บทที่ 25: ข้าต้องการเข้าร่วมกลุ่มเก็บเกี่ยว
“ท่านผู้เฒ่า ข้าต้องการออกไปเก็บของป่าพร้อมกับชาวบ้านคนอื่น”
ผู้ชายในเผ่ามีหน้าที่ล่าสัตว์ ในขณะที่ผู้หญิงต้องออกไปเก็บพืชผักผลไม้ไว้กินตอนฤดูหนาว
แต่เจ้าของร่างเดิมไม่เต็มใจที่จะทำงานพวกนั้นเพราะนางขี้เกียจ บวกกับการสนับสนุนจากครอบครัว หัวหน้าเผ่าจึงไม่ให้นางเข้าร่วมกลุ่มเก็บเกี่ยว
ในฤดูหนาว ภูตคนอื่นสามารถหาอาหารได้ แต่ร่างเดิมไม่ยอมทำงาน ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงพึ่งพาครอบครัวของตัวเอง
ไม่ใช่ว่าหูเจียวเจียวขาดแคลนอาหาร เพียงแต่ว่ามีภูติในเผ่าคอยจับจ้องมาที่ตัวเธอมากเกินไป การที่เธอนำของออกมาจากมิติบางทีเธอก็ต้องการหาเหตุผลอื่นมาสนับสนุนข้ออ้าง
อย่างเช่นการออกไปเก็บของป่า
หญิงสาวไม่อยากถูกเปิดโปงว่าเธอมีมิติ
“เจ้าต้องการเข้าร่วมกลุ่มเก็บเกี่ยวงั้นหรือ?” ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าที่ได้ยินสิ่งที่หูเจียวเจียวพูดก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
ในอดีต จิ้งจอกสาวร้องไห้คร่ำครวญปฏิเสธไม่อยากทำงานดังกล่าว แต่ตอนนี้นางอาสาจะเข้าร่วมกลุ่มเก็บเกี่ยวเองเสียอย่างนั้น?
“ใช่ ท่านผู้เฒ่า ข้าหวังว่าท่านจะเห็นด้วย” หูเจียวเจียวพยักหน้า
อันที่จริงคำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรอย่างแน่นอน
“เอาเถอะ หากถึงเวลาที่ต้องออกไปเก็บเกี่ยวครั้งหน้า ข้าจะให้พวกชาวบ้านไปเรียกเจ้า”
ไม่ว่าหญิงสาวผู้นี้จะมีจุดประสงค์แบบไหน แต่ข้อตกลงที่อีกฝ่ายเสนอแลกกับหินเหล็กไฟ เขาถือว่าตนเองได้กำไรมากกว่า
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่า!”
แม้ว่าหญิงสาวจะรู้ว่าผู้นำสูงสุดของเผ่าจะเห็นด้วยแน่นอน แต่เธอก็มีความสุขมากจนกลั้นยิ้มไม่ไหว
ถัดมา หูเจียวเจียวหยิบก้อนหิน 2 ก้อนออกมาจากอกเสื้อของเธอ
“ท่านผู้เฒ่า นี่คือหินที่จุดไฟได้ ข้าจะสอนวิธีใช้มันให้แก่ท่าน”
ทันทีที่แม่จิ้งจอกพูดจบ เธอก็ใช้หินเหล็กไฟทั้ง 2 ก้อนถูกันเองในฝ่ามือ ในไม่ช้าประกายไฟก็ร่วงหล่นจากหิน จากนั้นเธอหยิบเชื้อไฟที่ตนเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมารองรับประกายไฟ
ต่อมาหญิงสาวเอามือป้องปากก่อนจะค่อย ๆ เป่าลมไปที่มันอย่างระมัดระวัง
ไม่นานเมื่อควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมา ตามมาด้วยเปลวไฟที่ลุกโชน
“มันสว่างแล้ว! หินนั่นสามารถจุดไฟได้จริง ๆ!”
“หินอะไรเนี่ย ศักดิ์สิทธิ์มาก”
“หูเจียวเจียวโชคดีจริง ๆ ที่นางไปเก็บของดีแบบนี้มาได้...”
ในบรรดาชาวบ้านที่ยืนมองดูสถานการณ์รอบ ๆ บางคนรู้สึกอิจฉาจิ้งจอกสาว บ้างก็รู้สึกเหยียดหยามอีกฝ่าย
หลังจากที่หูเจียวเจียวสาธิตวิธีการใช้งานหินเหล็กไฟเสร็จแล้ว เธอก็มอบหิน 2 ก้อนให้แก่หัวหน้าเผ่า
เดิมทีเธอวางแผนที่จะตามหาท่านผู้เฒ่าคนนี้หลังจากจัดการธุระที่บ้านเสร็จ แต่สงฮวาช่วยเธอเรียกชายผู้มีตำแหน่งสูงสุดมาหาตนถึงที่เสียก่อน
เมื่อเหล่าภูตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งหมดต่างก็อิจฉา แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากส่ายหัวแล้วเดินแยกย้ายกันกลับไป
ในระหว่างที่หัวหน้าเผ่ารับหินเหล็กไฟมา เขาก็มองไปที่หูเจียวเจียวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น
ถัดมา เขามองไปที่หลงอวี้กับหลงเหยาที่อยู่ไม่ไกลด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้า “หูเจียวเจียว จากนี้ไปเจ้าก็ดูแลลูกทั้ง 5 ของเจ้าให้ดี ทำดีกับพวกเขาให้มาก ๆ หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
บางทีเขาอาจจะละอายใจที่เอาสิ่งของของหูเจียวเจียวไปเปล่า ๆ หรือบางทีเขาอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวของอีกฝ่าย แต่เขาไม่ได้มีอคติต่อแม่จิ้งจอกเหมือนภูตคนอื่นในเผ่า
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่านผู้เฒ่า อนาคตข้าจะดูแลลูก ๆ เป็นอย่างดี ข้าจะขนให้เด็กพวกนั้นอ้วนเป็นหมูตอนเลย” หญิงสาวพยักหน้ารับปากอย่างจริงจัง
ตอนนี้เธอรู้สึกตื้นตันอยู่ในใจ
ชายแก่ผู้นี้ดูแล้วไม่ใช่คนเลวร้าย แม้แต่ผู้หญิงนิสัยไม่ดีอย่างเจ้าของร่างเดิม เขาก็ยังเต็มใจช่วยเหลือ
แม้ว่าหัวหน้าเผ่าจะถือวิธีการจุดไฟไว้ในมือของตัวเองเพียงผู้เดียว แต่เขาก็นับว่าเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการเผ่าให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขได้ พอนึกถึงการเสียสละของท่านผู้เฒ่าในยามที่ถูกเผ่าอื่นบุกโจมตีจนเสียชีวิต หูเจียวเจียวก็คิดได้เพียงคำว่า 'น่าเสียดาย'
“น้องน้อยของพี่ เจ้าช่างน่าทึ่งจริง ๆ!” หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าจากไป หูชิงเกาก็เอ่ยชมน้องสาวด้วยใบหน้าที่มีความสุข
พี่รองคนนี้ดูอ่อนโยนมาก ใบหน้าของเขานั้นเกลี้ยงเกลาไม่ต่างจากหยกชั้นดี ประกอบกับดวงตาเรียวยาวคล้ายสุนัขจิ้งจอกคู่หนึ่ง มันยิ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับบุคลิกที่สง่างามของเขา ในยามที่เขาเผยรอยยิ้มก็เปรียบเสมือนมีสายลมในฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมา มันช่างตราตรึงใจจนชายหนุ่มเหมือนเพิ่งเดินออกมาจากภาพวาด
หูเจียวเจียวมองดูความงามอันน่าทึ่งของพี่ชายคนที่ 2 แล้วนิ่งไปอยู่พักหนึ่ง เขาเป็นจิ้งจอกที่มีเสน่ห์มาก อาจมากยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก เธอได้แต่คิดสงสัยว่าใครจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น
“น้องเล็ก เจ้าเป็นอะไรไป หน้าพี่รองมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า?” หูชิงเกาสัมผัสใบหน้าของตัวเองพลางเอ่ยถามด้วยท่าทางแปลก ๆ
คนเป็นน้องสาวรีบส่ายหัว ก่อนจะหันไปมองทางอื่นแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“เปล่า...ข้าอยากถามพี่รองว่า ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่ที่นี่?”
“พี่เพิ่งกลับมาจากล่าสัตว์ เลยอยากจะหาอะไรไปให้เจ้ากินสักหน่อย แต่พอมาถึงพี่ก็ได้ยินเสียงสงฮวาเรียกชื่อเจ้า พี่กลัวว่าเจ้าจะถูกรังแกก็เลยรีบมาที่นี่”
ดังที่ชายหนุ่มพูด ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้
เขาหันหลังวิ่งออกไป และในไม่ช้าก็กลับมาพร้อมกับไก่ฟ้า 3 ตัวที่ขาหักกำลังกระพือปีกดิ้นรนอยู่ในมือ
“ต้องขอบคุณเจ้าที่เตือนความจำพี่ได้ทันเวลา เกือบลืมไปแล้วว่าพี่วางเหยื่อไว้ตรงนั้น”
หูเจียวเจียวยิ้มออกมาจาง ๆ พี่ชายคนรองของเจ้าของร่างเดิมถูกบรรยายไว้ในหนังสือว่าเป็นคนหน้าตาดีแต่ความจำไม่ค่อยดีนัก เขาจะสะเพร่ามากเวลาทำอะไรก็ตามซึ่งไม่เข้ากับหน้าตาเลยสักนิด
หูชิงเกายกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อก่อนจะยื่นไก่ฟ้าเข้าไปในอ้อมแขนของจิ้งจอกสาว “น้องเล็ก เจ้าเอาไก่พวกนี้ไปกินนะ ถ้าไม่พอพรุ่งนี้พี่จะไปจับมาให้เจ้าอีก!”
ตามธรรมชาติแล้วภูตจิ้งจอกไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ ในยามที่ออกล่า พวกเขาจึงจับได้เพียงเหยื่อตัวเล็ก ๆ แต่ทุกครั้งที่หูชิงเกาจับเหยื่อได้ตัวใหญ่กว่าเดิม เขาจะรีบส่งมันมาให้น้องสาวอันเป็นที่รักทันที
เมื่อหูเจียวเจียวนึกถึงเรื่องนี้ก็รีบโบกมือปฏิเสธอีกฝ่าย
“พี่รอง ท่านเอากลับไปเถอะ ที่บ้านของข้ายังมีเนื้ออยู่อีกเยอะแยะเลย เมื่อวานนี้หลงโม่เพิ่งส่งเหยื่อมาให้”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยามทันทีที่ได้ยินเช่นนี้
“หลงโม่? ไอ้สวะตัวซวยนั่นจะส่งเหยื่อมาให้เจ้าได้เท่าไหร่กันเชียว?”
ทุกครั้งที่เจ้านั่นนำเหยื่อกลับมา ในวันรุ่งขึ้น น้องสาวของเขาก็กินเนื้อจนหมดแล้ว วันนี้เขาจึงมาส่งเหยื่อเพราะกลัวว่านางจะหิว
หูเจียวเจียวเม้มริมฝีปากแล้วถามกลับด้วยรอยยิ้ม “พี่รอง ทำไมท่านไม่กลับไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองล่ะ?”
เนื่องจากเจ้าของร่างเดิมไม่ชอบหลงโม่ และนางมักจะพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับเขาเวลาอยู่ต่อหน้าครอบครัวของตัวเอง ดังนั้นหูชิงเกาจึงมีอคติต่อหลงโม่มาก
ในเมื่อเธอจะต้องคืนดีกับวายร้ายคนนั้น เธอก็ไม่อยากให้คนในครอบคร้วมาเป็นตัวแปรรบกวนแผนของเธอเอง
เมื่อหญิงสาวรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลามาอธิบาย เธอจึงตัดสินใจพาพี่คนรองไปเห็นมันด้วยตาตัวเองดีกว่า
“ไปกันเถอะ” หูชิงเกาพยักหน้า
เขาอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าหลงโม่สามารถจับเหยื่อได้กี่ตัวกัน
ในขณะนั้นหูเจียวเจียวคิดว่าจะพาหลงอวี้กับหลงเหยากลับบ้านพร้อมกัน แต่เมื่อเธอหันกลับมา เด็กชายทั้ง 2 ก็หายไปแล้ว
แม่จิ้งจอกเลยทำได้เพียงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินกลับบ้านไปกับพี่ชาย
...
ในบ้านไม้หลังเล็ก
หลงเซียวที่อยู่คนเดียวในบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างนอกจึงกอดไม้ไว้ในอ้อมแขนของตนอย่างกระวนกระวายใจ
“พี่รอง เรากลับมาแล้ว” เสียงของหลงหลิงเอ๋อดังตามมา
จากนั้นเด็กหนุ่มก็ผ่อนคลายลงพร้อมกับเงี่ยหูฟัง แล้วเขาก็ขมวดคิ้วทันทีก่อนจะถามว่า “ทำไมพวกเจ้ากลับมากันแค่ 2 คน”
หลังจากที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้า เขาสามารถบอกได้ว่ามีคนกลับมาเพียง 2 คนเท่านั้น
“2 คน?” แผลเป็นบนใบหน้าของหลงจงกระตุกในทันที เขาหันหน้าไปและพบว่าไม่มีเงาของหลงเหยาอยู่ข้างหลังตัวเอง
นั่นทำให้เขากัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด “เสี่ยวเหยา! เขาแอบหนีไปอีกแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น? แผนที่วางไว้ล้มเหลวหรือเปล่า?” หลงเซียวได้ยินบางอย่างผิดปกติในคำพูดนั้นจึงถามออกไป
นอกจากนี้เขายังได้ยินเกี่ยวกับแผนการของหญิงชั่วร้ายเมื่อคืนนี้ แต่เขามองไม่เห็น และมันเป็นเพราะเขาไม่อยากยุ่งด้วย ดังนั้นเขาเลยได้แต่เฝ้ารอข่าวอยู่ที่บ้าน
“แน่นอนว่ามันสำเร็จ พี่รอง ท่านไม่รู้หรอกว่าสงชิวอยู่ในสภาพน่าอนาถแค่ไหน บ้านของเขาถูกท่านแม่ของเราเผาจนเป็นเถ้าถ่าน และเขายังกินขี้ของเสี่ยวเหยาเข้าไปด้วย...” หลงหลิงเอ๋อแทบรอไม่ไหวที่จะเล่าฉากที่นางเพิ่งเห็นให้พี่ชายฟัง
ยิ่งเด็กหนุ่มที่ตาบอดได้ฟังมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ยิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นเท่านั้น
กินขี้?
เรื่องนี้ไม่รวมอยู่ในแผนที่คุยกันไว้เมื่อวานนี่!
“แต่... สงฮวาจะไม่ปล่อยท่านแม่ไปง่าย ๆ แน่นอน...” สาวน้อยพูดอย่างหดหู่ใจ
ทันทีที่เด็กสาวพูดจบก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกบ้านอีกครั้ง
เสียงนั้นทำให้เด็กทั้ง 3 คนรู้สึกประหม่าโดยไม่รู้ตัว เป็นไปได้ไหมว่าสงฮวาพาคนกลับมาแก้แค้นพวกเขาถึงบ้าน?!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 264
แสดงความคิดเห็น