บทที่ 49 นักรบเกราะหนัก

-A A +A

บทที่ 49 นักรบเกราะหนัก

บทที่ 49 นักรบเกราะหนัก

“สำเร็จแล้ว!!” หลานอวี่ตะโกนด้วยความดีใจ

“เยี่ยมมาก! นี่มันคือบอสระดับอีปิคเชียวนะ” ชิงเฟิงพูดอย่างดีใจด้วยเหมือนกัน

“อาจารย์ รีบตรวจอุปกรณ์ดูเร็วเข้า” เซี่ยหยู่เว่ยบอกด้วยความตื่นเต้น

ในทีมหนึ่งมีเพียงหัวหน้าปาร์ตี้เท่านั้นที่มีสิทธิ์เปิดดูอุปกรณ์ ซึ่งในก่อนหน้านี้เซี่ยหยู่เว่ยเป็นคนเปิดดูอุปกรณ์มาโดยตลอด แต่ตอนนี้เธอเต็มใจที่จะยกให้ลู่หยางเป็นคนเปิด

ลู่หยางไม่ได้มีความคิดที่จะเกรงอกเกรงใจ เพราะในชาติที่แล้วเขาก็เป็นคนเปิดอุปกรณ์จากบอสที่ต้องใช้สมาชิกมากกว่า 2,000 คนในการสังหารด้วยเช่นกัน

ชายหนุ่มเดินไปหยุดตรงหน้าบอส ก่อนที่จะเลือกหน้าจอเก็บของทำให้แสงสีเงินสว่างวาบไปทั่วทั้งบริเวณ

“ระดับเงิน!” 

“ของอาชีพอะไร?”

“ของนักเวทหรือนักรบ”

“โจร! มันจะต้องเป็นของโจรแน่ ๆ”

“ไม่ใช่ มันจะต้องเป็นของนักธนูต่างหาก”

เมื่อได้ยินเสียงลุ้นระทึกอันคุ้นเคย ลู่หยางก็อดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

“มันเป็นเครื่องประดับระดับเงินสำหรับนักรบสายป้องกัน”

หลังจากพูดจบลู่หยางก็ทำการแชร์ข้อมูลของเครื่องประดับให้ทุกคนได้ดู

รูปปั้นเทพีสงคราม (ระดับเงิน) 

พลังป้องกัน 7-22 

ความแข็งแกร่ง +2 

พลังกาย +3 

บล็อก +8

เลเวล 1 

“พลังป้องกันของมันเทียบได้กับโล่โกลเด้นเดรคเลยนะเนี่ย!” ชิงเฟิงอุทานด้วยความประหลาดใจเมื่อได้เห็นคุณสมบัติของเครื่องประดับตรงหน้า

เมื่อเซี่ยหยู่เว่ยและจางจื่อโป๋ได้เห็นคุณสมบัติของอุปกรณ์ พวกเธอก็รีบเข้ามาหาลู่หยางและพูดว่า

“เครื่องประดับชิ้นนี้มีค่ามาก พวกเราไม่อาจรับมันมาได้ฟรี ๆ เชิญคุณตั้งราคาของมันมาได้เลย”

จางจื่อโป๋ที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

เมื่อลู่หยางได้เห็นท่าทางของจางจื่อโป๋ เขาก็อดที่จะขำขึ้นมาไม่ได้

“พวกคุณจะให้เงินฉันงั้นเหรอ?”

จางจื่อโป๋พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า

“ถ้ามีเครื่องประดับชิ้นนี้ผมก็สามารถแทงค์บอสในดันเจียนระดับต่ำกว่าอีปิคได้แน่นอน สิ่งนี้สำคัญกับพวกเรามาก หวังว่าคุณจะยอมขายมันให้กับพวกเรา”

“ใช่แล้วอาจารย์ คุณขายมันให้พวกเราเถอะ” หลานอวี่กล่าวเสริม

“สาวน้อยเธอเกี่ยวอะไรด้วย ไปอยู่ข้าง ๆ นู่นไป” ลู่หยางพูดอย่างหยอกล้อ

“คุณ…” หลานอวี่เบ้ริมฝีปากอย่างไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะเดินไปอีกด้านด้วยความโกรธ

ลู่หยางมองไปยังเซี่ยหยู่เว่ยและจางจื่อโป๋ที่กำลังแสดงสีหน้าอย่างกังวลพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า

“พวกคุณลืมข้อตกลงของเราในก่อนหน้านี้ไปแล้วเหรอ? ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอุปกรณ์นักเวทเป็นของฉัน ส่วนอุปกรณ์ที่เหลือเป็นของพวกคุณ”

หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็ทำการมอบเครื่องประดับให้กับจางจื่อโป๋

ระบบ: ผู้เล่นลู่หยางมอบเครื่องประดับของคลิฟให้คุณ

“คุณ... ให้ผมฟรี ๆ จริง ๆ เหรอ?” จางจื่อโป๋ถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“คุณ... แต่ว่า…” เซี่ยหยู่เว่ยก็เริ่มพูดขึ้นมาอย่างไม่เป็นภาษาด้วยเช่นกัน

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องของเงินทองแต่เป็นเรื่องของสัจจะที่พวกเราเคยพูดกันเอาไว้” ลู่หยางกล่าว

เมื่อได้ยินคำพูดของลู่หยาง ทุกคนต่างก็มองชายหนุ่มด้วยความชื่นชมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลานอวี่ที่มองไปยังลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมมากกว่าเดิม

ลู่หยางตบมือเรียกสติของทุกคน ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า

“เอาล่ะทุกคนนั่งพักกันตรงนี้ก่อน หลังจากที่มานาฟื้นฟูกลับมาแล้วพวกเราค่อยออกเดินทางต่อ ครั้งนี้พวกเราจะผ่านเดทเคฟให้ได้ภายใน 1 ชั่วโมง”

“ครับ/ค่ะ” สมาชิกภายในทีมต่างก็ตอบรับออกมาพร้อมกัน

ก่อนหน้านี้พวกเขายังคงสงสัยในตัวของลู่หยางอยู่บ้าง แต่หลังจากการต่อสู้กับคลิฟความสงสัยในตัวของชายหนุ่มก็ถูกขจัดออกไปจนหมด

“เออ... หัวหน้า เจิ้งหยวนยังตายอยู่เลยพวกเราควรจะฟื้นคืนชีพเขาขึ้นมาไหม?” นักรบคนหนึ่งภายในทีมถาม

ทันใดนั้นเซี่ยหยู่เว่ยก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ด้วยเช่นกันว่าในระหว่างการต่อสู้ เจิ้งหยวนขัดคำสั่งจนถูกลูกไฟของบอสเผาตายอยู่คนเดียว

“พวกเราไม่มีสกิลชุบชีวิต ให้เขาวิ่งเข้ามาภายในดันเจียนใหม่เองเถอะ” เซี่ยหยู่เว่ยบอกโดยพยายามกลั้นความโกรธของตัวเองเอาไว้

“ครับ” นักรบรับคำสั่งก่อนที่เขาจะส่งข้อความไปบอกเจิ้งหยวน

ตอนนี้เจิ้งหยวนยืนอยู่นอกดันเจียนตามกฎของเกม เพราะในระหว่างที่มีการต่อสู้สมาชิกที่เสียชีวิตจะไม่สามารถเข้ามาภายในดันเจียนได้

เมื่อได้รับข้อความเจิ้งหยวนจึงวิ่งเข้าไปในดันเจียนอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเขาได้กลับมาร่วมทีมและได้เห็นว่าบอสถูกสังหารไปแล้ว สีหน้าของชายหนุ่มเอาแต่ใจก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่หลายครั้ง

ลู่หยางไม่ได้สนใจเจิ้งหยวนที่เพิ่งมาถึง แต่เขาได้ตะโกนออกคำสั่งกับทุกคนว่า

“เอาล่ะพวกเราออกเดินทางกันเถอะ”

“ครับ/ค่ะ” พวกจางจื่อโป๋ลุกขึ้นอย่างฮึกเหิม ก่อนที่พวกเขาจะเดินตามลู่หยางไป

ตอนแรกเจิ้งหยวนคิดว่าลู่หยางจะเข้ามาด่าทอเขา แต่เมื่อเขาได้เห็นอีกฝ่ายไม่สนใจเขาจึงรีบเดินไปข้าง ๆ เซี่ยหยู่เว่ยแล้วพูดขึ้นมาว่า

“หยู่เว่ยเมื่อกี้ตอนที่ฉันอยู่หน้าดันเจียน ฉันซื้อหนังสือสกิลบลิ๊งค์กับรีซิสท์ไฟร์ริงมาได้แล้ว ตอนนี้ความสามารถของฉันไม่น่าจะต่างไปจากเขาคนนั้น”

เซี่ยหยู่เว่ยมองไปทางเจิ้งหยวนอย่างรำคาญและเธอก็อยากจะเดินไปหาหลานอวี่ แต่น่าเสียดายที่เพื่อนสาวของเธอเดินตามลู่หยางไปอย่างใกล้ชิด

“มันก็แค่ฆ่าบอสได้ตัวเดียวเอง ไม่เห็นจะมีอะไรน่าภูมิใจขนาดนั้น” เจิ้งหยวนพูดอย่างไม่พอใจ

เมื่อจางจื่อโป๋ได้ยินคำพูดของเจิ้งหยวน เขาก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหัวและถอนหายใจโดยไม่อยากจะเสียเวลาพูดคุยกับชายคนนี้อีก

สมาชิกในปาร์ตี้เดินไปตามเส้นทาง ก่อนที่พวกเขาจะผ่านประตูไม้และเข้ามายังอุโมงค์อันกว้างขวาง

ทางด้านขวาของอุโมงค์เป็นแม่น้ำใต้ดินที่มืดมิด ทางด้านซ้ายเป็นภูเขาและทุก 3 เมตรจะมีคบเพลิงส่องแสงสว่างตามเส้นทาง

“ข้างหน้ามีนักรบเกราะหนัก 8 คน ทุกคนระวังตัวด้วย” โจรที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมวิ่งกลับมารายงาน

นักรบเกราะหนักเป็นกองกำลังหลักของจักรวรรดิฟาลส์ ซึ่งนักรบเหล่านี้จะสวมใส่ชุดเกราะทั้งตัวคล้ายกับอัศวินในยุคกลาง มือซ้ายของพวกเขาจะถือโล่ขนาดใหญ่ ส่วนทางด้านมือขวาจะถือหอกที่มีความยาวเกือบ 2 เมตร

ปัจจุบันทุกคนยืนอยู่ตรงบริเวณทางเข้าของอุโมงค์และมองไปยังนักรบเกราะหนักแปดคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร

“ทำไมพวกมันถึงเป็นมอนสเตอร์ระดับอีลิทเลเวล 5 หมดเลย?” ชิงเฟิงพูดอย่างประหลาดใจ

“ดันเจียนปกติไม่ได้เป็นแบบนี้เหรอ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม

“ในดันเจียนปกติตรงนี้มีแค่มอนสเตอร์ทั่วไป 3 ตัวเท่านั้น” ชิงเฟิงตอบ

“แล้วแบบนี้พวกเราควรจะทำยังไงกันดี? พวกเราสู้มอนสเตอร์ระดับอีลิท 8 ตัวไม่ไหวแน่ ๆ”

มอนสเตอร์ระดับอีลิท 3 ตัวก็มีพลังโจมตีเทียบเท่ากับบอส 1 ตัวแล้ว การต้องปะทะกับมอนสเตอร์ระดับอีลิทพร้อมกัน 5 ตัว มันก็ไม่มีทางที่ตัวแทงค์ของทีมจะยืนรับความเสียหายเอาไว้ได้ไหว เพราะนักบวชไม่สามารถที่จะฟื้นฟูความเสียหายกลับมาได้ทัน

เซี่ยหยู่เว่ยมองไปทางลู่หยางแล้วถามว่า

“อาจารย์ คุณจะเอายังไง? พวกเราจะกลับกันเลยดีไหม? แค่ฆ่าคลิฟได้ตัวเดียวมันก็น่าพอใจมากแล้ว”

“ใช่อาจารย์ การผ่านพื้นที่ตรงนี้มันยังยากเกินไป” จางจื่อโป๋กล่าวเสริม

“ไม่ต้องห่วง ขอฉันคิดหาวิธีก่อน” ลู่หยางกล่าว

ในชาติก่อนพื้นที่ตรงหน้าทำให้ผู้เล่นต้องเสียชีวิตกันอย่างมากมาย แม้แต่สมาชิกที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับทองแดงและอุปกรณ์ระดับเหล็กอย่างครบครันก็ยังยากที่จะผ่านพื้นที่ตรงนี้ไปได้

อย่างไรก็ตามเมื่อนักเวทสายไฟคนหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอ มันก็ทำให้การผ่านพ้นนักรบเกราะหนักไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากสำหรับผู้เชี่ยวชาญอีกต่อไป

นักเวทไฟคนนั้นมีเลเวล 6 ซึ่งต่ำกว่าความต้องการของดันเจียนมาก และเนื่องมาจากอุปกรณ์ที่ขาดแคลนมันจึงทำให้ทีมของเขาต้องติดอยู่ในด่านนี้เป็นเวลากว่า 3 วัน

ตรงบริเวณพื้นที่ติดกับภูเขามีร่องระบายน้ำลึกประมาณครึ่งเมตรอยู่บนพื้น ซึ่งภายในรอยแยกมีน้ำคอยพัดผ่านอย่างเชี่ยวกราดอยู่ตลอดเวลา

นักเวทไฟภายในคลิปได้ใช้บัคจากรอยแยกในการใช้สกิลรีซิสท์ไฟร์ริงกระแทกให้นักรบเกราะหนักกระเด็นลงไปภายในร่อง แต่เนื่องมาจากร่องน้ำมีความลึกประมาณ 30 เซนติเมตร มีความกว้างประมาณ 20 เซนติเมตร เมื่อนักรบเกราะหนักถูกกระแทกจนร่วงลงไป พวกเขาก็จะติดอยู่ในร่องระบายน้ำและไม่สามารถลุกขึ้นมาสร้างความเสียหายให้กับผู้เล่นได้อีกเลย

 

 


ใครรู้จุดบัคได้เปรียบเยอะจริง ๆ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.