๓ พ่อค้าขนมไทย:ทำขนมขายครั้งแรก (๒)

TD|พ่อค้าขนมไทย
คุณกำลังอ่าน: TD|พ่อค้าขนมไทย

-A A +A

๓ พ่อค้าขนมไทย:ทำขนมขายครั้งแรก (๒)

หมวดหนังสือ: 

ข้าไม่รู้ว่านังยุพินมานั่งเกาะไหล่ข้าตั้งแต่เมื่อไร วันนี้มันทำแกงคั่วผักบุ้งปลาเทโพ ดูท่าทางจะง่ายและเสร็จไว มันจึงมีเวลามาดูข้า ส่วนข้าก็มัวแต่ง่วนกับการผสมแป้งกับเนื้อตาลอยู่จึงได้แต่ฟังมันพูดไปเรื่อย

จากที่นังยุพินบอก ขั้นตอนนี้สำคัญ เนื้อขนมจะร่วนหรือจะนุ่ม อยู่ที่ขั้นตอนผสม ข้าจึงใส่ใจกับการนวดมากเป็นพิเศษ ข้านวดขยำแป้งให้เข้ากันดีกับเนื้อตาลก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เติมหัวกะทิลงไป เติมและนวดไปเรื่อยๆ

เมื่อแป้งที่ผสมเนื้อตาลและกะทิมีสีเหลืองนวลธรรมชาติทั่วถึงดีแล้วก็ใส่น้ำตาลทรายและหางกะทิที่เหลือและนวดต่ออีกจนน้ำตาลไม่เหลือเป็นเกร็ด

ข้าคิดว่าข้าทำเวลาได้ดี เมื่อดวงตะวันขึ้นสูง ส่วนผสมทั้งหมดก็พร้อมที่จะเอาไปตากแดด

ข้าไม่ลืมที่จะใช้เวลาช่วงนี้ไปเอาใบตองมานั่งเจียด นั่งพับเป็นกระทง แต่ภายหลังข้าก็ปล่อยให้นังยุพินทำแทน เพราะข้าต้องไปปอกมะพร้าว เอามาขูดและเตรียมเตารอไว้

เมื่อกลับไปดูแป้งที่ตั้งตากแดด ข้าก็เห็นฟองผุดแล้ว ข้าจึงให้นังยุพินจึงตักแป้งใส่กระทงและหยอดมะพร้าวขูดลงไป ส่วนข้าก็ติดไฟตั้งน้ำ เมื่อน้ำเดือด ข้าก็เอาซึ้งขึ้นตั้ง

 

“เติมฟืนอีก อย่าให้ไฟแผ่ว ถ้าน้ำไม่ร้อนจัด ขนมจะไม่ฟู หน้าจะไม่แตก”

นังยุพินยืนสั่งอยู่ไม่ห่าง กระทั่งผ่านไปพักใหญ่ข้าจึงเริ่มสงสัยว่าขนมสุกได้ที่หรือยัง ข้าจึงส่งมือไปหาฝาซึ้ง แต่ยังไม่ทันจับ มือของข้าก็ถูกฟาดเผียะ

“อย่าเปิด เดี๋ยวน้ำจากฝาหม้อหยดลงขนม”

“ก็ข้าไม่รู้ว่ามันสุกหรือยังนี่หว่า”

“แต่ข้ารู้ เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก ไปเก็บกาละมังล้างเสียให้หมด พอขนมสุก เราจะได้ไปตั้งร้าน”

 

วันนี้นังยุพินออกร้านช้ากว่าเคย ดังนั้นตอนที่ข้าและเมียไปถึงแคร่ ตลาดก็มีคนเดินเนืองแน่นแล้ว

นังยุพินแบ่งพื้นที่แคร่กับข้าคนละครึ่ง มันจัดพื้นที่ร้านของตัวเองและปล่อยข้าจัดส่วนของข้าไป จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้เห็นขนมของตัวเองเลย เห็นแต่ซึ้งร้อนฉ่าที่นังยุพินบอกให้ยกมาทั้งอย่างนั้น

ใจข้าไม่อยู่กับร้านเลย ข้าอยากเห็นขนม ดังนั้น เมื่อข้าวางข้าวของทุกอย่างเสร็จ ข้าก็ส่งมือไปจับฝาซึ้ง ข้าพูดอย่างไม่อายว่าตอนนี้ข้าระแวงไปหมด ขนมมันจะออกมาสภาพไหน? มันจะหอมหรือไม่? มันจะสุกใช่ไหม?

ข้าคงเป็นชายที่กำลังหวาดระแวงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่สุดแล้วบนโลกนี้

 

“อ้าว! ไอ้พุด วันนี้ตามเมียมาตั้งร้านด้วยรึ?”

กำนันมั่นส่งเสียงทักข้าเมื่อเขาเดินโฉบมาถึงหน้าร้าน ข้าได้แต่ยิ้มแหย จะบอกกำนันไปว่าวันนี้มาขายขนม ข้าก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าขนมจะออกมาดีพอให้ขายได้ไหม

“ว่าอย่างไร? แล้วในซึ้งมีอะไร ห่อหมกรึ?”

เอาวะ! กำนันถามขนาดนี้แล้ว เปิดให้เขาดูเสียเลย ให้มันเห็นดำเห็นแดงกันไปเสียที

ข้าจับฝาซึ้งจนแน่นและยกขึ้นเบาๆ ระวังไม่ให้น้ำหยดลงบนขนม ควันกรุ่นขาวลอยตลบออกมาก่อน ตามด้วยกลิ่นหอมกรุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ข้าอยากสูดลมหายใจเข้าเพียงอย่างเดียวไม่อยากปล่อยออกมาเลย

เชื่อข้าเถอะว่ามันหอมจริงๆ แม้แต่กำนันมั่นก็ยังยอมเอาหน้ามาอังไอน้ำและสูดกลิ่นขนมเข้าไปเต็มปอด

ขนมตาลสีทองฟูนุ่มตัดด้วยสีขาวของมะพร้าวขูดดูเหลืองอร่ามอยู่ในซึ้งควันฉุย สีก็สวย กลิ่นก็หอม มันน่ากินยิ่งกว่ากล้วยบวชชีเสียอีก

“วันนี้มีขนมตาลมาขายจ้ะกำนัน” ข้าบอก

“เอาละเว้ย! วันนี้ร้านนังยุพินมีขนมตาลมาขายด้วย!”

อันที่จริงมันก็แค่ขนมตาลนึ่งร้อนๆ แต่กำนันมั่นตะโกนเสียดังลั่นจนกลายเป็นที่สนใจ ใบหน้าอิ่มของกำนันมีรอยยิ้มวาดเต็มจนเรียวหนวดเทาเหยียดขยาย สองมือสั่นขยุกขยิกเหมือนอยากจะล้วงลงมาในซึ้งให้ได้

ท่าทางเกินจริงนั้นเร้าให้ข้าเองก็อดใจไม่ไหว

“ขายอย่างไร? เอ็งจะขายกระทงละเท่าไรไอ้พุด ข้าอยากชิมแล้ว ว่ามาๆ”

 

ดูท่าข้าจะมีปัญหาเสียแล้ว ข้าไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้เลย เพราะใจมัวแต่สนุกอยู่กับการทำจนลืมคิดเรื่องค้าขายไป แต่นังยุพินไม่ใช่ มันชะโงกเข้ามาบอกราคาให้กำนันฟังพร้อมกับใช้ไม้ไผ่คีบขนมขึ้นมาจากซึ้งและส่งไปหาเขา

“อันนี้ให้พ่อกำนันลองชิมจ้ะ ชิมแล้วช่วยบอกข้าทีว่ารสชาติมันเป็นอย่างไร?”

นังยุพินยื่นข้อเสนอกับกำนัน สายตาแม่ค้าสั่นระริกวาดหวังที่จะขายของเต็มเปี่ยม ข้าไม่เคยเห็นใบหน้าร้ายกาจเช่นนี้มาก่อนเลย แต่เอาเถอะ ตอนนี้ข้าสนใจความคิดเห็นของกำนันมากกว่า

กำนันมั่นบรรจงแกะขนมตาลควันฉุยย สูดดมกลิ่นอีกหลายครั้ง ชักช้าจนข้าเอยากจะป้อนให้เสียเอง

“เนื้อขนมนุ่มดีแท้ ไม่กระด้าง ไม่ร่วน ความหวานก็กำลังดี ถ้าได้ใบขี้เหม็นมาห่อ ขนมของเอ็งคงหอมไปถึงท้ายคลองแน่ นังยุพิน”

“ขนมของไอ้พุดจ้ะพ่อกำนัน ไม่ใช่ของข้า มันทำเองกับมือ ข้าแค่ช่วยหยิบจับนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นแหละ”

 

เหมือนกับว่า สิ่งที่เมียข้าพูดคือสัจธรรมที่กำนันมั่นไม่เคยได้ยินมาก่อน เขาถลึงตาจนกลมโตและยืนนิ่งไปในบัดดล แน่ละว่าเสียงนังยุพินยังคงกรอกเข้าหูกำนัน ดูจากตาที่เบิกโตขึ้นตลอดเวลาก็รู้ เพียงแต่เขาไม่ขยับ

จะบอกว่ากำนันมั่นซึ้งในรสมือจนสิ้นสมประดีก็ได้ เพราะเขานิ่งไปจริงๆ ถึงขนาดที่พี่ป้าน้าอาคนอื่นๆ จำเป็นต้องดันร่างกำนันออกจากหน้าร้านและแห่แหนกันเข้ามาดู มาซื้อ

มาซื้อน่ะข้าเข้าใจว่าอยากลองชิม แต่มายินดูนี่ซิ แปลก!มันน่าพิศวงตรงไหนที่ผู้ชายจะลุกขึ้นมาทำขนมขาย แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าคนที่นี่คิดว่ามันผิดปกติ

เสียงถามไถ่อื้ออึงว่าข้าทำเป็นได้อย่างไร? คิดอย่างไรจึงมาทำขนม? เมียบังคับใช่ไหม?

สารพัดคำถาม

คงเป็นเพราะข้ามัวแต่ตอบคำถามกับขายของ ข้าจึงลืมที่จะดูแลขนม

ตอนสายๆ ลมจากแม่น้ำจะแรง เพียงเปิดฝาซึ้งทึ้งไว้ครู่เดียว ลมก็โกรกขนมจนแห้ง ตอนนี้ในซึ้งเหลือขนมเพียงไม่กี่กระทง น้ำในซึ้งก็ไม่เหลือความร้อนมากพอที่จะทำให้ขนมอุ่นแล้วด้วย ข้าจึงตัดสินใจปิดร้านและนั่งทอดสายตาไปยังร้านคนอื่น นั่งรอนังยุพินขายแกงไปเรื่อยๆ

นังยุพินเลิกขายของก่อนเที่ยงวันเล็กน้อย ข้าและมันพายเรือกลับเรือน เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จสรรพ ข้าจึงมีโอกาสได้ชิมขนมของตัวเอง

ข้าคิดว่าเนื้อมันแข็งไปหน่อย คงเป็นเพราะถูกลมโกรกนาน แต่กลิ่นและความหวานยังพอทำให้รู้สึกชื่นใจได้ ข้ารู้สึกอิจฉากำนันขึ้นมาเล็กน้อยที่ได้ชิมขนมของข้าตอนที่รสชาติของมันอยู่ในจุดสูงสุด

 

หลังเที่ยง ข้าไปหยิบผ้าผืนใหม่มาห่อขนม ๔ กระทงสุดท้ายและเดินไปลงเรือ พายตรงไปทางท้ายคลอง กำแพงวัดเห็นเป็นแนวขาวใต้แสงตะวันร้อนแรง แต่ยังไม่ทันถึงวัด ข้าก็เห็นไอ้เทียนนั่งหัวเสียอยู่ริมตลิ่ง มันนั่งยองทุบด้ามมีดพร้ากับเข่า ใบหน้ามู่ทู่ ครู่เดียวก็โยนมีดลงเรือแจวลำน้อยที่ถูกผูกโยงอยู่ใกล้ๆ มันเป็นจังหวะที่ข้าและมันประสานตาเข้าหากันพอดี

“ทำอะไรอยู่วะ? ทำหน้าหงิกยังกะหมาบ้า”

“ข้ากำลังตัดไม้ไผ่ แต่มีดมันดันหลุด” ไอ้เทียนตอบเสียงดุพลางยกผ้าขาวม้าชับใบหน้าและลำคอที่ชุ่มโชก ตัวมันเป็นเงาวาวชุ่มอยู่ในแสงตะวัน “แล้วเอ็งจะไปไหน? เมื่อเช้าได้ทำขนมไปขายไหมวะ?”

ข้าตอบคำถามมันด้วยการยกห่อผ้าขึ้นแกว่ง มันทำหน้าสงสัยอึดใจหนึ่งก่อนจะฉีกยิ้ม

แล้วมันก็กระโจนลงคลองก่อนที่ข้าจะส่งเสียงทัดทาน

 

ข้ารู้ว่ามันอยากกินขนมที่ข้าทำ แต่อะไรดลใจให้มันกระโจนลงน้ำ อันนี้ข้าสุดจะเดาได้จริงๆ มันมุดลงน้ำและหายไปเลยก่อนจะมาโผล่อีกครั้งที่ข้างเรือ มันเกาะกราบเรือและยิ้มหวาน หวานที่สุดที่ข้าเคยเห็น

“เอามาชิมหน่อย เร็ว!”

ดูจากสภาพแล้ว คงลำบากหากจะให้มันแกะกินเอง ข้าจึงแกะขนมออกจากกระทงและส่งไปหามัน มันจึงเอียงหน้างับแบบตะกรุมตะกราม ใบหน้ามันสื่อชัดว่ามันดีใจ

“ไม่เลวนี่หว่าไอ้พุด หอมมาก เนื้อแน่นแต่ไม่กระด้าง นี่เอ็งทำเองจริงรึ?”

“จริงสิวะ” ข้าตอบพลางกดสายตาลงเขม่นไอ้หมาบ้าที่ลอยคออยู่ข้างเรือ “พอมันไม่ร้อน มันก็แห้งและแข็งไปหน่อย เอาไว้หากข้าทำอีก ข้าจะเอาไปถวายหลวงปู่นะ เอ็งจะได้ลองชิมด้วย”

“ได้ๆ แล้วมีอีกไหม? เอ็งเอามากี่อัน?” ไอ้เทียนส่งเสียงถามพลางลากเรือของข้าเข้าใกล้ตลิ่งอีกเล็กน้อย จากนั้นมันก็โถมตัวปีนขึ้นมาบนเรือและทิ้งตัวลงนั่งลงบนแผ่นไม้ตรงหน้าข้า “ขออีกอันสิวะ ข้ากำลังหิวเลย”

“นี่เอ็งกินเพราะมันอร่อยหรือว่ากินเพราะหิว?” ข้าถามพลางส่งขนมทั้งห่อไปให้

แต่มันแค่ยิ้มตอบ

 

ในหัวของไอ้หมาบ้าตัวนี้คงไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากขนม มันไม่คิดจะปิดซ่อนหว่างขาเปียกชุ่มโชกของมันเลยสักนิด ไม่เพียงแต่นั่งอ้าเต็มลำเรือ แต่มันยังปล่อยให้กางเกงเปียกชุ่มลีบติดลำตัวแบบนั้น แม้จะยับย่นก็เถอะ แต่ข้าก็เห็นหมดทั้งพวง จากที่ไม่รู้ขนาด ข้าก็รู้หมด คงเหลือแต่สีเท่านั้นที่ยังไม่รู้

ข้าดึงสายตาขึ้นมองหน้ามัน แม้มันจะยังกินขนมอยู่ แต่สายตาดุของมันก็จ้องรออยู่แล้ว

“ทะ...ทำไมไม่ตอบวะ ขนมอร่อยหรือว่าเอ็งหิว?” ข้าชิงถามก่อน ข้ากลัวมันจะถามเรื่องอะไรไม่เข้าท่า

“หิว”

“ไอ้ห่า หิวก็กลับไปกินข้าวที่วัดสิวะ”

“อย่าเคืองน่า ข้าล้อเล่น ขนมของเอ็งอร่อยจริงๆ” ไอ้เทียนหัวเราะ “ขายดีไหมวะ?”

“ขายดีจนข้าปวดกบาล ลูกค้ายืนออเต็มหน้าร้านอย่างกับมาดูปาหี่ ซื้อน่ะไม่ว่า แต่ข้าต้องคอยไล่ไอ้พวกที่เข้ามาถามไถ่ด้วย ถามอย่างกับไม่เคยเห็นผู้ชายขายของ!แต่สายๆ ลมโกรกจนขนมแห้ง ข้าเห็นว่ามันเหลือไม่กี่กระทงข้าก็เก็บมาให้เอ็งชิม” ข้าบอกมัน รู้สึกอึดอัดที่ต้องมองร่างกายชุ่มโชกของมัน แต่เพราะไม่รู้จะมองไปทางไหน ข้าจึงต้องมองต่อไป “ส่วนเงินค่าแรง ข้าขอติดไว้ก่อนนะ มันรวมอยู่ในกระจาดของนังยุพินน่ะ”

“ตามใจเอ็งเถอะ ข้าไม่ได้คิดจะทวงอะไร ถามไปอย่างนั้นเอง ดีใจเสียอีกที่เอ็งพายเรือเอาขนมมาให้”

 

ไอ้เทียนตอบพลางปัดเศษขนมที่หกเกลื่อนบนตัก ข้าทนดูท่อนยาวแกว่งสะบัดไม่ไหวจึงดึงสายตาหนี พอหันกลับมาอีกครั้งก็เห็นมันรวบรวมเศษใบตองขยำ จากนั้นมันก็ปาลงคลอง พร้อมกับผ้าผืนใหม่ที่ข้าห่อขนมมา

“ไอ้เทียน!! เอ็งทิ้งผ้าผืนใหม่ของข้าลงน้ำเสียแล้ว ไอ้ห่า!!”

“โทษทีไอ้เกลอ ข้าเผลอน่ะ!!”

ไอ้เทียนรีบถีบตัวพุ่งลงจากเรือ ท่าของมันสวยอยู่ แต่ผิวน้ำตกกระจายท่วมเรือและตัวข้า เมื่อไปเก็บผ้ามาแล้วก็ว่ายกลับมาโบกผ้าใส่ข้าอีก สะบัดจนข้าเปียกชุ่ม ดูอย่างไรก็อดคิดไม่ได้ว่ามันกำลังหาเรื่องแกล้ง

“ถ้าเอ็งจะทำข้าเปียกชุ่มโชกขนาดนี้ เอ็งผลักข้าตกน้ำเลยเถอะ”

 

อันที่จริงข้าไม่ชอบเล่นน้ำคลอง ด้วยเพราะว่ายน้ำไม่แข็ง เคยจมด้วยกว่าจะว่ายได้ แต่วันนี้ถูกไอ้หมาบ้าแกล้งจนเปียก ข้าจึงคิดว่าลงเล่นน้ำเสียเลยก็น่าจะดี ไอ้หมาเทียนคงไม่ปล่อยข้าจมแน่ ข้าจึงถอดเสื้อพาดกับกราบเรือและหย่อนตัวลงคลอง มือข้างหนึ่งเกาะกราบเรือไว้ในตอนที่มุดน้ำเล่น

น้ำเย็นชื่นใจดีทีเดียว ข้าแหวกว่ายอยู่ใกล้ๆ เรือกระทั่งไอ้เทียนมุดน้ำมาโผล่ตรงหน้า

“ข้าอยากถอดกางเกงซัก เอ็งคงไม่ว่านะ”

มันพูดแบบนั้นก่อนจะส่งมือข้างหนึ่งเกาะเรือ มืออีกข้างกดจมลงใต้น้ำ เงาเลือนรางใต้ผิวน้ำบอกข้าว่ามันกำลังถอดกางเกงจริงๆ แต่มันกลับไม่ยกผ้าขึ้นมา ทั้งหมดที่ไอ้เทียนทำคือฉีกยิ้มและกดสายตาลงใต้น้ำ

“ถอดแล้ว ล่อนจ้อนเลย เอ็งเชื่อข้าไหม?”

“ทำไมข้าต้องตอบ? เอ็งจะถอดหรือจะใส่ จะล่อนจ้อนหรือจะใส่ชุดราชปะแตน ข้าไม่สนใจหรอกโว้ย!”

“ก็ได้ ไอ้เกลอ! อย่าให้ข้ารู้ละกันว่าสนใจ...” ไอ้เทียนบ่นงึมงำ แขนขยับในน้ำคล้ายกำลังขยำผ้า “...พ่อจะงัดออกมาฟาดหน้าเลย”

“บ่นอะไรของเอ็งวะ?”

“ไม่นี่ ข้าไม่ได้บ่น ข้าแค่กำลังชักว่าว”

“เฮ้ย! ไอ้เทียน!! ไอ้ลามก”

“เสือกเชื่ออีก ก่อนจะด่าก็พิสูจน์ก่อนสิวะ!!” ไอ้เทียนส่งมือหยาบมันมาคว้ามือข้าไปจับที่แขนล่ำ จากนั้นข้าก็ต้องอาศัยความกล้ากดมือลงไปตามท่อนแขน เมื่อถึงข้อมือ ข้าก็จับเนื้อผ้าหยาบเอาไว้ได้ “ข้าขยำผ้าต่างหากเล่า”

“ก็...ก็เอ็งบอกว่าชักว่าว”

“แล้วถ้าข้าชักว่าวจริง เอ็งจะว่าอย่างไรวะ? จะช่วยข้าไหม?”

“ไอ้หอก!”

ไอ้เทียนหัวเราะ มันขยับและเบี่ยงตัว มือของข้าจึงหลุดจากหลังมือของมันและลอยคว้างอยู่ใต้น้ำ ตอนนั้นเองที่ปลายนิ้วข้าสัมผัสกับเอวหนาๆ ของมัน

เอวของมันแข็งมาก กดแทบไม่ลง ยิ่งส่งนิ้วขยับไปที่แตะกล้ามหนาบนหน้าท้องยิ่งมั่นใจว่ามันแข็งแรงกว่าข้าเยอะ เหนืออื่นใด หน้าท้องมันรกหยาบจนข้านึกถึงความดกดำที่อยู่ต่ำกว่านั้นได้เลย

“ขอเตือนนะไอ้เกลอ ถ้าเอ็งกดมือลงต่ำกว่านั้น...” ไอ้เทียนส่งเสียงเหี้ยมดุออกมา ใบหน้าดูเอาจริงจนข้าตกใจ ดูแล้วมันคงไม่พอใจเท่าไรที่ข้าถือวิสาสะจับตัวมันแบบนี้ “...คืนนี้เอ็งได้นอนระบมแน่”

 

นั่นปะไร มันคิดจะซ้อมข้าจนน่วม ไอ้เนรคุณ!!

 

sds

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.