บทที่ 30: แก้แค้น
แมวสีส้มตัวโตเคลื่อนไหวเร็วมาก ก่อนที่มู่ไป๋ไป่จะทันได้ตั้งตัว มันก็กระโดดพุ่งเข้าใส่หน้าขององครักษ์คนนั้นโดยตรง
ทันใดนั้นก็มีรอยเลือดยาวเหยียดบนใบหน้าของอีกฝ่าย
“อ๊ากกก!” ฝ่ายที่ถูกทำร้ายกรีดร้องขณะยกมือขึ้นกุมหน้า และกำลังจะชักดาบออกจากฝัก
พอเขาลดมือที่กุมบาดแผลลงก็จะเห็นเลือดสีแดงฉานบนใบหน้า และเลือดที่เปื้อนอยู่บนมือก็ปรากฏในสายตาของเขา มันยิ่งทำให้เขาโกรธมากจนตั้งท่าหมายจะพุ่งไปฟาดฟันแมวในอึดใจถัดไป
“หยุดนะ!”
มู่ไป๋ไป่กลัวว่าองครักษ์จะฟันเจ้าส้มเป็นชิ้น ๆ เธอจึงรีบก้าวไปขวางและคว้าตัวแมวส้มที่กำลังแสยะยิ้มเยาะเย้ยชายคนนั้นออกไป
“มันเป็นอุบัติเหตุ มันไม่ได้ตั้งใจ”
“องค์หญิงหก!” แววตาขององครักษ์เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นคนร่างเล็กที่กอดเจ้าแมวตัวสีส้มตรงหน้า
ถ้าองค์รัชทายาทไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ เขาคงจะฟันทั้งคนทั้งแมวให้ขาดเป็น 2 ท่อนไปแล้ว!
พอชายหนุ่มดึงสติกลับมาได้ เขาก็เก็บดาบที่ชักออกมาครึ่งหนึ่งกลับเข้าไปในฝักอย่างไม่เต็มใจนัก
จากนั้นเขาก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม “องค์หญิงหก โปรดอภัยให้กระหม่อมที่เสียมารยาท”
ในขณะนี้อารมณ์ของมู่ไป๋ไป่เปราะบางมากเมื่อเธอรู้ว่าชายคนนี้มีความสัมพันธ์ลับกับลี่เฟย และเธออดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยสายตาสงสัย
ทางด้านมู่จวินฝานรีบพุ่งเข้ามาปิดตาน้องสาวของตัวเองเอาไว้ พร้อมกับกดหัวเจ้าแมวอ้วนให้แนบชิดกับอกของคนตัวเล็ก
“เด็กพวกนี้ยังไร้เดียงสา เจ้าทำให้พวกนางหวาดกลัวแล้ว” เด็กหนุ่มกล่าวพลางมองดูบาดแผลบนใบหน้าขององครักษ์ด้วยสายตาเฉยเมย
จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “เจ้ารีบไปตำหนักหมอหลวงเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเองเถอะ ไม่จำเป็นต้องมาคอยคุ้มกันข้าที่นี่”
คำพูดขององค์รัชทายาททำให้สีหน้าขององครักษ์เปลี่ยนไปทันที เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ในที่สุดเขาก็กล้ำกลืนคำพูดของตัวเองลงท้องไป
ต่อมา องครักษ์หนุ่มโค้งคำนับแล้วหันหลังเดินออกไป แต่ก็ยังไม่วายหันมาจ้องเขม็งแมวส้มเป็นการคาดโทษ ก่อนจะหายลับไปจากสายตา
ขณะเดียวกัน เจ้าส้มกำลังมองลอดช่องว่างแคบ ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เสียงขู่เล็กแหลมของมันก็ดังก้องไปทั่วห้อง
องครักษ์รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว เพราะเสียงของแมวตัวนั้นฟังดูเหมือนวิญญาณที่จะตามหลอกหลอนเขา และเขาก็รีบก้าวเท้าเดินให้เร็วขึ้น
“แง้ว!” เจ้าส้มร้องโวยวายเสียงดัง “คราวหน้าอย่าบังอาจมาแตะต้องข้าอีก มิฉะนั้นข้าเอาเจ้าตายแน่!”
มู่ไป๋ไป่พยายามลูบหัวปลอบมันเบา ๆ พร้อมเอ่ยว่า “เอาเถอะ ๆ เราจะแก้แค้น แก้แค้นแน่นอน”
ถ้าครั้งถัดไปคนคนนี้บังอาจมาทำร้ายเจ้าส้มอีก ฉันจะไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น แล้วใช้มีดผ่ามันออกเป็น 2 ซีก
เด็กหญิงคิดในใจอย่างโกรธเคือง
ทันใดนั้นก็มีสายตาคู่หนึ่งมองลงมาจากเหนือศีรษะของทั้ง 2
มู่จวินฝานลดสายตาลงมองดูแก้มกลมขาว ๆ ของมู่ไป๋ไป่ มันทำให้อารมณ์ของเขาซึ่งหดหู่มาตลอดทั้งเช้าดีขึ้นมากอย่างน่าอัศจรรย์
เด็กน้อยคนนี้น่ารักจริง ๆ แต่ก็น่าแปลกประหลาดเช่นกัน
“ท่านพี่รัชทายาท… เมื่อครู่แมวตัวนี้ไม่ได้ตั้งใจข่วนองครักษ์ของท่าน”
คนตัวเล็กไม่รู้ว่าทำไมมู่จวินฝานถึงจ้องมองเธอตลอดเวลาแบบนั้น เธอจึงเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ
ก่อนหน้านี้เธอเคยสงสัยมาว่าองครักษ์คนนั้นมีความสัมพันธ์กับลี่เฟยและยังทำหน้าที่คุ้มครองเคียงข้างองค์รัชทายาท แล้วเขารู้เห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่หรือไม่?
เฮ้อ ความสัมพันธ์ของคนในวังซับซ้อนมากจริง ๆ
“ไม่เป็นไร” มู่จวินฝานวางตำราในมือลงก่อนจะถามว่า “แล้วแมวตัวนี้มีชื่อหรือไม่?”
“ฮึ่ม! ข้าไม่บอกชื่อของข้าให้พวกเจ้ารู้หรอก” เจ้าส้มเชิดหน้าขึ้นพูด
อย่างไรก็ตาม ในอึดใจต่อมา มันก็ได้ยินมู่ไป๋ไป่ตอบด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “มันชื่อว่าเจ้าส้มเพคะ”
“ใครบอกว่าข้าชื่อเจ้าส้มกันล่ะห้ะ!” แมวตัวอวบอ้วนพูดสวนขึ้นมาอย่างโมโห “เจ้ามนุษย์โง่เง่า อย่ามาซี้ซั้วตั้งชื่อให้ข้าสิ!”
“เจ้าส้มอย่างนั้นหรือ?” องค์รัชทายาทตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้
ในฐานะแมวทรงเลี้ยงที่อยู่เคียงข้างฮ่องเต้ ชื่อของมันที่ถูกตั้งขึ้นมาช่างเรียบง่ายยิ่งนัก
“มันเป็นชื่อที่เหมาะสมมาก”
“ไม่เหมาะสมโว้ย!” เจ้าส้มลุกขึ้นประท้วง และใช้อุ้งเท้าตบหน้าของมู่ไป๋ไป่แบบไม่กางเล็บ “อธิบายให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้นะ!”
เด็กหญิงมองเมินเสียงคำรามของอีกฝ่าย พร้อมกับปัดอุ้งเท้าอ้วน ๆ ของมันออกไปจากใบหน้า
นั่นทำให้แมวส้มรู้สึกโกรธและไปนั่งลงข้าง ๆ เด็กหนุ่ม
องค์รัชทายาทเห็นว่าหางของมันสะบัดไปมาแบบเร็ว ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “ข้าคิดว่าชื่อนี้เหมาะกับมันมาก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก”
เนื่องจากระยะห่างที่ไม่ได้ไกลกันมากนัก มู่จวินฝานจึงรับรู้ได้ถึงกลิ่นน้ำนมจาง ๆ ที่ชัดเจนจากข้างกายตน
เขาไม่เคยทำตัวสนิทสนมกับใครขนาดนี้ตั้งแต่เขายังเด็ก แม้แต่เสด็จพ่อก็ตาม
ชั่วครู่หนึ่ง การที่ได้นั่งเคียงข้างกันเช่นนี้มันให้ความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับเขามาก แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?”
“หืม? ทำไมข้าถึงต้องกลัวท่านพี่รัชทายาทด้วยล่ะ?” มู่ไป๋ไป่ที่กำลังตบตีกับเจ้าส้มอยู่เงียบ ๆ ชะงักค้างไป ก่อนจะหันไปเอียงคอถามอย่างสงสัย
คนในครอบครัวตระกูลมู่ล้วนมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดมาก พวกเขาชอบถามคนอื่นตลอดว่ากลัวพวกเขาหรือไม่
มู่เทียนฉงก็เป็นเช่นนี้ มู่จวินฝานก็เช่นกัน สมแล้วที่ทั้ง 2 คนเป็นพ่อลูกกันแท้ ๆ
“...” เด็กหนุ่มที่ถูกถามกลับตกตะลึง
เขาเป็นถึงรัชทายาท เพียงตำแหน่งนี้ก็มีอำนาจเหนือทุกคนในวัง เป็นรองเพียงคนผู้เดียว ทุกคนย่อมหวั่นเกรงเขาโดยธรรมชาติและพยายามอยู่ห่างจากเขาโดยไม่รู้ตัว
แต่เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ มู่ไป๋ไป่ดูเหมือนจะไม่กลัวพ่อของเขาเลย มันจึงไม่แปลกที่นางจะไม่หวาดกลัวเขาเช่นกัน
พอเด็กหนุ่มคิดได้ดังนี้ มันก็ไขข้อสงสัยในใจเขาได้ทันที
นี่คือเด็กที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด นางไร้เดียงสาและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ทั้งวัน คนแบบนี้จะไปเข้าใจเรื่องอำนาจ ความมั่งคั่ง และแผนการชั่วร้ายได้อย่างไร?
“ท่านพี่รัชทายาท ของว่างของท่านดูน่าอร่อยมากเลย”
มู่ไป๋ไป่มีท่าทีเขินอายในขณะช้อนตามองไปที่จานขนม ซึ่งขนมบนโต๊ะของมู่จวินฝานดูน่ากินมากจนเธออดใจไม่ไหวจริง ๆ
ถ้ามันเป็นไปตามที่เธอคิด อีกฝ่ายคงจะมอบขนมชิ้นนั้นให้เธอหลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด
แต่เธอไม่คาดคิดว่าหลังจากองค์รัชทายาทได้ยินดังนั้น เขาเพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า “มันอร่อยมากจริง ๆ” จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ อีก
นี่เขาไม่มีท่าทีจะแบ่งขนมให้เธอเลยหรืออย่างไร?
“...” มู่ไป๋ไป่ถึงกับพูดไม่ออก
พี่ชายซื่อบื้อแบบไหนกัน ทำไมเขาถึงอ่านความคิดของคนอื่นไม่ออกเลย ไม่อย่างนั้นก็ดูน้ำลายที่ไหลลงมาที่มุมปากเล็ก ๆ ของเธอสิ!
ทว่าเขาก็ยังทำเป็นมองเมินไม่สนใจจะทำตามที่เธอคาดหวังเลยจริง ๆ
มู่จวินฝานไม่รู้ว่าตนนั้นกำลังถูกมู่ไป๋ไป่บ่นอยู่ในใจ เมื่อเห็นว่านางยังคงจับจ้องไปที่ขนมของตน เขาจึงเอ่ยปากอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียดว่าขนมนี้ทำมาจากอะไร
1 เค่อต่อมา เด็กหญิงกอดเจ้าส้มและเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ซึ่งบ่งบอกว่าเธอไม่อยากคุยกับองค์รัชทายาทอีก
มู่จวินฝานขมวดคิ้วเข้าหากัน พลางคิดกับตัวเองว่าเขาอธิบายขั้นตอนการทำขนมผิดไปเช่นนั้นหรือ?
ในช่วงบ่าย อาจารย์เสิ่นมอบการบ้านให้เด็กหนุ่ม แล้วเขาก็เดินไปหามู่ไป๋ไป่เพื่อสอนนางต่อไป
การสอนของอาจารย์เสิ่นนั้นไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่มู่ไป๋ไป่จินตนาการเอาไว้
แล้วชั้นเรียน 1 ชั่วยามก็ผ่านไปในพริบตา พอถึงเวลาเลิกเรียน เด็กหญิงก็ยังรู้สึกเพลิดเพลินกับมันไม่หาย
ตอนขากลับ ท่าทางของมู่จวินฝานที่มีต่อมู่ไป๋ไป่ดูแตกต่างจากตอนที่เดินมายังศาลาในยามเช้า เขาจูงมือเด็กน้อยให้เดินตามมา และเอ่ยปากถามนาง 2-3 คำเกี่ยวกับการเรียนของนางในช่วงบ่าย
ไม่นาน เด็กหนุ่มก็หยุดฝีเท้าลงหลังจากเดินมาถึงทางเข้าตำหนักอิ๋งชุน
“หากเจ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็มาถามข้าได้” จากนั้นเขาก็กำชับอีกประโยคหนึ่งว่า “เจ้าอย่าได้เกียจคร้าน แล้วทำการบ้านที่อาจารย์เสิ่นสั่งให้ทำด้วยล่ะ”
มันเป็นเรื่องจริงที่การบรรยายของอาจารย์เสิ่นนั้นน่าสนใจมาก แต่เขาเองก็เป็นคนที่เข้มงวดกับการบ้านเช่นกัน หากทำการบ้านไม่เสร็จ พรุ่งนี้นางคงจะถูกตีมือเป็นแน่
มู่ไป๋ไป่ที่เดินกังวลมาตลอดทางเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย “ท่านพี่รัชทายาท ข้าขอถามท่านตอนนี้เลยได้หรือไม่?”
“หา?” มู่จวินฝานตกตะลึง แต่ก็พยักหน้าตอบรับโดยไม่รู้ตัว “ได้สิ”
“ยอดไปเลย!” เจ้าตัวเล็กส่งเสียงโห่ร้องดีใจ ก่อนจะดึงพี่ชายเข้าไปในตำหนักอิ๋งชุน
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เจ้าส้มเอาเรื่องมาก! ส่วนมู่จวินฝานก็ซื่อเกิน เอ็นดู 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 38
แสดงความคิดเห็น