Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 6 การเติบโตของเหล่าเด็ก ๆ

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc
คุณกำลังอ่าน: Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc

-A A +A

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 6 การเติบโตของเหล่าเด็ก ๆ

หมวดหนังสือ: 

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2007

บ้านตระกูลเดลวิน

 

        วันสงกรานต์วันที่สองอีกแล้ว ทีมพอเพียงไรเตอร์ได้พาครอบครัวของตนเองมาเยือนบ้านของตระกูลเดลวินที่มีฐานะยากจน เพียงเพื่อจะถามข้อมูลว่าตอนที่โดนจับมาทดลองและหลังจากกลายมาเป็นยอดมนุษย์นั้นเป็นยังไงบ้าง

        พวกเด็ก ๆ แต่งตัวแบบเดียวกันหมดเลย แน่นอนว่าครอบครัวของพวกเขาก็พยายามแต่งตัวให้ดูเหมือนแบบเดิม ๆ ไม่มีเปลี่ยน (ตรงนี้อาจจะเกิดความสงสัยในหัวผู้อ่านว่า ไม่มีชุดอื่นให้เปลี่ยนหรือยังไง แต่พวกเขาขี้เกียจเปลี่ยนบ่อย ๆ เลยต้องใส่ชุดเดิมไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งมันก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไรอยู่ดี)

        และครอบครัวเดลวินมีสมาชิกในครอบครัวสี่คน ประกอบไปด้วย นายเดลวิน นางเดลวิน ซึ่งอยู่ในวัยสามสิบปลาย ๆ นายเดลวินผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำเงิน ใส่เสื้อกระดุมแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าสีดำ แม่ผมยาวสีทอง นัยน์ตาสีดำ ใส่ชุดกระโปรงสีขาว ส่วนลูก ๆ อย่างอดัม เดลวิน วัยเจ็ดขวบ เป็นเด็กผมทองทรงปกติ มีปลายชี้เหมือนหูหน้ากากแบทแมน นัยน์ตาสีน้ำเงิน สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล และอีฟ เดลวิน วัยเจ็ดขวบ ผมสีทองยาวเท่าผมของโซเฟีย นัยน์ตาสีน้ำเงิน ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีชมพู กระโปรงสั้นสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล และหน้าตาน่ารักพอสมควร แน่นอนว่าโตไปต้องไม่พ้นที่หนุ่ม ๆ มามองเธอแน่นอน

        เอาเถอะ ตอนนี้พอเพียงอยากจะรู้ว่าอดัมกับอีฟผ่านทุกอย่างมาได้อย่างไร ดังนั้น หลังจากที่ครอบครัวของพวกพอเพียงกำลังพานายและนางเดลวินไปคุยกันในบ้าน พวกพอเพียงก็มาหาอดัมกับอีฟทันที

        “นี่ อดัม อีฟ” พอเพียงเริ่มก่อนเป็นคนแรก “พวกนายสองคนในตอนที่เพิ่งเกิดมาใหม่ ๆ แล้วโดนพาไปฉีดยา มันเป็นยังไงมั่ง?”

        “ก็เจ็บเอาเรื่อง” อดัมตอบ “โดนฉีดเข้าที่ก้นกันทั้งคู่เลย มันทำให้เราชากันไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งพวกเรากลายเป็นยอดมนุษย์นั่นแหละ”

        “แล้วหลังจากนี้พวกเธอไม่รู้ใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” โซเฟียถาม

        “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” อีฟถามกลับ

        “พวกเด็ก ๆ หลายคนถูกซีมเลสฮิวแมนบังคับให้ฉีดยาถึงที่บ้าน แต่พวกเราไปศูนย์วิทยาศาสตร์แล้วทำให้ห้องทดลองไฟไหม้และดมควันที่เป็นยานั้นด้วย” ปอนด์พูด

        “แล้วตอนช่วงแรกเกิดพวกนายสองคนคุยกันด้วยวิธีไหนหลังจากเป็นยอดมนุษย์แล้ว?” ธันวาถาม

        “พวกเราใช้การสื่อสารทางกระแสจิตไง” อดัมตอบ “ตอนเป็นเด็กทารกเราไม่รู้ภาษาพูด เลยใช้การสื่อสารทางกระแสจิตระหว่างพี่น้อง แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ใช้มันแล้วล่ะเพราะว่าเรารู้ว่าเราจะต้องสื่อสารด้วยภาษาพูด พวกเราก็เลยสื่อสารด้วยภาษาพูดแบบคนทั่วไปเลยละ”

        “แล้วพวกนายสองคนลงทะเบียนยอดมนุษย์แล้วหรือยัง?” เป้งถาม

        “ก็ลงแล้วสิ” อีฟบอก “มีผู้ใหญ่ใจดีมาชวนพวกเราไปลงทะเบียนยอดมนุษย์แล้วด้วย พวกเราไม่ค่อยได้รู้จักเขาเท่าไหร่นะ แต่เขาหน้าตาหล่อมากเลยนะ”

        “อ๋อ พวกเธอหมายถึง คุณจอห์น คอร์เรียสินะ” โซเฟียว่า “เขาน่ะเป็นคนที่ต่อต้านโครงการโปรเจกต์อันโนนแบบหลังชนฝาเลยล่ะ และตอนนี้เขาน่าจะลาออกจากซีมเลสฮิวแมนแล้วมั้งนะ”

        “งั้น ถ้าพวกนายสองคนมีอะไรให้พวกเราช่วย ติดต่อกับพวกเราได้เลยนะ” พอเพียงพูด “พวกเราจะจดเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้พวกนายบันทึกไว้ แล้วฉันจะขอเบอร์พวกนายไว้ด้วย เผื่อเกิดอะไรขึ้นแล้วกันนะ”

        “ได้” อดัมพูด

 

        หลังจาการพูดคุยครั้งนั้น ฝ่ายเดลวินกับฝ่ายพอเพียงไรเตอร์มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น ฝ่ายเดลวิน เหมือนแทบจะอยู่โรงเรียนไหนไม่ได้สักที ตั้งแต่อยู่ชั้น อนุบาล 1 ก็ต้องตกเป็นเป้าสายตาทั้งโรงเรียนก็ทำให้ทั้งคู่ไม่ไว้ใจคนในโรงเรียนอีกต่อไป ก็เลยต้องย้ายโรงเรียนทุกปี ๆ จนทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกเป็นห่วงฝาแฝดแล้วล่ะว่าแล้วจะทำยังไงต่อไปดี

        แต่สำหรับฝ่ายพอเพียง หลังจากจบการศึกษาชั้นอนุบาลที่โรงเรียนเซนต์ไอแซ็ค พวกเขาก็เรียนต่อที่นั่นจนจบชั้นประถมศึกษา ก่อนที่ทั้งหมดยกเว้นพอเพียงกับแอนนาจะแยกย้ายไปเรียนที่อื่นในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

        ที่ผ่านมาในชั้นประถมศึกษา พอเพียงและเพื่อน ๆ ในทีมพอเพียงไรเตอร์ เป็นกลุ่มเด็กนักเรียนที่เพอร์เฟกต์ที่สุดในระดับชั้นอนุบาลและประถมศึกษา และอาจจะยันมัธยมศึกษาตอนปลายเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาเรียนได้เกรดสี่ทุกวิชา และเล่นกีฬาได้หลากหลาย และบริหารระดับชั้นอนุบาลและระดับชั้นประถมศึกษาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะตอนอนุบาลปีที่ 3 และประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ต้องบริหารนักเรียนชั้นอนุบาลและนักเรียนชั้นประถมศึกษาทั้งหมดตามลำดับที่ต้องดูแลอย่างหนักด้วย ซึ่งระบบแบ่งห้องของโรงเรียนเซนต์ไอแซ็คจะแบ่งเป็นสามห้อง ดังนี้

        1.ห้องมือใหม่ (Rookie) เด็กนักเรียนธรรมดา

        2.ห้องมืออาชีพ (Professional) เป็นนักเรียนที่เรียนเก่งมากขึ้น

        3.ห้องเซียน (Grand Master) ห้องนักเรียนเรียนเก่งที่สุดและได้เกรดสี่ทุกวิชา แถมเป็นนักเรียนชั้นสูงด้วย ซึ่งพวกพอเพียงนั้นเรียนอยู่นนั้นนั่นแหละ

        แต่อย่างไรก็ตาม พวกพอเพียงแทบจะไม่ถือตัว ไม่อวดตัวเอง แถมยังถ่อมตัวมากกว่าอีก เพราะทั้งเจ็ดยังรู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้เพอร์เฟกต์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังมีจุดด้อยอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์

        ในช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พอเพียงถือว่าเป็นวัยรุ่นที่ออกจะโตเกินวัย เขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมากมาย และร่วมทำงานกับโครงการใหญ่ ๆ ด้วย และในช่วงวัยรุ่นเป็นวัยเจริญพันธุ์ และเป็นวัยที่คึกคะนองอย่างมาก พอเพียงเห็นเพื่อน ๆ ห้องมือใหม่หลายคนเริ่มใจแตกกันเยอะหลายคนแล้ว นักเรียนชายบางคนก็ไปมั่วสุมอยู่ในห้องน้ำซึ่งไม่รอดสายตาพอเพียงทุกราย และที่พอเพียงจับได้นั้นส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องบุหรี่และยาเสพติดที่เอามาเสพในโรงเรียนอีก พอเพียงก็จับคนที่มั่วสุมเหล่านั้นไปยังอาจารย์ฝ่ายปกครองให้ลงโทษเด็กนักเรียน หรือบางคนที่มีรถจักรยานยนต์ก็กลายมาเป็นแว้นแข่งบนถนนอย่างกับเบิร์นเอาท์และนีดฟอร์สปีดฉบับจักรยานยนต์ แต่พอเพียงมีรถยนต์ส่วนตัวที่ครอบครัวของเขาซื้อมา ซึ่งเป็นรถบูกัตติทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบูกัตติ เวย์รอน 16.4 คลาสสิก (Bugatti Veyron 16.4 Classic) บูกัตติ เวย์รอน 16.4 แกรนด์สปอร์ต (Bugatti Veyron 16.4 Grand Sport) บูกัตติ เวย์รอน 16.4 ซูเปอร์สปอร์ต (Bugatti Veyron 16.4 Super Sport) และบูกัตติ เวย์รอน 16.4 แกรนด์สปอร์ต วิเทสส์ (Bugatti Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse) ซึ่งแน่นอนว่าพอเพียงเห็นใครไปแว้นก็ไล่จับให้หมด และเทศน์ด้วยว่าไม่จำเป็นต้องไปแข่งบนถนนจริง ๆ เหมือนในเกมนีดฟอร์สปีดก็ได้ และรถทั้งหมดที่ครอบครัวพอเพียงมีนั้น เขาก็ให้พ่อกับแม่ของเขาขับไปส่งเพราะตอนนั้นยังไม่มีใบขับขี่

        อีกเรื่องที่เขาต้องแก้คือเรื่องของนักเรียนต่างสถาบันตีกัน เขาเกลียดเหตุการณ์นี้มาก เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พอเพียงโดนยิงด้วยกระสุนจริงเลย แถมโดนตรงกลางหัวใจด้วย แม้เขาจะไม่ตายเพราะพลังฟื้นฟูตนเองได้ก็ตาม แต่นั่นทำให้เขาโกรธสุดขีด เพราะเขาไม่ได้ไปทำอะไรผิดแต่กลับต้องมาโดนยิงโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร และถ้าเขาไม่ใช่ยอดมนุษย์ละก็ เขาน่าจะตายไปแล้ว แต่เขารอดเพราะเขาเป็นยอดมนุษย์ ดังนั้น เขาจึงต้องจัดการกับปัญหานักเรียนต่างสถาบันตีกันให้จงได้

        ปัญหาด้านการพนันก็มีเยอะ พอเพียงต้องจัดการสยบแหล่งพนันบอลให้ได้ และยิ่งยุคสมัยนี้สื่อสังคมทางอินเทอร์เน็ตเข้าถึงง่ายแทบทุกคน และแหล่งพนันสมัยนี้สามารถกระจายเข้าสู่สื่อสังคมเหล่านั้นอย่างมาก ไม่ใช่แค่สื่อการพนันหรอก สื่อลามกก็มี มันเป็นอันตรายต่อเด็กที่อายุน้อย ๆ และไม่บรรลุนิติภาวะด้วย ส่วนเรื่องเพศศึกษา พอเพียงก็ช่วยสอนเพื่อน ๆ ให้รู้จักว่าการสืบพันธุ์ของมนุษย์เป็นยังไง และให้รู้จักป้องกันตัวไว้ถ้าไม่พร้อมมีลูกหรือไม่อยากเสี่ยงติดโรคที่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งนั่นทำให้พอเพียงถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโรงเรียนเซนต์ไอแซ็คอย่างมาก

        หรือแม้กระทั่งคนทะเลาะกันในโรงเรียน พอเพียงก็ต้องเป็นคนไปห้ามมวยและแจ้งอาจารย์ประจำชั้นมาจัดการทันที ไม่ว่าจะชายต่อยชาย หรือหญิงตบหญิง หรือชายตบหญิง พอเพียงก็ไม่ละเว้น ไม่เพิกเฉยใด ๆ ทั้งสิ้น

        และแน่นอนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นคือ ความสัมพันธ์แบบคู่รักกัน เพื่อน ๆ ที่อยู่กับพอเพียงเริ่มมีความคิดอยากจะหาแฟนมากขึ้นแล้วล่ะ ซึ่งผู้หญิงบางคนก็แอบอยากได้พอเพียงมาเป็นแฟน แต่พอเพียงกลับดับฝันฮาเร็มด้วยการบอกว่า เขาจองโซเฟียแล้ว และจองเพียงคนเดียวซะด้วย ใครไม่ยอมอาจจะโดนออร่ามาเฟียในตัวพอเพียงสะกดให้กลัวไปเลยโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

        ด้านกายภาพ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ผู้ชายบางคนจะดูกำยำขึ้นมาบ้างเพราะมีกล้ามเนื้อ พอเพียงก็ไม่ต่าง แม้เขาจะผอมแค่ไหนเขาก็ยังพอมีกล้ามเนื้อ แถมเขายังออกกำลังกายบ่อย ๆ ด้วย ส่วนผู้หญิงจะมีส่วนโค้งเว้าตามตัว และผู้หญิงหลายคนถ้าใส่ชุดอื่นที่ไม่ใช่ชุดนักเรียน จะใส่ชุดเอวลอย คือเสื้อที่ปิดร่างกายท่อนบน แต่จะเผยเปลือยตั้งแต่ช่วงเอวลงมาซึ่งอาจจะเผยให้เห็นสะดือด้วยถ้าเป็นบางคน ซึ่งพอเพียงไม่ห้ามในการแต่งตัวอยู่แล้ว แต่ให้ตรงกับกาลเทศะด้วย ถ้างานไหนต้องแต่งตัวชุดสุภาพ ก็ต้องเปลี่ยนก่อน เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับศาสนาส่วนใหญ่ หรืองานธุรกิจที่เป็นทางการ ก็ต้องใส่ชุดสุภาพด้วย

        อีกเรื่องคือเรื่องการรองรับเกี่ยวกับเด็กพิเศษ คนต่างเชื้อชาติ ต่างสีผิว และความหลากหลายทางเพศ ในโรงเรียนเซนต์ไอแซ็ค พวกเขารองรับคนเหล่านี้อยู่หลายคนและอยู่ในความดูแลของทางโรงเรียนอยู่เสมอ และพอเพียงก็เคารพความแตกต่างของแต่ละคนด้วย ซึ่งพอเพียงนั้นพอรับได้ทุกอย่าง รับได้ในความแปลกประหลาดของแต่ละคนด้วยเหมือนกัน และเคยร่วมงานกับคนพวกนี้หลายครั้ง แต่พอเพียงก็พยายามที่จะเป็นมิตรกับคนเหล่านี้ให้สุด ๆ และไม่ต้องการให้ใครมาเหยียดคนเหล่านี้เด็ดขาด เพราะเรื่องแบบนี้มันต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา พอเพียงให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเชื้อชาติและเพศแบบสุดขั้ว แต่ก็รู้จักลิมิตของตัวเองเหมือนกัน เขาพยายามจะทำให้มันพอเป็นกลาง ไม่ซ้ายจัดหรือขวาจัดเกินไป

        แต่อย่าหาว่าพอเพียงหมกมุ่นอยู่กับการเรียน ด้านเกมเขาก็เล่นเหมือนกัน (แต่พอเพียงบริหารเวลาเป็นอยู่แล้ว) ในยุคของเพลย์สเตชั่น 3 (Sony PlayStation 3) และเอ็กซ์บ็อกซ์ 360 (Microsoft Xbox 360) รวมถึงนินเท็นโดวีและวียู (Nintendo Wii and Wii U) ครอบครัวของทันนี่ก็ได้ย้ายออกไปจากหมู่บ้านเดอะแรบบิทแล้ว พอเพียงเลยได้ครอบครองจอยพวงมาลัยที่รุ่นพี่คนนั้นเคยขับมาเป็นของตัวเอง ประกอบกับได้ซื้อเกมกรันทูริสโม เอชดี คอนเซ็ปต์ (Gran Turismo HD Concept) กับโลจิเทค ไดรวิงฟอร์ซ อีเอ็กซ์ (Logitech Driving Force EX) มาขับด้วย ในยุคนี้พอเพียงกลายเป็นเกมเมอร์สายซิมเรสเซอร์เต็มรูปแบบ สำหรับพวงมาลัยไดรวิงฟอร์ซ อีเอ็กซ์นี้ โลโก้ตรงกลางเป็นโลโก้ของโลจิเทค ไม่ใช่โลโก้กรันทูริสโม แต่ใช้ปุ่มแบบเดียวกับจอยดูอัลช็อคของเพลย์สเตชั่น 3 และตัดเอาคันโยกเกียร์ธรรมดาออกไปจากพวงมาลัยรุ่นนี้ด้วย ต่อมาคือจอยพวงมาลัยโลจิเทค ไดรวิงฟอร์ซ จีที (Logitech Driving Force GT) และเกมกรันทูริสโม 5 โปรลอก (Gran Turismo 5 Prologue) ซึ่งจอยตัวนี้ทางโลจิเทคได้เอาโลโก้กรันทูริสโมมาอยู่ตรงกลางพวงมาลัย และติดคันโยกเกียร์ธรรมดาแบบซีเควนเชียลมาอยู่ตรงด้านขวาของพวงมาลัยแล้ว ซึ่งมีปุ่มกลมคู่ใต้แกนกลางพวงมาลัย ด้านซ้ายคือปุ่มบวกลบ กับด้านขวาที่เป็นปุ่มเอ็นเทอร์และแถบหมุนสีแดง ซึ่งไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไรในความคิดของพอเพียง

        ในยุคของเพลย์สเตชั่น 3 ยังมีจอยพวงมาลัยอื่น ๆ ตามมาเป็นคู่ขนานกัน เช่น โลจิเทค จี 25 (Logitech G25) จอยพวงมาลัยตัวใหม่ที่ตัวปุ่มจะไม่เจาะจงแพลตฟอร์ม ซึ่งมันแทบจะย้ายไปอยู่ที่ชุดเกียร์ธรรมดาซึ่งถูกแยกจากตัวพวงมาลัยและสามารจถปรับได้ว่าจะเป็นซีเควนเชียลเหมือนกับที่ใช้กับไดรวิงฟอร์ซ โปร และจิที หรือเป็นแบบแพทเทิร์นรูปตัวเอชหกสปีดก็ได้ นั่นหมายความว่าเราสามารถวางชุดเกียร์ไว้ข้างขวาหรือข้างซ้ายก็ได้ตามความถนัด ส่วนตัวพวงมาลัยนั้นมีแค่โลโก้โลจิเทคตรงกลางพวงมาลัย แต่มีการติดคันเกียร์อัตโนมัติแบบแพดเดิลชิฟท์เพื่อความสมจริงในการขับรถด้วยระบบขับเคลื่อนเกียร์อัตโนมัติ ส่วนแป้นเหยียบจะมีสามแป้น ซึ่งแป้นที่เพิ่มขึ้นมาคือแป้นคลัตช์นั่นเอง และมันกลายเป็นมรดกตกทอดมาถึงโลจิเทค จี 27 (Logitech G27) ที่มีการปรับเปลี่ยนอะไรเล็กน้อย เช่นปุ่มย่อยบนพวงมาลัยมีมากขึ้น และชุดเกียร์ธรรมดาเป็นเพียงแพทเทิร์นรูปตัวเอชหกสปีดเพียงแค่รูปแบบเดียวเท่านั้น และเขาก็เอาชุดพวงมาลัยทั้งสามแบบนี้ใช้สลับกันไปในการเล่นเกมกรันทูริสโมภาค 5 และภาค 6 (Gran Tursimo 5 and 6) ซึ่งให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างแตกต่างพอสมควร และโดยมาตรฐานของโลจิเทคคือ พวงมาลัยสามารถถูกหันจนสุดทางได้ 900 องศา ทำให้พอเพียงชินกับแรงฟอร์ซฟีดแบ็คแบบโลจิเทคแล้ว

        แต่จอยพวงมาลัยอีกยี่ห้อหนึ่งก็มาแรงไม่แพ้กัน ดีไม่ดีมาแรงยิ่งกว่าโลจิเทคอีกต่างหาก นั่นก็คือ ทรัสต์มาสเตอร์ ที 500 อาร์เอส (Thrustmaster T500RS) เป็นจอยพวงมาลัยที่ถอดประกอบกับฐานได้ ตัวพวงมาลัยอย่างทรัสต์มาสเตอร์ ที 500 อาร์เอส รีมูฟเวเบิล วีล คิท (Thustmaster T500RS Removable Wheel Kit) ที่ติดมากับโลโก้กรันทูริสโมอยู่ตรงกลางเลย ตอนแรกที่เขาเห็นหน้าตาจอยพวงมาลัยนี้ เขาก็แปลกใจว่าทำไมซีรี่ส์กรันทูริสโมถึงเปลี่ยนพันธมิตรอย่างเป็นทางการจากโลจิเทคไปเป็นทรัสต์มาสเตอร์แทนล่ะ แต่พอซื้อมาขับดู มันกลับแตกต่างจากพวงมาลัยของโลจิเทคอย่างมาก อย่างแรกเลยคือ การหันสุดของพวงมาลัยทำได้ถึง 1080 องศา มากกว่าจอยของโลจิเทคถึง 2 เท่า ส่วนคันเกียร์อัตโนมัตินั้นติดอยู่กับฐาน ไม่หมุนตามพวงมาลัยเหมือนจอยพวงมาลัยตัวอื่น ๆ และแป้นเหยียบของที 500 อาร์เอสนั้น แท้จริงแล้วมันคือแป้นเหยียบทรัสต์มาสเตอร์ ที 3 พีเอ-โปร (Thrustmaster T3PA-Pro) ซึ่งเป็นแป้นเหยียบที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นโหมดขาแป้นตั้งพื้นหรือโหมดขาแป้นติดผนังก็ได้ ส่วนชุดเกียร์ธรรมดานั้น เขาจะไม่มีทางขาดชุดเกียร์ธรรมดาไปได้แน่นอน เพราะเขาเป็นเกมเมอร์สายแข่งรถสมจริงอยู่แล้ว ดังนั้น เขาจึงซื้อชุดเกียร์ธรรมดาทรัสต์มาสเตอร์ ทีเอช 8 อาร์เอส ชิฟเตอร์ (Thrustmaster TH8RS Shifter) เพื่อรับกับที 500 อาร์เอส ซึ่งความแตกต่างก็คือ ทีเอช 8 อาร์เอสนั้นเป็นแพทเทิร์นรูปตัวเอชเจ็ดสปีด ซึ่งรถยนต์จริงน้อยคันนักที่จะใช้ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดาแบบเจ็ดสปีด (อย่างมากก็มีแค่หกสปีด) แต่ทีเอช 8 อาร์เอสสามารถปรับให้เป็นแบบซีเควนเชียลได้

        ในยุคของเพลย์สเตชั่น 3 นี้มีคู่แข่งที่เหนียวแน่นเอามาก ๆ นอกจากไมโครซอฟท์และนินเท็นโดแล้ว พอเพียงเทค (PorpiangTech) อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์ไอทีก็ไม่น้อยหน้า เปิดตัวเครื่องเกมใหม่มาชนกับสามยักษ์เช่นกัน นั่นก็คือ พอเพียงเทค ดรากอน (PorpiangTech Dragon) ซึ่งยอดขายของดรากอนที่อยู่ในยุคนั้นค่อนข้างมาแรงเอาเรื่อง สามยักษ์ใหญ่อย่างโซนี่ ไมโครซอฟท์ และปู่นินน่าจะมีสั่นสะท้านกันไปข้างหนึ่งแหละ

        ช่วงปี 2007 – 2015 เป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับทีมพอเพียงไรเตอร์ แต่พอวันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2016 ทีมพอเพียงไรเตอร์ครบเจ็ดคน มาพร้อมกับเล็กซ์ (อายุ 13 ปี) มาเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ คุยเรื่องสารทุกข์สุกดิบของตัวเอง โดยที่โซเฟียกับแอนนาตัดแต่งเสื้อของตัวเองให้โชว์เอวของเธอจนเห็นสะดือด้วย ส่วนธันวาเปลี่ยนจากเกราะไหล่พลาสติกเป็นเกราะเหล็กที่มีน้ำหนักมากขึ้นเพื่อเสริมแกร่ง ซึ่งนั่นคือความเปลี่ยนแปลงของสมาชิกทีมพอเพียงไรเตอร์ในตอนนี้

        ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มคนจำนวนเท่ากับพวกพอเพียงเดินเข้ามาตรงหน้าและมาหยุดตรงหน้าพวกเขาทั้งหมด และพวกเขาหน้าตากับแต่งตัวเหมือนกับที่ลีเจอเป๊ะเลย ดังต่อไปนี้

        คนแรกเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งอายุเท่าเขา ผมสั้นทรงปกติปลายชี้โค้งลงหน้าผากสามลอนสีดำ นัยน์ตาสีดำ ใส่เสื้อคลุมเบสบอลสีแดงทับเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินอ่อน กางเกงยีนขายาวสีม่วงเข้ม รองเท้าผ้าใบสีแดง

        คนที่สองเป็นหญิงสาวคนหนึ่งอายุเท่าคนแรก ผมสั้นประบ่าสีน้ำตาล ใส่กิ๊บสีฟ้าติดไว้ เธอมีนัยน์ตาสีน้ำเงินใสแจ๋ว ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีแดงมีกระเป๋าสองข้าง แต่เอวเล็กกว่าเสื้อเชิ้ตสีชมพู ซึ่งรอบนี้เสื้อเชิ้ตสีชมพูก็เอวลอยจนเห็นสะดือด้วย เธอใส่กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงินเข้มและใส่รองเท้าบู๊ตสีน้ำตาลด้วย

        คนที่สาม ชายหนุ่มที่ผมทรงปกติสีน้ำตาล ปลายชี้โค้งลงหน้าผากลอนใหญ่ ๆ หนึ่งลอน นัยน์ตาสีน้ำเงิน ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงินทับเสื้อเชิ้ตสีดำ ถุงมือกีฬาสีดำ ใส่กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบก็สีดำเช่นกัน

        คนที่สี่ ชายหนุ่มที่ผมสีดำปรกหน้าข้างหนึ่ง นัยน์ตาสีดำ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเหลือง กางเกงขายาวสีเขียว รองเท้าผ้าใบสีเขียว

        คนที่ห้า ชายหนุ่มผมทรงปกติสีน้ำตาล ปลายผมชี้โค้งลงหน้าผากหลายลอน นัยน์ตาสีดำ หน้าตกกระ ใส่เสื้อสเว็ตเตอร์แขนยาวลายระเบิดทีเอ็นทีสีแดงอ่อน กางเกงขายาวสีดำ และรองเท้าผ้าใบสีแดงอ่อน

        คนที่หก ชายหนุ่มผมสีดำลอนด้านบนปลายชี้ขึ้นหน่อยหนึ่ง นัยน์ตาสีดำ ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีดำ

        คนที่เจ็ด เด็กชายอายุน้อยกว่าเล็กซ์หนึ่งปี ผมสีดำปลายชี้ขึ้นลอนหนึ่ง นัยน์ตาสีดำ เสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงินทับเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ

        คนที่แปด หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวเท่าผู้หญิงคนที่สอง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม แต่งตัวเหมือนภัททิต้า คือใส่เสื้อคลุมเบสบอลสีแดงทับเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินอ่อนข้างใน แต่ช่วงเสื้อเอวลอยจนเห็นสะดือ กางเกงขายาวสีม่วง และรองเท้าผ้าใบสีแดง

        ทั้งทีมพอเพียงไรเตอร์ไม่รู้จักแปดคนนั้นเลยสักนิดเดียว แต่แอนนารู้จักหญิงสาวคนที่แปดเป็นอย่างดี

        “ลินดาเองเหรอ” แอนนาถามผู้หญิงคนที่แปดที่ชื่อ ลินดา เมเจอร์

        “ใช่” ลินดาตอบ

        แต่ทีนี้กลุ่มคนทั้งแปดคนรู้สึกคุ้นเคยกับพวกพอเพียงเป็นอย่างดี

        “นายชื่อ...” ชายหนุ่มเสื้อแดงพูดและชี้มาที่พอเพียง “พอเพียง มาสเตอร์ หรือเพ้นท์ คนที่ฉันเจอในหนังสือพิมพ์เมื่อปี 2006 หรือเปล่า”

        “ใช่ ทำไมเหรอ?” พอเพียงถาม

        “ฉันชื่อ ภัททิต้า เอ็มเมอร์” ชายหนุ่มเสื้อสีแดงแนะนำตัว “เรื่องมันจะยาวหน่อยนะ แต่พวกเราขอแนะนำตัวดีกว่านะ เพราะว่าพวกเราพอจะรู้จักพวกนาย แต่พวกนายไม่รู้จักพวกเรา”

        หญิงสาวเสื้อสีแดง-ชมพู ผมสีน้ำตาล พยักหน้าเห็นด้วย แล้วเธอบอกว่า “ฉันชื่อว่ายินนา เดสเตอร์”

        “ฉันริวคิก ร็อบเบิร์ท” – ชายหนุ่มเสื้อสีน้ำเงิน

        “ฉันกวางงากะ โซบุ” – ชายหนุ่มเสื้อเหลือง

        “ฉันเจียระไน บีบอมบ์” – ชายหนุ่มเสื้อทีเอ็นที

        “ฉันปอย วู้ดเดอร์” – ชายหนุ่มเสื้อขาว

        “ผมชื่อ พึกกาจิ เอ็มเมอร์ครับ (Puekkagi Emmer) เป็นน้องชายพี่ภัททิต้าเอง” เด็กชายเสื้อสีน้ำเงินบอก

        ส่วนลินดา ไม่ต้องแนะนำตัว เพราะรู้จักกันอยู่แล้ว

        “ทีมของพวกนายชื่อ พอเพียง ไรเตอร์ ใช่ไหม” ภัททิต้าถาม

        “ใช่ แล้วของนายล่ะ?”

        “ของพวกเราก็มี ชื่อว่าทีมเอ็มซีพีเอ (MCPA Team) ย่อมาจาก ไมน์คราฟท์ ภัททิต้า แอนตี้วิลเลียน (Minecraft Pattita Anti-Villain)”

        “เอาละ งั้นพวกเราไปคุยกันในห้องสมุดทีเคพาร์คแล้วกันนะ” พอเพียงบอก “ฉันสังหรณ์ว่าพวกนายเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลักพาตัวในวันที่ 26 เมษายน 2006 แน่เลย”

 

ในห้องสมุดทีเคพาร์ค ชั้นแปด เซ็นทรัลเวิลด์

 

        “พวกนายคือหนึ่งในกลุ่มที่โดนจับมาทดลองใช่ไหม?” พอเพียงถาม

        “ใช่” ภัททิต้าตอบ “มิน่านายถึงไม่รู้จักฉัน เพราะพี่คนหนึ่งที่โดนจับแยกไปรมควันไม่ได้บอกนายใช่ไหมละ”

        “พี่คนไหน อย่าบอกนะว่าลุงลี” พอเพียงถามกลับ

        “อ้าว! ลุงของนายเองเรอะ?”

        “ก็ใช่น่ะสิ! เขาเลี้ยงฉันมาตลอดเวลา และคอยให้ข้อมูลกับฉันด้วย” พอเพียงตอบ “และโดนจับมาอยู่กับพวกนายด้วย”

        เกิดความเครียดครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นพอเพียงจึงบอกว่า...

        “พูดถึงข้อมูล ฉันมีข้อมูลขนาดใหญ่มาเล่าให้พวกนายฟัง ฉันเคยเล่าให้ทีมฉันฟังไปแล้ว พวกเขาช็อคไปเลย! ใช่ไหมทุกคน!”

        ทุกคนในทีมพอเพียงไรเตอร์หันมาพยักหน้าเชิงเห็นด้วยให้พอเพียง

        และพอเพียงก็ได้เริ่มเล่าข้อมูลที่เขาได้รู้เกี่ยวกับโปรเจกต์อันโนน ซึ่งขอสงวนสิทธิ์ในการไม่ลงรายละเอียดซ้ำ เพราะเดี๋ยวจะทำให้คนอ่านหรือคนดูง่วงเสียก่อน (เรียกง่าย ๆ ก็คือ ข้ามส่วนนี้ไปนี่เอง)

        หลังจากที่พอเพียงเล่าจนเข้าใจ ภัททิต้าก็เป็นฝ่ายเล่าเรื่องความคืบหน้าหลังจากการที่พวกภัททิต้าถูกจับมาทดลองบ้าง

        “หลังจากที่พวกเราโดนจับมาทดลองนั้น มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งใน 250 คนนั้นได้บอกพวกเราเรื่องแผนการลับที่พวกเขาย้ำว่า ห้ามบอกใครถ้ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เพราะมันเป็นแผนลับสุดยอด แต่พวกเราได้ลงทะเบียนยอดมนุษย์แล้วเรียบร้อย ฉันได้อยู่ระดับเอสน่ะ เอ้าทุกคน โชว์บัตรประจำตัวยอดมนุษย์ของตัวเองให้ดูหน่อย”

        ว่าแล้ว ทีมเอ็มซีพีเอก็ได้โชว์บัตรประจำตัวยอดมนุษย์ขึ้นมาให้ทีมพอเพียงไรเตอร์ดู

        “เอามั่งสิ” พอเพียงพูด จากนั้นเขากับเพื่อน ๆ ของเขาก็โชว์บัตรประจำตัวยอดมนุษย์บ้าง และบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ปี 2016 ของแต่ละคนมีดังนี้

        พอเพียง : บัตรทองคำ (Golden Superhuman ID Card) ที่เป็นบัตรเดบิตในตัว มีการฝังชิพการ์ด และมีตราของมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) อยู่บนบัตร และมีสัญลักษณ์คอนแทคเลส คือสามารถแตะบัตรเพื่อติดตั้งแท่นสแกนได้ และมีข้อมูลของบัตรเอทีเอ็มกับข้อมูลบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ของพอเพียงอยู่ด้วยเหมือนกัน

        โซเฟีย : บัตรเงิน (Silver Superhuman ID Card) ที่เป็นบัตรเดบิตในตัว มีการฝังชิพการ์ด และมีตราของวีซ่า (VISA) อยู่บนบัตร และมีสัญลักษณ์คอนแทคเลส มีข้อมูลของบัตรเอทีเอ็มกับข้อมูลบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ของโซเฟียอยู่ด้วย ซึ่งเธออยู่ระดับเอส

        ภัททิต้า : บัตรเงินที่เป็นบัตรเดบิตในตัว มีการฝังชิพการ์ด และมีตราของวีซ่าอยู่บนบัตร มีสัญลักษณ์คอนแทคเลส มีข้อมูลของบัตรเอทีเอ็มกับข้อมูลบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ของภัททิต้าอยู่ด้วย

        ยินนา : บัตรมาตรฐานสีขาว (Standard Superhuman ID Card) ที่เป็นบัตรเดบิตในตัว มีการฝังชิพการ์ด มีตราของวีซ่าอยู่บนบัตร มีข้อมูลของบัตรเอทีเอ็มกับข้อมูลบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ของเธออยู่ด้วย เธออยู่ระดับเอ

        ธันวา : บัตรมาตรฐานสีขาว มีตราของวีซ่าอยู่บนบัตร ซึ่งเขาอยู่ระดับเอ

        เป้ง : บัตรมาตรฐานสีขาว มีตราของมาสเตอร์การ์ดอยู่บนบัตร เขาอยู่ระดับเอ

        ปอนด์ : บัตรมาตรฐานสีขาว มีตราของวีซ่าอยู่บนบัตร เขาอยู่ระดับเอ

        แบงค์ : บัตรมาตรฐานสีขาว มีตราของวีซ่าอยู่บนบัตร เขาอยู่ระดับเอ

        แอนนา : บัตรเงิน มีตราของมาสเตอร์การ์ดอยู่บนบัตร เธออยู่ระดับเอส

        ลินดา : บัตรมาตรฐานสีขาว มีตราของวีซ่าอยู่บนบัตร เธออยู่ระดับเอ

        ริวคิก : บัตรมาตรฐานสีขาว มีตราของวีซ่าอยู่บนบัตร เขาอยู่ระดับบี

        กวางงากะ : บัตรมาตรฐานสีขาว มีตราของวีซ่าอยู่บนบัตร เขาอยู่ระดับบี

        เจียระไน : บัตรมาตรฐานสีขาว มีตราของมาสเตอร์การ์ดอยู่บนบัตร เขาอยู่ระดับบี

        ปอย : บัตรมาตรฐานสีขาว มีตราของวีซ่าอยู่บนบัตร เขาอยู่ระดับบี

        “บัตรพวกพี่ ๆ สวยจังเลยนะครับ” พึกกาจิว่า

        “แหงละ” ภัททิต้าบอกพึกกาจิ “มันเป็นบัตรที่พวกเราไปได้มาจากการลงทะเบียนยอดมนุษย์น่ะ”

        “เอาเถอะ ๆ” พอเพียงพูด “แล้วตอนนี้จับไอ้พวกขโมยเด็กไปทดลองได้หรือยัง?”

        “ถ้าเอาแค่ที่ไทยน่ะเหรอ พวกเขาจับได้แล้วน่ะ” ภัททิต้าตอบ “มาจับได้เอาตอนวันที่ 4 ตุลาคม 2015 หลังจากคว้าน้ำเหลวมาหลายครั้ง ไอ้อ้วนนั่นสารภาพหมดเปลือกว่าเป็นคนลงมือทำโดยไม่สำนึกผิดสักนิดเดียว แถมยังหลุดข้อมูลสำคัญว่าผลการทดลองทั้งหมดเขาเอาไปรายงานแก่องค์กรซีมเลสฮิวแมนด้วย และยังประกาศอีกด้วยนะว่า จากนี้ไปโลกใบนี้ก็จะเต็มไปด้วยมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด!”

        ข้อมูลนี้กระตุ้นต่อมหัวร้อนของพอเพียงให้ทำงานทันที เขาตบโต๊ะแรง ๆ หนึ่งครั้งแล้วบอกอย่างเดือดดาลว่า “ถ้าจะทดลองเพราะอุดมการณ์นี้ละก็ ต้องข้ามศพฉันไปก่อน เพราะว่ามันทรมานมากแค่ไหนที่คนคนหนึ่งต้องมามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุดโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องการเลย แล้วผลเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

        “อัลแทรมม์ วัสวาเฟน ถูกประหารชีวิต” ภัททิต้าตอบ

        “สมควรแล้ว” พอเพียงพูด “กับสิ่งที่เขาทำไว้ ไม่มีมนุษย์สติดี ๆ คนไหนทำกับเด็ก ๆ แบบนี้ลงแน่นอน”

        “ได้ข่าวว่านายเป็นนักเขียนนิยายบนเว็บไซต์นี่นา” ภัททิต้าพูด “พลอตเรื่องเป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ?”

        “อ๋อ ฉันเขียนนิยายเรื่อง School of Roleplay” พอเพียงพูด “เรื่องนี้เป็นเรื่องโรงเรียนสอนโรลเพลย์ มีระบบทรัพยากรและระบบอัพเกรดต่าง ๆ น่ะ แล้วมันก็มีบอสด้วยนะ”

        “อืม อย่างนี้นี่เอง” ภัททิต้าว่า “ฉันอยากจะลองเข้าไปอ่านจังเลย พลอตเรื่องมันจะเป็นยังไงกันนะ”

        “นิยายฉันมีคนสนใจค่อนข้างเยอะแยะเลยนะ” พอเพียงบอก “พวกนายไปหาอ่านกันได้ ฉันลงหลายแพลตฟอร์มเลยนะ”

        “อืม...” พอเพียงว่า “ช่วงนี้พวกเราอยู่ในช่วงของวัยรุ่น เพื่อน ๆ ในโรงเรียนของฉันหลายคนเริ่มใจแตกแล้ว แต่คนที่เป็นเด็กตั้งใจเรียนก็ยังพออยู่กับฉันได้นะ”

        “สำหรับพวกใจแตกนายทำยังไงกับพวกเขา?” ภัททิต้าถาม

        “ก็เทศน์ให้หูชาไปเลยไง” พอเพียงตอบ “คือฉันไม่อยากให้ใครหลุดเข้าไปอยู่ในวังวนอโคจรแบบนี้ เพราะมันจะฉุดอนาคตของตัวเองให้ลดต่ำลงไง”

        “อย่างนี้นี่เอง” พอเพียงพูด “ว่าแต่พวกนายเคยอยู่ที่นี่มาก่อนเหรอ?”

        “ใช่” ภัททิต้าตอบ “แต่ตอน ม.ต้นเป็นต้นมาเราย้ายไปอีกเมืองหนึ่งเป็นชนบท ถ้านายไปที่นั่นนายก็คงจะได้สดชื่นกับบรรยากาศที่นั่นแน่เลยนะ”

        “เมืองไหนเหรอ?” พอเพียงถาม

        “คิวบ์ซิตี้ (Cube City)” ภัททิต้าบอก “ถ้าตามแผนที่จริงจะอยู่ในจังหวัดนครสวรรค์นะ ตอนนี้พวกเรากำลังจะเรียนต่อที่โรงเรียนที่เราเริ่มเรียนตั้งแต่ ม.ต้น ชื่อ ลิตเติ้ลลูนาร์ (Little Lunar School) ถ้าว่าง ๆ พวกนายมาเยี่ยมได้นะ”

        “แล้ววันเกิดล่ะ” พอเพียงว่า “ขอพูดถึงวันเกิดของพวกเราก่อนแล้วกัน ฉันกับโซเฟีย เกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2000 นะ”

        โซเฟียพยักหน้าเห็นด้วย

        “ฉันเกิดวันที่ 6 มกราคม 2000” ธันวาพูด

        “ฉันเกิดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2000” เป้งบอก

        “ฉันเกิดวันที่ 7 มีนาคม 2000” ปอนด์ว่า

        “ฉันเกิดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2000” แบงค์พูด

        “ฉันเกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2000” แอนนาพูด

        “ผมเกิดวันที่ 4 เมษายน 2003 ครับ” เล็กซ์พูด

        “ฉันกับยินนาเกิดปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน คือกุมภาพันธ์ ปี 2000 แต่เกิดวันที่ 26 นะ” ภัททิต้าพูด

        “ฉันเกิดวันที่ 12 มีนาคม 2000” ริวคิกพูด

        “ฉันเกิดวันที่ 4 มีนาคม 2000” กวางงากะว่า

        “ฉันเกิดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2000” เจียระไนบอก

        “ฉันเกิดวันที่ 11 มีนาคม 2000” ปอยบอก

        “ฉันเกิดวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2000” ลินดาพูด

        “ผมเกิดวันที่ 6 เมษายน 2004 ครับ” พึกกาจิพูด

        แต่จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มผมสีฟ้า เสื้อคลุมแขนยาวและกางเกงขายาวทั้งคู่ นัยน์ตาสีเขียว มาหยุดอยู่ที่โต๊ะของทีมพอเพียงไรเตอร์และทีมเอ็มซีพีเอ

        “ใครอีกละเนี่ย?” พอเพียงถาม

        “ฉันไม่รู้จักด้วยอะ” ภัททิต้าว่า

        “สวัสดี ฉันคือเซสเตอร์ ราชาแห่งกาลเวลา (Sester The King of Time)” ชายผมสีฟ้าตอบ

        “เซสเตอร์? ชื่อแปลกดีแฮะ” ภัททิต้าพูด

        “ฉันรู้จักพอเพียงดีนะ” เซสเตอร์พูด “ที่นี่สงบสุขดีนะ ไม่มีอะไรวุ่นวายเกิดขึ้นเลย ผิดกับจักรวาลอื่น ๆ ที่ฉันเคยเจอมา”

        “จักรวาลอื่น?” พอเพียงถาม

        “ฉันเคยเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายของฉัน มันเป็นคู่ปรับหลักของฉันมาแล้ว” เซสเตอร์พูด “และเขาอาจจะตามมาจัดการที่โลกนี้ก็เป็นได้”

        “แล้วมันบุกไปยังจักรวาลไหนบ้างล่ะ?” พอเพียงถาม

        “มันบุกไปทุกจักรวาลเลย” เซสเตอร์บอก “ฉันโดนหมอนี่ไล่ตามจัดการหลายจักรวาลแล้ว ทั้งจักรวาลโชเน็นจัมป์ จักรวาลหุ่นยนต์ต่าง ๆ อะไรพวกนี้ มันก็ตามรังควานอยู่หลายครั้งแล้ว ถ้ามันมาบุกยังโลกใบนี้อีก ฉันคงไม่ไหวแน่นอน”

        “แล้วนายสนใจฉันทำไมเหรอ?” พอเพียงถาม

        “ฉันรู้ว่านายน่ะ เป็นเทพเจ้าจุติลงมาเกิด คือเรียลลิเทียส ไททันมหาจักรวาล (Realitious The Megaverse Titan) จุติลงมาเป็นนาย” เซสเตอร์พูด “เหมือนกับรามเกียรติ์ที่พระนารายณ์อวตารเป็นพระรามมาปราบยักษ์น่ะ”

        “จริงเหรอ?” พอเพียงว่า “ฉันไม่นึกมาก่อนเลยนะเนี่ย”

        “ไม่ได้ระลึกตัวเองเลยสินะ” เซสเตอร์พูด

        “นี่ ๆ ช่วยดูคนอื่น ๆ หน่อย เพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่นายพูดน่ะ”

        “งั้นเหรอ?” เซสเตอร์ว่า “หึ ๆ ฉันก็แค่มาเยี่ยมเฉย ๆ แต่ไม่แน่นะ ถ้าเกิดว่ามันเป็นไปได้ ฉันอาจจะต้องกลับไปจัดการกับมันอีกครั้ง”

        “ฉันชักจะสงสัยในตัวนายแล้วสิ” พอเพียงพูด “อยากรู้จริง ๆ ว่าที่นายข้ามจักรวาลไปได้มันเพราะอะไรกันแน่”

        “เอาน่า อย่ามาสงสัยฉันมากสิ” เซสเตอร์พูด “ไว้ใจฉันได้น่า ฉันไม่ได้คิดร้ายกับนายสักหน่อย”

        “สาบานนะว่านายไม่ได้เจ้าเล่ห์” พอเพียงว่า “เอ๊ะ อดัมกับอีฟก็มาด้วยเหรอ?”

        ที่พอเพียงลงท้ายอย่างนี้เพราะว่าเขาเห็นสองฝาแฝดเดลวินเดินมาหาทีมพอเพียงไรเตอร์อีกครั้งหลังจากที่เจอครั้งสุดท้ายตอนก่อนจะเรียนประถมศึกษา แม้หน้าตาจะยังเหมือนเดิม แต่การแต่งตัวเปลี่ยนไป สำหรับอีฟ เธอเปลี่ยนจากกระโปรงสีชมพูเป็นกางเกงขายาวสีน้ำเงิน เสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงิน และสวมเสื้อยืดสีขาวซึ่งเอวลอยทั้งสองตัวจนเห็นสะดือของเธอ แต่อดัมนี่ยิ่งแล้วใหญ่ สวมกางเกงขายาวสีน้ำเงินก็พอทำเนา แต่เขาสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวและเสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงินตามน้องสาวและเป็นเอวลอยตามน้องสาวซะด้วย! ซึ่งทำให้พอเพียงอึ้งกับการแต่งตัวของทั้งคู่อย่างมาก และก็รู้สึกว่าต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วยเหรอ? เป็นพี่น้องฝาแฝดกันไม่ต้องแต่งตัวตามกันก็ได้ เขาคิด และเขาอยากจะเบือนหน้าไปก่ายหน้าผากในทิศทางอื่นเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้เลย

        “อดัมกับอีฟ เดลวินเหรอ?” เซสเตอร์ถาม และมองชุดของสองฝาแฝดเดลวินตั้งแต่หัวจรดเท้า มองไล่ขึ้นและไล่ลงไประหว่างหัวและเท้า แต่สายตากลับมาหยุดที่หน้าท้องของสองฝาแฝดเดลวิน นั่นทำให้พอเพียงต้องใช้สันมือสับท้ายทอยเซสเตอร์เบา ๆ แล้วบอกว่า

        “นี่ ๆ จะโฟกัสที่สะดือพวกเดลวินอีกนานไหม?”

        “ข...ขอโทษที ฉันไม่เคยเห็นคนแต่งตัวแบบนี้มาก่อนน่ะ” เซสเตอร์บอก

        “เป็นราชาแห่งกาลเวลา แต่มาชะงักที่การแต่งตัวของสองฝาแฝดเดลวินเนี่ยนะ” ภัททิต้าว่า “เชื่อเขาเลย”

        “ว่าแต่ อดัม” พอเพียงบอกอดัม “ทำไมนายต้องแต่งตัวเหมือนน้องสาวเป๊ะถึงขนาดที่เสื้อมันก็ต้องโชว์สะดือตามน้องด้วย ไม่กลัวคนมองด้วยสายตาแปลก ๆ บ้างเหรอ?”

        “อ๋อ ฉันไม่ค่อยแคร์สักเท่าไหร่หรอก” อดัมตอบ “ฉันน่ะเป็นผู้ชายทั้งแท่งเหมือนนายนั่นแหละเพ้นท์ ฉันไม่ได้มีแอคติ้งแต๋วแตกขนาดนั้นสักหน่อย”

        “เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ” พอเพียงพูด “เบา ๆ หน่อยก็ได้นะ นายอาจจะไปกระตุกต่อมคนที่เป็นเพศที่สามก็ได้นะ โอเค ฉันยอมรับว่านายยังแมนอยู่ แล้ว...แต่งตัวแบบนี้ ฉันไม่ขอออกความคิดเห็นเกี่ยวกับชุดของนายหรอก ไม่อยากให้เพื่อน ๆ ฉันแสดงความคิดเห็นด้วย และฉันเองก็รู้ด้วยว่าคนภายนอกเขาจะคิดยังไง แต่อีฟ เธอคิดยังไงกับการแต่งตัวของพี่ชาย?”

        “ฉันว่าพี่ชายหล่อมากเลยล่ะ” อีฟตอบ “เขาหล่อจริง ๆ นะ”

        “หืม???” พอเพียงอุทาน “หล่อยังไง??”

        “ก็หน้าท้องของพวกเราดูน่ารักนี่นา” อีฟพูด “มันทำให้ฉันดูน่ารักกว่า และพี่อดัมก็ดูหล่อกว่า”

        “หล่อเพราะหน้าท้อง...หืม??? งง...” ภัททิต้าว่า

        “ฉันก็งง” พอเพียงพูด “เอาตรรกะไหนมาบอกเนี่ย”

        “จริง ๆ!” อดัมพูด “น้องสาวฉันบอกมาแบบนี้ และฉันเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน โชว์หน้าท้องแล้วมันดูหล่อขึ้นมามากเลยล่ะ แม้ฉันจะไม่มีซิกซ์แพ็คก็ตามเหอะ”

        พอเพียงได้ยินดังนั้นเขาก็ก้มหน้าแล้วใช้มือนวดขมับตัวเอง เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าตรรกะแบบนี้ก็มีด้วย เลยบอกพวกเดลวินไปว่า “นี่ ๆ คือส่วนใหญ่ผู้ชายเขาจะโชว์ท่อนบนทั้งท่อน ไม่ใช่ครึ่งท่อนแบบผู้หญิง! เห็นแบบนี้ฉันก็ปวดหัวเหมือนกันนะว่าคิดตรรกะแบบนี้ไปได้ยังไง”

        สองฝาแฝดเดลวินหัวเราะ จากนั้นอดัมบอกว่า “จริง ๆ พวกเราใส่อย่างนี้ตั้งแต่ตอนเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแล้วล่ะ และพวกเราก็รู้แหละว่าเดินมาด้วยกันแบบนี้คนอื่นก็ต้องเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่พวกเราไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่พวกเราคิดว่าถ้าเราสองคนโชว์หน้าท้องต่อไป มันดูเท่ที่สุดแล้ว”

        เซสเตอร์ที่ยืนอยู่กับพวกพอเพียงไรเตอร์และเอ็มซีพีเอ ยังคงฟังเรื่องที่พวกเขาคุยกันเรื่องการแต่งตัวแล้วก็บอกว่า

        “เออนี่ ฉันขอออกความคิดเห็นหน่อยได้ไหมเรื่องการแต่งตัวของพวกเดลวินเนี่ย”

        สมาชิกทีมทั้งสองทีมทั้งหมด และฝาแฝดเดลวิน หันหน้าขวับมายังเซสเตอร์

        “อดัมกับอีฟก็แต่งตัวเท่ดีนะ แต่เรื่องโชว์หน้าท้องเนี่ยเอาแค่น้องสาวก็พอ ถ้าพี่ชายโชว์หน้าท้องด้วยมันก็จะดูแปลก ๆ นิดนึงนะ” เซสเตอร์บอก

        “อ๋อ ไม่เป็นไร” อดัมพูด “ฉันจะโชว์หน้าท้องต่อไปแหละ แล้วอีฟล่ะ จะให้พี่โชว์หน้าท้องไหม?”

        “ให้พี่โชว์หน้าท้องตามหนูต่อไปแหละค่ะ” อีฟบอก “แบบนี้หนูชอบ!”

        “โอเค” พอเพียงตัดบท “ถ้าอยากจะใส่แบบนั้น ฉันจะไม่ห้ามละนะ แต่ฉันก็อดเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกนายไม่ได้อยู่ดี เพราะซีมเลสฮิวแมนยังคงอยู่ ฉันไม่ได้ว่าพวกเดลวินแต่งตัวยั่วยวนนะ แต่องค์กรนี้มันไม่สนใจหรอกว่าพวกเดลวินจะแต่งตัวยังไง”

        “ซีมเลสฮิวแมน?” เซสเตอร์ถาม

        “องค์กรที่มีโครงการที่จะสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบไง” พอเพียงตอบ “แล้วก็ไล่ฉีดยาให้เด็กไปทั่วเลยต้องมีกฎหมายออกมาควบคุมให้ต้องลงทะเบียนน่ะ”

        “โลกแห่งความจริงก็มียอดมนุษย์ด้วยเหรอเนี่ย?” เซสเตอร์ถาม “ฉันเคยเห็นแต่ในจักรวาลดีซี มาร์เวล และจักรวาลอื่น ๆ เพิ่งจะรู้ว่าโลกความเป็นจริงก็มีด้วย”

        “นี่นายตกข่าวอย่างนั้นเหรอ?” พอเพียงว่า “เอาเถอะ ไม่เป็นไร ถือว่านายก็รู้ไว้ก็แล้วกัน”

        “ยังไงก็ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ” เซสเตอร์บอก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.