1 นักสู้ไร้อันดับ-การประลองแรก
“เปิดประตูให้นักสู้ทั้งสองฝั่งเข้ามาได้!”
สิ้นเสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ประจำลานประลองทาส เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นรอบลานประลองกว้างที่ลึกลงมาในดินราวสองร้อยชุ่น (ราวห้าเมตร) รอบนี้เป็นรอบที่ถูกเพิ่มขึ้นมาอย่างกระทันหัน เหล่าพ่อค้า มหาเศรษฐี นักเดินทางและขุนนางที่มารอชมจึงยินดีที่ได้ชมการต่อสู้เพิ่มอีกหนึ่งรอบในราคาเท่าเดิม อีกทั้งพวกเขาเหล่านั้นก็พอจะคาดผลการประลองได้จึงพูดคุยกันอย่างออกรสในขณะลงเงินในฝั่งที่ตนถือหาง
ฝั่งเหนือคือเป่าจ้องเป้าที่เอาชนะด้วยการฆ่าคู่ต่อสู้อย่างอำมหิตด้วยขวานขนาดใหญ่ เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ถึงแปดสิบชุ่น (ราวสองเมตร) มีพละกำลังที่สามารถบดขยี้ก้อนหินให้แหลกคามือได้ อีกทั้งอาวุธอีกเล่า มันคือขวานสองคมที่ยาวสี่สิบชุ่น (ราวหนึ่งเมตร) กวัดแกว่งที่ใดก็เกิดรัศมีการทำลายเป็นวงกว้างขึ้นที่นั่น
ฝั่งใต้คือก้านหลิวลู่ไหวผู้ไร้อันดับ ชื่อของทาสผู้นี้ไม่เคยปรากฎในสนามประลองมาก่อน คำแนะนำที่เกี่ยวกับเจ้าหนุ่มผู้นี้จึงจบลงอย่างสั้นห้วนและรวดเร็วปานถ่มน้ำลายลงพื้น
ก้านหลิวลู่ไหว หรือ หลิวลู่ มังกรหนุ่มวัยยี่สิบหกยืนอยู่หลังประตูไม้ที่กั้นตนเองกับสนามประลองเอาไว้ มังกรหนุ่มร่างสูงเจ็ดสิบชุ่น (ราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร) ผอมทว่ากำยำอยู่ในชุดที่แทบจะป้องกันอันตรายไม่ได้เลย ทั้งร่างมีเพียงกางเกงผ้าเนื้อเลวสีขาวสกปรกยาวถึงตาตุ่ม รอบสะโพกถูกผูกไว้ด้วยเชือกฟั่นเส้นยาวเท่านั้น นอกนั้นก็คือร่างกายของคนธรรมดา แต่หลิวลู่ก็ไม่ได้ร้อนใจ เพราะมันคือชุดของทาสที่ทุกคนต่างสวมใส่กัน คู่ต่อสู้ก็ต้องแต่งกายไม่ต่างกันซึ่งถือว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว จะต่างก็เพียงอาวุธประจำกายเท่านั้น
หลิวลู่ กระชับกระบี่สั้นราคาถูกในมือและรอเสียงแตรอย่างสงบ ความร้อนระอุของสนามที่ถูกแดดเผาส่งความอบอ้าวทะลุบานประตูเข้ามา เขาจึงปาดเหงื่อบนหน้าผากและลูบเอาเส้นผมที่ปรกหน้าผากขึ้นไปทิ้งไว้บนหัวที่ถูกรวบและขมวดเป็นเปียสั้นอยู่ตรงท้ายทอยเผยใบหน้านิ่งทว่ามุ่งมั่นให้เห็นเต็มตา
เสียงแตรเขาควายดังยาวขึ้นเหนือหัว ประตูไม้ถูกยกขึ้นด้วยเชือกฟั่นพร้อมเสียงเอียดอาด ลมหอบใหญ่พัดเอาฝุ่นดินเข้าปะทะร่างของมังกรหนุ่มจนต้องหลบตา กางเกงผ้าเนื้อเลวพริ้วสะบัดแนบลู่ไปกับต้นขาแกร่งขับเน้นทรวดทรงที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาทุกอณู ไม่เว้นแม้แต่เครื่องเคราของบุรุษหนุ่มที่นูนยาวและสะบัดไปตามเนื้อผ้า
หลิวลู่ ย่างเท้าเข้าสู่สนามประลองเป็นครั้งแรกในชีวิต เสียงโห่ร้องอย่างผิดหวังดังระคนไปกับเสียงหัวเราะลั่น แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้มีอิทธิพลเหนือสมาธิของมังกรหนุ่มผู้นี้เลย สายตาเยียบเย็นพุ่งฝ่าไอแดดไปยังร่างมหึมาของบุรุษที่คล้ายหมียักษ์อ้วนพีผู้ลากขวานด้ามโตย่างก้าวออกมา
เป่าจ้องเป้า บุรุษที่ดูคล้ายหมียักษ์ผู้มาจากแผ่นดินตอนเหนือของประเทศ ทุกอณูบนร่างของมันตึงแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้าม หากแต่ท้องของมันกลมยื่นและสั่นย้วยทุกจังหวะย่าวก้าว กางเกงผ้าเนื้อเลวที่อยู่ต่ำกว่าก็ยื่นยาวและโบกย้วยราวกับว่ามันซุกท่อนไม้ไว้ที่หว่างขา มันถูกจับมาเป็นทาสอย่างง่ายดายด้วยความเขลาของมันเอง แต่มันทำงานไม่ได้ มันจึงถูกส่งมาที่ลานประลองและมันก็สิงอยู่ที่นี่มาตลอด สาเหตุก็เพราะมันสำราญใจที่ได้ฆ่าคน
เสียงคมขวานชำแรกผ่านร่างของคู่ต่อสู้ เสียงกระดูกซี่โครงลั่นหักในมือ หรือเสียงร่างคู่ต่อสู้ระเบิดใต้ฝ่าตีนคือสิ่งที่มันชื่นชอบ
หมียักษ์จ้องเป้าเดินส่ายเข้าสู่ลานประลองด้วยอารมณ์ที่ไม่เบิกบานเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ครั้งนี้ เพราะร่างนั้นมีเนื้อหนังพอแค่ให้ตวัดขวานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เสียงแตรเขาควายดังให้สัญญาณต่อสู้ขึ้นอีกครั้งตอนที่มีลมหอบหนึ่งพัดวูบลงมาและปะทะร่างของมังกรหนุ่มและหมียักษ์ที่ยืนห่างกันเพียงร้อยชุ่น (ราวสามเมตร) มันพัดวนและรั้งให้กางเกงของทั้งสองกระพือสะบัด แต่ก่อนที่มันจะพัดวนกลับขึ้นไป ทั้งสองก็ทะยานเข้าหัน
กระบี่สั้นในมือซ้ายของหลิวลู่ถูกยกจ่อไปข้างหน้า มือขวารวบฝักดาบไปด้านหล้ง สายตาจับจ้องจุดที่จะวางคมกระบี่ลงไป
หมียักษ์จ้องเป้ากำด้ามขวานไว้ด้วยมือเพียงข้างหนึ่งและง้างสูง อีกข้างกางออกเพื่อรั้งร่างกายให้สมดุล ฝ่าตีนกระทึบลงบนพื้นด้วยจังหวะไม่เร็วแต่มั่นคง กล้ามเนื้อทุกส่วนเคลื่อนไหวไปตามจังหวะก้าว ท่วงท่านั้นอยู่ในสายตาของคู่ต่อสู้โดยที่หมียักษ์จ้องเป้าไม่มีโอกาสล่วงรู้
เสียงกระบี่กรีดผ่านอากาศดังขึ้นหกครั้งพร้อมลมวูบหนึ่งที่มองเห็นได้แต่ไม่อาจจับต้อง มันพัดผ่านร่างหมียักษ์ไปด้านหลัง อึดใจต่อมาหมียักษ์ก็เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นบนร่างของมันถึงหกจุด นั่นคือบ่าทั้งสอง สะโพกทั้งซ้ายขวาและสุดท้ายคือข้อเท้าด้านนอกเหนือตาตุ่มทั้งสองข้าง
มังกรหนุ่มก้านหลิวลู่ไหวเก็บกระบี่เข้าฝักและเหน็บมันไว้กับเอว
“เจ้าทะ-ทำอะไรข้า!?” หมียักษ์จ้องเป้ากระอักคำพูดออกมาและซวนเซซ
เชือกที่มัดกางเกงผ้าเนื้อเลวของเจ้าหมียักษ์ขาดผึงออก เผยให้เห็นรอยบาดแผลยาวและเรียบบนสะโพกทั้งสองด้าน กางเกงตัวใหญ่ราวผ้าห่มสีสกปรกหลุดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าและเริ่มมีรอยเปียกสีแดงสดปรากฏขึ้นบนเนื้อผ้า จากจุดเล็กจ้อยจนกลายเป็นดวงใหญ่เข้มชัด
บาดแผลทั้งหกจุดต่างมีเลือดไหลรินออกมา
“ไม่ต้องห่วง เจ้าไม่ตายหรอก” หลิวลู่เอ่ย “กระบี่เล่มนี้ไม่ได้เฉือนร่างเจ้าจนถึงขนาดที่จะทำให้ตาย เจ้าจะชาไปทั่ว-!”
มิทันที่จะพูดจบ ร่างของคู่ต่อสู้ก็ทรุดลงไปเสียแล้ว
“ผู้ชนะได้แก่ก้านหลิวลู่ไหวจากหมู่บ้านกรรมการที่ห้า!”
เสียงประกาศ เสียงแตรและเสียงโห่ร้องที่เกิดขึ้นอย่างประปรายรอบลานประลองเป็นสัญญาณยืนยันว่าการประลองได้จบลงแล้ว เขาคือผู้ชนะที่กำลังจะได้รับเงินรางวัล
ความหวังที่จะไถ่ตัวเมียคืนขยับใกล้เข้ามาก้าวหนึ่งแล้ว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 368
แสดงความคิดเห็น