ตอนที่ 679 เล่ห์มายา+พรางจิต
ตอนที่ 679 เล่ห์มายา+พรางจิต
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไปแต่ว่ามันจะเรียกว่าการแข่งขันก็คงจะไม่ถูกต้องมากนัก เพราะเซี่ยเฟยได้สั่งสอนบทเรียนครั้งสำคัญให้กับพวกซุยเซนได้รู้ว่า การปลอมตัวของพวกเขามันไม่ได้เป็นทักษะที่ไร้ที่ติขนาดนั้น
ถ้าหากอันธอยู่ที่นี่เขาก็คงจะต้องตำหนิเซี่ยเฟยที่กำลังกลั่นแกล้งผู้อื่นอยู่อย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดเมื่อชายหนุ่มได้ฝึกวิชาเนตรมนตรา สายตาของเขาก็เฉียบคมมากกว่าสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไป และเนื่องมาจากว่าเขาคือผู้สืบทอดวิชาเนตรมนตรานี้ การแข่งขันในปัจจุบันมันจึงไม่ใช่การแข่งขันที่ยุติธรรมตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีศีลธรรมขนาดนั้น เขาจึงพยายามใช้ข้อได้เปรียบทุกอย่างที่เขามีในการทำลายความมั่นใจของพวกซุยเซนให้หมดสิ้น
“พวกคุณพร้อมแล้วหรือยัง? คราวต่อไปมันจะเป็นตาของฉันแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสงบ
สีหน้าของคาเซะเปลี่ยนแปลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะทางฝั่งของเขาพ่ายแพ้มาติด ๆ กันถึงสองครั้ง และถึงแม้ว่าการแข่งขันจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ท้ายที่สุดในมุมมองของเขาทางฝั่งของพวกเขาก็ถือว่าพ่ายแพ้แล้วอยู่ดี
“อย่างน้อยเราก็ควรจะรักษาหน้าตาของพวกเราเอาไว้บ้าง” รัคโค่กล่าวขณะที่คาเซะกำลังจะยุติการแข่งขันลงเพียงเท่านี้
คาเซะชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับ เพราะถ้าหากว่าพวกเขาสามารถมองทะลุผ่านการปลอมตัวของเซี่ยเฟยได้ อย่างน้อยพวกเขาก็คงจะไม่ได้พ่ายแพ้อย่างขายขี้หน้ามากนัก
ทักษะในการสังเกตของเซี่ยเฟยแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ทักษะในการสังเกตของเขาก็ไม่ได้จัดว่าอ่อนด้อยด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดเขาก็มีอาชีพสายลับมาเป็นเวลานาน เขาจึงต้องฝึกฝนการปลอมตัวและมองหาจุดอ่อนของการปลอมตัวมาตั้งแต่เด็ก
ดังนั้นถึงแม้ว่าทักษะในการปลอมตัวของเขาจะพ่ายแพ้ให้กับทักษะในการสังเกตของเซี่ยเฟย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าทักษะในการสังเกตของเขาจะพ่ายแพ้ให้กับทักษะในการปลอมตัวของเซี่ยเฟยด้วยเหมือนกัน
“เชิญคุณเตรียมตัวได้เลย ฉันรับประกันว่าเราจะไม่แอบมองในระหว่างที่คุณทำการปลอมตัว” คาเซะกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างจริงจัง
บรรยากาศตึงเครียดเริ่มแผ่ขยายออกไป และสมาชิกในทีมซุยเซนทุกคนต่างก็เตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี โดยในตอนนี้พวกเขาได้พ่ายแพ้ในรอบแรกไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจะต้องเก็บเกี่ยวคะแนนในรอบนี้กลับมาให้ได้
“ไม่จำเป็นจะต้องเตรียมตัวอะไรหรอก การปลอมตัวของฉันใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบหมอกสีดำหนาทึบก็ปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างของเซี่ยเฟยเอาไว้ในพริบตา
“ฉันขอประกาศตรงนี้เลยว่าตัวปลอมของฉันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ของฉันเอง”
เซี่ยเฟยตะโกนดังขึ้นมาจากกลุ่มควันเพื่อบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าตัวปลอมของเขาคือขนอุย
การบอกใบ้แบบนี้ถือว่าเป็นการดูถูกคู่ต่อสู้มาก และถ้าหากว่าพวกซุยเซนไม่สามารถหาตัวปลอมของเซี่ยเฟยเจอจริง ๆ มันก็จะยิ่งทำให้พวกเขาขายขี้หน้ามากกว่าเดิมหลายเท่า
สมาชิกภายในทีมซุยเซนทุกคนต่างก็กลั้นลมหายใจพร้อมกับจ้องมองไปข้างหน้าด้วยความโกรธ
เมื่อควันดำจางหายไปพวกเขาก็มองเห็นเซี่ยเฟย 2 คนที่ยืนอยู่บนสะพาน
“นี่มันอะไร?”
“ทำไมมันถึงเหมือนกันขนาดนี้?”
ร่างของเซี่ยเฟยทั้งสองมีความเหมือนกันทุกประการ โดยไม่มีความแตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว
ทักษะในการปลอมตัวคือทักษะย่อยที่อาศัยการบูรณาการของกฎแห่งสสาร และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญอย่างคาเซะและรัคโค่ก็ยังต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวมากกว่า 10 นาที เพราะท้ายที่สุดการปลอมตัวแต่ละครั้งมันก็มีรายละเอียดที่ต้องลอกเลียนแบบเยอะมาก มันจึงไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบคนอื่นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
ก่อนหน้านี้คาเซะและรัคโค่ใช้เวลาในการเตรียมตัวนานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่เขาจะกล้าปรากฏตัวขึ้นมา แต่เซี่ยเฟยกลับใช้เวลาในการปลอมตัวเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ความแตกต่างทางด้านเวลาที่ทั้งสองฝ่ายใช้ไปมีความแตกต่างกันอย่างมาก แต่รายละเอียดของร่างแยกที่เซี่ยเฟยสร้างขึ้นมากลับไม่ได้ดูด้อยกว่าการปลอมตัวของรัคโค่ในก่อนหน้านี้เลย
“โอ้พระเจ้า! ฉันแยกอะไรไม่ออกเลย” โคตะพึมพำพร้อมกับกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
สมาชิกภายในทีมต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงและจ้องมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยแววตาอันว่างเปล่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นการปลอมตัวที่มีความซับซ้อนมากขนาดนี้ จนถึงขนาดที่ว่าพวกเขาไม่สามารถสังเกตเห็นความแตกต่างของร่างทั้งสองได้เลยแม้แต่น้อย
“นายจะแกล้งพวกเขาจนเกินไปแล้ว ทางฝั่งของพวกเขาใช้กฎแห่งสสารในการสร้างรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นมา แต่ทางฝั่งของนายกลับใช้วิชาสร้างร่างแยกที่เหมือนกับการสร้างภาพในกระจก แล้วเขาจะแยกตัวปลอมของนายออกได้ยังไง?” โอโร่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“พวกเขาเต็มใจยอมรับเงื่อนไขในการแข่งขันครั้งนี้เอง ผมไม่ได้ไปบังคับให้พวกเขามาแข่งขันกับผมสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสงบ
“พวกเขาโดนนายหลอกโดยไม่รู้ตัวน่ะสิ แต่ไม่ว่าวิชาสร้างร่างแยกของนายจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่นายก็ไม่สามารถที่จะปลอมตัวเป็นคนอื่นได้ ถ้าคนพวกนี้รู้ว่านายโกงตั้งแต่แรก พวกเขาก็คงจะรู้สึกเจ็บใจไปจนวันตายเลยล่ะมั้ง” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
กำหนดเวลาในการแยกความแตกต่างของร่างทั้งสองมีให้เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น ยิ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปมันก็มีความไม่สบายใจปรากฏขึ้นจากทางฝั่งของซุยเซนมากขึ้นเรื่อย ๆ
“รีบดูพลังงานภายในร่างของเขาเร็ว ๆ เข้าร่าง! ปลอมของอาเฟยเป็นสัตว์อสูรพลังงานภายในร่างของสัตว์อสูรย่อมไม่เหมือนกับมนุษย์อยู่แล้ว ตราบใดก็ตามที่เราสังเกตพลังงาน พวกเราย่อมสามารถแยกร่างปลอมออกจากร่างจริงได้แน่นอน”
เมื่อมีใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาผู้ที่มีความสามารถในการตรวจจับพลังงานก็เริ่มดำเนินการในทันที
“นี่มัน... พลังงานมันเหมือนกันเลย”
“ไม่มีทาง! พลังงานของมนุษย์กับสัตว์อสูรจะเหมือนกันได้ยังไง”
“มันเหมือนกันจริง ๆ ฉันไม่ได้โกหก”
ฝูงชนเริ่มตกตะลึงอีกครั้ง เพราะพวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเซี่ยเฟยจะสามารถลอกเลียนแบบได้แม้แต่พลังงานของอีกฝ่ายแบบนี้
การปลอมตัวเป็นเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันมีความยากลำบากกว่าการปลอมตัวเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันมาก เพราะแต่ละเผ่าพันธุ์ต่างก็มีรายละเอียดปลีกย่อยในแต่ละเผ่าพันธุ์ที่ไม่เหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการที่ตัวปลอมของเซี่ยเฟยเป็นสัตว์อสูรเลย เพราะมนุษย์กับสัตว์อสูรมีความแตกต่างกันในเรื่องหลาย ๆ อย่างโดยสิ้นเชิง แต่ถึงกระนั้นร่างของเซี่ยเฟยทั้งสองร่างกลับมีพลังงานที่เหมือนกันทุกประการ
เซี่ยเฟยแอบรู้สึกตลกอยู่ในใจ เพราะวิชาเล่ห์มายาไม่เหมือนกับวิชาสร้างร่างแยกวิชาอื่น ที่เป็นการแบ่งพลังงานออกไปสร้างร่างแยกขึ้นมาหลาย ๆ ร่าง แต่มันเป็นการแชร์พลังงานกับร่างแยกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพียงแค่ร่างเดียวเท่านั้น
เมื่อพลังงานระหว่างทั้งสองร่างถูกแชร์เข้าด้วยกัน พลังงานของพวกเขาจึงอยู่ในสภาวะที่สมดุลย์ เมื่อมองจากภายนอกพลังงานภายในร่างของพวกเขาจึงดูเหมือนกันทุกประการ แล้วมันก็ไม่มีทางแยกข้อแตกต่างจากการสังเกตพลังงานได้อย่างแน่นอน
“ใจเย็น ๆ ถ้าหากเราแยกเรื่องพลังงานไม่ได้ พวกเราก็ลองดมกลิ่นดูสิ ถึงยังไงกลิ่นของสัตว์อสูรมันก็ไม่เหมือนกลิ่นของมนุษย์”
“ใช่! ขนาดเขายังสามารถจับผู้อาวุโสด้วยการตรวจสอบกลิ่นได้เลย ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรจะทำได้ด้วยเหมือนกัน”
สมาชิกภายในทีม 3 คนที่มีประสาทสัมผัสการดมกลิ่นที่เก่งที่สุดรีบมุ่งหน้าเข้าหาเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็พยายามดมกลิ่นจากร่างทั้งสองครั้งแล้วครั้งเล่า
“มันไม่ต่างกันเลย”
“เป็นไปไม่ได้! กลิ่นของมนุษย์กับกลิ่นของสัตว์อสูรมันจะเหมือนกันได้ยังไง?”
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาจาง ๆ เพราะในตอนนี้เขาได้ใช้วิชาพรางจิตอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน กลิ่นทุกอย่างที่อยู่ในระยะจึงถูกลบให้หายไปโดยสมบูรณ์
วิชาพรางจิตของเซี่ยเฟยมีความสามารถในการพรางตัวได้ดีกว่าวิชาลบตัวตนของพวกซุยเซน ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังได้พัฒนาวิชานี้ขึ้นมาในรูปแบบของตัวเอง ทำให้แม้แต่กลิ่นของขนอุยที่อยู่กับเขาก็ถูกลบหายไปด้วยเช่นกัน
“ไม่มีเวลาแล้ว! ฉันขอใช้เครื่องวิเคราะห์ตรวจสอบเขาเลยก็แล้วกัน” ชายคนหนึ่งหยิบเครื่องมือขนาดใหญ่ออกมาจากแหวนมิติและชี้เครื่องมือนั้นไปที่เซี่ยเฟยกับขนอุย
“เอาเลย! ครั้งนี้มันจะต้องได้ผลแน่นอน!!”
“มนุษย์กับสัตว์อสูรมีโครงสร้างร่างกายที่แตกต่างกันอยู่แล้ว ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถหลบการตรวจสอบของเครื่องมือที่ทันสมัยได้”
ทุกคนต่างก็ตั้งตารอที่จะดูผลลัพธ์จากเครื่องตรวจสอบที่สมควรจะมีอยู่แต่ภายในห้องวิจัยเท่านั้น
เซี่ยเฟยยกรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ขณะมองดูพวกซุยเซนพยายามดิ้นรนอย่างสุดหนทาง เพราะการที่อีกฝ่ายใช้เครื่องมือในห้องวิจัยออกมาตรวจสอบแบบนี้ มันก็หมายความว่าพวกเขาได้ถูกผลักดันจนไปยืนอยู่ที่ปลายขอบเหวแล้ว
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย เพราะขนอุยในตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นเหมือนกับร่างสะท้อนของเขาเอง แม้แต่เซลล์ทุกเซลล์ภายในร่างก็เหมือนกันทุกประการ มันจึงทำให้แม้แต่เครื่องมือตรวจสอบที่มีความซับซ้อนมากที่สุด ก็ไม่สามารถที่จะแยกแยะร่างของพวกเขาทั้งสองร่างได้
“พอแล้ว!” คาเซะตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
สมาชิกภายในทีมทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่คาเซะอย่างสงสัย เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ คาเซะถึงได้หยุดพวกเขาเอาไว้แบบนี้
“พวกนายไม่อายหรือยังไง? ถึงกลับใช้เครื่องมือในการแข่งขันแบบนี้ ถ้าหากเรื่องในวันนี้แพร่กระจายออกไปมันก็อย่าว่าแต่กลุ่มซุยเซนของพวกเราเลย แม้แต่ชนเผ่ามุราซากิก็ต้องเผชิญหน้ากับความอับอาย ดังนั้นทุกคนพอเท่านี้เถอะ” คาเซะพูดเสียงสั่นขึ้นมาด้วยความโกรธ
เมื่อทุกคนได้สติกลับคืนมาพวกเขาก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
“พวกเรามาลองเดาดูกันไหม?” ชายร่างใหญ่ที่ถือเครื่องวิเคราะห์พยายามเสนอขึ้นมา แต่เมื่อเขาได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของคาเซะ เขาก็ก้มหน้าลงมองพื้นอีกครั้ง
“พวกเรายังขายขี้หน้าไม่พออีกงั้นเหรอ โอเค โอเค โอเค…”
คาเซะพูดคำว่าโอเคออกมาสามครั้งติดต่อกัน คล้ายกับว่าความรู้สึกทั้งหมดกำลังอัดอั้นอยู่ภายในอกของเขา
“พวกเราแพ้แล้ว” คาเซะหันไปพูดกับเซี่ยเฟยอย่างยอมจำนน
ในที่สุดทีมสายลับที่ไม่เคยทำภารกิจผิดพลาดมาตลอด 25 ปีก็ได้รับความพ่ายแพ้ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่พวกเขาพ่ายแพ้ยังเป็นเพียงแค่ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับวงการสายลับเลยแม้แต่นิดเดียว
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดอยู่พักหนึ่ง เนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยก็ยังไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาเพิ่มเติม ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ยังอยากให้พวกซุยเซนทำงานให้กับเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถสั่งสอนบทเรียนที่เจ็บปวดกว่านี้ให้กับกลุ่มคนที่เคยมาหาเรื่องเขาได้
แต่เมื่อคาเซะยอมลดศักดิ์ศรีประกาศความพ่ายแพ้ขึ้นมาด้วยตัวเอง เขาก็จำเป็นจะต้องแสดงความเมตตาออกไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่รู้กันโดยทั่วไปที่ต้องใช้ในการควบคุมผู้คน
“นายท่าน! นายท่านจะเก่งเกินไปแล้ว!! เมื่อกี้นายท่านใช้วิธีการไหนในการปลอมตัวงั้นเหรอ?” เซธกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นและเขาก็ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเจ้านายที่เขาเลือกติดตามสามารถเอาชนะกลุ่มซุยเซนที่ไร้พ่ายมาตลอด 25 ปี
เมื่อได้ยินคำถามสมาชิกภายในทีมซุยเซนก็เงี่ยหูฟังด้วยเหมือนกัน ว่าชายหนุ่มสามารถปลอมตัวอย่างแนบเนียนแบบนี้ได้ยังไง
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยและเตรียมที่จะพูดประโยคที่เขาได้เตรียมการเอาไว้ แต่ทันใดนั้นเสียงร้องเตือนภายในเครื่องสื่อสารของสมาชิกทีมซุยเซนก็ดังกึกก้อง จนทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาในตอนนี้ได้
***************
อย่าบอกนะว่ามีเรื่องต่อเลย?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 210
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น