่อให้เสียงโทรผ่านไลน์มีความแตกต่างจากเสียงโทรผ่านไลน์ของคนอื่น ซึ่งตอนนี้มันสามารถตั้งเสียงเรียกเข้าได้แล้ว เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของแม่ เขาจะร้องเพลงและเล่นเพลงนี้ให้แม่ฟังเป็นประจำ หนุ่มหน้ามนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย เพื่อนที่นัดกันซ้อมร้องเพลงโทรเข้ามา
“วันนี้บ่ายสอง อย่าลืมมาซ้อมร้องเพลงด้วยล่ะ รับงานเขาไว้แล้ว มะรืนต้องไปเล่นแล้วนะ”
“ได้เลย ไม่ลืมหรอก” ปฏิการย้ำให้เพื่อนสบายใจ เขาอยากหาเรื่องออกจากบ้านอยู่แล้ว
“แล้วเจอกัน” เขากดวางสาย แล้วเหลือบดูเวลา ยังพอมีเวลาเหลืออีกไม่เกินชั่วโมงที่ต้องออกจากบ้านได้แล้ว
บนหน้าจอโทรศัพท์โชว์ไอคอนไลน์อยู่ด้านบนสุด แสดงว่ามีข้อความเข้า เพื่อนใหม่ที่ประกวดร้องเพลงด้วยกันส่งข้อความมาถามว่า รอบหน้าเขาจะร้องเพลงอะไร และจะต้องร้องเพลงคู่กับเธอด้วย
“ยังไม่ได้คิดเลยครับ” เขาตอบกลับไป ใบหน้าเพื่อนใหม่ลอยขึ้นมาในห้วงนึก เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ดูอ่อนหวาน สดใสและขี้อ้อน มีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร น้ำเสียงของเธอหวานและใสมาก ที่สำคัญเป็นรุ่นน้องที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันเสียด้วย
“แล้วน้องปลาคิดจะร้องเพลงอะไรครับ” เขาถามกลับ
“ไม่บอกค่ะ” เธอส่งตัวการ์ตูนน่ารักกำลังส่ายหน้ามาให้ ข้อความนั้นทำให้คนอ่านต้องอมยิ้มน้อย ๆ
“ไว้พี่คิดออกแล้วจะบอกนะ ของพี่ไม่เป็นความลับหรอก”
อีกฝ่ายส่งตัวการ์ตูนเป็นรูปโอเคค่ะสีสันแสบตามาให้
หนุ่มหน้าหวานเลื่อนดูข้อความของเพื่อน ๆ แต่เขากดเลือกอ่านข้อความของปรามเป็นอันดับแรก
“ถึงบ้านหรือยัง” ปรามส่งข้อความมา
“ถึงแล้ว ร่างกายอยู่ครบสามสิบสอง” เขาตอบขำ ๆ
“คงไม่โดนพ่อแพ่นกะบาลใช่ไหม”
“เกือบแล้ว”
“อย่าลืม...พูดกับพ่อดี ๆ ด้วยนะ” เพื่อนรักมักจะคอยเตือนสติเขาเสมอ
“จะพยายามกวน” ใบหน้าหนุ่มหน้าหวานนั้นมีรอยยิ้มแต้มอยู่ขณะกดพิมพ์ข้อความ พลางส่งตัวการ์ตูนกำลังหัวเราะส่งไปให้เพื่อน
ปรามส่งรูปการ์ตูนเป็นรูปปวดกะบาลมาให้
ปฏิการหยุดพิมพ์เว้นระยะครู่หนึ่ง ก่อนจะพิมพ์ต่อแล้วกดส่ง
“ให้น้อยที่สุด”
อีกฝ่ายจึงส่งตัวการ์ตูนเป็นคำว่า สุดยอดกลับมา
“แล้วหยุดถ่ายหรือยัง”
“หยุดแล้ว ขมิ้นชันได้ผลดีเหมือนกันนะ”
ปรามส่งสติ๊กเกอร์คำว่า โอเค ก่อนจบการสนทนา
ปฏิการไล่ดูข้อความของเพื่อน ๆ ที่ส่งถึงเขาจนหมด มีอาจารย์ที่ปรึกษาส่งข้อความมาบอกว่า วิชาที่เขาติดเอ็ฟอยู่จะเปิดสอนเทอมหน้านี้ เขาถามอาจารย์ว่า ถ้าอยากย้ายสาขาไปเรียนสาขาอื่นได้ไหม อาจารย์ตอบว่า จะไปถามฝ่ายทะเบียนมาให้ เขาดร็อปการเรียนไว้หนึ่งปี ถ้าพ่อรู้คงโดนด่าแน่ ๆ แล้วเลื่อนลงไปล่างสุด เพื่อหาข้อความที่เขาส่งถึงยัยตัวแสบ ซึ่งได้ขอไว้ตอนไปส่งของให้เธอ ข้อความที่เขาส่งไปนั้น นอกจากข้อความแรก ๆ ซึ่งเกี่ยวกับการส่งของให้ลูกค้าของเธอที่ปรากฏคำว่าอ่านแล้ว นอกนั้นเธอยังไม่อ่านแม้แต่ข้อความเดียว
“ยัยตัวแสบเอ๊ย” เขายกนิ้วชี้ขึ้นมากัดเล็บเบา ๆ อย่างใช้ความคิด อยากกวนประสาทเธอ แต่เล่นไม่ตอบแบบนี้ไม่สนุกเลย แล้วจะกวนประสาทเธออย่างไรเล่า.... งั้นโทรไปแกล้งดีกว่า รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก สมองพยายามคิดหาข้ออ้างที่ต้องโทรไปหาให้ดูสมเหตุสมผล ชายหนุ่มดีดนิ้วอย่างนึกอะไรออก ยกมือหยิบผ้าเช็ดหน้ารูปปลาโลมาสีฟ้ากำลังยิ้มออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาหาเหตุผลที่จะโทรไปหาเธอได้แล้ว รีบยกกีต้าร์ออกจากอ้อมแขนวางลงไว้ข้างเตียงเหมือนเดิม
หนุ่มหน้าหวานกดปุ่มเปิดลำโพง เมื่อกดโทรออก แล้วนั่งมองโทรศัพท์ในมือ เสียงสัญญาณโทรศัพท์กำลังต่อสายไปยังเบอร์ปลายทาง เขานั่งรอเธอรับสายอยู่นานแล้ว แต่เธอยังไม่ยอมรับสาย จึงวางโทรศัพท์ลงกับพื้นเตียง ก่อนล้มตัวลงนอนคว่ำ เงยหน้าขึ้นมา ยกมือเท้าคางรอเธอรับโทรศัพท์ สายตายังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆ เลือนหายไป กลายเป็นขมวดคิ้วย่น และบูดบึ้งแทน เพราะอีกฝ่ายยังไม่ยอมรับสายเสียที
“รับสิ!”
“ทำไมไม่รับสาย!”
เขากดวางสายอย่างหงุดหงิด แล้วกดโทรใหม่อีกครั้ง ก่อนพลิกตัวนอนหงาย ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เสียงสัญญาณโทรออกยังคงดังอยู่ แต่ไม่มีคนรับสายอยู่ดี เขาพยายามคิดถึงเหตุผลที่เธอยังไม่ยอมรับสาย เธอคงเรียนอยู่แน่เลย แล้วรีบกดวางสาย ไว้ตอนเย็นค่อยโทรไปแกล้งใหม่ก็ได้ รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากอีกครั้ง
ปฏิการมองเวลา แล้วลุกขึ้นจากเตียงได้เวลาที่ควรออกจากบ้าน หยิบกีต้าร์ตัวโปรดใส่กระเป๋าหนังสีดำ ดึงสายคล้องเข้ากับตัวเองสะพายกีต้าร์ไว้ด้านหลัง เดินออกจากห้อง ลงบันไดแล้วเดินผ่านห้องรับแขก สองเท้าของเขาชะงักเล็กน้อย ค่อย ๆ ชะโงกหน้ามองดูในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่แล้ว ทางสะดวกเลย เขารีบเดินตรงไปที่ประตูบ้านอย่างรวดเร็ว ขณะที่นั่งลงสวมรองเท้าผ้าใบ สายตานั้นมองไม่เห็นกระถางดอกกุหลาบที่เคยตั้งอยู่ข้างชั้นวางรองเท้าหน้าบ้าน เป็นดอกไม้ที่แม่ของเขาปลูกไว้ เขาชอบมองและยิ้มให้ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เหมือนเป็นตัวแทนของแม่ แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว มันหายไปไหน? ทำไมของที่เป็นตัวแทนของแม่จะต้องอันตรธานหายไปทุกอย่าง เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที โกรธผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาแย่งทุกอย่างไปจากเขา
**************************
เมื่อรถมอร์เตอร์ไซค์จอดสนิท ปฏิการดับเครื่องแล้วดึงกุญแจรถออกมาใส่กระเป๋ากางเกงยีนสีซีด สองมือถอดหมวกกันน็อกออกวางไว้ที่หน้ารถมอร์เตอร์ไซค์ แล้วก้าวลงจากรถ ยกข้อมือขึ้นดูเวลา เขามาถึงที่นัดหมายก่อนเวลาเกือบชั่วโมง เงยหน้ามองอาคารตรงหน้า ก่อนก้าวเท้าเข้าในอาคารเดินตรงไปยังห้องชมรมดนตรี ในห้องยังว่างเปล่า ยังไม่มีใครมาซักคน แม้แต่คนนัดก็ตาม เขาดึงสายสะพายกีตาร์ออกจากตัว แล้ววางพิงไว้กับโต๊ะไม้ริมหน้าต่าง เลื่อนเก้าอี้พลาสติกสีน้ำเงินมาใกล้โต๊ะไม้ก่อนจะนั่งลง เอนหลังพิงพนักอย่างสบาย สายตามองออกไปด้านนอกมองเห็นสนามหญ้าสีเขียวสด ต้นเฟื่องฟ้ากำลังออกดอกสีชมพูสลับกับสีขาวพราวเต็มต้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหายัยตัวแสบเป็นค่าเวลา มืออีกข้างวางอยู่บนโต๊ะเคาะโต๊ะไม้เบา ๆ
เมื่อเสียงรอสายหยุดลง ริมฝีปากบางได้รูปนั้นโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างดีใจ เธอรับสายแล้ว
“ฮัลโหล” เสียงปลายสายตอบกลับมา หลังจากที่เธอกดวางสายไม่รู้กี่รอบ จนหงุดหงิด เขาจะโทรมาอะไรกันนักหนานะ! จึงตัดสินใจรับสาย เขาอาจจะมีเรื่องสำคัญก็ได้
“นี่! กดสายทิ้งทำไม” หนุ่มผมยาวอดต่อว่าเธอไม่ได้
“มีอะไรคะ” น้ำเสียงนั้นดูรำคาญไม่น้อย
“ไม่มีจะโทรหาเหรอ?” แม้น้ำเสียงของชายหนุ่มจะห้วนแต่สีหน้านั้นอมยิ้มตลอดเวลาที่ได้แกล้งคน
“รีบพูดมาสิ”
“ปริมอยู่ที่ไหนตอนนี้ มามหาลัยหรือเปล่าครับ”
“อยากรู้ทำไม ฉันจะอยู่ที่ไหนเกี่ยวอะไรกับนายด้วย” อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงห้วน
“จะคืนผ้าเช็ดหน้าให้ปราม ลืมคืนให้ มันติดอยู่ในกระเป๋าเสื้อ หรือว่าเธอจะให้ฉันแทนก็ได้นะ”
“นี่! ฉันให้พี่ปรามไม่ได้ให้นายซักหน่อย” อีกฝ่ายไม่ยอม พูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม เขาช่างกวนโมโหเธอเสียจริง
“งั้นเธออยู่ไหนล่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่มอ”
“ฉันกลับแล้ว”
“งั้น...ไว้วันอื่นนะ หรือไม่...ไว้เอาไปคืนที่บ้านก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องมา!”
“พรุ่งนี้แล้วกัน เดี๋ยวไปเอาเอง” หญิงสาวถอนหายใจ นึกว่าจะไม่ต้องเจอหน้าเขาอีกแล้ว
“พรุ่งนี้ไม่ว่าง มีนัด”
“มะรืนล่ะ” เธออยากจะรีบไปเอาให้เร็วที่สุดจะได้จบ ๆ เสียที
“ไม่ว่างเหมือนกัน”
ปริมาทำหน้าเซ็ง
“ไว้ค่อยนัดกันใหม่แล้วกัน แค่นี้นะ” เธอตัดบทแล้ววางสายไปดื้อ ๆ
“นี่! เดี๋ยว!” เขามองโทรศัพท์ที่ถูกอีกฝ่ายวางสายไปแล้วอย่างงุนงง จะรีบไปไหนของเธอ ยังคุยไม่จบเลย
“คุยกับใครวะ!” เขายืนมองเพื่อนคุยโทรศัพท์อยู่นานแล้วด้วยความแปลกใจ เห็นคุยไปยิ้มไปตลอดเวลา
ปฏิการสะดุ้ง! หันมามองเพื่อน ก่อนจะชักสีหน้าปกติ
“รุ่นน้อง”
“หืม...” เพื่อนทำเสียงอยู่ในลำคอ มองหน้าหนุ่มผมยาวด้วยความสงสัย
“ผู้หญิง...?” คนที่จะทำให้คุยไปยิ้มไปขนาดนี้คงไม่น่าจะเป็นผู้ชายแน่นอน แต่ปกติแล้วไม่เคยเห็นเพื่อนหน้าหวานคุยกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย และออกจะรำคาญเวลามีสาว ๆ มาปลื้มด้วยซ้ำ เวลามีสาวมาขอเบอร์ไม่ยอมให้ใครซักคน แถมยังเดินหนีอีกต่างหาก ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?
“ชื่อ...?”
“ซ้อมเพลงได้แล้ว” ปฏิการทำไม่รู้ไม่ชี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หยิบกระเป๋าหนังสีดำขึ้นมาวางบนโต๊ะไม้แล้วเปิดซิป ดึงกีต้าร์ออกมา
ปณตหัวเราะอาการการบ่ายเบี่ยงของเพื่อน แบบนี้มีพิรุต
“ชื่อ...?” เขาถามย้ำอีกครั้ง พลางจับแขนเพื่อนไว้ แล้วจ้องหน้าคนหน้าหวาน
“ข้าต้องรายงานแกทุกเรื่องเหรอวะ จะซ้อมมั้ย? ไม่ซ้อมข้าจะไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาซะหน่อย”
“ซ้อม ๆ” เพื่อนหัวเราะเสียงดัง ยังไม่อยากเซ้าซี้เพื่อนตอนนี้
******************
สวัสดียามค่ำค่า... ขอบคุณที่คอมเม้นต์ให้นะคะ รีบจัดตอนต่อไปให้เลยค่า...
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 1140
ความคิดเห็น
รถมอร์เตอร์ไซด์ = รถมอเตอร์ไซค์ ครับ
ขอบคุณมากค่า...ตรวจคำผิดให้เสมอเลย
❤️
ขอบคุณมากค่า...มีอะไรต้องแก้ไขรึเปล่า ช่วยแนำนำด้วยน้า...
แสดงความคิดเห็น