ท่านไม่ใช่......
“เจียเหริน หลานหง พวกเจ้าหยุดรอก่อน พวกเจ้าทั้งสองพกสิ่งนี้ไปด้วยเถิด แม่เฒ่าอย่างข้าไม่มีอะไรให้พวกเจ้ามากนักหวังว่ามันจะช่วยพวกเจ้าได้บ้าง” หลังจากทั้งสองคนเก็บของออกจากตระกูลสวีมา แม่เฒ่าเหล่ยนางได้เรียกทั้งสองไว้ เด็กทั้งสองน่าสงสารยิ่งนัก มีเรื่องมีราวตั้งแต่รุ่งเช้านางคิดไว้แล้วว่าคนตระกูลสวีที่ใจร้ายใจดำนั้นคงไม่ได้ให้อันใดกับเด็กสองคนนี้มาแน่ แม้แต่ข้าวปลาคงไม่ได้กินเลยกระมัง
“ขอบคุณมากแม่เฒ่าเหล่ย เจียเหรินจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของท่าน” เจียเหรินยื่นมือไปรับมันเผาสามลูกห่อใบตองที่แม่เฒ่ายื่นมาให้พลางขอบคุณ เจียเหรินเป็นผู้ไม่ลืมความแค้น จดจำบุญคุณ แม่เฒ่าเหล่ยดีกับพวกเขาเช่นนี้ทั้งที่ครอบครัวของนางก็ไม่ได้ร่ำรวยอันใดนักแถมปีนี้อาหารก็เป็นสิ่งที่หายากนัก นางดียิ่งนัก คนตระกูลสวีที่ไม่ยอมคายอันใดออกมาให้เขาซึ่งเป็นลูกแท้ๆยังเทียบกับนางไม่ได้ด้วยซ้ำ
“บุญคุณอันใดกัน นับเป็นอันใดพวกเจ้าทั้งสองเป็นเด็กดี ข้ากับไคเอ๋อก็ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเจ้ามาตลอด ไปเถอะๆ หากข้ารั้งพวกเจ้าไว้นานกว่านี้จะเสียเวลาเอา” จะให้นางรับคำขอบคุณจากพวกเขาอย่างเดียวได้เช่นไร แม้ก่อนหน้านี้เจียเหรินจะทำไม่ดีกับภรรยาตนเองบ้างเพราะคำยุยงของนางเฒ่าเจียง แต่กับพวกนางสองย่าหลานซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขา เจียเหรินดียิ่งนัก ไคเอ๋อที่น่าสงสารของนางบิดามารดาของเขาซึ่งเป็นบุตรชายและสะใภ้ของนางด่วนจากไปก่อนวัยอันควร ทิ้งนางกับบุตรของพวกเขาสองย่าหลานไว้ ไคเอ๋อนับถือเจียเหรินเป็นดั่งพี่ชายหากเด็กคนกลับมาแล้วรู้เรื่องของพี่ชายก็คงทุกข์ใจไม่ต่างจากนางนัก
“ขอรับ….เจ้าคะ แม่เฒ่าเหล่ย” พวกเขากล่าวลาแม่เฒ่าเหล่ยก่อนออกเดินไปในเส้นกลางหมู่บ้าน ระหว่างทางมีชาวบ้านออกมาเมียงมองอยู่บ้าง บ้างก็ลอบป้องปากนินทา บ้างก็ร้องถามอย่างเป็นห่วงบ้าง อยากรู้อยากเห็นบ้าง เจียเหรินไม่ได้สนใจอันใดนักแต่ก็ตอบรับกับผู้มีน้ำใจถามไถ่ตน และพาหลานเอ๋อของเขาค่อยๆเดินไปตามเส้นทางก่อนจะมาหยุดที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน
“ผู้ใหญ่บ้านท่านอยู่หรือไม่ขอรับ”
“เจียเหรินรึ พวกเจ้าเก็บของเรียบร้อยแล้วรึ เฮ้อเฒ่าสวีเหลวไหลจริงๆ หึ ” เจียงเหรินร้องเรียกผู้ใหญ่บ้าน ไม่นานผู้ใหญ่บ้านก็เดินออกมา ผู้ใหญ่บ้านพลางมองไปที่เด็กสองคนที่อยู่ตรงหน้าอดไม่ได้ที่ต้องปล่อยลมหายใจออกมาแรงๆสักครั้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวดูแล้วของพวกนี้เป็นน่าจะเป็นสินสมรสของฮั้วหลานหงทั้งนั้น ผู้ใหญ่บ้านเช่นเขาจำได้แม่นเชียวหละในเมื่อเขาได้ไปเป็นประธานในงานแต่งของเด็กทั้งสองคนตรงหน้า ดีจริงๆเฒ่าสวี ต่อไปหากลูกชายคนนี้ของเจ้าเกิดได้ดีขึ้นมาการกระทำครั้งนี้เจ้าจะย้อนกลับไปตบหน้าของเจ้า ถึงตอนนั้นข้าผู้ใหญ่บ้านคนนี้จะไม่ช่วยเจ้าแม้แต่น้อย ใครให้เจ้าชอบโอ้อวดเรื่องเจ้ามีบุตรชายห้าคนต่อหน้าเขาที่มีแต่บุตรสาวสามคนเล่า
“เอาหละนี่กุญแจเรือนหลังนั้น แม้เรือนจะไม่ใหญ่มากนักแต่ก็แข็งแรงพอให้พวกเจ้าสองผัวเมียอยู่อาศัยได้เพียงปัดกวาดเล็กน้อยเท่านั้น” ผู้ใหญ่บ้านยื่นกุญแจเรือนที่อยู่ตีนเขาให้เจียเหริน บ้านหลังนั้นเดิมเป็นของเฒ่าจาง หากแต่เฒ่าจางมีบุตรชายคนเดียวแต่กตัญญูยิ่งนัก ทำงานได้ดิบได้ดีที่เมืองหลวงแล้วไม่ลืมพ่อแม่ของตนรับเอาพวกเขาไปดูแลเมื่อสองปีที่แล้ว บ้านหลังนั้นก็ขายคืนให้หมู่บ้าน บัดนี้จึงอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่บ้าน หากเขาเอ่ยปากให้ใครไปอยู่อาศัยก็ไม่มีใครกล้าขัดเขาหรอก
“ขอบคุณผู้ใหญ่มากขอบรับ” เจียงเหรินก้มหัวขอบคุณผู้ใหญ่บ้านอย่างนอบน้อมและจริงใจ นอกจากแม่เฒ่าเหล่ยแล้วก็มีผู้ใหญ่บ้านอีกคนนี่แหละที่ดีกับพวกเขาจริง บุญคุณครั้งนี้ต้องได้รับการตอบแทนในภายหน้าแน่นอน เจียเหรินหมายมั่นไว้ในใจ
“อืม พวกเจ้าไปกันเถอะ”
“ท่านพ่อเจ้าคะท่านแม่ให้มาข้ามาเรียกท่าน อาหารทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าคะ”
“อืม เดียวพ่อตามไป”ผู้ใหญ่บ้านยืนมองทั้งสองเดินไปตามเส้นทางท้ายหมู่บ้านครู่หนึ่ง แล้วจึงหันเข้าเรือนตามเสียงเรียกของบุตรสาวคนสุดท้องของตนไป
“อ่า เราถึงแล้ว เจ้าเหนื่อยหรือไม่หลานเอ๋อ”เจียเหรินและหลานหงใช้เวลาเดินทางเกือบครึ่งชั่วยาม(เกือบหนึ่งชั่วโมง) กว่าจะมาถึง หากตามปกติจะไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนี้นัก หากแต่เจียเหรินเป็นห่วงร่างกายของภรรยาตัวน้อยของเขา แม้จะนางดูเหมือนนางไข้ลดแล้วก็ตาม ระหว่างทางเขากับนางจึงหยุดพักจิบน้ำบ้าง
“ไม่เจ้าคะท่นพี่ ข้าไม่เหนื่อย” แม้มีสีหน้าอิดโรยอยู่ พอมาถึงที่นี่ตั้งแต่ไขกุญแจเข้ามานางก็มองบ้านหลังนี้ไม่วางตา เรือนหลังเล็กนี้ ดูดีไม่น้อย ต่อไปเรือนหลังนี้จะเป็นที่อยู่ของพวกนางสองสามีภรรยาใช่หรือไม่
“หลานเอ๋อมา มานั่งพักตรงนี้ก่อนเถิด มันเผาที่แม่เฒ่าเหล่ยให้มานี้น่าอร่อยยิ่ง เจ้าก็มากินเสียเถิด ตั้งแต่เช้าเจ้าคงหิวแย่แล้ว” เจียงเหรินปัดกวาดแคร่หน้าบ้านเล็กน้อยก่อนจะจับไหล่ให้ภรรยาตัวน้อยนั่งลงอยู่เบามือพร้องแกะมันเผาจนเห็นเนื้อสีเหลืองทองน่ากิน อย่างกระตือรือร้นพร้อมกับยื่นให้นางกิน
หลานหงรับหัวมันจากมือคนตรงหน้ามา มือนางกำหัวมันแน่นขึ้น นางชะงักแล้วหลับตาลงเล็กน้อยก่อนสูดหายใจเฮือกใหญ่แล้วเรียกคนตรงหน้า
“ท่านพี่เจ้าคะ”
“หือ มีอะไรรึ” เจียเหรินเลิกคิ้วเงยหน้าขึ้น เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่ค่อยมั่นคงของภรรยาตัวน้อยของตน จนเขาสบเข้ากับดวงตาที่สับสนของนาง
“ ท่านไม่ใช่สวีเจียเหริน สามีของข้าใช่หรือไม่"
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 202
แสดงความคิดเห็น