บทที่ 13...2/3
อย่างที่ภามเคยบอกว่าเวลากลางวันเขายุ่งกับการทำงาน แต่ช่วงเวลากลางคืนเป็นของเมษา พอได้ยินเสียงรถกำลังจอดที่หน้าตึก เมษาก็คลายล็อคประตูร้านเข้าไปหลังร้านเพื่อยกถาดขนมและน้ำออกมา ภามจอดรถเรียบร้อยแล้ว หลายวันมานี้เขาขับรถเองโดยมีคนของโมกข์ขับรถตามมาอีกคัน ในขณะที่โมกข์และคนจำนวนหนึ่งกำลังทำงานให้เขาแล้วส่งรายงานมาเป็นระยะ
ล่าสุดลุงธนินได้รับรูปไปแล้วยังคงมาทำงานปกติ ธีภพอยู่ที่คอนโด แต่หลังจากป้านลินได้รูปก็รีบไปหาธีภพ ส่วนไปรยายังคงเก็บตัวอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ตอนนี้มีเพียงการรออย่างอดทนจนกว่าใครจะแสดงพิรุธออกมา
วันนี้นอกจากมาหาเมษาแล้ว เขายังอยากติดต่อกับพี่ชายด้วย เมษารู้จึงจับมือเขาแล้วรอให้คุณภูมิปรากฏตัวอย่างเคย แต่คราวนี้ทั้งสองกลับไม่เห็นร่างของภูมิหลังจากผ่านไปเป็นนาทีแล้ว
“พี่ภูมิหายไปเลย ผมติดต่อกับพี่ภูมิไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ” ภามมองหา คราวก่อนจู่ๆ ร่างของพี่ภูมิก็หายไปต่อหน้าต่อตา มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
‘ภาม...พี่อยู่ตรงนี้ ทำยังไงดี ถ้าติดต่อภามไม่ได้ เมษาได้ยินผมไหม’
ภูมิยืนอยู่ตรงหน้าภามกับเมษาแล้วเพราะตามน้องชายมาตั้งแต่ขับรถออกมาจากโรงแรม แต่ร่างของเขากลับจางจนทั้งสองคนมองไม่เห็น เขาจะทำอย่างไรดี มีหลายเรื่องที่เขาต้องการจะบอก
เมษาไม่แน่ใจว่าได้ยินเสียงของคุณภูมิหรือเปล่า แต่เธอไม่เห็นเขาแม้จะพยายามเพ่งมองไปรอบตัวแล้วก็ตาม
“อาจเพราะเมเป็นหวัดก็ได้นะคะ คุณกับคุณภูมิเลยติดต่อกันไม่ได้ เอาไว้พรุ่งนี้เรามาลองกันใหม่นะ”
ภามยกมืออีกข้างมาทาบที่หน้าผากของเมษาเพื่อวัดไข้ ดีไม่น้อยที่เธอไม่มีไข้ แต่เป็นหวัดอย่างเดียว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง เมื่อไม่เห็นพี่ชายแล้วจริงๆ จึงปล่อยมือบาง
“ถ้างั้นเมนั่งรอผมตรงนี้นะ เดี๋ยวผมมา”
เมษาอยากรู้ว่าภามจะไปไหน แต่ไม่ถาม บางครั้งการไม่คาดหวังอาจทำให้มีความสุขมากกว่าเดิมก็ได้
ภามหายไปเพียงไม่กี่นาทีก็กลับมาพร้อมกับถุงยา ที่แท้เขาเดินไปร้านยาซึ่งอยู่อีกซอยนี่เอง เขาซื้อยาแก้คัดจมูก ยาแก้ไอ ยาละลายเสมหะ ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้แพ้และวิตามินซี รวมทั้งอาหารเสริมมาพร้อมสรรพ
“ผมอยากให้เมแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย ไม่ใช่เพราะเรื่องพี่ภูมิหรอกนะ แต่ผมอยากให้คนในครอบครัวอยู่ด้วยกันไปนานๆ อะไรที่ผมทำให้เมได้ เมต้องบอกผมนะ อย่าเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เมมีผมแล้ว”
เมษาสูดหายใจเพราะคำพูดไม่กี่คำของภามทำให้เธอน้ำตาคลอได้ยังไงก็ไม่รู้ เธอไม่ใช่คนร้องไห้กับอะไรง่ายๆ สักหน่อย อาจเพราะเวลาป่วยแล้วมีคนดูแลใส่ใจเลยทำให้คิดถึงพ่อกับแม่กระมัง
“ถ้าไม่มีเรื่องของคุณภูมิ เราสองคนจะได้มาอยู่ด้วยกันตรงนี้ไหมนะ บางทีเมก็สงสัยว่าทำไมโชคชะตาของเราสองคนถึงมาบรรจบกันได้”
ภามกวักมือให้เมษาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“บอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะ...”
คนอยากบอกทำไมเงียบ เมษาเม้มปากอดไม่ได้ต้องทวงเพราะอยากฟัง
“พูดอย่างนี้เมยิ่งอยากรู้นะคะเนี่ย”
ภามยิ้มชอบเพราะได้กลิ่นหอมของแชมพูจากผมของหญิงสาวจางๆ
“ผมน่ะสนใจเมตั้งแต่วันที่เราตกน้ำไปด้วยกันแล้ว ผู้หญิงอะไรไม่รู้กล้าเสียงดังใส่ผู้ชายตัวโตกว่ามาก แถมยังยัดเช็คใส่มือผมอีกด้วย จากที่ผมไม่อยากพบหน้าคนที่เข้าใจว่าเป็นคู่ดูตัว ผมก็กลับมาสนใจในความกล้าของเมแล้ว”
เมษาขยับใบหน้าห่างออกมาแล้วกวักมือให้ภามเข้ามาใกล้แทน ชายหนุ่มยอมทำทันทีไม่มีอิดออดเพื่อที่จะได้ฟังคำตอบว่า
“ตอนนั้นเมโกรธต่างหากค่ะ ไม่ได้กล้าหาญอะไรหรอก”
สองหนุ่มสาวพากันหัวเราะต่อเหตุการณ์ที่กลายเป็นความประทับใจ ทั้งที่ตอนแรกเมษาโกรธภามจนอยากจะไล่ออกไปจากร้านตอนที่เห็นเขา ภามเองก็ประทับใจเมษาตอนที่ถูกยัดเช็คคืนที่มือจริงๆ แม้ไม่มีเรื่องของพี่ชาย เขาคิดว่าตัวเองคงหาทางมาพบเมษาอีกแน่นอน แล้วยิ่งเห็นว่าเธอไม่กลัวเขาจริงๆ อย่างนี้สิเขายิ่งชมชอบ ในอนาคตหากเขาทำผิดทำพลาดในชีวิต เธอจะเป็นคนที่ดึงรั้งเขากลับมาได้
ธีภพมองรูปของปราบที่ยับย่นเพราะถูกขยำจากเขาแล้วก็ชักสงสัย ใครกำลังเล่นตลกร้ายอยู่ เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว เขากับป้านลินพยายามจะลืมด้วยการไม่พูดถึงอีก แต่แล้วอดีตกลับมาอยู่ตรงหน้าเขา ตำรวจกำลังเพ่งเล็งเขากับป้านลินอยู่หรือเปล่า แต่อาจจะไม่ใช่ตำรวจ หรือว่าจะเป็นพ่อของปราบ เขาให้เงินไปมากโขขนาดนั้น ไอ้แก่นั่นยังไม่พอใจอีกหรือ
“มีใครรู้เรื่องของปราบนอกจากป้ากับธีอีกงั้นหรือ ไหนว่าจัดการให้ป้าเรียบร้อยแล้วไง ทำไมถึงมีคนส่งรูปของปราบมาให้เราสองคนแบบนี้”
นลินเป็นอีกคนที่ร้อนใจ รักซ่อนเร้นของนางเป็นเรื่องที่จะยอมให้ใครรู้ไม่ได้ การซื้อกินหรือแม้กระทั่งเลี้ยงผู้ชายสักคนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่นางมีหน้าตาในสังคมจะมาเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้ได้อย่างไร
“ส่งรูปปราบให้ป้าลินก็พอจะเข้าใจได้นะครับ อาจมีคนรู้เรื่องป้าลินกับปราบแล้วต้องการแบล็คเมล์” ธีภพเดาว่าคงพ่อของปราบนั่นแหละที่ส่งมา ทว่ามันมีความน่าสงสัยเพราะไอ้แก่นั่นรู้ได้ยังไงว่าป้านลินเป็นใครและแล้วส่งรูปให้เขาด้วย มันยิ่งแปลก “แต่มันส่งรูปปราบมาให้ผมด้วย มันรู้ได้ยังไงว่าแฟนของปราบคือป้าลิน บางทีเรื่องที่ผมกับป้าลินปิดไว้อาจมีคนรู้แล้วก็ได้”
หน้าของนลินซีดเผือดเพราะสิ่งที่ทำสุ่มเสี่ยงให้นางไม่มีที่ยืนในสังคม
“ป้าไม่มีทางเล่าให้ใครฟัง ธีล่ะ มีหลุดปากบอกให้ใครรู้บ้างหรือเปล่า”
“ผมไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกครับป้าลิน ผมชอบชีวิตตอนนี้ ผมไม่อยากให้การตายของปราบถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีก ไม่อย่างนั้นคงมีคนรู้แน่ๆ ว่าก่อนที่ปราบจะตาย ปราบได้พบกับผม”
เรื่องนี้มีแค่นางกับหลานที่รู้ นลินกลุ้มใจหากมันบอกว่าต้องการเงินเสียยังดีกว่า ไม่ใช่ส่งรูปมาแล้วเงียบไปแบบนี้
“แล้วเราจะทำยังไงดี”
ธีภพนิ่งคิดไม่ว่ามีเรื่องอะไร เขามักจะปรึกษาใครคนหนึ่งเสมอ บางครั้งเขาไม่ได้แค่คำปรึกษา แต่เพื่อนคนนี้ยังช่วยจัดการปัญหาให้ในบางครั้งด้วย
“ผมมีคนที่จะช่วยได้ เหมือนตอนเรื่องของปราบ ผมจะลองไปปรึกษาดู ป้าลินกลับบ้านไปก่อน แล้วอย่าไปไหนนะครับ เดี๋ยวผมไปหา ผมจะจัดการให้ป้าลินเอง”
นลินมองธีภพแล้วซาบซึ้งอยู่ในใจ มีแค่หลานคนนี้ที่นางกล้าเล่าเรื่องน่าอายให้ฟังได้ แม้จะเป็นหลานที่แทบไม่ได้อะไรจากตระกูลเลย แต่ธีภพดีกับนางมาตลอด ทำให้เรื่องหุ้นในคราวนั้นนางจึงยอมช่วยซื้อมาจากธีภพ นางรู้ว่าหลานคนนี้ต้องการอะไร คงไม่แปลกหากนางจะช่วยสนับสนุน เนตราไม่ควรสมหวังไปเสียทุกเรื่องตั้งแต่สามีไปจนถึงลูกชาย
รถคันหรูของภามกำลังจอดหน้าสถานที่จัดงานกลางสวนในเวลาค่ำ คนของภามสืบมาแล้วว่าไปรยาจะมางานเปิดตัวน้ำหอมที่เจ้าตัวเป็นเซเลบที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้มาตลอด เขาคิดแล้วว่าการไปหาที่บ้านซึ่งเดิมเป็นเรือนหอของพี่ภูมิกับไปรยาคงดูจงใจเกินไป อีกอย่างตั้งแต่เมษายอมรับเขาเป็นแฟน เราสองคนยังไม่มีโอกาสได้ออกงานร่วมกันเลยสักครั้ง
มันจึงเป็นเหตุผลที่เขาพาเมษาไปหาชุดออกงานด้วยกัน เขาเลือกเสื้อผ้าให้เธออยู่หลายชุด จนกระทั่งเธอชอบเดรสสีขาวลายลูกไม้ ตัวชุดเป็นเกาะอกมีสายคล้องไหล่แล้วเข้าเอว สายชายกระโปรงทิ้งตัวยาวเลยเข่ามาเล็กน้อย มีลูกไม้แซมดูหรูพอประมาณและไม่เป็นทางการเกินไป ส่วนภามเลือกสูทสีขาวเรียบๆ ให้เข้ากับชุดของเธอ แต่พอลงจากรถแล้วเดินมาด้วยกัน ชายหนุ่มมองหญิงสาวยิ้มๆ หากตอนนี้ในมือของเมษามีบูเก้ดอกไม้สวยๆ สักช่อ เราสองคนคงเหมือนเดินเข้าพิธีในโบสถ์ได้ทันที
“ถ้ารองเท้ากัดบอกผมนะ” ภามเอียงหน้าไปใกล้เมษา “ผมเตรียมรองเท้าผ้าใบไว้ให้เมไว้ในรถอีกคู่แล้ว”
“ได้ยินแบบนี้แล้วสบายใจจัง” เธอขอบคุณในความรอบคอบของเขา แต่พอเขาเซตผมใส่สูทสีขาว จากที่เขาดูดีมากๆ ออร่ากระจายเจียว
“วันนี้คุณหล่อมากค่ะ”
ภามยื่นแขนไปโอวเอวบางเพราะวันนี้เมษาก็ดูสวยแปลกตาจนเขาหวง
“ถ้ามีใครมาขอเบอร์ของเม บอกไปเลยนะว่าเมมีแฟนแล้ว”
“วันนี้เรามาหาคุณไปรยาเพื่อหาเบาะแสต่อนะคะ”
ภามกระชับเอวบางแน่นขึ้นพร้อมกับเอ่ยเสียงไม่เบานักว่า “พร้อมๆ กับเราได้เปิดตัวว่ากำลังคบกัน เมจะได้มั่นใจว่าผมจริงจังในความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน”
เมษาหันมองไปรอบตัว แม้ใจจริงอยากตีภามจะป้าบ
“ถ้าไม่อยากให้เมละลายอยู่ตรงนี้ เราควรรีบเข้าไปในงานนะคะ”
เสียงหัวเราะของภามพลิ้วแผ่วชอบใจที่ทำให้เมษาทำหน้าดุๆ ใส่ได้ ทั้งสองเดินเข้าไปในงานพร้อมกับมีเสียงทักทายมาจากเพื่อนพ้องในวงการธุรกิจที่ภามรู้จัก ชายหนุ่มแนะนำเมษาว่าเป็นแฟนของเขา จึงเกิดเรื่องเฮเบาๆ ก่อนจะตามมาด้วยคำแสดงความยินดี
เบื้องหลังห่างออกไปไม่มาก แต่เมษาไม่ทันได้สังเกตนัก พริมามองไปยังใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นด้วยความโกรธแค้น พริมามั่นใจว่าคนเดียวที่ทำให้ศราอยากเลิกกับเธอคงมีแค่เมษาเท่านั้น ในใจของเขายังมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ ถ้าเธอระทมทุกข์ แล้วทำไมต้องปล่อยให้มารหัวใจยังลอยหน้ามีความสุขได้อีก
เปิดตัวก็ยังมีมารผจญเลยคิดดู เมษาก้าวขาออกจากบ้านผิดข้างแน่ๆ
ใจดวงนี้สื่อถึงรักลงขายเป็น E-Book ใน MEB แล้วค่ะ หมวดนิยายรัก
โดยโบว์ทำโปรโมชั่นลดเหลือ 149 บาทจาก 329 บาท เหลือเวลา 5 วัน และจะลงให้อ่านถึงบทที่ 14 นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 152
แสดงความคิดเห็น