ตอนที่ 11 .. “ เปิดตำรารัก ตอน หนุ่มซ่าส์... สาวซิ่ง... 2 ”
รวมเรื่องสั้น นิยายรัก นักศึกษา (Romance Fiction - นิยายรัก)
ตอนที่ 11 .. “ เปิดตำรารัก ตอน หนุ่มซ่าส์... สาวซิ่ง... 2 ”
“ไม่กลัว เพราะมีของดีจะโชว์ อีกอย่างฉันมีวิธีป้องกันอยู่แล้ว”
วันนี้ปลาเตรียมตัวมาดี เพราะเจอแบบเมื่อวานเข้า ตั้งแต่วันนี้ จึงต้องป้องกันอีก 1 ชั้น ปลาถลกกระโปรงให้นุชเห็นบ๊อกเซอร์สั้นๆที่ใส่อยู่ข้างในอีกตัว พร้อมกับสเปรย์พริกไทยอีกขวดที่ควักมาให้ดู
“และนี่โว๊ย ทีเด็ดของฉัน” นุชจ้องมองอุปกรณ์ชิ้นนั้น
“อะไรวะ” ปลาขอนำเสนอด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่แวะซื้อมาเมื่อวานแบบสดๆร้อนๆ ก่อนที่จะเข้าบ้าน
“เครื่องช๊อตไฟฟ้า แรงดันสูง แกเอ๊ย ถ้าโดนไอ้นี่เข้าไปนะ มีดิ้นหนะ มีดิ้นเลยจะบอกหั๊ย”
“เอ ทำพูดดีไปเถอะ วันไหนพลาดท่ามา จะน้ำตาเช็ดหัวเข่า”
ปลาทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจในสิ่งที่เพื่อนบอก ไม่นานทั้งสองก็เข้าไปศึกษาต่อ หลังจากเลิกเรียนช่วงเย็นปลาว่าจะไปหาเข้เพื่อเจอตัวให้ได้ แต่เนื่องจากมีรายงานกลุ่ม จึงทำให้เธอออกจากวิทยาลัยช้ามาก หลังจากเสร็จงาน เธอจึงรีบขับรถออกไปอย่างเร็วโดยไม่รอช้า นุชจะขอติดรถกลับด้วยยังไม่ทันเลย
***** ^^^^^ *****
ปลาดูเวลาที่หน้ารถ ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว (19.45 น.) รถก็ติดมาก วันนี้วันศุกร์สิ้นเดือนซะด้วย รถเลยติดเป็นพิเศษ ปลาโทรเข้าไปที่สำนักพิมพ์เพื่อดูว่าเข้ยังอยู่ไหม แต่เนื่องจากหลังเลิกงงานแล้วทุกคนจะกลับหมด เหลือเพียงไม่กี่คนที่อยู่ เช่นช่างเรียงพิมพ์ ตรวจบู๊ฟและบรรณาธิการอย่างเข้ สายที่ดังขึ้นมันจะวิ่งวนไปเรื่อย แล้วแต่ใครจะว่างรับ เพราะเป็นสายอัตโนมัติ โชคดีที่คนตรวจบู๊ฟคนนึงรับ
“สวัสดีครับ สำนักพิมพ์..” ปลาดีใจมากจึงรีบพูด ถึงจะโกหกก็ต้องยอม
“ขอโทษนะคะพี่ ไม่ทราบว่า พี่เข้ยังทำงานอยู่ไหมคะ กลับไปรึยัง พอดีหนูนัดกับพี่เขาไว้ ว่าจะไปตอนเย็น พอดีหนูติดธุระ พอเสร็จก็รีบบึ่งมาเลย มีธุระที่ต้องคุยกันนิดนึงหนะค่ะ”
คนนั้นเอียงตัวไปดูที่ห้องของเข้ เห็นไฟยังสว่างอยู่ จึงบอกไปแบบซื่อๆ
“ยังอยู่ครับ แต่พี่ไม่รู้นะว่า พี่เข้จะกลับตอนไหน เอาแน่ไม่ได้ เพราะพี่เค้าเป็นบรรณิการ ยังไงน้องก็รีบมาแล้วกัน แล้วพี่จะบอกพี่เข้ให้แล้วกัน” ปลามั่นใจว่าต้องทัน
“ขอบคุณค่ะพี่ หนูจะรีบไปค่ะ” ปลายังคงมั่นใจกับฝีเท้าของเธอมาก ว่ายังไงต้องเจอเข้ให้ได้คืนนี้
คิดกันเองเองนะ ปลาเรียนที่ ม.ธรรมศาตร์รังสิต แต่สำนักพิมพ์อยู่ถึงถนนจรัลสนิทวงศ์โน้น ข้ามโลกข้ามฝั่งกันเลย กี่นาทีกว่าจะไปถึง ให้เหยียบมิดยังไง ก็มี 1 ชั่วโมง อย่างต่ำ 3 ทุ่มจะถึงไหม ต้องวัดดวง วัดใจกันแล้วหละทีนี้
%%%%% ----- %%%%%
คนตรวจบู๊ฟเดินมาเคาะประตูห้องของเข้ แล้วโผล่แค่หน้าเข้ามา “พี่เข้” เข้เงยหน้าขึ้นมา
“อ้าวว่าไงรักษ์ มีอะไรกับพี่รึเปล่า จะกลับบ้านหละซิ หรือว่าจะเอาบู๊ฟมาให้พี่ตรวจก่อนลงพิมพ์”
“ไม่ใช่หรอกพี่ เมื่อกี้มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเขาโทรเข้ามา บอกว่า นัดกับพี่เอาไว้ตั้งแต่เย็น แต่ติดธุระมาไม่ทัน ตอนนี้เธอกำลังเดินทางมา ยังไงพี่ก็ลองรอเค้าหน่อยก็แล้วกันนะพี่ ไหนๆเธอก็อุตส่าห์มาแล้ว”
เข้พยักหน้า “ขอบใจมากนะรักษ์ ที่มาบอก” เข้ยกมือขอบใจ
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนแล้วกัน”
“ใครกัน วันนี้เราไม่ได้นัดใครนี่” เข้กำลังคิดว่า ใครกัน ในเมื่อวันนี้ในตารางนัด ไม่มีนี่
เข้หันไปดูเวลาที่ฝาผนัง 2 ทุ่มแล้ว ก็ตัดใจนั่งทำงานต่ออีกสักหน่อย คิดว่า ถ้า 2 ทุ่มครึ่งไม่มาก็จะกลับ คงไม่รอ ส่วนทางปลาก็รีบ เหยียบมิดไมค์เลย
“พี่เข้ รอหนูก่อนนะ หนูกำลังรีบไป สาธุ ยังไงก็ขอให้ทันทีเถอะ เจ้าประคู๊น” ปลาอธิษฐาน
xxxxx ===== xxxxx
เวลาผ่านไปจนถึง 2 ทุ่มครึ่ง ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน รักษ์ก็กลับไปแล้ว เข้มองดูเวลา เมื่อไม่มีใครมา จึงตัดสินใจปิดไฟ ปิดห้องและกลับบ้าน ทางปลาวิ่งฝ่ารถติดมาทางดอนเมือง ไม่เข้าแคลาย พงษ์เพชร ไม่ลัดเลาะที่ใดวิ่งตรงอย่างเดียว มาขึ้นสะพานวนก่อนที่จะเข้าหมอชิต 2 และวิ่งตรงผ่านประชาชื่น วงค์สว่าง ทะลุมาจนถึงสะพานพระราม 7 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาจนได้ เข้าเขตถนนจรัลกับเวลา 21.05 น. อีกนิดเดียว สำนักพิมพ์อยู่จรัล 52/1 ต้องผ่านแยกซังฮี้ ปลาขับรถลงอุโมงค์แล้วโผล่ขึ้นมาอีกทีก็พบกับ ซอย 54 เธอจึงชะลอรถและไม่นาน เธอก็พบกับซอยที่เธอต้องการ
“เจอแล้ว จรัญสนิทวงค์ 52/1” เธอก็เลี้ยวรถเข้าไปในซอยนั้น
ปลามาจอดที่หน้าสำนักพิมพ์และมองดู ไฟปิดสนิทหมดแล้ว ดูเวลาอีกที 21.18
“จบกัน อีปลา มาไม่ทันจนได้ แต่ไหนๆก็มาถึงแล้วนี่เนาะ ลงไปสอบถามอะไรสักหน่อยก็น่าจะดี”
ปลาจึงลงจากรถ โดยที่ไม่ดับเครื่อง เดินเข้าไปถามยามที่เฝ้าอยู่
“ลุงค่ะ” ลุงยามหันมา
“ว่าไงครับคุณหนู”
ปลามองเข้าไปด้านในด้วยหน้าเศร้าๆ เพราะไฟบางชั้นยังคงเปิดอยู่
“พี่เข้กลับไปรึยังคะลุง” ลุงยามตอบเบาๆ
“พึ่งกลับไปเมื่อตะกี้หนะครับ คลาดกันนิดเดียวเอง นัดกันไว้เหรอครับ” ปลาพยักหน้า
“สงสัยเค้าก็คงจะรอคุณหนูเหมือนกัน เพราะลุงเห็นคุณเข้ เค้าลงมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ไปไหน จอดรถอยู่ตรงนี้ สักพักแกก็ขับรถออกไปเลย พึ่งจะออกไปเมื่อกี้เอง”
ปลายกมือไหว้ลุงยาม แล้วเดินกลับขึ้นรถและขับออกไปทันที
“ทำไมวะ อีกนิดเดียว ถึงรอไม่ได้ พี่เข้นะพี่เข้ ใจดำชะมัด คนอะไร” นั่น ไปโทษเค้าอีกหนูปลา
<<<<< ===== >>>>>
หลังจากที่ออกมาจากสำนักพิมพ์แล้ว ปลาไม่ได้กลับบ้านที่ปทุม เพราะมันดึกแล้ว จะอ้อมไปคงไม่ไหว อีกอย่างพรุ่งนี้วันเสาร์ด้วย จึงไปค้างที่บ้านของอา น้องชายแท้ๆของพ่อแถวศาลายาหน้า ม.มหิดลแทน เพราะใกล้ที่สุด คิดได้ดังนั้นจึงรีบเหยียบรถไปที่นั่นทันที
ปลาไม่ไปด้านล่าง เพราะกลัวรถติด จึงยอมอ้อมไปวนขึ้นถนนลอยฟ้า ขับไปได้สักพักก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยหลังพาต้าปิ่นเกล้า ทะลุออกด้านหลัง วนใต้สะพานพระราม 8 แล้วพุ่งตรงขึ้นถนนลอยฟ้าทันที ปลาเปิดเพลงแล้วขับไปเรื่อยๆจนลงจากสะพานเข้าเส้นบรมราชชนนี ปลายังไม่ได้ทานอะไรเลย ท้องร้องนิดหน่อย จึงออกเส้นนอกไม่เข้าเส้นใน ผ่านบุญถาวรและตรงไปยัง 7 ที่ใกล้สุด เธอเจอ 1 สาขา ตรงปากซอยสาย 3 จึงเข้าไปจอด เพื่อหาอะไรทาน เมื่อจอดรถเธอรีบวิ่งเข้า 7 ทันที โดยไม่รอช้า เพราะหิวมากจริงๆ
“โอ๊ย ทำไมมันถึงหิวแบบนี้เนี่ย ตาลายไปหมด ตายแล้ว สามทุ่มครึ่ง มิน่าหละ ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ตั้งแต่เย็น”
คิดได้ดังนั้นจึงรีบหาอะไรทานก่อน ซาลาเปาสักลูกก่อนก็ยังดี ข้าว 1 กล่อง น้ำสักขวด คงไหว เธอนั่งทานในนั้นแหละ เพราะมันมีที่นั่งพักผ่อนด้วย แถมมีที่ชาร์ตโทรศัพท์อีกด้วยต่างหาก มุมเล็กๆดีๆของ 7 ที่ปัจจุบันไม่ค่อยจะมีแล้ว เหลือเพียงไม่กี่สาขาเท่านั้น ไม่นานหลังจากอิ่มแล้ว ก็ซื้อน้ำชาเขียวขวดโตติดมือไปด้วย และขับออกไปทันที
ด้วยความที่ปลาเป็นคนขับรถเร็ว ชอบซิ่งว่างั้น ขับไปได้สักพัก เธอหิวน้ำ จึงเอามือควานหาขวดชาเขียว ประกอบกับในรถมืด จึงมองไม่เห็น เธอคว้าผิด ขวดชาเขียวหล่นลงไปจากคอนโซลไปอยู่ใต้ขาเธอ เธอจึงเอื้อมมือลงไปควานหา เมื่อหาไม่เจอ ด้วยความโมโหและหิว เธอเลยเบรกรถทันทีอย่างกะทันหัน จึงทำให้เข้ ซึ่งขับมอเตอร์ไซด์ตามหลังรถเธอมาอย่างติดๆชนดังโครมอย่างแรง กระเด็นลอยข้ามรถเธอไปนอนที่คูน้ำ ป่าหญ้าข้างทาง แถวๆซอยบรมราชชนนี 123 ก่อนที่จะถึงตลาดพุทธมณฑล เพียงไม่กี่เมตร
เข้หมดสติทันที มาฟื้นอีกทีที่โรงพยาบาล ในอีก 3 วันต่อมา โดยที่มีปลามานอนเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และญาติของเข้ เมื่อทราบข่าวจึงรีบมาทันที โดยเฉพาะน้องสาวที่ชื่อขิม
***** ----- *****
สาเหตุที่ชนนั้นก็สืบเนื่องมาจาก ปลามองดูแต่ด้านหน้า แต่ไม่คิดว่าข้างหลังจะมีใครวิ่งตามมาบ้าง และไม่ทันได้มองกระจกหลัง เข้จึงไม่ทันได้ระวัง มันเร็วเกินไปที่จะได้มีการป้องกันและระวังตัวมากกว่านี้ ไม่คิดว่าคันหน้าจะเบรกกระชั้นชิดแบบนั้น จึงทำให้เข้ เบรกรถอย่างกะทันหันและชนเข้าเต็มแรง
“เฮ้ย” ดีนะที่เข้เบรกช่วยจึงลดแรงเสียดทานของการชนได้บ้าง เพราะถ้าเข้ไม่เบรก คงคอหักตายไปแล้ว เพราะรถของปลาขับมาเร็วมาก เมื่อเบรกอย่างกะทันหัน แรงปะทะจึงมีมากพอสมควร ท้ายรถของปลาพังยับ ล้อรถของเข้ หักงอไม่มีชิ้นดี สภาพรถมอเตอร์ไซด์ดูไม่ได้ กระจกแตกพังยับเยิน นอนอยู่บนหลังรถของปลา
หลังจากที่มีแรงกระแทกเกิดขึ้นที่ท้ายรถ เธอจึงรับรู้ได้เลยว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วไง เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนแรงมากจนตัวเธอสั่นไปหมด หน้าแทบจะลงไปโขกกับพวงมาลัย และได้ยินเสียงอะไรบางอย่างข้ามหัวเธอไป เหมือนมีอะไรตกลงไปในคูน้ำข้างทางนั้น เมื่อรถเธอจอดนิ่ง เธอจึงรีบลงไปดูตรงนั้นทันที ปลาใช้ไฟจากโทรศัพท์ส่องดู เห็นว่ามีคนนอนนิ่งอยู่ในคูน้ำนั้น
สักพักก็มีรถที่เห็นเหตุการณ์ 1-2 คันมาจอดข้างๆและได้โทรแจ้งกู้ภัยในทันที ว่ามีเหตุชนกัน มีคนได้รับบาดเจ็บ ปลารีบวิ่งกลับไปดูที่ท้ายรถของเธอ เห็นสภาพแล้ว แทบจะเป็นลมหมดสติ มอเตอร์ไซด์คันนึงพังยับ หงายทับรถเธออยู่ บนกระโปรงหลังรถ
หลังจากที่เหตุการณ์เกิดขึ้น ปลาไม่หนีไปไหน รอจนกว่าตำรวจมา เธอตกใจมาก ไม่นานตำรวจ 2 คนจาก สน.ธรรมศาลา ที่ใกล้ที่สุด ซึ่งได้รับแจ้งความก็มาถึง ได้สอบถามถึงความเป็นมา ว่าใครผิดใครถูก
“ใครเป็นเจ้าของรถคันนี้ครับ” ตำรวจนายนึงถาม ปลาจึงรีบบอกและสารภาพผิดทันที
“ของดิฉันค่ะ” ปลาตอบในขณะที่กำลังเสียขวัญนิดหน่อย ปลายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่อยู่ในคูน้ำนั้นเป็นเข้ จนกู้ภัย นำร่างของเขาขึ้นมาจากตรงนั้นได้ และได้เดินผ่านมาทางเธอซึ่งกำลังยืนคุยกับตำรวจอยู่
ปลาได้เหลือบหันไปเห็นหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจนหลังจากที่กู้ภัยได้ถอดหมวกกันน๊อคของเข้ออกแล้ว ปลาจึงเอามือปิดปากและอุทานออกมาทันที
“พี่เข้” ตำรวจได้ยินดังนั้นจึงเข้าใจว่าปลาคงจะรู้จักผู้เสียหาย
“ขอโทษนะครับ คุณรู้จักกับผู้บาดเจ็บใช่ไหมครับ” ปลาจึงพยักหน้า
“ดีครับ งั้น ตอนนี้ผมขอเชิญตัวคุณไปที่ สน.ก่อนนะครับ ในเบื้องต้น เชิญครับ”
ปลาหันไปดู จนเข้ถูกนำตัวขึ้นรถกู้ภัย ปลาตัดสินใจวิ่งไปดูเข้เพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
“พี่เข้ จริงๆด้วย เป็นไปได้ยังไง ทำไม ชีวิตถึงเล่นตลกกับฉันอย่างนี้ ทำไม”
กู้ภัยปิดประตูหลังรถลง ปลาเกาะกระจกหลังรถดู ตำรวจวิ่ง 2 คนวิ่งตามมา นึกว่าปลาจะหนี จึงให้ตำรวจหญิงเข้าไปชาร์ตตัว รวบแขนไว้ก่อนและใส่กุญแจมือไว้ในอันดับแรก
“ฉันไม่หนีไปไหนหรอกน่า ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” ปลาตะโกนใส่หน้าตำรวจหญิง
“ไม่ได้ค่ะ เราจำเป็นต้องทำแบบนี้ กันเอาไว้ เผื่อคุณหนีความผิด ต้องขอให้เข้าใจด้วย”
“ฉันแค่จะมาดูเค้าเท่านั้น รับรองฉันไม่หนีไปไหนหรอก” ปลามองหน้าตำรวจสาว
“เมื่อรู้ว่าเค้าไม่เป็นอะไรฉันก็สบายใจแล้ว อยากจะไปไหนก็ไปได้แล้ว”
หลังจากที่รถของกู้ภัยออกไป ตำรวจหญิงก็พาตัวของปลาไปที่ สน.ธรรมศาลา ทันที ระหว่างทางปลาจึงเอ่ยขึ้นมา
“ขอโทษ ฉันโทรหาญาติได้ไหม” ปลาขอร้องตำรวจ
“ได้ค่ะ เชิญ” ปลายื่นมือที่ใส่กุญแจมือให้ดู
ตำรวจชายเห็นว่าปลาไม่มีอะไรจึงพยักหน้ากับตำรวจหญิง แล้วเธอก็ไขกุญแจให้ ปลาสะบัดมือเล็กน้อย
“ชิ” จากนั้นเธอก็ได้รีบโทรติดต่อขอให้คุณอามาทำเรื่องประกันตัวให้ทันที
ไม่นาน อาก็มาถึงสน. ปลายอมรับผิดทุกอย่าง
“คุณอาขาหนูขอโทษ หนูประมาทเอง หนูยอมรับผิดทุกอย่าง” ป้อมอาแท้ๆเข้าใจ
“ไม่เป็นไรนะหลาน ทำใจดีๆไว้ มันเป็นเหตุสุดวิสัย ในเมื่อเรายอมรับผิดแล้ว อะไรมันก็ง่ายขึ้น อย่าคิดมาก ไม่ต้องร้องไห้”
ป้อมจึงเจรจากับตำรวจ หาทางไกล่เกลี่ย หลังจากที่ตกลงกันได้ด้วยดี เพราะปลายอมรับผิด จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำเรื่องประกันตัว และจากนั้น เธอก็ไม่ขอพูดอะไรอีก
“อาขา หนูขออยู่เฝ้าอาการเค้านะ หนูรู้จักพี่เค้า หนูอยากเฝ้าเค้าเพื่อเป็นการไถ่โทษที่หนูทำผิดกับเขานะคะคุณอา ให้หนูเฝ้าเขาเถอะนะหนูขอร้อง” ป้อมเข้าใจ จึงอธิบายให้ปลาฟังด้วยเหตุผล
“ยังไม่ได้ ตอนนี้เขาคนนั้นยังไม่ปลอดภัย ปลาไปตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ เอาไว้ให้ทางโรงพยาบาลแจ้งกลับมาก่อน แล้วค่อยให้ทางตำรวจแจ้งข่าวเราอีกที ในเมื่อเรายินยอมที่จะเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายและชดใช้ทุกอย่างให้หมดทุกอย่าง เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก คงเข้าใจนะ ใช่ไหมครับคุณตำรวจ”
ตำรวจพยักหน้า ปลาจึงสบายใจได้ไปอีกเปราะนึง และไม่ต้องเข้าไปนอนในห้องกรง
“จริงครับ ในเมื่อทางคุณยอมรับผิดและยอมชดใช้ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง เรื่องมันก็เลยง่ายขึ้น สรุปสำนวนปิดคดีได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องไม่ได้บานปลายมากกว่าที่คิด”
ปลาจึงโล่งอก ตำรวจอธิบายต่อ
“เอาไว้ให้ทางผู้เสียหายฟื้นก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที ในเบื้องต้น คุณได้รับการประกันตัวแล้ว ก็ถือว่า ไม่ต้องเข้าไปนอนในตาราง”
ตำรวจยิ้มให้ และย้ำเตือนให้ปลาเข้าใจถึงขอบเขต
“แต่ผมต้องขอความกรุณาว่า ช่วงนี้ห้ามเดินทางไปไหน หรือออกนอกประเทศ จนกว่าทางผู้เสียหายจะมาให้ปากคำได้นะครับ หวังว่าคงเข้าใจ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว คุณสามารถกลับบ้านได้ เมื่อใดที่ทางโรงพยาบาลแจ้งข่าวมา ทางเรายินดีที่จะแจ้งข่าวให้ทราบตามคำที่ขอมาครับ สบายใจได้”
ตำรวจกล่าวทิ้งท้ายไว้ ก่อนที่ป้อมและปลาจะเดินทางกลับ
\\\\\ ----- /////
หมอตรวจดูอาการเบื้องต้นของเข้แล้ว ก็ถือว่ายังโชคดี ที่ไม่เป็นอะไรมาก เพราะตรงนั้นเป็นป่าหญ้าและคูน้ำ โชคดียังเป็นของเข้ที่ตอนหล่น เอาหลังลงกับน้ำ ลำตัวจึงกระทบกับผืนน้ำอย่างแรง สมองจึงไม่ได้รับการกระทบกระเทือนแต่อย่างใด เพราะใส่หมวกกันน๊อคไว้ จะมีก็แต่ขาและแขนที่เกือบหัก เพราะกระแทกแรงมากกับขอบคูน้ำเท่านั้น จึงรักษาตัวหายได้ค่อนข้างเร็ว
***** ///// *****
2 วันผ่านไปหลังจากที่ออกจากห้อง ICU อาการเบื้องต้นของเข้ก็ดีขึ้น โดยมีน้องสาวที่ชื่อขิม มาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และเมื่อทางตำรวจได้แจ้งข่าวให้กับปลารู้ เธอจึงรีบมาหาเข้ทันทีโดยไม่รอช้า มหาวิทยาลัยก็ไม่ไป เพราะใจจดจ่ออยู่ที่เข้เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เธอเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
ปลาถามขิมทันทีเมื่อย่างกรายเข้ามาในห้อง ทำยังกะว่าตัวเองเป็นเจ้าของเข้ซะอย่างนั้น
“ฉันเป็นน้องสาวแท้ๆของพี่เข้ แล้วเธอหละ เป็นใคร มีสิทธิ์อะไร ถึงมาถามฉันแบบนั้น ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนถามเธอกับคำถามนี้ ไม่ใช่เธอมาถามฉัน แปลกคน”
พูดจบ ขิมก็ไม่สนใจหันไปดูเข้ต่อ
“ฉันขอโทษ ที่ใจร้อนไปหน่อย ฉันเองแหละที่ทำให้พี่เข้ ต้องเป็นแบบนี้ ขอได้รับการยกโทษและให้อภัยกับฉันด้วย”
เมื่อรู้ว่าขิมเป็นใคร ปลาจึงรีบสารภาพทันที กับความผิดที่ได้เผลอกระทำลงไป
“อ้อ เธอนี่เอง ฉันถามตำรวจแล้วว่าใครเป็นคนทำให้พี่ชายฉันต้องมาเป็นแบบนี้ เขาพึ่งบอกฉันมาเมื่อวานนี้เอง ปาริชาติ ใช่ไหม”
ปลาพยักหน้า ยืดอกรับผิดด้วยความเต็มใจ
“ใช่ ฉันเองปาริชาติ ไม่ผิดตัว กล้าทำ ก็ต้องกล้ารับ ไม่ใช่คนรักตัวกลัวตาย ในเมื่อมันเกิดจากความประมาทของฉัน ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”
ปลาแอ่นอกรับอย่างลูกผู้ชาย แมนๆไปเลย ขิมชื่นชมกับความกล้าหาญในครั้งนี้
“ดี ฉันขอนับถือ” ขิมยกนิ้วให้
“และบอกอีกว่า เธอยินดีรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างในทุกกรณี แต่ฉันขอถามหน่อย ถ้าหากพี่เข้เกิดต้องพิการขึ้นมา แล้วเธอจะรับผิดชอบยังไง ไหนตอบมาซิ เธอจะทำยังไง”
ขิมชี้หน้าว่าปลา ปลาตอบแบบไม่ต้องคิด
“ฉันยินดีที่จะรับผิดชอบเลี้ยงดูพี่เข้ตลอดชีวิต และยินดีแต่งงานอยู่กินกับเขาทั้งๆที่พิการนี่แหละ พอใจไหม”
“ฉันไม่เชื่อ เด็กสาววัยรุ่นอย่างเธอ มีเหรอที่จะมาจมปลักอยู่กินกับคนพิการอย่างพี่ชายฉัน” ขิมไม่เชื่อง่ายๆ
“อย่ามาสะตอหน่อยเลย เธอมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเถอะ เอาไว้ให้พี่เข้ฟื้นมาก่อน แล้วค่อยจัดการกับเธอภายหลัง เพราะฉันไม่มีสิทธิ์อะไร ต้องให้คนเจ็บหรือผู้เสียหายเป็นคนตัดสินใจเอง”
ปลาพยายามจะอธิบาย
“ถึงฉันอยากจะเอาเรื่องกับเธอแค่ไหน แต่มันก็ทำไม่ได้ กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน ไปซิ ยังอีก”
ขิมโมโหมากที่ทำอะไรปลาไม่ได้
“ไม่ ฉันไม่ไป พี่เข้มีบุญคุณกับฉัน ขอให้ฉันได้ดูแลพี่เข้เถอะนะคุณ..” ปลายังไม่รู้จักชื่อ
“ขิม ฉันชื่อขิม” ขิมหันหลังและบอกชื่อของเธอ
“ขิม ดูๆแล้ว เราน่าจะอายุไล่ๆกัน นึกว่าเห็นใจฉันเถอะนะ ขอให้ฉันเห็นว่า พี่เข้ปลอดภัยจริงๆ แล้วฉันจะเป็นฝ่ายไปเอง โดยที่เธอไม่ต้องมาไล่เลย ได้ไหม นะขิม ถือว่าฉันขอ”
ปลาพยายามขอร้อง ขอความเห็นใจ
“นะ เห็นใจฉันเถอะ หลายวันที่ผ่านมา ฉันไม่เคยนอนตาหลับเลย ถ้าพี่เข้ยังนอนนิ่งแบบนี้ อย่างน้อย ก็ขอให้ฉันทำการไถ่โทษกับความผิดของฉันบ้าง ถึงพี่เข้ตื่นมาแล้วจะฆ่าฉัน ฉันก็ยอม นะได้โปรดหละ”
ปลาถึงกับลงทุนคุกเข่าและก้มหัวลงกับพื้น โดยไม่นับจำนวน จนขิมต้องยอมใจ
“พอๆ พอแล้ว ทำแบบนี้ฉันอายุสั้นพอดี เออๆ ก็ได้” ขิมบ่นอุ๊บ เมื่อเจอคนประเภทนี้
“คนบ้า ตื้อที่สุด ไม่เคยพบเคยเห็น คนอะไรวะ แบบนี้ก็มีด้วย” ขิมบ่นในใจ
“อยากเฝ้าก็เฝ้าไป มีอะไรก็บอกแล้วกัน ฉันขอตัวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่บ้านก่อน แล้วเย็นๆจะมาใหม่”
ปลาลุกขึ้นและเดินไปจับมือขิม แต่ขิมไม่อยากที่จะสมาคมและรู้จักด้วย จึงสะบัดออก
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาจับ ฉันไม่อยากสมาคมกับคนที่ทำให้พี่ชายฉันบาดเจ็บ ไปไป”
แล้วขิมก็เดินไปหยิบกระเป๋าสะพายพร้อมกับโทรศัพท์และเดินออกไป
“ขอบใจมากนะขิม บุญคุณครั้งนี้ฉันจะไม่ขอลืมเลย”
ปลาพูดตามหลัง เมื่อขิมเปิดประตูห้องและเดินออกไป ปลาเข้ามานั่งแทนที่ขิม เธอเอื้อมมือเธอไปกุมมือขวาของเข้ไว้
“พี่เข้ หนูขอโทษ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับพี่ด้วยนะ ทำไมโชคร้ายจัง ทำไมถึงเป็นพี่ไปได้ หนูแค่จะเอาเสื้อตัวนี้มาคืนพี่เท่านั้น ไม่เคยต้องการให้พี่มานอนเป็นผักอยู่แบบนี้นะ รู้ไหมว่าหนูหาตัวพี่แทบตาย หายังไงก็ไม่เจอ แต่พอมาเจอทำไมพี่ต้องกลายมาเป็นแบบนี้ พี่อย่าเป็นอะไรไปนะ หนูจะไม่สบายใจไปตลอดชีวิตเลยจริงๆ”
ปลาบีบมือของเข้เอาไว้แล้วร้องไห้ แต่เข้ก็ไม่ได้รับรู้อะไร
<<<<< ***** >>>>>
สุดท้าย ปลาก็ขอที่บ้านมาเฝ้าดูอาการของเข้ หลังจากที่ได้เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ พ่อ แม่และอาฟังจนหมด 1 วันผ่านไป ในช่วงค่ำประมาณ 4 ทุ่มนิดๆ เข้รู้สึกตัวขึ้นมาก็เหลือบไปเห็นปลานอนเฝ้าเขาอยู่ มือขวาของเธอกำมือขวาเขาอยู่และมองดูรอบๆ เห็นสายระโยงระยางเต็มไปหมด สักครู่ปลาก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอดีใจมากที่เห็นเข้ ขยับตัว เพราะมือของเข้กระดิก เธอรับรู้ได้ จึงเอ่ยปาก
“พี่เข้” เข้หันมาทางขวาอย่างช้าๆและมองปลา
“เธอ..ฉันมาอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย โอ๊ย ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ฉันจำได้ครั้งสุดท้าย ก็เพียงว่า ขับรถไปชนอะไรเข้าสักอย่าง จากนั้นมาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย แล้วนี่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย โอ๊ย”
เข้ พูดเป็นชุดจนปลาต้องมองหน้า
“ฟื้นมาก็พูดไม่หยุดเลยนะพี่ อยู่นิ่งๆก่อน อย่าพึ่งขยับและพูดอะไร”
แล้วปลาก็กดออดเรียกพยาบาลเข้ามา ไม่นานพยาบาลคนหนึ่งก็เข้ามา
“มีอะไรเหรอคะ” ปลาชี้ไปที่เข้ ขณะที่เข้กำลัง เจ็บหัวเล็กน้อย
“คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ เห็นหมอสั่งเอาไว้ว่า ถ้าคนไข้ฟื้นให้เรียกพยาบาล” พยาบาลยิ้มให้
“ขอบใจมากนะค่ะคุณน้อง น่ารักจัง มานอนเฝ้าแฟนทุกวันเลย ท่าทางจะรักมากนะคะ”
“เออ พี่ คือไม่ใช่..” ปลาพยายามจะอธิบายให้พยาบาลคนนั้นฟังเพื่อให้เข้าใจว่า ไม่ใช่แฟน แต่ก็ไม่ทัน เพราะพยาบาลคิดไปแล้ว
“มาค่ะเดี๋ยวพี่จะดูให้ขอเวลาสักครู่นะคะ เชิญด้านนอกก่อน” พยาบาลปิดม่าน แล้วปลาก็ขยับออกมานั่งที่โซฟารับแขก ไม่นานพยาบาลก็เลื่อนผ้าเปิดออกมา
“เรียบร้อยแล้วนะคะ แฟนน้องปลอดภัยดีแล้ว สมองปกติ สายตาและปากปกติ จะมีก็เพียงแต่แขนและขาเท่านั้นที่ต้อง ได้รับการรักษาอีกสักระยะ โชคดีที่ไม่ถึงกับหัก พักรักษาตัวสัก 6-7 วัน ก็น่าจะดีขึ้น สบายใจได้ พี่ไปหละ”
ปลายกมือไหว้พยาบาลคนนั้น เลยตามเลยไปเลยก็แล้วกันเรื่องแฟน ในเมื่อเข้าใจผิดไปแล้ว อธิบายไปก็เท่านั้น ปลาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“เป็นไงบ้างคะ” เข้ดูเหมือนจะยังจำอะไรไม่ค่อยได้ จึงต้องถามปลาเพื่อจะได้หายสงสัยและงงกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่
“ผมเป็นอะไร..แล้วผมมาอยู่ที่นี่ ได้ยังไง อูย..”
เข้รู้สึกเจ็บหัว เพราะกระแทกพอประมาณ จึงรู้สึกเจ็บๆที่หัวเป็นระยะๆในช่วงนี้
“อย่าพึ่งพูดอะไรในตอนนี้เลยค่ะ พักผ่อนก่อนดีกว่า เอาไว้ค่อยยังชั่วแล้วหนูจะเล่าให้พี่ฟังเอง”
ปลาพูดไป พร้อมกับกำมือเข้แน่นเลย
“นี่ก็ดึกแล้ว พี่นอนพักก่อนนะคะ อย่าดื้อ เอาไว้พรุ่งนี้แล้วเราค่อยคุยกัน หนูยินดีและรับปากว่า จะไม่หนีพี่ไปไหน แค่พี่ฟื้นขึ้นมาได้เนี่ย หนูก็สบายใจแล้ว นะคนดี”
เข้ยังทำอะไรไม่ถูก ปรับสมองไม่ทัน เลยปล่อยไปก่อน
“เดี๋ยว เธอชื่ออะไร ฉันยังไม่รู้เลย” ก่อนที่เข้จะนอน จึงขอรู้ชื่อก่อน
“ปาริชาติค่ะ เรียกหนูว่าปลาก็แล้วกัน นอนซะนะ รู้ชื่อแล้วนี่”
หลังจากที่รู้ชื่อของปลาแล้ว และได้ทานยาก่อนนอนตามเวลา เข้ก็รู้สึกง่วงและตาเริ่มจะปิด ไม่นานก็หลับไปโดยปริยาย ปลาจึงได้แต่มองหน้า ขยับมือไปดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ และก็นั่งกุมมือไว้ จนตัวเองก็หลับไปเช่นกัน
+++++ ***** +++++
หลังจากที่เข้ฟื้นขึ้นมา วันถัดมาตำรวจก็มาขอสอบปากคำ เมื่อเจ้าทุกข์ไม่ได้เอาความอะไร ก็ถือว่าจบเรื่องคดีไป คงเหลือแต่การดูแลและรักษาตัวเท่านั้น ปลาดีใจมากที่เข้ไม่เอาเรื่องเธอ ขอให้จบเรื่องเพียงเท่านี้ เมื่อเจ้าทุกข์ไม่เอาความ เท่ากับว่า ยอมความกันไปโดยปริยาย ตำรวจถึงปิดคดีจบ ไม่มีการขึ้นศาลใดๆทั้งสิ้น เพราะยังไม่ได้ส่งฟ้อง ขิมรู้เรื่องเข้าจึงไม่พอใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“หนูขอขอบคุณพี่เข้มากจริงๆนะคะที่ไม่เอาเรื่องหนู ทั้งๆที่หนูทำให้พี่เจ็บตัวมากมายถึงขนาดนี้”
ปลายกมือพนมไหว้เข้ “ไม่เอาซิปลา พี่บอกแล้วไง ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” เข้ไม่อยากให้ปลาไม่สบายใจ
“เมื่อตอนนี้พี่ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ก็ถือว่าจบ พี่ไม่ชอบคนที่คิดเรื่องหยุมหยิม” ปลาเอื้อมมือมาบีบมือของเข้ไว้
“หนูขอบคุณพี่จริงๆนะคะ” เข้เอื้อมมือมาลูบหัวของปลา ปลาขยับไปกอดเอวเข้โดยปริยาย เข้ก็ไม่ได้ว่าอะไร เหมือนใจสองใจจะสื่อถึงกันได้จากความรู้สึกและการกระทำ
เข้ขยับเอามือซ้ายมาลูบแก้มขวาของปลา ปลาก็ขยับมือขวามาบีบมือเข้ไว้เช่นกัน และดึงมาหอมนิดหน่อย
“หายเร็วๆนะคะพี่ ต่อจากนี้ไปหนูจะไม่ดื้อกับพี่อีกแล้ว หนูสัญญา”
“ดีมาก ถือว่า รับปากพี่แล้วนะ เด็กดื้อ” ปลาพูดเหมือนจะอ้อน
“หนูก็ดื้อกับพี่คนเดียวนี่แหละ สัญญา อย่าเบื่อหนูซะก่อนก็แล้วกัน”
“จร้า” แล้วปลาก็ดึงมือซ้ายของเข้มาหอม
ไม่นาน ก็ขยับตัวเองออกมา เพื่อที่จะให้เข้นอนพักผ่อน เข้นอนหลับขณะที่กุมมือปลาด้วย
>>>>> @@@@@ <<<<<
และตั้งแต่นั้นมา ปลาจึงรับอาสานอนเฝ้าเข้เพียงคนเดียวในช่วงกลางคืน และจ้างพยาบาลพิเศษมาเฝ้าในช่วงเช้า-บ่าย หลังจากที่เธอเรียนเสร็จเมื่อใด เธอก็จะรีบบึ่งรถข้ามโลกมาหาเข้ทันที โดยไม่รอช้า จนนุชเพื่อนซี้สงสัยเป็นอย่างมาก เพราะเป็นแบบนี้ทุกวัน ส่วนขิมก็ต้องยอมใจปลาเลยจริงๆ ที่ปลามุ่งมั่นและรับผิดชอบจนเธอเองก็สงสัยว่า ทำไมถึงต้องทุ่มเทถึงขนาดนี้ ก็แค่คู่กรณีคนนึงเท่านั้น ไม่น่าจะต้องทุ่มเทและเป็นห่วงมากขนาดนี้ ทำยังกะเป็นคนที่รักซะงั้น
7 วันผ่านไปเข้เริ่มแข็งแรงขึ้น เพราะปลาดูแลดีมาก เพื่อนๆยังแอบสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเข้ถึงหายเร็วนัก มียาดีอะไร เพราะมาทีไรก็เห็นเข้อยู่กับพยาบาลพิเศษทุกที หรือไม่ก็ขิมน้องสาว
..... +++++ .....
เช้าวันต่อมา วันนี้เข้แข็งแรงขึ้นมากเลยทีเดียว ไม่เคยตื่นมาทันปลาไปเรียนสักที แต่วันนี้ดันตื่นทัน จึงดึงมือปลาก่อนที่จะออกไป
“หนูต้องขอตัวก่อนนะคะพี่ ได้เวลาไปเรียนแล้ว”
เข้จ้องหน้าปลา แต่ไม่พูดอะไร จนปลาต้องพูดขึ้นมาเอง
“พี่เข้ ดูมองเข้า ปล่อยได้แล้ว หนูต้องไปเรียน วันนี้หนูมีเรียนตอนสิบโมงนะคะ อย่าเกเร นี่ 7 โมงครึ่งแล้ว กว่าหนูออกพ้นสาย 3 ได้ มันนานนะคะ วันนี้วันจันทร์วันแรกของสัปดาห์ รถติดเจ้าค่ะ”
ปลาสาธยายให้ฟัง
“นี่มันโรงพยาบาลราชพิพัฒน์นะคะ หนูต้องไปกลับรถใต้สะพานอีก ไม่ใช่ธนบุรี 2 ที่อยู่ติดถนนใหญ่ข้างนอกนู้น ถึงจะออกถนนบรมได้เร็วหนะ เห็นใจหนูหน่อย เดี๋ยวตอนเย็นหนูก็กลับมาเหมือนเดิมเองแหละ”
ปลาอ้อนเข้
“นะ ให้หนูไปนะคะคนดี อย่าแกล้งหนูซิ หนูไม่อยากที่จะขับรถเร็วอีกแล้ว พี่เป็นคนขอหนูเองนะ หรือว่าพี่จะให้หนูกลับไปทำแบบนั้นอีก ไม่รู้ด้วยนะเอ้า”
เข้ดึงมือปลาเข้ามาและให้นั่งที่บนเตียงข้างเขา พร้อมกับกอดเอวปลาไว้ และพูดเบาๆ
“กลับมาเร็วๆนะ พี่คิดถึง” ปลานั่งอมยิ้ม เขินก็เขิน จนหน้าแดงเลย
“ปากหวานใหญ่แล้วพี่ ไปฝึกมาจากไหนเนี่ย นอนอยู่นี่แท้ๆ”
“ไม่รู้ซิใจมันสั่งมา ปากมันเลยพูดออกไป” ปลาเอามือขวาลูบหน้าเข้เบาๆ
“ค่า หนูเชื่อ แต่หนูต้องไปแล้วจริงๆ ให้หนูไปนะคนดี”
“ก็ได้ แต่ก่อนไปต้องทำยังไงก่อน หลายวันแล้วที่พี่ตื่นมาไม่ทันหนู”
ปลายิ้มและหันไปมองหน้าเข้ทันที และเอานิ้วขวาชี้ไปที่หน้า
“แน่ะ จะขี้โกงอะไรหนูอีก แค่นี้หนูก็ถูกเอาพี่เอาเปรียบจะแย่อยู่แล้ว เห็นไหม คนอะไรอยู่ดีๆมากอดเอวเค้าเนี่ย ใครอนุญาต หนูยังไม่อนุญาตเลยนะ”
เข้ไม่ตอบ แค่เอียงแก้มตุ๊ยข้างขวาให้ แค่นี้ปลาก็รู้แล้ว จึงทำหน้าแก้เขิน
“พี่เข้หนะ ไม่เอา นี่มันโรงพยาบาลนะ” เข้ไม่สนใจ ยังคงเอียงแก้มให้หอม
“เร็วซิ ก่อนที่ใครเค้าจะเข้ามาเห็นไม่รู้ด้วยนะเอ้า”
เมื่อเข้พูดแบบนั้น ปลาจึงรีบก้มลงไปหอมอย่างเร็วที่แก้มขวา แว่บนึง
“ทำอะไร ไม่โดนเลย เอาใหม่ เร็ว” ปลาส่ายหน้า
“ก็ทำไปแล้วไง พี่อย่ามาเอาเปรียบหนู” เมื่อปลาไม่ทำ เข้เลยทำตัวอย่างให้ดูเสียเลย
เข้เลยใช้มือซ้ายที่กอดเอวปลาอยู่นั้น ดันไหล่ซ้ายปลาให้เอาตัวลงมา แก้มขวาเธอจึงอยู่ที่จมูกของเข้ทันที ปลาตาโตเลยยังกะไข่ห่าน
“พี่เข้” เข้หอมอยู่นาน ปลาจึงดันตัวขึ้นมา
“เนี่ยแบบนี้ เขาถึงจะเรียกว่าหอม ไม่ใช่แบบเมื่อกี้ เอาใหม่ ไหนลองทำซิ อย่านะ ไหนบอกว่าจะไม่ดื้อกับพี่ไง จะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ วันนี้ ก็ไม่ต้องไปเรียน”
ปลารีบก้มลงไปหอมและแช่ไว้พอสมควร สักพักก็ดึงตัวขึ้นมา
<<<<<<<<< ---------- >>>>>>>>>
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 12 .. “ เปิดตำรารัก ตอน หนุ่มซ่าส์... สาวซิ่ง... 3 ”
ตอนที่ 11 .. “ เปิดตำรารัก ตอน หนุ่มซ่าส์... สาวซิ่ง... 2 ”
รวมเรื่องสั้น นิยายรัก นักศึกษา (Romance Fiction - นิยายรัก)
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 599
แสดงความคิดเห็น