ตอนที่ 1

-A A +A

ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

 

        ช่วงเช้าแสงอ่อน นกต่างขับร้องโบยบิน

 

ภายในตลาดสดมีร้านกาแฟสไตล์เก่าแก่โบราณอยู่ร้านหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่ามันถูกตบแต่งเป็นสไตล์ย้อนยุค ความจริงสภาพของมันเป็นแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรกมาถึงปัจจุบัน ยกเว้นทั้งเจ้าของร้านและลูกค้าประจำที่วิวัฒนาการทางสภาพร่างกายเกือบถึงจุดสูงสุดของมนุษย์

 

ถ้าเจ้าของร้านขายโลงศพได้เห็นกลุ่มคนในร้านกาแฟต้องอุทานด้วยความตื่นเต้นดีใจว่า ว่าที่ลูกค้าของเรา !

 

ที่โต๊ะหนึ่งภายในร้านมีชายหญิงวัยชราคู่หนึ่งนั่งอยู่

 

ฝ่ายชายเป็นคนจีนแท้ เขาขึ้นเรือมาเมืองไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน เขามีชื่อว่า เหยาฮั่น

 

ส่วนฝ่ายหญิงมีชื่อว่า แต๋ว เธอเป็นลูกครึ่งฝรั่ง จีน และไทย โดยเชื้อสายทางฝั่งยุโรปแรงกว่า ทำให้เธอมีเอกลักษณ์อย่างคนยุโรป แต่บัดนี้ผมสีทองของเธอเปลี่ยนเป็นขาวโพลนหมดแล้ว เธอไม่สนใจสีผมบนหัวว่ามันจะเป็นสีอะไร เพราะเธอคิดในใจว่าอย่างน้อยเธอยังมีผมอยู่ ถ้ามันหายไปหมดเหมือนกับชายชราที่นั่งฝั่งตรงข้ามเมื่อใดต้องเป็นเรื่องสยดสยองที่สุดในชีวิตของเธอ และเธอมีจุดเด่นอีกอย่างคือไฝขนาดเท่าเม็ดถั่วอยู่ใต้มุมปากขวา

 

“รสยังกะไส้เดือนจมโคลน” เหยาฮั่นหน้าบึ้งหลังจากจิบกาแฟ “เปิดร้านมาเลยครึ่งร้อย แต่ยังทำรสชาติแย่เหมือนเดิม มันไม่คิดจะเปลี่ยนสูตรบ้างเลยเรอะ”

 

“แต่แกยังลากสังขารมาดื่มกาแฟแย่ๆ เลยครึ่งร้อยไม่เปลี่ยนเหมือนกันไม่ใช่หรือไงแก ?” แต๋วเลิกจิบกาแฟ

 

“ที่อื่นมันรสชาติดีเกินไป มันไม่คุ้นลิ้น” เหยาฮั่นบอก “ฉันเลยต้องทนมาดื่มที่นี่”

 

แค่แต๋วเห็นหน้าตายามพูดก็รู้ได้ว่าไม่จริง “ถ้าฉันเชื่อคำพูดของแก ฉันคงตกเป็นเหยื่อพวกมิจฉาชีพไปนานแล้ว ไม่มีวันมายืนอยู่ตรงจุดนี้เหมือนแกได้หรอกตาแก่”

 

เหยาฮั่นหัวเราะเล็กน้อย แต่เขาหัวเราะไม่นาน กลับมาพูดตามลักษณะเดิม “ฉันถามอะไรเธอหน่อย”

 

แต๋ววางแก้วกาแฟ “แกจะถามอะไรฉัน ?”

 

“ฉันอยากรู้มานานแล้ว ถ้าวันนั้นฉันปฏิเสธงานแต่งแล้วมาชวนเธอหนีไปด้วยกัน เธอจะไปกับฉันไหม ?” เหยาฮั่นถามตรงๆ โดยไม่มีเขินอายแสดงออกให้เห็น

 

แต๋วเงียบครู่หนึ่งก่อนแสดงความโกรธทางใบหน้าและน้ำเสียง “แกคิดได้ช้าไปไหม” สิ้นเสียง กลับหัวเราะเหมือนเห็นเป็นเรื่องตลก

 

    ครั้งหนึ่งในอดีต ทั้งสองชราเคยเป็นคู่รักกัน แต่ความรักของพวกเขาไม่ได้สมหวัง

 

แต๋วถูกพ่อแม่กีดกัน ยังถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่มีฐานะเหมาะสม ด้วยเหตุผลทางธุรกิจที่ต้องพึ่งพากัน

 

ส่วนเหยาฮั่น รู้ตัวว่าทางครอบครัวของเขายากจน ไม่เหมาะสมกับแต๋ว พ่อแม่ของเขาจึงบอกให้ทำใจและไปหาสาวไทยที่มีฐานะไม่ต่างกันมากแทนจะดีกว่า ตรงข้ามกับพี่น้อง นอกจากไม่ช่วยปลอบใจ ยังพูดให้เจ็บใจ ประมาณว่าอย่าใฝ่สูง เหมือนเป็นการกีดกันทางอ้อม

 

แน่นอน พวกเขามีความคิดเหมือนกัน อยากจะหนีไปด้วยกันสองต่อสอง แต่สุดท้ายไม่ได้ทำตามหัวใจ เพราะจะเท่ากับว่าทำร้ายครอบครัวของแต๋ว พวกเขาเลยต้องกล้ำกลืนอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก

 

แต่ความเสียใจอยู่ไม่นาน หัวใจของพวกเขาถูกรักษาด้วยเวลาและลูกหลาน

 

ฝ่ายครอบครัวของเหยาฮั่นที่ยากจน เริ่มค่อยๆ มีฐานะดีขึ้นตามความขยันขันแข็ง จนกระทั่งเป็นหนึ่งในเศรษฐี ฐานะใกล้เคียงกับครอบครัวของแต๋ว

 

มาถึงวันที่คนรักในนามจากไป ทั้งแต๋วและเหยาฮั่นก็พูดคุยกันอย่างเปิดเผยได้มากขึ้น แต่พวกเขาไม่คิดจะไปอยู่ร่วมกัน หรือแต่งงานกัน เหมือนความคิดในช่วงวัยหนุ่มสาว เพราะประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา สอนให้พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ เป็นเสาหลักให้ลูกหลานนับถือ และยึดเหนี่ยวจิตใจ

 

ดังนั้น พวกเขาไม่ทำอะไรที่เกินเลยไปมากกว่ามานั่งพูดคุยกัน ถึงแม้ได้เพียงเท่านี้ แต่พวกเขาก็มีความสุขตามประสาวัยชราที่อยากย้อนวันวานเก่าๆ หวานชื่นหัวใจ

 

    “เออ ! ฉันคิดช้าไปอย่างที่เธอว่า สงสัยตอนนั้นฉันแก่ก่อนวัย จึงคิดได้ช้า” เหยาฮั่นหัวเราะ แต่เขาหัวเราะไม่นาน มีเสียงโทรศัพท์มือถือรุ่นปุ่มกดดังขัดจังหวะ เขาจึงรับสายแล้วเปิดเสียงดังออกนอกเครื่องแทนยกโทรศัพท์แนบหู เนื่องจากเขาหูตึงเลยต้องฟังเสียงดังเป็นพิเศษ “อะไร !? เอ็งขอยืดเวลาไปจ่ายเดือนหน้า ? ไม่ ! ฉันให้โอกาสมาครึ่งเดือนแล้ว ถ้าเอ็งไม่จ่ายค่าเช่าเดือนนี้ เอ็งย้ายออกไปเลย ไม่เช่นนั้นฉันจะให้ลูกชายที่เป็นตำรวจลากคอเอ็งเข้าไปนอนในคุกแทน” สิ้นเสียงไร้ความเมตตา เหยาฮั่นก็ตัดสายทิ้ง เพราะไม่อยากฟังคนเช่าบ้านอ้อนวอน

 

เสียงโทรศัพท์ของเหยาฮั่นเงียบไม่ถึงหนึ่งวินาที เสียงโทรศัพท์ของแต๋วดังขึ้น เธอจึงรับสาย เธอไม่เปิดขยายเสียง เนื่องจากเธอยังไม่หูตึง

 

“หา ?! มันมาอ้อนวอนขอยืดเวลาบ้านที่ขายฝากนั่นเรอะ ไม่ต้องไปสนใจ ยึดเลย ยึด ยึด !” แต๋วสั่งลูกชายเสียงเด็ดขาด

 

จากนั้นทั้งสองชรามองหน้ากันครู่หนึ่ง ปากค่อยๆ ยิ้มจนเห็นฟันที่เหลือไม่กี่ซี่ แล้วหัวเราะพร้อมกัน

 

โอ้ให้ตายเถอะ ถ้าทั้งสองคนนี้ได้เป็นผัวเมียกันจริง ต้องเหมาะสมกันสุดๆ เหมือนเสือหิวได้ปีกติดแผ่นหลัง !

__________

 

        ในความรู้สึกของใครหลายคน เวลาแห่งความสุขจะเหมือนผ่านไปเร็วเสมอ ไม่เว้นแม้ความสุขของแต๋วและเหยาฮั่น

 

แต๋วปักธูปที่กระถางใบน้อย ใกล้ๆ มีกาแฟกระป๋องสารพัดยี่ห้อ ทั้งหมดนั้นตั้งอยู่หน้ารูปถ่ายผู้เสียชีวิต

 

นั่นคือรูปถ่ายเหยาฮั่น !

 

วันที่แต๋วได้รับรู้ข่าวจากคนรู้จักที่โทรมาบอก เธอตัวแข็ง แต่มือที่ถือโทรศัพท์สั่น เหมือนจะหลุดมือได้ทุกเมื่อ เธอไม่มีน้ำตาไหล เพราะเธอเข้าใจความเป็นไปของชีวิต มีพบก็ต้องมีลาจาก เป็นเรื่องธรรมดาบนโลกใบนี้ เธอจึงเตรียมใจไว้แต่เนิ่น ไม่เธอหรือเหยาฮั่น ต้องมีสักวันที่วันนั้นมาถึง ดังนั้นทั้งเธอและเขาจึงใช้เวลาร่วมกันให้มากที่สุด แต่เมื่อวันนั้นมาถึงจริง หัวใจของแต๋วแทบยอมรับความจริงไม่ได้

 

หลังจากพระสวดมนต์จบและกลับไป แต๋วยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้สำหรับแขก ดวงตามองรูปถ่ายอดีตคนรัก

 

“น้าแต๋วคะ หนูเอาข้าวต้มมาให้ค่ะ” อารดาซึ่งเป็นลูกคนโตของเหยาฮั่นเดินมาพร้อมถาดอาหาร

 

แต๋วหลุดออกมาจากภวังค์ “น้าไม่อะ-” คำพูดขาดหายไปชั่วขณะก่อนพูดใหม่เพราะเปลี่ยนใจ “น้าเอาก็ได้จ้ะ ขอบใจนะจ๊ะ”

 

“หนูเกือบลืม !” อารดาวางถาดอาหารบนเก้าอี้ใกล้ๆ ล้วงกางเกงเอากล่องหน้าตาเหมือนกล่องใส่แหวนหมั้นออกมา

 

“อะไรจ๊ะ ?” แต๋วสงสัยเมื่ออารดายื่นมาให้

 

อารดามองกล่องใบนั้นด้วยแววตาเศร้าๆ “เตี่ยสั่งเสียพวกหนูไว้นานแล้ว ถ้าเตี่ยไปก่อน ให้เอาสิ่งนี้ให้น้าแต๋ว”

 

“ให้น้า” แต๋วมองด้วยความสงสัยมากกว่าเดิมขณะรับมา

 

“ใช่จ้ะ เตี่ยสั่งว่าต้องให้น้าให้ได้ ไม่งั้นเตี่ยจะมาหลอกพวกหนู”

 

ทั้งสองหญิงต่างวัยหัวเราะเล็กน้อย แต่เสียงหัวเราะไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ เพราะความโศกเศร้ายังคงเกาะติดความรู้สึกอยู่

 

“พรุ่งนี้น้าแต๋วจะมาอีกไหมคะ ?” อารดาถาม

 

“แน่นอนจ้ะ น้าจะมาทุกวันจนถึงวันเผา”

 

“พรุ่งนี้หนูจะให้คนงานขับรถไปรับมา น้าแต๋วเอาไหมจ๊ะ ? เห็นน้าบอกว่า รถของลูกน้าซ่อมอยู่” อารดานึกได้

 

แต๋วส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกจ้ะ น้าจะขึ้นรถโดยสารมาแทน น้าไม่อยากรบกวนพวกหนู”

 

อารดาสังเกตเห็นทางหางตา มีแขกบางคนมองมา เธอเดาในใจว่าเขาอาจรอเธอยกถ้วยข้าวต้มไปให้ “เดี๋ยวหนูมาคุยด้วยใหม่นะคะ หนูขอตัวก่อน” แล้วไปแจกอาหารให้แขกคนอื่นต่อ

 

แต๋วมองกล่องใบเล็ก เมื่อเปิดฝาออกก็ได้เห็นจี้สีทอง รูปทรงเป็นลูกแก้ว ขนาดเท่ากระดุม มันถูกตีกรอบเหล็กคล้ายกรงขัง ถ้าเขย่าจะทำให้มันกลิ้งไปมา มีห่วงคล้องเป็นเชือกเก่าๆ มันคือจี้ของเหยาฮั่น แต๋วจำได้ เพราะเห็นเขาสวมมาตั้งแต่วัยหนุ่ม

 

ของสิ่งนี้ทำให้นึกถึงคำพูดของเขาในอดีต แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด

 

“เหตุผลที่ฉันมาเมืองไทย ไม่ใช่เพราะฉันหนีความยากลำบากมาจากจีน เหมือนกับคนในครอบครัว ความจริงเป็นเพราะใจของฉันบอกให้เดินทางมาที่นี่ จนกระทั่งได้มาพบเธอ ฉันถึงได้รู้ว่าเธอคือสิ่งที่ใจของฉันตามหา เธอจะเชื่อฉันไหม ?”

 

คำพูดนั้น แต๋วไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินจากปากชายหนุ่ม แม้ให้ความรู้สึกเหมือนบทพูดบอกรักในนิยายรักน้ำเน่า แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกเขินจนหน้าแดง

 

ก่อนเขาจะจากไปตลอดกาล เขาเอ่ยคำถามหนึ่งขึ้นมา

 

“ถ้าการเกิดใหม่มีจริง เราได้มีโอกาสมาพบกันอีกครั้ง เธอจะฟันฝ่าอุปสรรคไปพร้อมกับฉันไหม ? ฉันหมายความว่า ไม่ว่าจะมีใครมาขัดขวาง หรือกีดกันเรา เราจะต่อสู้และฟันฝ่าไปด้วยกัน ไม่ยอมให้ใครมาแยกเราอีกต่อไป”

 

แต๋วแน่ใจว่านั่นเป็นคำพูดเรื่อยเปื่อย แต่ไม่น่าเชื่อว่าสามารถทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว เธอจึงตอบตกลงไปตามความรู้สึก ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นจริงหรือไม่

 

เหยาฮั่นตอบกลับมา “ฉันให้สัญญา ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาแยกเราจากกันได้อีก ฉันจะรักเธอคนเดียวและจะรักเธอตลอดไป”

 

แต๋วค่อยๆ ยิ้ม ถึงแม้วันนี้เขาจากเธอไปแล้ว แต่ยังมีความทรงจำหวานๆ ระหว่างเธอและเขาอยู่ในใจ เท่านี้ก็ทำให้ความโศกเศร้าที่มีอยู่ทั้งหมดหายไปอย่างมหัศจรรย์

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.