ตอนที่ 5 .. “ ของรักของหวง ”

พยัคฆ์ร้าย..สายลับ
คุณกำลังอ่าน: พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

-A A +A

ตอนที่ 5 .. “ ของรักของหวง ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

โชคดีที่พบเธอ - ฝน ธนสุนทร (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) พัชฌา

โชคดีที่พบเธอ - ฝน ธนสุนทร (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) พัชฌา

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 5 .. “ของรักของหวง”

     “ ไม่ว่าแกจะคิดอะไร จะทำอะไร ย่าขอให้แกหยุด ทำเพื่อย่าสักครั้งได้ไหม ความสุขของพ่อ แกทำให้ท่านไม่ได้เลยรึ เคยสัญญาอะไรไว้กะย่า ” ขนมผิงเป็นเด็กดื้อ และเอาแต่ใจตัวเอง เธอนิ่ง และไม่ตอบอะไร เธอมองหน้าย่าอยู่พักนึง แล้วก็สะบัดหน้าเดินหนีไปทันที แล้วผาดก็มองออกไปที่หน้าต่าง ดูความสัมพันธ์ที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นของคนทั้งสอง ผาดก็ยังไม่อยากเชื่อว่าคนทั้งสองจะรักกันฉันชู้สาว หรือรักกันแบบพ่อกับลูก

<<<<< ----- >>>>>

  เผด็จ เดินลงไปดูคนร้าย กับเพ็ญ..เกศินี พาไปที่ห้องพัก สอบถามได้ว่าชื่อ ด้วง เป็นคนสนิทของสัตยา โดนยิงสองจุด แขนขวาสองนัด ข้างหลัง 2 นัด เขาได้นั่งพูดคุยกับด้วงแบบกันเอง

   “ ไงเรา ” เผด็จ ถามเหมือนคนกันเองเลย

   “ นายช่วยเราทำไม ” ด้วงยังสงสัย

   “ อย่าคิดอะไรมาก” เผด็จ ลุกขึ้น หันหลังและเดินไปช้าๆ

   “ นายมันก็แค่คนทำตามคำสั่งเจ้านาย ฉันรู้ว่าเนื้อแท้จริงๆข้างในแล้ว นายไม่ใช่คนไม่ดี เพียงแต่นายอยู่ผิดที่ผิดทางก็เท่านั้น ” ด้วงฟังแล้วอึ้งไปพักใหญ่

   “ นายหมายความยังไง ” ด้วงยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ

   “ อาเต๋า ก็หมายความว่า อยากให้นายเลิกอาชีพนี้ซะแล้วกลับตัวเป็นคนดียังไง เข้าใจไหม” เพ็ญ กล่าวขึ้นมา

   เผด็จ ยืนยิ้มอยู่ และดีใจที่เพ็ญเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ด้วงเงียบไม่พูดอะไร

   “ นายกลัว ” อยู่ดีๆ เผด็จ ก็พูดออกมาดื้อๆ

   “ ใช่แล้ว นายกลัว..ตาย ” แล้วเพ็ญ ก็กระทุ้งเข้าไปอีก ทำให้ด้วงสับสน

   “ เราไม่กลัว ” ด้วงพยายามปฏิเสธ ทั้งที่ๆ ตัวเองกลัว ใครๆ ก็รู้ เพราะเหงื่อที่มันผุดออกมามันฟ้อง

   “ ฉันไม่ได้คิดจะฆ่านายหรอกนะด้วง ” แล้วเผด็จ ก็หันมา ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์

   “ หมายความว่าไง ” ด้วงไม่เข้าใจ ด้วงยังไม่เห็นสีหน้าของเผด็จ

   “ เราอยากให้นายช่วย ” เพ็ญ กระซิบที่ข้างหูด้วง

   “ ช่วย ” ด้วงแปลกใจ “ ช่วยอะไร เราจะไปช่วยอะไรใครได้ ” เผด็จ ยิ้มแล้วก็ยักคิ้วส่งให้เพ็ญ ล้างสมองต่อ

   “ อิสรภาพของนาย ” เพ็ญ กระซิบที่ข้างหู อีกแล้ว

   “ ยังไง ” ด้วงก็ยังไม่เข้าใจ แต่ใจเริ่มกลัวเผด็จขึ้นมาแล้ว

   “ แค่ช่วยให้นายไม่ต้องไปทัวส์ห้องกงไง ”

   “ ติดคุก ” เขาตีความหมายออก

   “ แค่นายกลับเข้าไปที่เดิม องค์กรจันทร์เสี้ยว อะไรของนายเหมือนเดิมนั่นแหละ แล้วทำตัวปกติ ใครพูดอะไร ทำอะไร นายก็แค่ช่วยมาบอกพวกเราหน่อยก็แล้วกัน แค่เนี่ย ทำได้ไหม ”

   “ เป็นสาย จะให้เราเป็นสายรึ ” ด้วงสะดุ้ง “ ไม่เอา ”

   “ ไหนบอกไม่กลัวไง ” เผด็จ พูดออกมาแบบเอาจริง

   “ ก็เลือกเอา ถ้าแกเดินออกไปจากที่นี่ แล้วเกิดถูกใครยิงตายขึ้นมา ฉันไม่รับผิดชอบนะ ”

   จะเอาไงหละทีนี้ด้วง รับปากก็ตาย ไม่รับปากก็ตาย ด้วงสับสน

   “ ฉันไม่รู้หรอกนะว่า ไอ้องค์กรที่นายรับใช้อยู่หนะ มันมีของรักของหวงอะไรนัก ถึงได้บุกไปตามล้างตามเช็ดฉันที่เกาะนั้นได้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจ ” พอเผด็จ พูดถึงของรักของหวง ด้วงก็นึกถึงของที่เก็บอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือ แล้วเขาก็เผลอหลุดปากออกมา ไม่ดังนัก “ ตู้คอนเทนเนอร์ ”

   “ อะไรนะ ” เพ็ญถามเพราะนั่งอยู่ใกล้ที่สุด

   “ ตู้คอนเทนเนอร์ อะไรที่ไหน ” เพ็ญถามด้วง มันคืออะไร

   “ ก็ของรักของหวงขององค์กรไง ที่นายถาม มันคือ ตู้คอนเทนเนอร์ ที่เก็บอยู่ที่ท่าเรือ ”

   “ มิน่าหละ ” เผด็จ คิดถูก

   “ ของทั้งหมดที่อยู่ในคอนเทนเนอร์นั้นประตูจะเปิดไม่ได้ ถ้าไม่มีรหัสลับอีกชุดนึง มันอยู่ในโทรศัพท์ที่พวกเขาทำหายไปในการปะทะกันครั้งก่อนกับนายไง นายเก็บไว้นี่เอง มิน่าหละ นายใหญ่ถึงได้สั่งให้พวกข้าตามหานายให้เจอแล้วเอากุญแจมาให้ได้ ถึงจะได้ลูกกุญแจไป แต่ก็ยังเปิดไม่ได้ เพราะมันถูกผูกไว้ถึงสองขั้นตอน ”

   “ สองขั้นตอน ยังไง แล้วทำไมนายถึงบอกว่า จะเปิดไม่ได้ นั่นแสดงว่า ถ้าไม่มีรหัสอีกชุดหนึ่ง ก็..” เผด็จคิด

   “ ใช่ครับ..เปิดไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ” ด้วงย้ำความคิดของเผด็จ

   ยิ่งคิดยิ่งยุ่งเหมือนยุงตีกัน เผด็จ ถอนหายใจ

   “ เอาหละเรื่องนั้นขอบใจมาก แต่สำหรับเรื่องขอแรง ” แล้วเขาก็ก้มหน้าหยุดคิด แล้วก็เงยหน้าขึ้นมา

   “ ฉันไม่เร่งรัดนะด้วง นายเอาข้อเสนอของฉันกลับไปนอนคิดอีกสักคืนสองคืนนะ เพราะอีกไม่กี่วัน ”

   เผด็จ จ้องมองไปที่ด้วง แล้วก็ใช้จิตวิทยาเล่นงานด้วง

   “ นายก็ร่างกายแข็งแรงดีขึ้นแล้ว ฉันก็จะปล่อยนายออกไปสู่โลกกว้างเหมือนเดิม ส่วนนายจะรับปากหรือไม่นายจะปรับสภาพตัวเองยังไงฉันไม่ว่า พักผ่อนเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันไม่รบกวนเวลานายแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะ ”

   แล้วเผด็จก็สะกิดเพ็ญ ลุกออกไปพร้อมกัน เกศินีเดินเข้ามาและรายงานอีกว่า ลีซอ ขอพบมีเรื่องอยากจะพูดด้วย แล้วเผด็จก็ไปคุยกับลีซอต่อทันที เกศินีมองเพ็ญแบบแปลกๆ จึงอดที่จะคิดไม่ได้

   “ ตกลงเป็นหลานหรือว่าเป็นคนรักเนี่ย ตัวติดบอสไม่ห่างเลย เห็นตั้งแต่มาถึงแล้ว ”

   แล้วเกศินี ก็เดินตามเผด็จไป..เผด็จเดินเข้ามานั่งข้างๆ เตียง ลีซอยกมือไหว้ขอบคุณ เผด็จ

   “ ข้าขอขอบคุณนายมากที่ได้ช่วยรักษาข้าจนหายเกือบจะเป็นปกติแล้ว ข้าจะไม่ขอลืมพระคุณนายเลยที่ช่วยในครั้งนี้ มีอะไรที่จะให้ข้าช่วย บอกข้ามาได้เลย ข้าและพวกในหมู่บ้านยินดี ”

   “ อย่าคิดอะไรมากเลยนะลีซอ ฉันเคยบอกนายไปแล้วว่า พวกนายโดนบังคับ ฉันไม่ถือโทษโกรธอะไรนายหรอก ฉันเข้าใจว่านายทำตามหน้าที่ ” เพ็ญเมื่อย ก็เลยนั่งยองๆ ลงข้างๆ เผด็จ แล้วเอาแขนขวาวางบนตักซ้ายเขา

   “ ถ้าไม่มีอะไรอีกสองวัน ข้าก็จะขอกลับดอยนะนาย ”

   “ ถ้าคิดว่าไหว ก็เอาเลย ตามสบาย ” แล้วหันไปบอกเกศินี

   “ อย่าลืมจัดยาให้ ลีซอด้วยนะเอาไปเยอะๆ เผื่อที่หมูบ้านด้วย เวชภัณฑ์ อะไรที่สำคัญ แบ่งให้เขาไปด้วยนะ ”

   “ ค่ะบอส ” เกศินี ยิ้มหวานรับคำสั่ง แล้วก็เดินออกไป

   “ อะไรกันอาเต๋า เราไม่ใช่มูลนิธินะคะ ” เพ็ญ ออกตัวแรงไปรึป่าว

   “ เถอะน่า ของก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร กล่องยาที่จำเป็นกระเป๋าเดียว ขนหน้าแข็งพ่อแก ไม่ล่วงหรอก ”

   เชี่ยว นั่งดู Tv อยู่ที่บ้าน อยู่ดีๆ ก็จาม “ ฮัดเช้ย ” เหมือนมีคนนินทา ก็ยังงง อยู่ว่าจามได้ยังไง

   “ นั่นว่าไปนั่น ” เพ็ญ ตีขาเผด็จ เบาๆ เผด็จ เอามือซ้ายมาลูบหัวหลานสาวเบาๆ เช่นกัน แล้วยิ้ม

   “ ไม่เป็นไรหรอกนาย ข้าเกรงใจ แค่นี้ก็ทดแทนบุญไม่หมดแล้ว” ลีซอ เริ่มเข้าใจเผด็จ ว่าทำไมถึงมีแต่คนรัก

   “ เอาไปเถอะค่ะลีซอ หนูล้อเล่น ” ลีซอ ไหว้เพ็ญ เพ็ญโบกไม้โบกมือใหญ่เลย

   “ ไม่เอา ไม่เอา อย่ามาไหว้หนู หนูเด็กกว่าลีซอเยอะเลย ” เพ็ญออกตัว

   “ เออ เกือบลืม ก่อนไปข้าขอบอกความลับขององค์กรนี้อย่างหนึ่งให้เป็นของขวัญก็แล้วกัน ”

   “ อะไร คือความลับขององค์กรนี้ ” เผด็จถาม

   “ ของรักหวงของมันก็คือ ตู้คอนเทนเนอร์ ไงนาย ” ลีซอยิ้ม แบบมีความสุข

   “ แกพูดเหมือน ด้วงเลย แสดงว่า Sure ” เผด็จ ค่อยยิ้มออกหน่อย

   “ นี่แสดงว่า ไอ้ด้วงมันบอกนายแล้วซิ ” ลีซอเข้าใจว่าแบบนั้น

   “ ป่าว มันไม่ได้ตั้งใจบอกหรอก แค่ มันหลุดปาก ออกมาตอนมันตกใจ ฉันก็เลยรู้ ”

   “ ยังไงฉันก็ขอบใจนายมากนะ ลีซอ พักผ่อนมากๆ นะ ฉันไปหละ ” แล้วก็บอกเพ็ญ เพ็ญลุกขึ้นมาเอามือขวากอดเอวเผด็จ แล้วก็เดินออกไปจากห้องพร้อมกัน ถึงตอนนี้ เกศินี ฟันธงเองได้เลยว่า เพ็ญชอบอาตัวเอง

<<<<< ----- >>>>>

   จ่าสน ยกนาฬิกาที่ข้อมือมาดู เกือบ 5 ทุ่ม เขาได้นัดเพื่อนสาวชื่อ อิงฟ้า ที่เป็นสายสืบให้มาหา ที่บาร์แห่งหนึ่ง แถวถนนข้าวสาร ระหว่างที่รอ จ่าสนก็หยิบเข็มบิน อาวุธที่นางเสือดาว ซัดใส่ขึ้นมาดู ยิ่งเพ็งพินิจ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า เหมือนกับอาวุธที่อยู่บนศพของนักธุรกิจที่ตายไปเมื่อเดือนที่แล้วอย่างแน่นอน ต่างตรงที่วันนี้มันไม่ได้อาบยาพิษ มิฉะนั้น เขาคงไม่มีชีวิตรอดมานั่งอยู่ตรงนี้แน่นอน จึงเก็บเข็มซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญนั้นใส่กระเป๋า อิงฟ้าก็มาถึงพอดี อิงฟ้าได้ข่าววงในจากพวกขี้ยาแถวๆ คลองเตย

   “ มานานรึยัง ” อิงฟ้า เหลียวหน้าเหลียวหลังเพื่อความปลอดภัย

   “ สักพัก ไม่นาน แล้วตกลงว่าไงข่าวที่ให้ไปหา ” 

    “ จะมีการชุมนุมอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่ได้ข้อมูลที่แน่นอนและชัดเจน ที่ท่าเรือแหลมฉบังในวันพรุ่งนี้ เวลาก็ยังไม่แน่นอน จริงหรือไม่ กำลังรอฟัง ข่าวที่ Sure กว่านี้อีกที ” อิงฟ้า พูดแบบไม่แน่ใจ

   “ แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้างหละ ยังอยากยาอยู่อีกรึป่าว ฉันเตือนด้วยความหวังดีนะอิง อย่ากลับไปใช้มันอีก ”

   “ ไม่แล้วหละ ดีขึ้นบ้างแล้ว แรกๆ ก็แทบแย่ ก็แกเล่นหักดิบฉันขนาดนั้น ใครจะไปทนไหว ”

   “ ดีแล้ว จะได้รู้ว่า มันทรมานยังไง ”

   “ ฉันคงไม่กลับไปหามันอีกแล้วหละ ถ้าวันนั้นฉันไม่เสียท่าให้กับไอ้พ่อเลี้ยงเลวๆ นั่น ”

   แล้ว อิงฟ้าก็เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้สนฟังอีกครั้ง สนก็ไม่เบื่อที่จะฟัง

   “ เพราะไอ้ยาสลบที่มันเอามาโป๊จมูก แล้วลากฉันไปข่มขืน และก็เอายานรกฉีดให้ฉันเพื่อเป็นทาสบำเรอกามให้มัน รับรอง ฉันไม่มีทางติดมันหรอก ” สนนั่งฟังแบบเห็นใจ

   “ ฉันเข้าใจอิง แกก็ฆ่ามันไปแล้วสมใจแกแล้วนี่ แล้วยังจะเก็บมาคิดทำไม ให้มันเจ็บใจป่าวๆ ไม่เอาไม่เอา ”

   แล้วสนก็ยกแก้วเบียร์ ยื่นให้กับอิงฟ้า แล้วยกแก้วชนกัน

   “ ดื่ม เพื่อลืมอดีต ” สนบอกอิงฟ้าอย่างนั้น

   “ ใช่ ดื่มเพื่อลืมอดีตที่ขมขื่น ” อิงฟ้า คอไม่ค่อยแข็ง เริ่มจะเมานิดๆ 

   “ แต่ฉันสันนิษฐานนะว่าอาจจะเป็นการรวมกลุ่มของนักค้ายาจำนวนมากเป็นประวัติการอย่างแน่นอนเพราะเท่าที่รู้ ไอ้องค์กรจันทร์ครึ่งเสี้ยวหรือที่เรียกสั้นๆว่า จันทร์เสี้ยว เนี่ยได้ของที่หายไปกลับมาแล้ว จำนวนมาก และอาจซุกซ่อนอยู่ที่ท่าเรือแห่งนี้ก็เป็นได้ ”

   “ มีสิทธิ์นะอิง เพราะเมื่อเช้านี้ ตอนที่ฉันไปกับรองเผด็จ ฉันเห็นท่านเอากุญแจดอกนึง ไปแลกกับชีวิตตัวประกัน มันก็ยอม แสดงว่า กุญแจนั่นต้องมีความสำคัญมาก ” สนมองไปที่อิงฟ้า ฟังเขาพูดรึป่าวก็ไม่รู้

   “ เฮ้ยไอ้อิง อะไรวะ ยังไม่หมดแก้วเลย หลับไปซะแล้ว ” สนส่ายหัว แล้วก็ หยิบเข็มขึ้นมาดูอีกที เขานึกถึงหน้า นางสิงห์ดำ ขึ้นมาทันที เพราะนางทำให้เขาเจ็บ เขาก็เลยรำพึงออกมา “ นางสิงห์ดำ ”

>>>>> ----- <<<<<

   เช้าวันรุ่งขึ้น แทนไท ได้ถือกระเช้าดอกไม้ ไปที่กองปราบหมายจะเยี่ยม รองเผด็จฯ ตามแผนที่ได้วางเอาไว้ ได้พา เทียมฟ้า ลูกชาย สุดกร่าง พร้อมทั้ง จีจี้ มาด้วย ภูผา คนขับรถ ได้เปิดประตูให้คุณหนู ทั้งสอง คนมองกันทั้งกองปราบว่า เจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ มาทำไมและมาหาใครที่กองปราบ เมื่อมาถึงประชาสัมพันธ์ที่ชั้นนั้น

   “ สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ ” ประชาสัมพันธ์ ยกมือไหว้อย่างสวยงามพร้อมรอยยิ้ม

   “ ท่านผู้การเผด็จฯ มารึยังครับ พอดีไม่ได้นัดไว้ก่อน ผ่านมาก็เลย จะแวะมาทักทาย ” คฑา พูดแบบสุภาพ

   “ ผู้การ ลาออกไปนานแล้วค่ะ คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึป่าวคะ ” ประชาสัมพันธ์คนสวยแจ้งให้ทราบ

   “ อ้าว ” คฑา แปลกใจ “ ก็เมื่อวานสายๆ ข่าวยังออกอยู่เลยว่า ท่านผู้การเผด็จ ได้ปราบปรามผู้ก่อการร้ายที่ศาลายาอยู่เลย เอ๊ะ นี่มันยังไงกัน ” แล้วคฑา ก็หันไปหาแทนไท แทนไทก็ทำท่าบอกไม่รู้

   ระหว่างนั้น ผบ.ตร.เชี่ยว เดินออกมาจากลิฟท์พอดี เห็นแทนไท ก็เดินเข้าไปหา เพราะยังไงก็ต้องผ่านตรงนั้นอยู่แล้ว “ อ้าวมีอะไรกันรึ ” เชี่ยวถามด้วยความแปลกใจที่เห็นแทนไทที่นี่

   “ คุณทั้งหมดนี้บอกว่า จะมาหาผู้การเผด็จค่ะท่าน ดิฉันก็เรียนให้ทราบไปว่า ท่านผู้การเผด็จ ได้ลาออกไปนานแล้ว คงจะเกิดความเข้าใจผิดค่ะท่าน ” ประชาสัมพันธ์ อธิบายให้ท่าน ผบ.ตร ทราบอย่างละเอียด

   “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง ” แล้วเชี่ยวก็ยกมือขวาขึ้นตั้งฉากเล็กน้อย บอกให้ประชาสัมพันธ์ กลับไปทำงาน แล้วเขาก็เผชิญหน้ากับแทนไทต่อ

   “ ก็อย่างที่บอกหละครับ คุณแทนไท น้องผมมันได้ลาออกจากราชการนานแล้ว 5-6 เดือนได้มั้ง นี่คุณไปอยู่ไหนมา ไม่ทราบข่าวอะไรเลยเหรอ ” แทนไท ทำท่าไม่พอใจ แต่ก็ต้องวางฟอร์ม เจ้าพ่อไว้ก่อน ฝืนยิ้มให้

   “ ผมมัวแต่ทำงานครับท่าน ก็เลยไม่ทราบว่า ผู้การเผด็จ ลาออกไปแล้ว แหม ผมนี่แย่จริงๆ เอ..แล้วที่มันออกข่าวเมื่อวานตอนสายๆ ว่า ใครนะ ที่บุกทลายรังโจร แล้วไปกู้ระเบิด อะไรนะ คฑา ” เขาแกล้งหันไปถามคฑา

   “ ระเบิดเวลา ซีโฟว์ ที่ศาลายา ครับท่าน ” คฑา รับมุข รีบตอบกลับ

   “ น่านแหละ ระเบิดซีโฟว์ ” แล้วก็หันมาหาเชี่ยวอีกครั้ง

   “ แล้วนั่นใครหละครับท่าน ผบ.ตร. ” แทนไท ถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน

   “ นั่นผมขอแรงให้เขาไปช่วย เพราะไม่มีใครกู้ระเบิดได้เก่งเท่าเขา ” เชี่ยวแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ

   “ เอ แต่เท่าที่ผมฟังข่าวดู คนที่กู้ระเบิดหนะ ผู้กองอัธวิทย์ไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่ผู้การ” เชี่ยวเริ่มสีหน้าไม่ดี

   “ แล้วไม่ทราบว่า ผู้การเผด็จ ไปทำอะไรที่นั่น เห็นข่าวบอกว่า ไปจับพวกองค์กร อะไรนะคฑา ”

   “ จันทร์เสี้ยว ครับท่าน” คฑา ตอบอีกครั้ง

   “ นั่นแหละๆ แล้วคราวนี้จะอธิบายให้ผมยังไงครับท่าน งานใหญ่ระดับนี้ ไม่ใช้ตำรวจ แต่ใช้อดีตตำรวจเหรอ ตลกนะท่าน ผบ. ” เชี่ยวไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับแทนไท ก็เลยขอตัวทันที

   “ เอาเป็นว่า เผด็จ ไม่ได้อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อนแล้วกัน มีงานรออยู่ ” เชี่ยว กำลังจะเดินไปที่ห้อง ลิฟท์เปิดออก ภาพที่ปรากฏคือ เผด็จและเพ็ญ เดินออกมาพร้อมกัน จีจี้ เห็นเผด็จตัวจริงตัวเป็นๆ ตรงหน้าเธอ เธอยิ้ม และก็ต้องตกใจเมื่อเจอเพ็ญที่นี่ เธอจำเพ็ญได้ “ เธอ ” จีจี้ อุทานออกมา เพ็ญก็ตกใจเช่นกัน

   “ เธอมาทำอะไรที่นี่ และมากับ ” จีจี้ ชี้ไปทางเผด็จ แต่เพ็ญไม่สนใจในคำถามของจีจี้ เดินเลยไปหาพ่อเธอทันที แล้วทิ้งหางตา เยาะเย้ย แบบสะใจ หัวเราะเล็กน้อยใส่จีจี้ .. จีจี้ แค้นมาก กระทืบเท้าเดินไปนั่งที่โซฟา

   “ คุณพ่อ ” เพ็ญเรียกพ่อก่อนเลยไม่สนใจว่ามีใครอยู่บ้าง

   “ อ้าว ลูกเพ็ญ มาได้ยังไง ไหนบอกว่า ลาพักร้อนไง ” รีบออกตัว แกล้งพูดไปแบบนั้น เพ็ญ ก็งง นิดๆ แต่ก็ยังพอรับมุขพ่อได้ เมื่อหันไปเห็น แทนไท กับพวกยืนอยู่

   “ สวัสดีครับ ผู้การ ผมแทนไท ” แทนไทได้โอกาสรีบแนะนำตัว แทนไทจะแชคแฮน แต่เผด็จ ยกมือไหว้ แทนไทเก้อไปเลย ก็เลยต้องรับไหว้ “ กระเช้า คฑา กระเช้า ” แทนไทหันไปบอก คฑา

   คฑา ส่งกระเช้าให้ แทนไท..แทนไท ส่งกระเช้าให้เผด็จอีกที เผด็จ ก็ส่งต่อให้กับ เพ็ญ แล้วเพ็ญก็เอาไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ ประชาสัมพันธ์ ก็หยิบออกจากตรงนั้นอีกครั้ง แล้วไปวางไว้ที่โต๊ะด้านใน

   “ ผมเห็นความกล้าหาญของท่านผู้การเมื่อวาน ผมประทับใจมาก ก็เลยหาเวลามาเยี่ยม พึ่งทราบเมื่อกี้ว่า ท่านได้ลาออก ผมไม่รู้เลยจริงๆ เลยครับ ว่าท่านได้ลาออกไปนานแล้ว ผมนี่แย่จริงๆ ” แทนไทออกตัวอย่างแรง

   “ ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ นักธุรกิจมีชื่อเสียงอย่างคุณแทนไท ย่อมหาเวลายาก ซึ่งต่างกับผม คนที่ออกจากราชการแล้ว เขาเรียกให้มาช่วยอะไรเล็กๆ น้อยๆ ผมก็ขัดไม่ได้ นั่นก็พี่ นี่ก็เพื่อน จริงไหมครับ ” เผด็จ ออกตัว

   “ แหมท่านผู้การเนี่ย ถ่อมตัวอีกแล้ว ถึงแม้จะออกจากราชการไปแล้ว ยังอุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วยเหลืออีก น้ำใจแบบนี้หายากมากจริงๆ ” สักพักพอได้จังหวะ ก็รีบแนะนำ ลูกชาย แทนไท..กวักมือเรียก เทียมฟ้า ให้มาหา

   “ ครับพ่อ ” เทียมฟ้า รีบลุกจากเก้าอี้ เดินมาหาพ่อ เชี่ยวกับ เพ็ญ ยืนมองดูอย่างแปลกใจ ว่าแนะนำทำไม

   “ ไหว้ท่านผู้การเผด็จซิลูก ” แล้วเทียมฟ้า ก็ยกมือไหว้ แบบเก็กๆ แต่สายตาไปตกอยู่ตรงเพ็ญที่ยืนอยู่ข้างหลังเผด็จ..เขาส่งสายตาเยิ้มไปหาเพ็ญ เพ็ญดูออกก็เลยเบือนหน้าหลบ แล้วเดินมาหันหลังหลบหลังเผด็จ

   “ ลูกชายคนเดียว กำลังฝึกให้เป็นนักธุรกิจครับท่าน ก็เลยอยากให้มารู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ที่เก่งๆ เอาไว้บ้าง เผื่อมีอะไรจะได้รับใช้ หรือเรียกใช้ได้บ้าง ” แทนไท ดันลูกชายหน้าดู กลัวไม่รุ่ง

   “ พี่เชี่ยว ” เผด็จ หันซ้ายไปเรียก แก้มเผด็จชนเอากับจมูกของเพ็ญพอดี เพราะไม่รู้ว่าเพ็ญมายืนหลบอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ อุ๊ย ” เผด็จ ตกใจ เพ็ญก็เลยถือโอกาส หอมไป 1 ฟอด อย่างเร็ว โดยที่ไม่มีใครได้ทันสังเกตุ

   “ มีไรเหรอเต๋า ” เชี่ยวเดินมาหา แล้ว เผด็จ ก็หันหน้าไปทางซ้าย และยื่นมือซ้ายไปแตะไหล่พี่ชายตัวเอง

   “ นี่ไงครับ ผู้หลักผู้ใหญ่ ผบ.ตร. เลยนะ ใหญ่กว่าผมอีก ” เผด็จ กั๊กแทนไทดื้อๆ เพราะรู้ทันว่า ต้องการอะไร

   “ อยากทำความรู้จัก เชิญได้เลยครับ ผมไม่มีอำนาจอะไรแล้ว จริงไหมพี่ ” อวยพี่ชายตัวเองซะงั้น เผด็จ

   เทียมฟ้าสะกิดพ่อ แล้วมองไปทางสาวน้อยที่ยืนหลบหลังเผด็จ

   “ เอ..แล้วสาวน้อยน่ารักที่ยืนหลบอยู่หลังผู้การ นั่นใครครับ ไม่แนะนำให้รู้จักบ้างเลยเหรอครับ ” แทนไทอยากรู้ เพราะลูกชาย อยากรู้จักเต็มที่ ผบ.ตร. เลยตอบแทน เผด็จ

   “ ลูกสาวผมเองครับ ร้อยตำรวจโทหญิง เพ็ญนภา ชาญยุทธ ที่นี่รู้จักและจะเรียกกันว่า หมวดเพ็ญ เป็นเลขาหน้าห้องผมเอง หายสงสัยรึยังครับ ”

   “ แหม หน้าที่การงานดีซะด้วย อีกหน่อย คงเจริญรอยตามคุณพ่อแน่นอน น่ารักมาก ” แทนไท ออกตัวชม

   และพอได้ช่องอีกที ก็รีบเรียกลูกสาวมาแนะนำทันที..แทนไท กวักมือเรียกลูกสาว จีจี้ ลุกขึ้นปัดกระโปรง

   “ นี่ รติรัตน์ ลูกสาวผมเองครับท่านรอง หรือจะเรียก จีจี้ ก็ได้ครับ ” แล้วจีจี้ก็เดินไปไหว้ที่อกเผด็จ เพ็ญเห็น ตาโตเลย ไม่พอใจเป็นอย่างมาก รีบเดินออกมาจากด้านหลังแล้วเข้าไปแกะมือ จีจี้ออกจากอกเผด็จ ทันที

   “ ทำไรหนะ น่าเกลียด ” เพ็ญ ต่อว่า จีจี้ ต่อหน้าทุกคน แบบไม่ไว้หน้าใคร

   “ ที่เดินแบบ ฉันให้อภัย แต่ที่นี่ไม่ได้ ทำแบบนี้ฉันไม่ให้อภัยเธอแน่นอน ” เพ็ญ ดันหน้าไปชิดหน้าของ จีจี้

   เดือดร้อนแทนไทต้องเข้าไปห้ามทัพ เชี่ยวก็เช่นกัน ลูกใครก็จับกันเอาเอง

   “ นี่มันเรื่องอะไรกัน ลูกสองคนรู้จักกันด้วยรึ ” แทนไท ถามลูกสาว

   “ เจอกันที่เดินแบบค่ะพ่อ ก็งานการกุศลคืนพรุ่งนี้ไงคะ ไม่นึกว่าจะมาเจอที่นี่อีก ” จีจี้ อารมณ์เสีย

   “ ใช่ค่ะพ่อ ถ้าไม่ไปงานนี้ที่พ่อขอมาหนูก็ไม่เจอเค้าหรอก ” เพ็ญ ชี้ไปที่จีจี้

   “ เอาหละเพ็ญ ถือว่า อาขอก็แล้วกัน ได้ไหม ” เผด็จ ตัดบท ระหว่างที่กำลังวุ่นๆ ก็มีสายโทรเข้ามาจากจ่าสนว่า ฉัตรเทพมีการเคลื่อนไหว มีคนมารวมตัวกันผิดปกติที่ท่าเรือแหลมฉบัง

   “ ผมขอตัวก่อนนะครับ มีงานด่วน ” แล้วเขาก็รีบไป ขณะที่วิ่งไปหาลิฟท์ เขาชี้มือไปหาเพ็ญ

   “ โทรหาอัธวุฒิ บอกให้ไปพบอาด่วนที่จุดนัดพบ ” เพ็ญรับคำ แล้วก็รีบวิ่งตามไปเลย โดยไม่ได้ลาพ่อด้วย

   แทนไท สงสัยว่า มีงานอะไรด่วนมากขนาดที่ต้องทำให้เผด็จ รีบไปแบบนั้น จึงหันไปกระซิบกับคฑา

   “ ตามข่าวนี้ด้วยนะ สงสัยสำคัญมาก ” คฑา พยักหน้ารับคำสั่ง แล้วแทนไทก็มองเชี่ยว ซึ่งเขาเดินหายไปแล้ว

***** ----- *****

   ที่โรงพยาบาล ต้องตา พี่เลี้ยงขิง มาเฝ้าแทนเบียร์ หลังจากรู้ว่า ขิงไม่สบาย

   “ พี่ต้อง ทำไมพ่อไม่มาเยี่ยม ขิงบ้างเลย ” ทำท่าเหมือนจะร้องไห้

   “ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณหนู เห็นได้ข่าวว่า จะไปหาใครที่กองปราบไม่รู้ ให้คฑา เตรียมกระเช้าใบใหญ่ไว้ เพราะพี่มาเฝ้าคุณหนู พี่ก็เลยไม่รู้ ” ขิงนอนคิดไปคิดมา คล้ายน้อยใจว่าพ่อไม่รัก

   “ อย่าคิดมากซิคะคุณหนูของพี่ต้อง ใครไม่รัก พี่รักของพี่ เครไหม ” ขิง น้ำตาซึม เพราะนอกจาก คฑา ที่มาคราวก่อน ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเธอเลย พูดแบบภาษาชาวบ้าน เธอไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะอะไร ไม่มีใครทราบ

----- +++++ -----

   ไตรทศ เพื่อนหมวดอัธวิทย์ที่เป็นหมออยู่ที่นี่ กำลังนั่งเล่นเฮฮากะคนป่วยอยู่ โดยมีพ่อและอ้อมนั่งอยู่ข้างเตียง ส่วน จาหมงกับจ่ามิ่ง ก็นั่งหลับกันอยู่ < ก๊อกๆๆๆ > แล้วประตูก็เปิดออก หมวด ม่านมุก เพื่อนของอัธวิทย์ ที่อยู่กองปราบ ทีมเดียวกัน มาเยี่ยมหลังจากรู้ข่าว มาเจออ้อมนั่งเฝ้าวิทย์อยู่ ก็เลยออกอาการสงสัย

   “ ว่าไงคนป่วย ดูเหมือนไม่ป่วยเลย ” อัธวุฒิ สะกิดสองจ่าที่หลับอยู่ ทั้งคู่สะดุ้งตื่น แล้วลุกให้ม่านมุก นั่งแทน

   “ ไปล้างหน้า ล้างตาป่ะ ทั้งคู่เลย อะไร ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา ” อัธวุฒิไล่จ่าทั้งสองไปทันที

   “ อ้าว หนูมุก วันนี้มาเยี่ยมเจ้าวิทย์ ได้รึ ” อัธวุฒิถามเพราะแปลกใจ ไม่ค่อยเห็นม่านมุก ที่กองปราบ

   “ ค่ะ ผู้กำกับ เพื่อนๆ ในหน่วย วานให้หนูเป็นตัวแทน เอาของมาเยี่ยม ผู้กองค่ะ” ม่านมุก พูดเพราะยิ้มหวาน

   “ ขอบใจนะที่มา นี่หมอไตรทศ เพื่อนเรา เป็นหมออยู่ที่นี่ วันๆ ได้แต่อู้งาน ไม่ทำอะไร ” วิทย์แซวเพื่อน

   “ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ม่านมุก หันไปยิ้มหวานให้กับ ไตรทศ เช่นกัน

   “ เช่นกันครับ ” ไตรทศ ก็ส่งยิ้มให้เช่นกัน

   “ ส่วนนี่ หมวดอ้อม น้องเค้าอยู่ธุรการ รู้จักกันตอนฝึก ตำรวจใหม่ น้องเค้าก็มีน้ำใจมาเยี่ยมเหมือนเธอนั่นแหละ รู้จักกันไว้ เผื่อคราวหน้าเจอกัน จะได้ไม่ทักผิด ”

   “ ยินดีค่ะพี่ ” อ้อมยกมือไหว้

   “ เรียกพี่มุก ก็ได้นะ” ม่านมุก ทำดีไว้ก่อน

   สักครู่ หลังจากที่อัธวุฒิ ได้รับโทรศัพท์จาก เพ็ญ ก็บอกจ่ามิ่งกับจ่าหมง มีงาน

   “ เกิดอะไรขึ้น พ่อ ” อัธวิทย์ ถามด้วยความตกใจ

   “ มีงานด่วนเข้ามา พ่อต้องรีบไป ” พอบอกเรื่องราวกับลูกจบ ทีมอัธวุฒิ ก็รีบออกไปทันที

***** ----- *****

   ปริ้นซ์ เพื่อนของ แตงโม ( เป็นคนหาข่าว มีความชำนาญในเรื่องของ Internet และเป็นแฮกเกอร์ตัวสำคัญในการเจาะหาข่าวต่างๆ เพื่อให้ทีม Hero ทีมนี้ได้ออกปฏิบัติงานได้ ) เขาขำกลิ้ง เมื่อรู้ว่า เพื่อนตัวเอง เกือบเสียท่าพวกตำรวจ เมื่อเล่าให้ฟังถึงวีรกรรมที่ผ่านมา

   “ เป็นไปได้ไงวะไอ้เสือ ถูกตำรวจกล่าวหาว่าเป็นโจร หมดกัน ฉายา เหยี่ยวราตรี จะเป็นพระเอกกะเขาซะหน่อย แหม ดันมองเป็นผู้ร้ายซะได้ ”

   “ อย่าเลยไอ้ปริ๊นซ์ คนเรามันก็ต้องผิดพลาดกันได้ ” สักพัก ปริ๊นก็จับสัญญานอะไรได้อย่างหนึ่ง คล้ายกับว่า มีการชุมนุมกันที่ใดสักแห่งหนึ่ง ปริ๊นซ์ ก็เลยแฮ็กเข้าไปในสัญญานนั้น พอจับใจความได้ว่า มีการนัดรวมพลเพื่อส่งของกันที่ ท่าเรือแหลมฉบัง โกดัง 2 ทั้งสองคนก็ แตะมือกันทันที

----- +++++ -----

   เปาเปา สาวร่างอ้วนลูกน้องในที่ทำงานของปูนวันนี้แต่งตัวน่ารักเป็นพิเศษอารมณ์ดีเดินเข้ามาทักทายเจ้านาย

   “ พี่ปูนขา วันนี้ คุณครูทับทิมจะมาสอนเทควันโดไหมคะเพราะเห็นหยุดสอนไปหลายวัน ”

   ปูนกำลังจะอ้าปากบอก แตงโม โทรมาพอดี

       “ มีงานด่วนรีบกลับฐาน สามสาวจะออกปฏิบัติการวันนี้ที่ท่าเรือแหลมฉบังรีบมาทันทีบอกทับทิมด้วย ” แล้วปูนรีบโทรบอกทับทิม ทันทีให้ไปเจอกันที่ฐานของพวกเธอ

       “ แล้วตกลงยังไงคะพี่ปูน ”

               “ ไม่มา จัดคนอื่นสอนแทนไปก่อน ไปหละ รีบ ” แล้วปูนก็รีบออกไปเลย

----- ****** -----

   นอกเมือง เส้นทางสุขุมวิทเก่า (ถนนสุขุมวิท ทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ ไปจนถึงแยกอำเภอบางปะกง) ฉัตรเทพ ใช้เส้นทางนี้เดินทาง เพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุด กำลังเดินทางไปท่าเรือที่แหลมฉบัง นางเสือดาว ขับรถจิ๊บเปิดประทุน มากับ นางสิงห์ดำ นำหน้า ส่วนนางแมวป่า ขับมอเตอร์ไซด์ ปิดท้าย ระหว่างที่ฉัตรเทพ กำลังเดินทาง ก็มีคนมาลอบฆ่า < เปรี้ยง เปรี้ยง > กระสุน 2 นัด ผ่านหูนางแมวป่า ไปโดนรถเก๋งคันโตที่ฉัตรเทพนั่งอยู่  นางแมวป่า ตกใจรถเกือบล้ม เธอหันมองซ้ายขวา ก็ยังไม่เห็นใคร

   “ มันยิงมาจากทางไหนวะ บิงซู” ฉัตรเทพถาม

   “ ไม่รู้เหมือนกันนาย ผมกำลังจับทางมันอยู่ แต่ไม่ต้องกลัวครับ รถเรากันกระสุน ”

   นางแมวป่า คิดว่าจะนำรถหลบเข้าข้างทาง เพื่อดูลาดราว แต่ก็ไม่ทำ เธอขับต่อไปเรื่อยๆ นางเสือดาว กับ นางสิงห์ดำ เมื่อได้ยินเสียงก็วอร์ถามนางแมวป่า “ ว่าไงโบว์ เจอตัวไหม ”

   ทั้งสองคนเป็นห่วงน้องสาว “ ยังไม่เห็นตัวเลยพี่ ” โบว์ตอบกลับไป

   สักพัก โบว์ก็มองเห็นรถกระบะ 2 คัน วิ่งโผล่มาจากกระจกหลัง และมาประกบเธอ ตามด้วยมอเตอร์ไซด์อีก 2 คัน “ มาแล้วพี่ ประกบหนูอยู่เลย เอาไงดี ”

   ระหว่างที่โบว์กำลังคุยอยู่นั้น กระจกรถทั้งสองคัน ก็เริ่มเลื่อนลง ปืนค่อยๆ ยื่นออกมา โบว์เห็นก่อน เลยกดเบรคหน้าหยุด ล้อหลังชี้ขึ้นฟ้า  รถสองคัน ก็เลยแซงเธอไป ส่วนมอเตอร์ไซด์ลึกลับอีก 2 คันแซงขึ้นไปที่รถฉัตรเทพก่อนแล้ว เสียงปืนดังติดต่อกันตลอดทาง เบ็นซ์ตัดสินใจ หันหัวรถกลับทันที ( ดริ๊ฟ ขั้นเทพ ) แล้ว วิ่งสวนไปทางท้ายรถ นางสิงห์ดำ ยิงปืนสวนตลอดทาง มอไซด์คันที่อยู่ทางขวาก็หลบลงข้างทาง ส่วนทางซ้าย ก็ยังคงประกบอยู่ รถกระบะ คันหนึ่ง ไม่ทันตั้งตัว เห็นเบ็นซ์ ขับตรงผ่ามา มันหักหลบกะทันหัน รถลงข้างทางไปอีกหนึ่ง ส่วนอีกคันก็วิ่งตามหลังรถฉัตรเทพยิงกระหน่ำด้วยเอ็ม 16 โบว์บิดมอเตอร์ไซด์ คู่ใจ ตามมาทัน ใช้มือซ้ายเล็งปืนไปที่ล้อรถแล้ว ซัดเต็มเหนี่ยว < เปรี้ยง..บึ้ม > ล้อระเบิด เสียหลักลงข้างทางไปเหลือมอไซด์แค่คันเดียว

   เบ็นซ์ ดริ๊ฟรถ กลับมาใหม่ เร่งเครื่องมาช่วยน้อง รถกระบะที่เสียหลัก กับมอเตอร์อีกคัน วิ่งตามมาประกบเบ็นซ์ แป๋ว ก็ยิงช่วย คนในรถกระบะคนหนึ่ง กระโดดลงมาหลังรถจิ๊บ แป๋วเห็น กระโดดไปต่อสู้กันหลังรถจิ๊บ บิงซู นำรถเลี้ยวเข้าป่าข้างทาง ก่อนที่จะออกถนนใหญ่ มอเตอร์ไซด์ก็ขับตาม คันหนึ่ง โดดลอยข้ามหัวโบว์ไปดักด้านหน้า อีกคันก็ยังประกบ บิงซูอยู่ นางสิงห์ดำ จัดการกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญได้ นึกขึ้นได้ว่า หลังรถ มีบาซูก้าอยู่ เธอเปิดผ้า แล้วเอาหยิบปืนขึ้นมาประทับบ่า เล็งแล้วยิงไปที่รถกระบะคันนั้นทันที < ตูม > เป็นจุลไปอีก 1 คัน แป๋ว กลับมานั่งที่เดิม เอามือขวาแตะกับมือซ้ายของเบ็นซ์ แล้วก็ส่งเสียงร้อง “ วู้ มันจริงโว๊ย วันนี้ ”

   โบว์ ขับตามมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งทัน เธอหาจังหวะ เอาเท้าถีบมอเตอร์ไซด์คันนั้น ต่างคนต่างหลบ เบ็นซ์เร่งเครื่องตามทัน วอร์บอกให้โบว์ตามคันหน้าไป คันนี้เขาจัดการเอง โบว์ก็พยักหน้า แล้วยกล้อแซงขึ้นไปเลย เบ็นซ์ เปลี่ยนเกียร์เร่งเครื่องเต็มที่ บอกแป๋ว  “ จับให้แน่นนะเพื่อน ”  แป๋วเอามือจับเหล็กหน้ารถไว้แน่น  “ พร้อมแล้ว ”

สิ้นเสียงแป๋ว เบ็นซ์ เชนเกียร์อีกรอบ พุ่งชนหลัง มอเตอร์ไซด์คันนั้นอย่างแรง จนกระเด็นไปโดนต้นไม้ข้างทาง คอหักทันที เธอหยุดรถ แล้วหันไปดู แล้วก็ขับรถออกตามโบว์ไป

   โบว์ ขับรถมาไม่เห็นร่องรอยรถเจ้านายเลย พอมองเข้าไปในชายป่า ก็เห็นรถเจ้านาย จอดอยู่ เธอจอดรถ แล้วถือปืนลงมาดูลาดราว เบ็นซ์และแป๋วตามหลังมาจอด แล้วก็ลงไปพร้อมกัน โบว์บอกให้แยกไปคนละทาง คนร้ายสองคน กำลังวิ่งไล่ยิง ฉัตรเทพ เข้าไปในป่า

   โบว์เห็นคนหนึ่ง เลยวิ่งตามไป แป๋วกับเบ็นซ์ แยกไปอีกทางหนึ่ง โบว์ มาดักคนนั้นไว้ทัน คนร้ายจะยิงปืนลูกปืนหมด ก็เลยโยนปืนทิ้ง โบว์ ดึงอาวุธออกมา เธอสะบัดกระบองเล็กออกยาวพอดีมือ ตรงเข้าไปสู้กับคนร้าย ถึงแม้จะตัวใหญ่ แต่เธอตัวเล็กและคล่องตัวกว่า สู้กันอยู่พักหนึ่ง เธอก็เพลี้ยงพล้ำ เพราะสู้แรงผู้ชายไม่ได้ เธอวิ่งหนี คนร้ายก็ตาม คนร้ายมาดักหน้าโบว์ไว้แล้วก็ใช้ท่อนไม้อัดไปที่ลำตัวเธอ เธอกระเด็นถอยหลังและล้มลง คนร้ายวิ่งเข้ามาจะอัดซ้ำ เธอได้จังหวะ ซัดเข็มปลิดวิญญาณไปสามเข็ม โดนจุดสำคัญ (หน้า/ตา/ปาก) ตายทันที

   เบ็นซ์ เจอเข้ากับอีกคนที่เหลือพอดี ตรงหน้า เธอมองเห็นฉัตรเทพกับบิงซู เลยยิงปืนดักเอาไว้ คนร้ายหลบทัน บอกให้ฉัตรเทพกับบิงซู หนีไปก่อน คนร้ายยิงสวนกลับไป เธอก็หลบและยิงสวนเช่นกัน แป๋ว วิ่งมาพาตัวฉัตรเทพกับบิงซู อ้อมออกไปอีกด้านหนึ่ง

   เบ็นซ์ มองดูรอบๆ ว่า คนร้ายหายไปไหน หูได้ยินเสียงท่อนไม้หัก เธอหันไปดู คนร้ายกระโจนเข้ามาจู่โจมประชิดตัว คนร้ายคล่อมตัวเบ็นซ์เอาไว้ เธอถีบร่างคนร้ายลอยข้ามตัวเธอไป แล้วลุกขึ้นมาสู้แบบประชิดตัว ต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ เบ็นซ์ก็เริ่มหมดแรงเพราะตัวคนร้ายใหญ่มาก เธอตัดสินใจเฮือกสุดท้ายกระโดดจับเถาวัลย์ถีบคนร้ายกระเด็นไปอีกทาง พอได้จังหวะที่คนร้ายกำลังจะลุกขึ้น เธอก็ซัดเข็มปลิดวิญญาณ เข้าตา หน้าผาก และลำคอ คนร้ายเสียชีวิตทันที

   โบว์วิ่งมา “ เป็นไงบ้างพี่ ” เบ็นซ์เหนื่อย และจุกไม่พูด โบกไม้โบกมือ และค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลง

   “ ไม่ไหว เหนื่อย เกือบไม่รอด ” นั่งหอบ ถอดหน้ากากออก แล้วเอาผ้าคลุมเช็ดหน้า โบว์ก็เลยทำบ้าง

   “ เหมือนกันพี่ คนบ้าอะไร ตัวใหญ่ยังกะยักษ์ปักหลั่น ถ้าไม่มีเข็มปลิดวิญญาณ หนูตายแน่เลย ”

   โบว์ก็ถอดหน้ากากออกเช่นกันนั่งหมดสภาพ เบ็นซ์ตบไหล่น้องแล้วบอกให้เดินทางต่อ จากนั้นทั้งสองก็ลุกขึ้นเดินกอดคอกันและหมุนหน้ากากเล่น แล้วรีบเดินไป .. เกือบ 11.00 น.ฉัตรเทพ ดูนาฬิกา แป๋วเป็นห่วงเพื่อนทั้งสองคน สักพัก เบ็นซ์ กับโบว์ ก็เดินออกมาจากป่า แป๋ว เห็นก็เลยยิ้ม เพราะว่าสองคนนั้น ปลอดภัย

   “ ขอบใจพวกเธอทั้งสามมากที่ช่วยชีวิตฉัน ” ฉัตรเทพ ไม่ลืมที่จะขอบใจทั้งสามคน

   “ ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่ของเราทั้งสามคนอยู่แล้ว ” โบว์ ออกตัว

   “ รีบไปกันเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว คนทางโน้น รอเราอยู่ ผิดเวลามาก คงเริ่มสงสัยแล้วหละ ” แล้วทุกคนก็กลับเข้าประจำที่ “ ออกรถเลย บิงซู ” ฉัตรเทพ สั่งออกรถทันที สามสาวก็ใส่หน้ากาก แล้วออกปฏิบัติการต่อ

   สุดท้าย สามสาวก็สามารถคุ้มกันนายตัวเองไว้ได้ งานนี้ สัตยาไม่ได้ลุย เพราะอยู่เฝ้าที่ท่าเรือ

***** ------ *****

   ที่ท่าเรือ สถานที่เก็บของผิดกฎหมายของฉัตรเทพ ตู้คอนเทนเนอร์นับสิบ เรียงรายกันอยู่ มีผู้ดูแลค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ หลังจากที่ฉัตรเทพ ได้รอดชีวิตอย่างหวุดหวิดมาจากการลอบฆ่า ก็ตรงดิ่งมายังท่าเรือ รถเก๋งคันโต วิ่งเข้ามายังโกดัง 2 โดยมีสามสาวป้องกัน อย่างแน่นหนา เมื่อเข้าเขตของตัวเอง ฉัตรเทพก็หยิบหมวกไหมพรมมาใส่ปิดหน้าไว้เพื่อไม่ให้คนภายนอกรู้ว่าใบหน้าของหัวหน้าใหญ่ องค์กรลับ จันทร์เสี้ยว คือผู้ใด

   จ่าสน และจ่าหมู คนของเผด็จ เฝ้าซุ้มอยู่ โดยมีอิงฟ้ามาขอร่วมแจมด้วย คอยรายงานเผด็จระหว่างที่เผด็จเดินทางมา รวมถึงอัธวุฒิ จ่ามิ่งและจ่าหมง “ มากันแล้ว พวกเราเตรียมตัว ” จ่าสน วอร์บอกพวกที่มาซุ้มล้อมอยู่

   เมื่อรถจอดสนิท บิงซู ก็เดินออกมาเปิดประตูให้ หัวหน้า ฉัตรเทพค่อยๆ ก้าวลงมาจากรถอย่างช้าๆ สัตยาและดรัณ เดินเข้ามา สอบถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นเลยเวลามามาก ฉัตรเทพ ยังไม่อยากพูดอะไรมาก

   “ มากันครบรึยัง ” เขาถามถึงเรื่องงานก่อนเป็นอันดับแรก

   “ ยังขาดอีก 2 – 3 คนครับ แต่ไม่เป็นไร รายใหญ่ๆ มากันหมดแล้ว เชิญทางนี้เลยครับ ” สัตยา นำฉัตรเทพเข้าไปในที่พักชั่วคราว ข้างตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งมีบรรดาพวกลูกค้าหลายสิบคนนั่งรออยู่ เขาเปิดประตูเข้าไป

   “ ขอโทษด้วยนะทุกคน ที่ทำให้รอนาน พอดีมีเหตุสุดวิสัย นิดหน่อยแต่ไม่เป็นไร ผมได้จัดการ เรื่องนั้นไปหมดเรียบร้อยแล้ว มาว่าเรื่องธุรกิจของเรากันดีกว่า ไม่ทราบว่า ข้อเสนอที่ผมเสนอไปถูกใจพวกท่านบ้างไหม

   “ ก็มีบ้างนะท่าน ราคาเหมือนมันจะสูงไปหน่อย ” เสี่ยคมสันต์ พูดขึ้นมาก่อน

   “ ผมว่าไม่นะ เพราะของเราเกรดเอ จริงๆ ไม่ว่าจะ ยาบ้า เฮโรฮีน หรือโคเคน ” หัวหน้าอธิบาย

   “ แล้วพวกอาวุธหละท่าน ” ผู้กองชงัล ถามบ้าง

   “ สำหรับเรื่องอาวุธ ไม่ต้องพูดถึงเลยผู้กองชงัล ทหารฝ่ายท่านมีอาวุธใช้แน่ เพราะผมมีของให้ท่านใช้ไม่อั้น ราคาเดิม สบายใจได้ ” ระหว่างที่ฉัตรเทพ กำลังประชุมกันอยู่ภายในเต้นท์ สามสาวก็ระวังภัยอยู่ภายนอกให้

>>>>> ----- <<<<<

   ระหว่างที่เดินทางไปท่าเรือ เผด็จก็หยิบหน้ากากของนางแมวป่าที่หลุดติดมือเขามาขึ้นมาจ้องมองอยู่พักใหญ่ จนเพ็ญ สังเกตเห็น รู้สึกเหมือนไม่ค่อยพอใจ แต่ก็อยากรู้จึงเอ่ยปากถามเผด็จ

   “ หน้ากากใครคะอาเต๋า ” เผด็จ ก็ตอบหลานแบบเฉยๆ ตาก็ยังจ้องมองดูหน้ากาก

   “ ของนางแมวป่า นักฆ่าสาว มันหลุดติดมืออามา จากการต่อสู้ครั้งที่แล้ว ”

   “ เก็บไว้ทำไม แล้วทำไมไม่ทิ้งไป หลงเสน่ห์ นางโจรเข้าซะแล้วซิท่า ” เธอพูดประชดเหมือนงอน หึง

   “ ดูพูดเข้าหลงเสน่ห์อะไร หน้าตาก็ไม่เคยเห็น ไร้สาระ แค่เราคนเดียว อาก็ปวดหัวแล้ว ” แล้วก็เขย่าหัวเพ็ญ

   เผด็จและอัธวุฒิ มาถึงแล้ว โทรคุยกับจ่าสนว่า อยู่ตรงไหน จ่าสนส่องกล้องดูตามที่เผด็จบอก เขาเห็นเผด็จ และทีมแล้ว เผด็จบอกว่า รอฟังสัญญานจากเขา ถ้าเขายิงพุขึ้นฟ้าเมื่อใด บุกได้ทันที จ่าสน เข้าใจ และบอกทุกคนให้ดูสัญญานจากท่านรองเผด็จคนเดียว..เผด็จ บอกให้กลุ่มของอัธวุฒิ อ้อมไปอีกทาง เก็บพวกเล็กๆ น้อยๆ ส่วนเขากับเพ็ญ จะไปทางโน้น อัธวุฒิยกมือ Ok แล้วก็แยกไป เผด็จ หันไปบอกเพ็ญว่า อย่าห่างอา ให้อยู่ติดๆ ไว้ เพราะมันอันตราย ไม่น่าตามมาเลย เผด็จ เก็บ2 คนทางตู้คอนเทนเนอร์ด้านนอก อัธวุฒิ กับกลุ่ม จัดการ4 คน ด้านใน เผด็จ มองดูรอบๆ เห็นนางแมวป่าคนเดียว อยู่ตรงหน้าตู้เล็กๆ คล้ายสำนักงานเคลื่อนที่ ฉัตรเทพคงอยู่ในนั้น

   เผด็จ วอร์บอกให้จ่าสน 1 ทีม แยกอ้อมไปทางซ้าย และจ่าหมูอีก 1 ทีม แยกอ้อมไปทางขวา เขากำลังจะจู่โจม กำลังรอจังหวะดีๆ อยู่ เผด็จ ขอให้เพ็ญไปล่อพวกที่ยืนอยู่ตรงนั้น 5 คน แล้วให้วิ่งไปหาจ่าหมูตรงโน้น เพ็ญก็ทำตาม เป็นไปตามที่คิด พวกนั้นวิ่งไปติดกับ โดนกลุ่มจ่าหมูล็อกตัวไว้ได้อีก 5 คน ที่จริงแล้วไม่ใช่อะไร เผด็จไม่อยากให้เพ็ญมาเสี่ยงอันตราย ก็เลยออกอุบายให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย ตรงนั้นคงเหลือแต่เพียง นางแมวป่า คนเดียว

   เผด็จ ก็ค่อยๆ ย่องไปด้านหลังเธอ โบว์กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ เผด็จ ค่อยๆ หย่อนหน้ากากอันเก่าที่หลุดหายไปลงมาตรงหน้า โบว์เห็นว่าเป็นของเธอ “ หน้ากาก ” ก็เลยเอื้อมมือจะไปจับ เผด็จ ดึงขึ้น เธอมองตาม แล้วหันไปดู เธอต้องตะลึงอีกครั้งเมื่อจมูกของเธอนั้นชนกับจมูกเผด็จ และเผด็จกำลังมองเธออยู่ มือขวาเขาถือหน้ากากอยู่ข้างๆ โบว์ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วถอยหลังไปช้าๆ จนติดผนังอีกด้าน เผด็จเอามือสองข้างสอดลอดใต้แขนเธอไปแล้วดันผนังเอาไว้ โบว์หลับตาปี๋แล้วหันหน้าไปทางขวา แล้วคิดว่า เผด็จจะทำอะไรกับเธออีกเหมือนครั้งที่แล้วไหม เหงื่อเธอเริ่มไหลออกมาเช่นเดิม เผด็จ แกล้งแหย่โบว์ เขาค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปที่แก้มซ้าย แล้วกระซิบที่หู “กลิ่นยังหอมเหมือนเดิมนะน้อง” โบว์ก็ตอบแบบเสียงสั่นๆ “อย่านะ” แต่ช้าไปแล้ว เผด็จคงไม่ปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ให้หลุดลอยไปแน่นอน เขาค่อยๆ ดึงหน้ากลับมา แล้วหยุดที่แก้มซ้ายของโบว์ แล้วบรรจงหอมลงไปเหมือนเดิมช้าๆ และนานกว่าครั้งที่แล้ว โบว์เหมือนตกอยู่ในภวังค์อีกแล้ว เธอนิ่งไปพักหนึ่ง ยังคงหลับตาพริ้ม หัวใจเต้นแรงมากจนเผด็จรับรู้ได้ ร่างกายของโบว์อ่อนระทวยเหมือนโดนมนต์สะกดแน่นิ่งจนเหมือนตาย ที่เธอนิ่งไม่ยอมทำอะไร เพราะเธอมีใจให้กับชายคนนี้แล้วหรือ รึว่าเธอรักเขาเข้าแล้ว..แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเถิด

   จิตใต้สำนึกของเธอยังคงตื่นอยู่เสมอ เผด็จต้องไม่มีอำนาจใดๆ เหนือใจเธอ เธอต้องทำได้และต่อไปนี้จะไม่คิดถึงหน้าของชายคนนี้อีก จะไม่คิดถึงเรื่องใดๆไม่ว่าเรื่องหอมแก้มหรือสายตาเจ้าเล่ห์และทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เป็นเขา

>>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 6 .. “ หัวใจไม่รักดี ”

ตอนที่ 5 .. “ของรักของหวง”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ นิทราการ

สนุกมากครับ รอตอนต่อไปครับ

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.