บทที่ 14...3/4
ภามเลือกที่จะกลับออกมาจากงานเพราะคนในสังคมก็ช่างเมาท์ไม่เป็นรองใคร ป่านนี้คงมีคนแก้ข่าวให้เมษาเรียบร้อยแล้ว แม้จะมีการใส่สีตีไข่เข้าไปบ้างก็ตามเถอะ เมษาไม่ควรต้องไปฟัง
เขารู้เสมอว่าเมษาเป็นคนอย่างไร ถ้าเกินเลยแล้วมาเข้าหูก็แค่ปล่อยผ่าน แต่หากไม่หยุดพูดให้ร้ายก็แค่ส่งทนายไปฟ้องร้อง เขาปกป้องเธอได้ในหลายวิธี
สายตาที่เมษามองภามนอกจากอ่อนโยนแล้วยังแฝงความเชื่อใจ ในตอนนั้นนอกจากเขาแล้วจะมีใครเชื่อบ้างว่าเธอไม่ได้ผลักวีดาตกน้ำ
“ทำไมคุณถึงเชื่อเมล่ะคะ”
ภามหันมายิ้มหวานให้เมษาก่อนจะมองทาง ในขณะที่มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยรถ
“ถ้าเมผลักวีตกน้ำจริงๆ เมจะยอมรับอย่างกล้าหาญ ผมมั่นใจแบบนั้น เมเป็นคนที่กล้าทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตลอดชีวิตของผม ไม่มีผู้หญิงไหนกล้าตีหัวผมหรอก นอกจากเมคนเดียว เพราะฉะนั้นเมไม่ได้ผลักวีตกน้ำ ถึงได้ยืนมองคนกำลังโกหกแทน”
“ขอบคุณนะคะที่เชื่อใจเม แถมยังดูเมออกขนาดนั้น” ถ้าเธอผลักวีดาตกน้ำก็คงทำแบบที่ภามว่า แต่นิสัยเธอไม่ชอบลงไม้ลงมือกับใคร หากว่าไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นเธอคงไม่ผลักวีดาตกน้ำหรอก “ว่าแต่วีดาเป็นคนจ้างพนักงานคนนั้นให้มาใส่สลอดในขนมจริงๆ หรือคะ”
“ใช่ ผู้ชายที่มาติดต่อพนักงานโรงแรมของผมเป็นคนขับรถของวี ซองที่ใส่เงินมามีรอยนิ้วมือที่ตรวจสอบได้ จู่ๆ คนขับรถของวีจะทำแบบนั้นทำไมถ้าเจ้านายไม่ได้สั่ง”
ฟังแล้วเมษาอยากจะร้องเฮ้อออกมาดังๆ “ความเสน่ห์แรงของคุณช่างน่ากลัวจริงๆ”
ภามพยักหน้ารับเพราะเขามีเสน่ห์ แต่การที่วีดาทำแบบนั้นเพราะอยากใส่ร้ายเมษา สาเหตุก็มาจากเขานั่นเอง เขาไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ โชคดีที่เมษาไม่บอกเขาว่าช่วยไปอยู่ไกลๆ
“ผมใช้เสน่ห์ตัวเองกับเมแทบตาย ตอนนี้บอกว่าชอบผมได้หรือยัง”
เมษาเม้มปากทำหน้าไขสือ ถ้าเธอพูดเมื่อไหร่ เขาคงได้ยินเองนั่นแหละ
“ถึงบ้านแล้วค่ะ ยัยมีนกำลังคอยอยู่พอดี คุณอยู่ก่อนนะคะ เมอยากให้มีนได้รู้จักกับคุณ”
ภามยินดีที่จะได้รู้จักทุกคนในครอบครัวของเมษาอยู่แล้ว ชายหนุ่มจอดรถที่กำแพงข้างบ้าน แล้วลงจากรถมาพร้อมกับเมษา น้องสาวของเธอที่ชื่อมีนาพอเห็นเขาก็ยกมือไหว้ จนเขารับไหว้แทบไม่ทัน
“โห คนนี้คือคุณภามใช่ไหมคะ” มีนารู้ตั้งแต่เห็นหน้าของภามแล้ว แต่อยากแซวว่าที่พี่เขยสักหน่อย
เมษาส่ายหน้ายิ้มๆ ในความหน้าเป็นแถมกวนๆ ของมีนา เธออยากบอกน้องไปตอนนี้เลย...ว่ามีแล้วนะผู้ชายที่พานางซินออกมาจากห้องครัว
“ใช่ นี่มีนาน้องสาวของเมค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ได้ยินชื่อของคุณภามมาสักพักแล้ว” ตอนยังไม่ได้เจอตัวจริง มีนาเคยเสิร์ชหาชื่อของภามในกูเกิล ไม่อย่างนั้นเห็นปุ๊บจะจำได้ปั๊บได้อย่างไร
“เมพูดถึงผมบ่อยหรือครับ” ไม่รู้ทำไมภามตงิดๆ ว่าจะถูกเมษาบ่นเพราะครั้งแรกและครั้งต่อๆ มาที่พบกัน เขาทำตัวน่าโมโหเหลือเกิน
มีนายิ้มใส่เมษาที่ส่ายหน้า แต่ว่าที่พี่เขยอยากรู้ เธอจะไปขัดใจได้อย่างไรกันเล่า
“ก็...ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักคุณถึงวันก่อนนั่นแหละค่ะ”
“ดึกแล้วรีบกลับดีกว่านะคะ” เมษาเร่งยิกๆ ไม่อย่างนั้นได้ความลับแตกเพราะที่เธอบ่นเขามันน้อยเสียเมื่อไหร่ เขาอย่าฟังเลยเดี๋ยวจะงอนเปล่าๆ
ภามยิ่งมั่นใจว่าช่วงสองสามเดือนก่อนที่เขาจามบ่อยๆ คงไม่แคล้วเพราะคนแถวนี้บ่นเขา ชายหนุ่มแตะหลังของเมษาสาวเบาๆ แม้จะยังไม่อยากกลับสักเท่าไหร่ แต่มันดึกแล้ว สองพี่น้องจะได้เข้าบ้านไปพักผ่อน
“เอาไว้ผมมาใหม่นะ ไปก่อนครับ”
มีนาโบกมือบ๊ายบายว่าที่พี่เขยจนเห็นไฟท้ายของรถลิบๆ ก่อนจะยืนมองพี่สาวที่วันนี้มีหนุ่มรูปงามมาส่งถึงบ้าน อีกทั้งวันนี้เมษายังสวยออกปานนี้ ไม่แปลกหรอกที่ภามทำหน้าเหมือนเสียดายยังไม่อยากกลับ
“พี่เมตัดสินใจว่ายังไง” มีนาถามเสียงจริงจัง ในระหว่างที่เดินเข้าบ้านมากับพี่สาว
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเมษาคงตอบไปทันทีว่าอยู่เป็นโสดแบบนี้ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คำตอบของเธอเปลี่ยนไปเพราะถามตัวเองแล้วว่า หากภามหายไปจากชีวิตเพราะคำปฏิเสธอีกครั้ง เธอคงเสียใจและเสียดายที่ทำให้เขาหมดหวังจนยอมแพ้ไป
“พี่จะลองคบกับคุณภาม มันก็นานมาแล้วนะที่พี่กลัวจะมีความรักเพราะศรา”
อ้อมกอดแห่งความยินจากมีนาคือคำตอบว่าเธอรอให้ถึงวันนี้มานานมาก
“มีนดีใจที่พี่เมคิดแบบนี้นะ ผู้ชายแบบอีตาศราก็ปล่อยไว้แค่ในอดีตไปเถอะ”
เมษากอดน้องสาวแล้วแกล้งเอาคางจิ้มไหล่ เธอไม่เคยรู้สึกอาลัยอาวรณ์ศรา หลังจากเลิกกันแล้วเธอก็ไม่ติดต่อกับเขาอีก เธอตั้งหน้าตั้งเรียนให้จบแล้วทำงาน เปิดร้านขนม ดูแลน้อง เธอมีอะไรให้ทำมากมายจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งศราคือใคร
แต่ความเจ็บจากการถูกหักหลังทำให้เธอใช้เวลาเพื่อให้แน่ใจว่าภามคือคนที่จะไม่ทำแบบนั้นกับเธอ แม้จะรู้ว่าไม่มีใครรู้อนาคตได้หรอก แต่การปิดโอกาสตัวเองจนพลาดคนดีๆ ที่จริงใจกับเธอไปอาจเป็นความเสียใจยิ่งกว่า
ร่างเลือนรางของภูมิกำลังมองไปยังบ้านที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรือนหอของเขากับไปรยา เขาไม่เคยรู้เลยตราบจนวันนี้ที่ได้แทรกเข้าไปในร่างของภรรยา เขาทำอะไรลงไป ทำไมไปรยาถึงไม่บอกสักคำ ทำไมเราสองคนถึงเดินทางมาถึงจุดที่ไม่คุยกันอีกแล้ว จนกระทั่งวันที่เขาตาย
“ผมขอโทษ เพราะผมทำแบบนั้นลงไป ไปรถึงได้ทำแบบนั้นกับผมใช่ไหม”
ภูมิได้แต่ถามเพื่อให้ตัวเองได้ฟังเพราะบนโลกนี้นอกจากภามกับเมษาแล้วคงไม่มีใครได้ยินหรือเห็นเขา ตอนนี้เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าวิญญาณที่เลือนรางลงเรื่อยๆ ของเขาจะหายไปชั่วนิรันดร์เมื่อไหร่
บางทีที่เขายังอยู่บนโลกนี้นอกจากค้างคาใจว่าใครเป็นคนฆ่า อีกสิ่งนั้นอาจเป็นเพราะว่าเขาติดค้างไปรยาอยู่มากมาย
กลางดึกคืนนั้นในเวลาที่ภามกำลังหลับสนิทไม่มีลางสังหรณ์หรือสิ่งใดเตือนเขาแม้ในห้วงของความฝัน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเมื่อข่าวร้ายได้เดินทางมาถึงโดยที่เขาหรือใครๆ ไม่ทันได้เตรียมใจหรือตั้งตัว
ชายหนุ่มกดรับโทรศัพท์แล้วถามด้วยความสงสัยว่าใครกันที่โทรมาในเวลาตี 3 เสียงของป้านลินกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเพื่อบอกข่าวที่ทำให้ภามรีบเหวี่ยงขาลงจากเตียงด้วยความร้อนใจระคนตกใจ เขาไม่คาดคิด รู้สึกผิดและคำถามอีกมากมาย เขาวางโทรศัพท์เพื่อที่จะเปิดประตูที่เนตรากำลังเคาะ สีหน้าซีดเผือดของแม่บอกเขาหมดแล้วว่าได้รู้ข่าวเช่นกัน
ภามขับรถออกจากบ้านไป โดยที่เนตราโทรเช็คข่าวจากทางโรงพยาบาล จนกระทั่งภามจอดรถ แล้วเดินแกมวิ่งไปจนถึงหน้าห้องฉุกเฉิน
“ตอนนี้ธีเป็นยังไงบ้างครับป้าลิน”
นลินตาแดงก่ำเพราะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นางโทรหาภามและธนินหลังจากเกิดเรื่องพร้อมกับพาธีภพมาที่โรงพยาบาล แล้วทุกอย่างก็เงียบนางกลัวจนร้องไห้อย่างไม่อายใคร เนตรากอดพี่สาวเอาไว้แน่นแล้วร้องไห้เงียบๆ ด้วยกัน อย่างไรเสียธีภพก็เป็นหลาน
“หมอยังไม่ออกมาเลย ป้าไม่คิดจริงๆ ว่าธีจะทำแบบนี้ ป้าผิดเอง” นลินโทษตัวเองเพราะหากธีภพไม่ไปจัดการเรื่องที่เกิดจากนาง ธีภพอาจจะไม่ทำแบบนั้น
ป้าผิดเอง...งั้นหรือ? ภามฟังแล้วรู้สึกฉุกสงสัย
ทำไมธีภพถึงได้ทำแบบนั้น? ป้านลินก็ทำตัวน่าสงสัยอีกแล้ว
ใจดวงนี้สื่อถึงรักลงขายเป็น E-Book ใน MEB แล้วค่ะ หมวดนิยายรัก
โดยโบว์ทำโปรโมชั่นลดเหลือ 149 บาทจาก 329 บาท เหลือเวลา 1 วัน และจะลงให้อ่านถึงบทที่ 14 นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 204
แสดงความคิดเห็น