STARCIN ภาคที่ 6 OverThrow ตอนที่ 34 กลืนกิน
สายตาที่กำลังสั่นกลัวของมอร์เดร็ดจ้องมองพี่ชายฝาแฝดของเขาพร้อมกับกล่าวว่า “พี่ครับ...ผมได้พลังเดอะหลังจากที่พี่ลูเทอร์กับพี่อูเทอร์ตาย แบบนี้มันหมายความว่ายังไงครับ...”
“มองหน้าพี่ไว้มอร์เดร็ด น้องไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น”
ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็คิดแผนการที่จะยึดอำนาจมาโดยตลอดและมอร์เดร็ดก็ร่วมเดินบนเส้นทางนี้ด้วยเช่นกัน
อาเธอร์นึกถึงวันวานที่ยังเป็นเพียงเด็กน้อยในขณะที่อ่านบันทึกของสุดยอดประวัติศาสตร์ เขาเคยนึกถึงวันที่ตัวเองจะได้มีชื่อแบบเดียวกับแอสต้าที่พลิกชะตาของมนุษยชาติได้
เสียงอึกทึกครึกโครมค่อย ๆ ห่างออกไปแต่ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าเดินลงมาตามเส้นทางใต้ดินแทน
“งานเสร็จแล้วเหรอคุณเฟอเรน” อาเธอร์หันมองด้วยหางตาแต่ที่ตรงนั้นกลับไม่มีใครอยู่
“หมอนั่นชื่อเฟอเรนสินะ” คาร์เตอร์ใช้จุดบอดรวมกับความประมาทเลินเล่อของอาเธอร์เพื่อประชิดตัวและใช้คมดาบมานาเพลิงฟาดลงกลางหลัง
คูเปอร์โผล่มาด้านล่างสร้างมีดมานาแทงลงไปที่หลังเท้าสร้างความเจ็บปวดสุดขีดจนร้องลั่น
หนึ่งในสิ่งที่พี่ซึฮากิสอนก็คือจุดอ่อนของร่างกาย ถ้าเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าก็ต้องหาจุดอ่อนเพื่อต่อกรและกำจัดศัตรูในตอนที่มีโอกาส
“ไอ้เด็กเวรเอ๊ย !”
อาเธอร์อุทานเสียงดังพยายามคว้าตัวคูเปอร์แต่เขาก็กระโดดออกไปเว้นระยะห่างเล็กน้อยซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่คาร์เตอร์รวบรวมมานาสำเร็จและใช้ดาบเพลิงแทงเข้าที่ท้องทะลวงไปถึงอวัยวะภายใน
“พวกแกนี่มัน...” อาเธอร์ใช้ยาเข็มสุดท้าย ยาที่ฉีดกระตุ้นร่างกายและมานาทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ทันที
ตอนนี้แหละคูเปอร์
การสื่อสารลับตอบโต้กันราวกับเป็นคู่หูที่ได้รับการฝึกฝนมามากกว่ายี่สิบปีทั้งจังหวะการเข้าออกและการผสมผสานของเวทมนตร์หลากชนิดทำให้อาเธอร์หาทางรับมือได้ยากยิ่ง
“น่ารำคาญจริง ๆ” อาเธอร์ทุบพื้นที่ยืนอยู่พังทลายอีกทั้งยังอยู่ใต้ดินทำให้ด้านบนถล่มลงมาด้วย
เป็นอะไรไหมคูเปอร์
ผมไม่เป็นอะไรครับ ทั้งสองตกลงไปในหลุมที่โดนแรงทุบจากอาเธอร์อีกทั้งยังโดนเศษซากสิ่งปลูกสร้างทับซ้ำอีก
“ทำไมพวกแกถึงต้องตามจองล้างจองผลาญไม่หยุดหย่อนสักที ฉันไปทำอะไรพวกนายหรือยังไงหรือเพราะเป็นคำสั่งของแคทเทอรีน” ร่างกายอันใหญ่โตราวกับนักเพาะกายค่อย ๆ ขว้างเศษซากสิ่งปลูกซากทิ้งทำเหมือนเป็นแค่กิ่งไม้เบา ๆ
“ทำมาขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ...อาเธอร์ !” คาร์เตอร์เสริมมานาและผลักเศษซากเหล่านั้นออกพร้อมกับเข้าประจันหน้ากับอาเธอร์ผู้ที่ละทิ้งรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาไปโดยสิ้นเชิง
“หมายความว่ายังไง? สิ่งที่ฉันทำก็เพื่อประวัติศาสตร์ที่จะพลิกชะตาอาณาจักรนอด ทุกอย่างที่ฉันทำมันมีอะไรไปกระทบกับแกขนาดนั้นเลยหรือยังไง?”
พูดจบคาร์เตอร์ก็ปล่อยหมัดสวนเข้าที่กรามเต็ม ๆ เสียงดังลั่นฟังชัดแต่ก็ไม่อาจทำให้อาเธอร์ล้มลงได้
“แกใช้คนทดลองไปตั้งเท่าไรกว่าจะเข้าใจพลังเดอะคิวเลอร์ได้ แกใช้ทาสไปเท่าไรกว่าจะสร้างอาณาจักรธุรกิจของแกได้ ผู้คนที่ตายเพราะเป้าหมายบ้า ๆ ของแกต้องมีอีกกี่คนกันแน่” ทุกครั้งที่คาร์เตอร์ระเบิดอารมณ์โกรธเขาก็จะออกหมัดต่อยไม่ยั้งค่อย ๆ กดอาเธอร์ลงพื้นและต่อยซ้ำเข้าไปอีกจนหัวยุบลงไปกับพื้นดิน
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะลั่นทั้งสุขใจและทุกข์ใจปะปนกันมั่วไปหมด “แกคงเป็นญาติของพวกนั้นสินะ”
อาเธอร์ผลักตัวเองขึ้นมายืนอีกครั้งและเหวี่ยงแขนที่อัดแน่นไปด้วยมานาอัดลำตัวคาร์เตอร์จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบไว้กับพื้น
“ความรู้สึกของพวกเขาส่งต่อมาให้ฉัน ความรู้สึกที่ทั้งสิ้นหวังและมีความหวังในเวลาเดียวกันแต่สุดท้ายก็ลงเอยเช่นนั้น” คาร์เตอร์พยายามยกเท้าของอาเธอร์ออกแต่มานาที่มีก็น้อยนิดจนไม่อาจทำอะไรได้อีก
“พูดบ้าอะไรไม่เห็นเข้าใจ จะบอกว่าตัวเองสามารถรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของคนที่ตายไปแล้วได้เหรอ?”
คาร์เตอร์เหลือบมองคูเปอร์ที่ไม่มีทั้งแรงและมานามากพอให้พาตัวเองออกจากเศษซากเหล่านั้นได้
“พี่ขอโทษที่ไม่เคยบอกน้อง พวกเรา...ไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ หรอก” สายตาหวาดระแวงลังเลและสับสนเลื่อนมองใบหน้าของคูเปอร์ที่ค่อย ๆ ยิ้มอย่างมีความสุข
“เล่นละครเวทีกันหรือยังไง...” ทันใดนั้นมานาที่ควรจะหมดลงของคาร์เตอร์ก็เพิ่มพูนขึ้นพร้อมกับร่ายเวทผสานระหว่างเวทมนตร์วายุและเวทมนตร์เพลิงสร้างเป็นหอกขนาดหนึ่งเมตรที่หมุนวนเป็นดั่งพายุไฟพุ่งทะลวงเข้ากลางอกของอาเธอร์
หลังจากคาร์เตอร์สลัดเท้าออกไปได้เขาก็วิ่งเข้าประชิดใช้หมัดมานาชกเข้าที่คางทำให้อาเธอร์เดินเซไปล้มทับหอกแหลมอาวุธที่กระจัดกระจายตอนที่ห้องลับพังทลาย หอกเล่มนั้นแทงซ้ำทะลุหน้าอกและมันก็หักคาตัวอาเธอร์ทันทีเพราะความเก่าของมัน
“ทำไมมานาถึง...”
“ใครเขาจะบอกให้โง่ล่ะ” คาร์เตอร์ใช้อาวุธที่หาได้ทดแทนการใช้มานาทั้งดาบ มีดและขวานกระหน่ำฟันช่วงตัวขึ้นไปของอาเธอร์เละจนดูไม่ได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่สองพี่น้องยังโดนเศษซากทับก็ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแผนที่จะกำจัดอาเธอร์ให้สำเร็จ
"หากเจอศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนสิ่งที่ห้ามขาดก็คือสติ โดยส่วนใหญ่คนที่แข็งแกร่งกว่ามักจะประมาทเพียงเพราะค่าสเตตัสและเลเวลที่มากกว่าดังนั้นเราต้องใช้จุดนั้นเป็นข้อได้เปรียบ"
“แล้วผมต้องทำยังไงครับพี่ซึฮากิ?” คำถามที่เต็มไปด้วยความคาดหวังจ้องตาไม่กะพริบราวกับเห็นพระเจ้าที่คอยชี้นำทาง
“เก็บไพ่ในมือไว้เพื่อช่วงเวลาที่ดีที่สุด จงหาโอกาสที่จะจัดการศัตรูได้อยู่หมัดและทุ่มทุกอย่างที่มีซะ”
นั่นคือคำตอบที่ผมได้มาจากพี่ซึฮากิ
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ได้ดำเนินตามแผนที่คูเปอร์คิดขึ้นมาและมันก็ได้ผลทำให้กำจัดอาเธอร์ได้สำเร็จ
“ความสามารถในการโยกย้ายหรือใช้เวทมนตร์แทนอีกฝ่าย ถ้าก่อนหน้านี้เราไม่ทดลองกันก่อนก็คงไม่มีไม้ตายไว้จัดการอาเธอร์แน่ ๆ” คาร์เตอร์และคูเปอร์พากันปีนกลับขึ้นไปข้างบนผ่านรูเล็ก ๆ
“ก่อนอื่นก็รีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่มันจะถล่มเถอะครับ” คูเปอร์ฉีกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้จัดการอาเธอร์เพื่อเป้าหมายของคาร์เตอร์แม้เขาจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงทำเช่นนั้น
“อืม เดี๋ยวพี่ช่วยดันให้”
ขณะที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้สวยจู่ ๆ ก็มีแรงสั่นสะเทือนรุนแรงทำให้กองดินหินเหล่านั้นกำลังจะถล่มลงมา
“พี่ครับไปกันเร็ว !” ข้อมือเล็ก ๆ ของเด็กน้อยกำลังยื่นมือให้พี่ชายที่ยืนอยู่ด้านล่าง วินาทีที่มือทั้งสองกำลังจะสัมผัสกันก็มีกำปั้นมานาชกทะลุท้องคาร์เตอร์ต่อหน้าต่อตา
“พี่ !” คูเปอร์รวบรวมมานาที่แทบจะไม่มีพยายามสร้างกระสุนวายุแต่คาร์เตอร์ก็พูดคำนั้นออกมาเสียก่อน
ไปซะคูเปอร์ พี่จะจัดการเองและตามไปทีหลัง
แต่พี่ครับ
ไม่มีแต่ พี่บอกให้ไปเดี๋ยวนี้
ขณะที่กำลังสื่อสารผ่านจิตคาร์เตอร์ก็จับแขนที่ทะลุลำตัวไว้แน่นเพื่อไม่ให้ไปทำอะไรคูเปอร์ได้
ผมจะรีบพาคนมาช่วยนะครับ คูเปอร์ปีนกลับขึ้นไปบนพื้นเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากซึฮากิแต่เมื่อเขาเดินผ่านไปได้ไม่นานพื้นบริเวณนั้นก็ถล่มลงไปเสียแล้ว
“จะไปไหนหนุ่มน้อย?” เบื้องหน้าของคูเปอร์ปรากฏชายหนุ่มที่หน่วยจู่โจมไล่ตามไป
ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ อย่าบอกนะว่าคนของพี่ซึฮากิโดนจัดการไปหมดแล้ว คูเปอร์วิ่งหนีสุดชีวิตแม้จะอยากตอบโต้แต่มานาก็ไม่เหลือแล้ว
“ให้ตายสิโดนหัวหน้าดุอีกแน่เลย แต่ยังไงก็ได้เงินมาแล้วคงหมดหน้าที่ของเราแล้วล่ะ” แทนที่จะทำร้ายคูเปอร์เขากลับหนีหายไปอย่างรวดเร็วราวกับเงาที่โดนแสงสาดใส่
ไม่นานนักหน่วยจู่โจมก็ตามมาสมทบจากที่คิดว่าโดนกำจัดไปแล้วกลับยังอยู่ดีมีสุขแสดงว่าชายผู้นั้นเอาแต่หนีและถ่วงเวลาให้อาเธอร์เท่านั้น
“แจ้งไปยังคุณซึฮากิว่ามีสำนักมนตร์ดำแทรกซึมอยู่ด้วย” หัวหน้าหน่วยจู่โจมออกคำสั่งหลังจากตามรอยชายผู้นั้นไม่ได้แล้วก่อนจะมุ่งตรงไปหาคูเปอร์
ใบหน้าอันโศกเศร้าของเขาทำให้หน่วยจู่โจมรับรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำตาของลูกผู้ชายเอ่อล้นแต่ก็ยังกัดใจไม่ร้องออกมาสักคำ
“พี่คาร์เตอร์อยู่ในหลุมตรงนั้น ชะช่วยพี่ผมด้วยครับ !” คูเปอร์คุกเข่ากอดขาหัวหน้าหน่วยจู่โจมขณะที่กัดฟันกลั้นใจไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ออกมา
ท่ามกลางการต่อสู้ของมอร์เดร็ดและมังกรทำให้มีออร่ามานาจากเวทมนตร์กระจัดกระจายไปทั่ว พวกเขาจึงต้องเร่งมือขุดดินที่ลึกหลายสิบเมตรก่อนที่จะโดนลูกหลงไปด้วย
“เจอเขาแล้ว !” แม้จะใช้เวทมนตร์ช่วยขุดได้แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้คาร์เตอร์โดนลูกหลงไปด้วย หลังจากขุดไปได้สักพักพวกเขาก็พบร่างของคาร์เตอร์ที่ถือหัวของอาเธอร์ไว้ในมือแน่น
“พี่ ! ตอบผมสิ” คูเปอร์เฝ้ามองร่างของคาร์เตอร์อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแขนของพี่ชายไว้
“รีบไปกันเร็ว ! พวกนั้นค่อย ๆ เคลื่อนมาทางนี่แล้ว” หัวหน้าหน่วยจู่โจมอุ้มคูเปอร์และให้ลูกน้องเป็นคนนำร่างไร้วิญญาณของคาร์เตอร์ไปด้วย
สภาพใบหน้าที่เละเทะเพราะการต่อสู้กับอาเธอร์อีกทั้งยังโดนดินหินถล่มทับและร่างกายที่ท้องเป็นรูขนาดใหญ่ทำให้เครื่องในกระจัดกระจายไปตามเส้นทางที่แบกมาด้วย เมื่อพวกเขากลับไปยังจุดนัดพบของซึฮากิมันก็ทำให้ฟรานตกใจหน้าเสียไปเลย
“นั่นคือ...คาร์เตอร์สินะ” ซึฮากิเดินเข้าไปตรวจสอบสภาพศพอย่างละเอียดรวมทั้งหัวของอาเธอร์ที่ถือติดมือมาด้วย
“ครับ...” เสียงตอบรับอันเศร้าโศกทำให้ฟรานโผเข้ากอดทันที จากใบหน้าเคร่งเครียดอึดอัดเพราะต้องอดกลั้นจู่ ๆ ก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดังภายใต้อ้อมอกอันอบอุ่นที่ช่วยรองรับความทุกข์เหล่านั้นไว้
“แล้ว...คนที่เหลือคงโดนจัดการไปแล้วสินะ” ซึฮากิกวาดสายตามองหน่วยจู่โจมที่คนร่อยหรอหายไปจนเห็นได้ชัด
หัวหน้าหน่วยก้มโค้งทันทีที่ซึฮากิจ้องหน้า
“เป็นความผิดของผมเองที่รักษาชีวิตของพวกพ้องไม่ได้”
“จงจำเป็นบทเรียนไว้และเมื่อเรื่องนี้จบลงก็ให้นำกำลังไปขนร่างของพวกเขากลับมาด้วย เข้าใจใช่ไหมฮวน...” ซึฮากิวางมือลงบนไหล่เพื่อเป็นสัญญาณให้เอลฟ์หนุ่มเงยหน้าขึ้น
หลังจากใช้เวลาทำใจอยู่สิบนาทีจนคูเปอร์กลับมาตั้งสติได้อีกครั้งจึงเริ่มแผนการขั้นต่อไป
“เธอเห็นออร่ามานาของพวกเขาไหม?” ซึฮากิชี้นิ้วไปยังสนามรบของมังกรที่อยู่บนซากเมืองเอเธน
ฟรานเพ่งมองไปยังเมืองเอเธนที่อยู่สุดขอบสายตาเห็นออร่ามานาฟุ้งกระจายเต็มไปหมด
“อืม ออร่ามานาที่พวกเขาใช้เวทมนตร์สู้กันใช่ไหม แล้วตกลงแผนของนายคืออะไรล่ะ?”
“ดูดี ๆ สิฟราน ตรงนั้นมันมีออร่ามานาสองแบบนะ” ซึฮากิเดินเข้าประชิดเพื่อชี้นิ้วนำทางสายตาให้กับฟราน ถึงแม้จะทำถึงขั้นนั้นแต่เธอก็ยังไม่เห็นความแตกต่างของออร่ามานาได้
“จะบอกให้ก็ได้ ออร่ามานาที่มีความเข้มข้นประมาณหนึ่งเป็นร่องรอยของการใช้เวทมนตร์ของมังกรและมอร์เดร็ด ส่วนออร่ามานาอีกแบบหนึ่งมีความอ่อนกำลังจนมองเห็นได้ยากและพวกมันกำลังเคลื่อนไหวเหมือนมีอะไรดึงดูดไว้”
ฟรานนึกคิดและมองตามที่ซึฮากิอธิบายจึงพอจะสังเกตได้บ้าง “มีอะไรดึงดูด...หรือว่าจะเป็นการต่อสู้ของพวกเขา”
“ก็ถูกส่วนหนึ่งแต่ลองดูเส้นทางการไหลของออร่ามาพวกนั้นดี ๆ สิ ออร่ามานาจาง ๆ พวกนั้นกำลังไหลเข้าไปในตัวมอร์เดร็ดนั่นอาจจะเป็นผลจากพลังของเดอะคิวเลอร์ทำให้เขาต่อสู้ได้เรื่อย ๆ ตามจำนวนสิ่งที่ฆ่าไป”
“แล้วนายคิดว่าเขาฆ่าคนไปเท่าไรถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้น?” แววตาของความกังวลก่อตัวขึ้นเหมือนกับความสิ้นหวังที่แคทเทอรีนกำลังเผชิญ
“ถ้าเป็นประชากรในเมืองก็อาจจะประมาณสี่ถึงห้าหมื่นแต่เพราะการจัดงานและเรียกคนนอกมามากมายทำให้จำนวนคนในเมืองเพิ่มขึ้น เท่าที่คาดเดาจากศพที่เห็นกับขนาดของเมืองก็อาจจะพุ่งไปถึงหนึ่งแสนคน”
“หนึ่งแสนคน...แล้วเราจะหยุดเขาได้ยังไง?”
“อันดับแรกเราต้องล่อให้มอร์เดร็ดออกห่างจากตัวเมืองเพื่อให้การส่งมานาช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจุดมุ่งหมายที่เล็งไว้ก็คือเหมืองหินเวทที่อยู่ทางตอนใต้ติดชายแดนอาณาจักรคา มังกรเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่สามารถซึมซับหินเวทและเปลี่ยนเป็นพลังของตัวเองได้ชั่วคราวดังนั้นเราจะลดทอนกำลังของมอร์เดร็ดพร้อมกับเพิ่มพลังของแคทเทอรีนไปด้วยเลย”
“แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างล่ะ?” ฟรานเอ่ยถามด้วยความคาดหวังว่าจะได้ช่วยเหลือซึฮากิบ้างดีกว่านั่งรอเฉย ๆ
“เธอคอยดูสถานการณ์ไปก่อนถ้าฉันอยากให้ช่วยเดี๋ยวบอกเอง” เมื่อบอกแผนเสร็จซึฮากิก็สร้างร่างโคลนของนักดมกลิ่นทั้งสองและส่งพวกเขาไปหาแคทเทอรีน
หลังจากซัดกันเละเทะจนแคทเทอรีนแทบจะหมดสภาพล้มกองกับพื้นโดยมีสายตาเยาะเย้ยมองลงมา
“หมดฤทธิ์หรือยังล่ะแคทเทอรีน ยังไงพวกเขาก็เห็นว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาดที่กวาดล้างทุกสิ่งอยู่แล้วไม่เห็นต้องดิ้นรนปกป้องเลยนี่”
“อย่ามาพูดเองเออเองจะได้ไหม ได้ยินแล้วมันหงุดหงิด” ด้วยสภาพมือทั้งสองข้างของแคทเทอรีนทำให้เธอยืนปกติได้ยากจึงต้องอาศัยเวทมนตร์ช่วยพยุงร่างกายอันใหญ่โตไว้
“คุณแคทเทอรีนช่วยล่อเขาไปที่เหมืองลอสได้ไหมครับ” ขณะที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานก็มีเสียงกระซิบจากสองหนุ่มสาวที่ปีนขึ้นมาบนตัวเธอตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“เหมืองลอส...หินเวทสินะ” แม้เธอจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันเป็นเสียงของใครจนคิดว่าเป็นเสียงในหัวของตัวเองไปแล้วแต่อย่างน้อยก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมถึงให้ล่อไปที่นั่น
“อ้าว ๆ จะหนีไปไหนแล้วล่ะ? หนีไปเลยสิแคทเทอรีนจักรพรรดินีทุ่งสีขาวที่ใคร ๆ ต่างก็เกรงกลัว” มอร์เดร็ดหัวเราะลั่นอย่างมีความสุขที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางลนลานของแคทเทอรีนที่กำลังกระเสือกกระสนบินหนีให้ไวที่สุด
แคทเทอรีนพยายามบินเลี่ยงเส้นทางที่มีเมืองใหญ่ ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเท่าที่จะทำได้ หลังจากฝืนใช้เวทมนตร์ช่วยบินมานานถึงยี่สิบนาทีและเพียงแค่อึดใจเดียวก็จะมุ่งหน้าไปถึงเหมืองลอสที่มีหินเวทจำนวนมากกักเก็บไว้พอให้เธอสามารถลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้งแต่ก็ดันโดนมอร์เดร็ดใช้เวทหินสร้างมือยักษ์ตบร่างมังกรสีขาวอันน่าเกรงขามร่วงลงมาในครั้งเดียว
“ก็ว่าทำไมถึงเอาแต่หนีที่แท้ก็จะมาใช้หินเวทที่นี่นี่เอง” สภาพของแคทเทอรีนนั้นไม่อาจมีแรงต่อต้านมอร์เดร็ดได้เลยสักนิดแม้เขาจะเดินเข้ามาเหยียบใบหน้าของเธอเพื่อทำลายศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มี
อีกนิดเดียวแท้ ๆ ทั้งมานาทั้งแรงกายก็ไม่เหลือให้ใช้แล้ว ท่านยอซคงผิดหวังในตัวเราแน่ ๆ
“อย่าพึ่งถอดใจสิจักรพรรดินีทุ่งสีขาว” ขณะที่กำลังสิ้นหวังก็มีเสียงอันคุ้นเคยที่พูดกรอกหูเธอก่อนจะมาที่นี่แต่พอเหลือบมองหาที่มาของเสียงกลับไม่มีใครอยู่แล้ว
เพียงชั่วครู่ก็มีบางสิ่งพุ่งกระแทกหัวของมอร์เดร็ดทำลายเสริมกำลังให้หายไปได้ในครั้งเดียว
“บัดซบ ! เมื่อกี้ฝีมือใครวะ” เขาสร้างเสริมกำลังห่อหุ้มตัวเองได้ใหม่อย่างรวดเร็วแต่ก็มองหาที่มาของเวทมนตร์นั่นไม่เจอ
ไกลออกไปหลายร้อยเมตรบนเนินผาสูงมีหนุ่มสาวสองคนนั่งเฝ้าสั่งเกตการอยู่ที่นั่นพร้อมกับอาวุธแปลกตา
“เกราะจะหนาไปไหนขนาดสไนเปอร์ยังเจาะไม่ถึงผิวเลย” ซึฮากิเล็งเป้าไปที่หัวของมอร์เดร็ดก่อนจะยิงซ้ำอีกครั้งส่งแรงกระแทกผลักตัวเขากระเด็นออกไปแทน
“นี่คือแผนของนายเหรอ? ฉันไม่นึกเลยว่านายจะเอาของแบบนี้ติดมาด้วย”
“ก็นะถึงจะเร่งผลิตไปหน่อยแต่ถ้าเป็นทหารทั่วไปคงไม่มีทางป้องกันได้แน่ ประสิทธิภาพของมันไม่ใช่แค่รุนแรงแต่ยังรวดเร็วและไม่รู้ว่าจะโดนเมื่อไร ยิ่งกับโลกที่ไม่รู้จักเทคโนโลยีปืนสไนเปอร์แล้วก็คงหาพิกัดของเราได้ยากมาก”
ระหว่างที่กล่าวเช่นนั้นซึฮากิก็ยังยิงซ้ำไปอีกคอยถ่วงเวลาให้แคทเทอรีนหนีไปยังโกดังเก็บหินเวทโดยเร็ว
“นี่ฝีมือลูกน้องของเธอเหรอแคทเทอรีน...” พอมอร์เดร็ดหันกลับมาเธอก็บินหนีไปเสียแล้วและพอจะตั้งหลักได้มันก็สายเกิน
เสียงร้องกู้ก้องไปทั่วสารทิศจนชาวบ้านชาวเมืองบริเวณใกล้เคียงต่างก็ตื่นตระหนกตกใจ มังกรสีขาวซึมซับหินเวทจำนวนกว่าสองหมื่นก้อนเติมเต็มมานาและพลังกายทั้งหมดที่หายไปและเข้าปะทะกับมอร์เดร็ดอีกครั้งทันที
“สดชื่นขึ้นไหมล่ะแคทเทอรีน ได้คนอื่นช่วยไว้แท้ ๆ แต่ทำไมถึงต้องมองฉันอย่างนั้นด้วยล่ะ” ดาบเพลิงขนาดยักษ์ยาวพอ ๆ กับมังกรสีขาววาดกวาดไปมาราวกับเป็นยอดฝีมือเพื่อตัดผ่านเสริมกำลังและเกล็ดหนา ๆ ของแคทเทอรีน
ปีกอันกว้างใหญ่สยายออกและกระพือดันตัวเองขึ้นสูงจนมอร์เดร็ดตามได้ยากยิ่ง ออร่ามานาก่อรวมกันที่ปากของแคทเทอรีนสร้างแรงกดดันให้กับผู้คนที่เห็นอยู่แต่ไกลจนก้าวขาไม่ออก
ชักจะท่าไม่ดีแล้วสิ ลมหายใจมังกรที่ใช้ปริมาณมานามากขนาดนั้นคงจะเกือบเจาะเสริมกำลังของเราได้
มอร์เดร็ดสร้างโล่หินที่ซ้อนด้วยโล่เพลิงอีกชั้นเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้กับโล่หิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้เวทมนตร์ป้องกันจริง ๆ จัง ๆ ไม่ใช่การป้องกันด้วยเสริมกำลังจากมานาเพียงอย่างเดียว
“หลบหลังฉัน” ซึฮากิที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนราวกับฟ้ากำลังจะถล่ม เมื่อเงยหน้ามองก็จะเวทมนตร์ขนาดใหญ่ที่เตรียมปล่อยออกมาสู่ผืนดินด้านล่าง
“ไม่ต้องห่วงฉันนายจะทำอะไรก็ทำไปเลย” แม้จะเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่เธอก็เป็นถึงคนที่มีธาตุทั้งสี่และยังมีมานาสูงกว่าคนทั่วไปค่อนข้างมาก เธอสร้างโล่มานาพร้อมกับเสริมกำลังเพื่อปกป้องตัวเองไว้ล่วงหน้าแล้ว
เมื่อซึฮากิได้ยินเช่นนั้นเขาก็นอนลงพื้นตั้งลำกล้องปืนสไนเปอร์เล็งไปที่มอร์เดร็ดทันที
ถ้าเรามัวแต่ป้องกันก็จะสูญเสียโอกาสสำคัญเช่นนี้ แต่หลังจากนี้ก็คงต้องหวังให้ฟรานช่วยซะแล้วสิ กระแสลมและเศษฝุ่นใบไม้ใบหญ้าต่างก็บินว่อนไปทั่วทำให้การเล็งเป้ายากเข้าไปใหญ่แต่ก็ถึงกระนั้นซึฮากิก็ยังเพ่งสมาธิมองไปยังเป้าหมายตรงหน้าไม่ลดละความพยายาม
“กิจัง !” เสียงตะโกนเรียกด้วยความตื่นตระหนกจากฟรานทำให้ซึฮากิต้องหันหลังมามองและได้เห็นชายหนุ่มที่มีรูปพรรณสัณฐานตรงกับหนึ่งในสมาชิกสำนักมนตร์ดำ
คมมีดไร้รูปกำลังจะปาดคอของซึฮากิแต่ฟรานก็สร้างแท่งหินกระแทกตัวชายผู้นั้นออกไปได้ทันการ
“ว้า...นึกว่าจะได้ตัวแล้วเชียว” ท่าทางสบายของเขาทำให้ฟรานตื่นกลัวราวกับได้เผชิญหน้ากับฆาตกรเลือดเย็น
ขณะที่กำลังวุ่นวายกับสำนักมนตร์ดำเวทมนตร์ขนาดใหญ่ของแคทเทอรีนก็ยิงลงมาเสียแล้ว คลื่นความเย็นแพร่สะพัดไปทั่วพร้อมกับกระแสลมกระโชกแรงยิ่งกว่าพายุหิมะไหน ๆ ที่รู้จัก
“เอาเลยกิจัง !” ฟรานฟาดดาบปะทะกับมีดวายุของชายผู้นั้นเพื่อถ่วงเวลาให้กับซึฮากิ
ทั้งลมทั้งหิมะต่างก็บดบังวิสัยทัศน์หมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงมีทางเดียวเท่านั้น
“ฝากด้วยล่ะฟราน” ซึฮากิกระโดดลงจากหน้าผาวิ่งฝ่าพายุหิมะไปยังใจกลางเพื่อหาตำแหน่งของมอร์เดร็ดให้เจอโดยไวไม่เช่นนั้นเขาก็อาจจะไม่เจอโอกาสนี้อีกแล้ว
เสียงฝีเท้าอันริบหรี่ท่ามกลางออร่ามานาที่คลายออกมาพร้อมกับพายุหิมะและยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางเท่าไรก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าปล่อยให้ร่างโคลนมาจัดการก็คงโดนเป่าหายไปทันทีแน่ ๆ หลังจากความพยายามทั้งหมดซึฮากิก็เห็นมอร์เดร็ดกำลังต้านพลังอันแข็งแกร่งของแคทเทอรีนทำให้มานาของเขาน้อยลงไปทุกทีกลายเป็นการแข่งว่าใครมานาหมดก่อนจะต้องเป็นฝ่ายตาย
ระบุเป้าหมายชัดเจนระยะห้าสิบเมตร ความเร็วลมอาจจะมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบนอตอีกแต่ก็แค่คำนวณการหักเหของแรงต้านอากาศรวมกับระยะการยิง อย่างน้อยก็คงเจาะเสริมกำลังให้เป็นรูได้นิดหน่อย
ซึฮากิตั้งลำกล้องขึ้นบ่าเพราะองศาการยิงกับสถานที่ไม่เอื้ออำนวยดังนั้นเขาจึงต้องควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง
เพียงเสี้ยววินาทีที่ปิดเสริมกำลังเพื่อยิงกระสุนก็ต้องรีบสร้างเสริมกำลังขึ้นใหม่ทันทีไม่เช่นนั้นเราก็อาจจะได้เป็นมนุษย์น้ำแข็งไปด้วยแน่ ๆ
“ให้ตายสิทำไมเราต้องมาทุ่มเทเสี่ยงตายไม่เข้าเรื่องเลย” บ่นเสร็จซึฮากิก็ปิดเสริมกำลังและยิงกระสุนสไนเปอร์เจาะเข้าด้านหลังทำให้เกิดรูเล็ก ๆ บนมานาเสริมกำลังของมอร์เดร็ด
เพียงแค่อึดใจเดียวตัวมอร์เดร็ดก็ถูกความหนาวเหน็บแช่แข็งทันทีแต่นั้นก็ยังไม่อาจกำจัดเขาได้อย่างเด็ดขาดจริง ๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 244
แสดงความคิดเห็น