ตอนที่ 373 สถานการณ์อันตราย!
ตอนที่ 373 สถานการณ์อันตราย!
การจัดกระบวนทัพของกองยานถูกแบ่งออกเป็นในช่วงสภาวะสงครามและในช่วงสภาวะปกติ ซึ่งในสภาวะปกติยานบัญชาการในกองยานจะเป็นเพียงแค่ยานแครีเออร์เพียงลำเดียว และไม่มียานเดรดนอตเข้าร่วมในกองยาน
ยานแครีเออร์เป็นยานขนาดใหญ่อเนกประสงค์ที่มีทั้งความสามารถในการรบที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการสนับสนุนยานอวกาศลำอื่นที่อยู่ภายในกองยาน แต่ยานเดรดนอตเป็นยานบัญชาการที่ถูกออกแบบมาให้มีความแตกต่างจากยานแครีเออร์อย่างสิ้นเชิง เพราะมันเป็นยานรบเกราะหนาที่ไม่มีความสามารถในการสนับสนุนยานลำอื่นเลย ดังนั้นการมีอยู่ของมันจึงมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือการทำลายศัตรูให้ราบเป็นหน้ากลอง
พวกทหารเรียกติดปากยานแครีเออร์ว่ายานแม่ เพราะพื้นที่ภายในยานบัญชาการประเภทนี้สามารถทำหน้าที่เป็นอู่ซ่อมยานของยานรบลำอื่น ๆ ภายในกองยานได้ มันจึงเปรียบเสมือนกับแม่ที่คอยดูแลลูก ๆ ในระหว่างการทำภารกิจ มันจึงเป็นที่มาที่ว่าทำไมทหารส่วนใหญ่จึงเรียกยานประเภทนี้ว่ายานแม่
แต่สำหรับยานเดรดนอตจะถูกเรียกติดปากว่ายานยมทูต เพราะมันมีหน้าที่ทำลายล้างศัตรูเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น และในระหว่างที่ยานเดรดนอตกำลังจู่โจมอยู่มันก็จะไม่สามารถเคลื่อนที่ในระหว่างนั้นได้ มันจึงไม่ต่างไปจากการยืนแลกหมัดกับศัตรูและจะไม่หยุดจนกว่าศัตรูหรือยานเดรดนอตจะถูกทำลายลงไปข้างหนึ่ง
การจับคู่ยานทั้งสองประเภทนี้เข้าด้วยกันจึงเป็นการจัดกระบวนทัพมาตรฐานในสภาวะสงคราม คำถามก็คือทำไมกองยานของเซิร์กถึงได้จัดกระบวนทัพมาแบบนี้ หรือพวกเขากำลังวางแผนจะโจมตีใครบางคนอยู่
“สแกนยานรบของศัตรูทั้งหมดเดี๋ยวนี้! ฉันอยากรู้ว่ากองยานเซิร์กทั้งหมดกำลังจัดกระบวนทัพสำหรับการทำสงครามหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานผลการสแกนก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ และมันก็ทำให้ชายหนุ่มอ้าปากค้างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“กองยานเซิร์กทั้ง 350 กองจัดกระบวนทัพมาตรฐานในสภาวะสงครามหมดเลย นี่มันผิดปกติมากเกินไปแล้ว!” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
หลังจากตั้งสติได้อีกครั้ง เซี่ยเฟยก็ใช้ระบบสื่อสารระยะไกลผ่านระบบเรดาร์แบล็คแบทเพื่อติดต่อไปยังกองบัญชาการทหารในพันธมิตร
“จอมพลวิลเลียมพวกเราได้เข้ามาถึงดินแดนเซิร์กแล้วครับ”
“คุณฟูเว่ยรายงานเรื่องนี้มาแล้ว คุณมีอะไรจะรายงานเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
ปฎิบัติการครั้งนี้ประกอบไปด้วยกองยานการค้า 3 กอง โดยมีหลี่กวน, เซี่ยเฟยแล้วฟูเว่ยเป็นผู้บัญชาการกองยานของตัวเอง ซึ่งในบรรดาผู้บัญชาการทั้งสามคนฟูเว่ยได้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองยานทั้งสาม เขาจึงเป็นคนมีหน้าที่รายงานการเคลื่อนไหวทั้งหมดกลับไปหาวิลเลียม
“คุณฟูเว่ยได้รายงานการจัดกระบวนทัพแปลก ๆ ของพวกเซิร์กด้วยหรือเปล่าครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“พวกเขาจัดกระบวนทัพแบบไหนงั้นเหรอ?” วิลเลียมถาม
“กองยานทั้งหมดของพวกเขาจัดกระบวนทัพมาตรฐานในสภาวะสงคราม โดยมียานแครีเออร์และยานเดรดนอตประจำอยู่ในกองยานทุกกอง”
“อะไรนะ?!” วิลเลียมอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ และหลังจากที่เขาใช้ความคิดอยู่ประมาณ 2 นาทีเต็ม ๆ เขาก็กล่าวต่อขึ้นมาว่า
“เอาล่ะอย่างแรกคือคุณต้องรายงานเรื่องนี้ไปที่ฟูเว่ยก่อน เพราะเขาคือผู้รับผิดชอบปฎิบัติการครั้งนี้โดยตรง นอกจากนี้ซ่งเฉียนกับฟูเว่ยก็อยู่บนยานลำเดียวกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาก็มีอำนาจตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างเต็มที่”
เซี่ยเฟยพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรตอบกลับไป
วิลเลียมตัดการเชื่อมต่อกับชายหนุ่มและรีบติดต่อไปหาไทสันทันที
“เซี่ยเฟยเพิ่งแจ้งมาว่าพวกเซิร์กจัดกระบวนทัพมาตรฐานสำหรับสภาวะสงคราม” วิลเลียมกล่าวอย่างจริงจัง
—
3 ชั่วโมงต่อมา
กองยานเซิร์กยังคงกันกองยานทั้งสามของพันธมิตรโดยไม่คิดที่จะหลีกทางออกไป ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเซี่ยเฟยก็พยายามส่งคำขอติดต่อไปหาพวกเซิร์ก แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธคำขอไม่ยอมเจรจาเลยแม้แต่นิดเดียว
บรรยากาศเริ่มตกอยู่ในความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้พวกเขาก็กำลังอยู่ในดินแดนของศัตรู ที่สำคัญคือพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาหลายหมื่นเท่า
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมพวกเซิร์กถึงมีพฤติกรรมแปลก ๆ แบบนี้ แต่สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้คือถ้าหากพวกเซิร์กคิดจะโจมตี กองยานของพวกเขาจะถูกทำลายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น
ทันใดนั้นเองหน้าจอแสงก็ถูกเปิดออกพร้อมกับภาพของวิลเลียมที่ขึ้นชื่อเรื่องความเนี้ยบมาโดยตลอด แต่ในปัจจุบันผมเผ้าของเขากลับดูยุ่งเหยิงอยู่เล็กน้อย
“มีการเคลื่อนไหวจากพวกเซิร์กหรือเปล่า?”
“ไม่มีครับ”
“กองยานของเซิร์กที่อยู่ในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ทั้งสามกองก็กำลังเผชิญหน้ากับเราอยู่นิ่ง ๆ ด้วยเหมือนกัน ซึ่งจากการสแกนตัวยานมันเห็นได้ชัดเลยว่าด้านในยานมีพวกเซิร์กอยู่จริง ๆ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะติดต่อกับพวกเราและเลือกที่จะรอคอยอยู่เฉย ๆ”
คำอธิบายของวิลเลียมทำให้เซี่ยเฟยจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง เพราะการเคลื่อนไหวของพวกเซิร์กแปลกประหลาดมากเกินไป
อย่าลืมว่าเซิร์กเป็นฝ่ายเข้ามาเจรจาขอทำธุรกิจกับพันธมิตรด้วยความกระตือรือร้น แต่จู่ ๆ พวกเขากลับทำเหมือนว่าพวกเขาได้เปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน
“พวกเราควรจะทำยังไงต่อไปดีครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“เราคงทำได้แค่รอดูสถานการณ์ไปก่อน แต่ตอนนี้กองยานเป็นจำนวนมากกำลังรีบมุ่งหน้าไปที่ภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่แล้ว ในเมื่อพวกมันกล้าข่มขู่พวกเราแบบนี้พวกเราก็จะแสดงให้พวกมันได้เห็นว่าพวกเราไม่เคยเกรงกลัวคำท้าทายใด ๆ จากพวกมัน” วิลเลียมกล่าวอย่างจริงจัง
—
เซี่ยเฟยกำลังรู้สึกว่าเขาถูกหลอกจากข้อตกลงทางการค้าของเซิร์ก เพราะเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้มันดูไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกเขาได้ตกลงกันไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
เขตดาววิลเดอร์เนสเป็นเหมือนกันชนระหว่างพันธมิตรกับเซิร์กมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงเวลาสงครามที่กองยานของมนุษย์กับกองยานของเซิร์กได้เข้ามาใกล้กันมากขนาดนี้
ขณะที่กองยานการค้าของมนุษย์ทั้งสามกองถูกล้อมรอบด้วยกองยานของเซิร์กกว่า 350 กอง กองยานการค้าของเซิร์กในพันธมิตรก็กำลังถูกล้อมรอบด้วยกองยานประมาณ 500-600 กองเช่นเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่มีการติดต่อมาจากเซิร์กเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ด้วยสภาวะตึงเครียดเช่นนี้นี่เอง ตราบใดก็ตามที่มันมีเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นมาแม้แต่เพียงครั้งเดียว มันก็หมายความว่ามนุษย์กับเซิร์กจะเข้าสู่สภาวะสงครามอย่างเต็มรูปแบบ
—
เซี่ยเฟยเริ่มนึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย เพราะตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเจรจามาจนถึงการเผชิญหน้าที่น่าอึดอัดนี้ ต่างก็ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้การควบคุมของเซิร์กตั้งแต่ต้น และมันก็ทำให้ทหารหลายหมื่นล้านคนต้องมาเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ตรงบริเวณริมชายแดน
สถานการณ์ที่น่าอึดอัดยังคงดำเนินต่อไปอย่างไร้ทางแก้ไข และในที่สุดระยะเวลาก็ผ่านไปเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็มแล้ว
เซี่ยเฟยค่อย ๆ คุ้นชินกับการใช้ชีวิตท่ามกลางการถูกห้อมล้อมด้วยยานรบของศัตรู โดยในแต่ละวันเขายังคงฝึกฝนและเตรียมน้ำยาที่ใช้ในการพัฒนาพลังของตัวเองอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตามทุก ๆ การเลื่อนระดับที่สูงขึ้น น้ำยาสูตรอันธก็จะมอบความเจ็บปวดให้กับเขาเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน และในช่วงเวลานั้นมันก็จะเป็นช่วงเวลาที่เขาแทบที่จะไม่สามารถปกป้องตัวเองจากอันตรายที่รายล้อมได้เลย ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะมีน้ำยาเพิ่มพลังอยู่ในมือ แต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะใช้มันในช่วงสภาวะวิกฤตเช่นนี้ได้
เมื่อมีปืนใหญ่นับล้านกระบอกกำลังชี้ตรงมาที่เขา เซี่ยเฟยก็ไม่ต้องการสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจรอให้เรื่องนี้สงบลงเสียก่อน แล้วเขาค่อยหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดื่มน้ำยาเพิ่มพลัง
ในทุก ๆ วันทางกรมทหารจะติดต่อมาหาพวกเซี่ยเฟยผ่านทางระบบเรดาร์แบล็คแบท ซึ่งเนื้อหาในการพูดคุยไม่ได้มีเพียงแต่การแจ้งความคืบหน้าในสถานการณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการปลอบใจกองยานทั้งสามกองว่าอย่าใจร้อนและให้รอผลการเจรจาอย่างใจเย็น
ช่วงแรกเซี่ยเฟยก็พอจะให้ความสนใจสารที่ส่งมาจากกองทัพอยู่บ้าง แต่ในช่วงหลังเขาก็ไม่ได้สนใจมันอีกต่อไปแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมากองกำลังของเซิร์กก็กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากตอนแรกที่พวกเขามีกองยานรวมตัวกันอยู่ 350 กอง แต่ในตอนนี้มันกลับได้มีกองยานมารวมตัวกันอยู่ไม่น้อยไปกว่า 500 กอง
ในขณะเดียวกันฝ่ายพันธมิตรก็เพิ่มกองกำลังของตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน โดยในปัจจุบันมันได้มีกองยานประจำการอยู่บริเวณชายแดนมากกว่า 700 กองแล้ว
หากสถานการณ์ยังคงมีแนวโน้มเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วกองกำลังของพันธมิตรก็คงจะมารวมตัวกันอยู่บริเวณชายแดนทั้งหมด ซึ่งในเวลานั้นมันก็จะทำให้การป้องกันพื้นที่ส่วนอื่นอ่อนแอลงไปโดยปริยาย
ยิ่งไปกว่านั้นการออกปฏิบัติการของกองยานยังจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนมากมายมหาศาล และถึงแม้ว่าพวกเซิร์กจะไม่เริ่มทำการรุกรานแต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็สร้างภาระให้กับพันธมิตรอยู่ไม่น้อย
***************
พวกเซิร์กจะมาไม้ไหนเนี่ย ใครคิดออกบ้าง?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 139
แสดงความคิดเห็น