STARCIN ภาคที่ 8 Freight ตอนที่ 20 พบกัน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 8 Freight ตอนที่ 20 พบกัน

“เห็นนั่นหรือเปล่า นั่นคือคุณปู่ของลูก…คุณปู่ที่เคยปกครองมหาสมุทรอันกว้างใหญ่หาสิ่งใดเปรียบมิได้ แม้เขาจะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนั้นแต่ก็ไม่เคยบังคับพ่อให้แข็งแกร่งเหมือนเขาเลย แม้เขาจะต้องสละอำนาจในสักวันหนึ่งแต่ก็ไม่บังคับลูกหลานให้สืบทอดอำนาจต่อจากเขาเลยสักครั้งเดียว แต่ถึงเขาจะบอกอย่างนั้นพ่อก็ยังอยากสานต่อแม้มันจะเป็นเศษเสี้ยวอำนาจของเขาก็ตาม”

คำพูดของผู้เป็นพ่อสลักลงในใจของลูกสาวตัวน้อย คำพูดที่เหมือนไม่มีอะไรแต่มันกลับเป็นการฝากฝังสิ่งสำคัญไว้โดยไม่รู้ตัว หลาย ๆ สิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไม่ว่าจะเป็นพลัง อำนาจหรือแม้กระทั่งความเชื่อใจแต่สิ่งที่ยังติดอยู่ในใจก็คือการสานต่ออำนาจที่คุณพ่อเคยพูดไว้

“พี่ริน...” เมอร์กัดฟันทนความเจ็บปวดไว้และว่ายน้ำไปหาริน

แผลที่แขนสมานปิดหยุดเลือดไว้ได้แต่การสูญเสียนั้นมันก็ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอเปลี่ยนไปเพราะสมดุลเสีย คมมีดครีบที่เป็นอาวุธประจำกายก็เหลือเพียงแค่หนึ่งข้างยิ่งลดทอนพลังของเธอลงไปอีก

เราก็แค่อยากปกครองน่านน้ำตรงนั้นที่เหมือนบ้านของตัวเองแค่นั้นเอง ทำไมถึงต้องลากเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามบ้า ๆ นั่นด้วย

พอได้คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนก็เลยได้แต่ทำใจเพราะเธอก็เป็นคนประกาศสงครามก่อนเอง

นายหญิง หวังว่าท่านจะไม่ทอดทิ้งข้าหรอกนะ

เมอร์ตามไปถึงสนามรบที่อ่าวเคนเป็นเวลาเดียวกับที่ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายทำให้เธอสามารถเข้าประชิดตัวรินได้พอดี เธอใช้คมมีดครีบที่เหลืออยู่เหวี่ยงขึ้นเป็นเส้นตรงฟันไปที่ร่างของรินจากใต้น้ำ

“เมอร์ !” รินตะโกนลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวจากนั้นก็ใช้รยางค์ข้อปล้องฟาดดาบมานาใส่แต่เมอร์ก็หนีลงใต้น้ำทัน

ระหว่างที่รินโดนเมอร์ดึงความสนใจมันก็เป็นโอกาสให้ซีโร่หนีออกจากระยะมองเห็นแล้วซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายแทน

ทำกันได้นะเมอร์ อุตส่าห์ไว้ชีวิตเพราะเห็นเป็นน้องคนหนึ่งแต่กลับลอบกัดฉันเนี่ยนะ รินถลึงตามองหาตัวเมอร์ที่อยู่ข้างใต้ก่อนที่เธอจะดำน้ำตามลงไป

“จังหวะนี้แหละ กำจัดพวกมันให้หมด” ซีโร่ออกคำสั่งอีกครั้งแล้วมุ่งหน้าไปสมทบกับลุงโทลเพื่อกำจัดแม่ทัพเบค

“คิดว่ามาสองคนแล้วฉันจะกลัวเหรอ?” เบคร่ายเวทมนตร์อย่างต่อเนื่องราวกับมานาไม่มีวันหมด ห่ากระสุนเวทมนตร์ยิงใส่พวกเธอสองคนไม่ต่างอะไรกับฝนที่ตกลงมา ถ้าไม่ไวพอก็ต้องใช้มานาเพื่อป้องกันแทนซึ่งโทลก็ทำมาตลอดจนมานาสำรองหมดลงแล้ว

เมื่อไรนายจะกลับมาสักทีเนี่ย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราจะโดนต้อนเอานะ ซีโร่ใช้ล่วงรู้เพื่อหลบห่ากระสุนเวทมนตร์ของเบคไปได้แต่ก็ไม่มีจังหวะเข้าประชิดตัวสักที

“ลงดาบรูปแบบที่ห้า [ฟ้าหลังฝน]” คลื่นวายุของฟรานพัดเอากระสุนเวทมนตร์เหล่านั้นหายไปทันทีและมันยังผลักเบคถอยออกไปเป็นจังหวะที่เขาเปิดช่องว่างพอดี

“ส่งลุงไปที !” ลุงโทลกระโดดขึ้นด้านบนเพื่อให้ฟรานใช้เสริมกำลังขว้างตัวเขาใส่เบค

ดาบที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงหมุนฟันโล่วารีของเบคพังและวินาทีที่กำลังจะตกน้ำเขาก็ลากดาบฟันเป็นเส้นตรงหวังสร้างบาดแผลให้เบคเท่าที่จะทำได้

“ฝันไปเถอะ” เบคใช้เสริมกำลังพร้อมกับโล่วารีแต่เพราะมันกระชั้นชิดเกินไปจึงทำได้แค่ลดแรงปะทะไม่ให้ถึงตายเท่านั้น

“ลาล่ะ...” ซีโร่ที่อ้อมมารอด้านหลังใช้มีดสั้นสะบั้นคอของเบคแต่เขาก็ยังเบี่ยงตัวหลบได้ทำให้ตัดได้แค่หัวเดียวเท่านั้น

“ไม่ ! ไอ้พวกเวรเอ๊ย !” เขาสมานแผลหยุดเลือดอย่างรวดเร็ว แม้จะร่ายเวทมนตร์ได้ช้าลงแต่เขากลับระเบิดมานาออกมาทั้งอย่างนั้นราวกับหม้ออบไอน้ำที่กำลังจะระเบิด

นี่มันอะไรวะเนี่ย แค่มานาเพียว ๆ แต่กลับผลักพวกเราออกมาได้หมดเลยเหรอ ซีโร่พยายามต้านแรงดันมานาพวกนั้นไว้เพื่อที่จะเข้าไปตัดคอของเบคอีกครั้งแต่ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกับเพ่งรวมมานาจำนวนมากเหมือนกำลังจะใช้เวทมนตร์ใหญ่

“หนีเร็ว !” ลุงโทลว่ายน้ำหนีสุดชีวิตเหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร

ฟรานสร้างพื้นเสริมกำลังพาลุงโทลหนีเป็นจังหวะเดียวกับที่เบคยิงมานาก้อนใหญ่ออกมา มันลอยขึ้นสูงจากผิวน้ำประมาณยี่สิบเมตรจากนั้นก็ระเบิดสร้างแรงกระแทกมหาศาลที่แม้แต่เรือเกรย์เอลโฟเรียที่อยู่ห่างออกไปยังโคลงเคลง

นี่มันระเบิดมานาจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย ซีโร่สร้างโล่มานาป้องกันไว้แต่มันก็กระแทกตัวเธอลอยออกไปทั้งอย่างนั้น

“ตายกันซะให้หมดเลย” เบคเพ่งรวมมานาอีกครั้งและยิงระเบิดมานาขึ้นสู่ท้องฟ้าค่อย ๆ ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างไม่สนพรรคพวกอีกต่อไป

“ตายซะ…” เขาเหลือบไปเห็นกลุ่มก้อนมานากำลังพุ่งเข้ามาหาซึ่งเป็นมานารูปลักษณ์ของมังกรสีครามและก่อนที่เขาจะตั้งหลักได้มันก็สายเกินไปแล้ว ศรเวทมนตร์ที่มีพลังทำลายเทียบเท่าระเบิดมานาของเขาได้พุ่งปะทะกับร่างของเบคจนระเบิดกระจัดกระจายไปทั่ว

“เหอะ อยู่นิ่ง ๆ ให้ยิงได้สักที” คานะใช้มานาจำนวนมากไปกับศรเวทมนตร์ดอกนั้นจนขาอ่อนทรุดลงไปนั่งทันที

เซนและแม็กซ์ออกอาวุธซัดกันแทบจะไม่พักหายใจ พวกเขาลากกันไปถึงชายฝั่งโดยที่เซนยืนอยู่บนหาดทรายกำลังกวักมือเรียกแม็กซ์ให้ขึ้นมาจากน้ำ

“คิดว่าฉันโง่มากมั้ง แกนั่นแหละที่ต้องตามฉันมา” เขาใช้คลื่นวารีพุ่งเข้าจับตัวเซนแต่ก็โดนดาบยักษ์ฟันหายไปเสียก่อน

“ลูกไม้เดิม ๆ ใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก” เซนกระตุกยิ้มแยกเขี้ยวหลังจากที่ฟาดฟันคลื่นวารีที่เป็นเวทมนตร์เฉพาะของแม็กซ์ได้อย่างง่ายดาย

“เหอะ คิดว่าฉันไม่เตรียมแผนมารับมือหรือยังไง?” คลื่นวารีเหล่านั้นค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสายน้ำธรรมดาที่ไหลไปรวมกันที่ตัวของแม็กซ์

“เป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นสินะ นี่คือเกราะแห่งพอนไซทำโดยการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของคลื่นวารี” แม็กซ์เดินขึ้นมาบนหาดทรายโดยมีชุดเกราะคลุมทั้งตัวไว้และทำให้เขาสามารถหายใจบนบกได้ด้วย

เซนยิ้มหัวเราะจนแทบบ้าก่อนที่จะเดินเข้าหามนุษย์เงือกผู้นั้น “ฉันอาจจะคุมรูปลักษณ์มานาไม่เก่งแต่ถ้าเป็นเรื่องอะไรเท่ ๆ ล่ะก็...” เปลวเพลิงลุกท่วมร่างของเซนใครเห็นก็ต้องคิดว่าโดนไฟคลอกไปแล้ว

คราวนี้เป็นฝ่ายแม็กซ์ที่ต้องหัวเราะเหมือนคนบ้าหลังจากได้เห็นเซนเป็นเช่นนั้น “ต้องอย่างนี้สิวะ ถ้าฉันเอาจริงอยู่คนเดียวมันจะไปสนุกอะไรเล่า”

แม้เสื้อผ้าทั้งหมดจะถูกเผาจนเป็นเถ้าธุลีแต่เซนยังคงยืนอยู่โดยไร้ซึ่งบาดแผลใด ๆ กลับกันเปลวเพลิงเหล่านั้นได้เปลี่ยนเป็นชุดเกราะสีแดงเด่นเป็นสง่าซึ่งมีอุณหภูมิสูงเกินกว่าที่ใครจะเข้าใกล้ได้

“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะแต่อย่างน้อยก็ต้องมีชื่อสินะ...เอาเป็นเกราะไฟก็แล้วกัน”

แม็กซ์หลุดขำออกมาทันที “ชื่อโคตรโง่เลยว่ะ...” พูดไม่ทันขาดคำเซนก็ชกหมัดตรงซึ่งมันก็ส่งคลื่นความร้อนผ่านหูแม็กซ์ไปหวุดหวิด

“ชื่อดี ๆ ค่อยไปคิดทีหลังก็แล้วกัน จากนี้ฉันจะใส่สุดตั้งแต่เริ่มเลย”

“เอาสิ ฉันก็จะใส่สุดเหมือนกัน”

เซนยกดาบยักษ์ขึ้นมาในท่าเตรียมจากนั้นก็พุ่งเข้าใส่เป็นคนแรก เขาเหวี่ยงดาบฟันตรง ๆ ไม่มีลูกไม้ใด ๆ ซึ่งแม็กซ์ก็น้อมรับดาบนั้นไว้โดยให้เกราะแห่งพอนไซดูดซับแรงแทนขณะที่ตนเองง้างหมัดชกเข้าที่หน้าของเซน

ร้อนชะมัดเลยเว้ย แรงชกของแม็กซ์ทำให้เซนกระเด็นออกไปทันทีแต่เขาก็วกกลับมาและหมุนตัวเหวี่ยงดาบเพลิงราวกับพายุคลั่ง

“มาสิวะ !” แม็กซ์รัวหมัดสวนกลับปะทะกับพายุเพลิงคลั่งลูกนั้นจนกระทั่งเซนหยุดเหวี่ยงดาบแล้วใช้ดาบปักพื้นเป็นจุดเหวี่ยงถีบแม็กซ์กระเด็นบ้าง

“ยังไม่หมดหรอก” เซนใช้แรงระเบิดเป็นแรงผลักตนเองพุ่งตามไปจากนั้นก็ยกดาบขึ้นในระดับหัวไหล่เตรียมแทง การแทงดาบอันเรียบง่ายของเซนทำให้หน้าผาแหวกเป็นช่องและที่ปลายทางก็มีร่างของแม็กซ์นอนนิ่งอยู่

“ฉันก็ยัง !” เพียงแค่พริบตาเดียวแม็กซ์ก็กระโดดเข้าประชิดตัวและผสานมือทั้งสองทุบเซนจมดิน เขากระโดดขึ้นสูงและพุ่งตามลงไปใต้ดินโดยไม่รอให้เซนตั้งหลักจากนั้นก็รัวหมัดชกกดลงสู่พื้นปฐพีอย่างกับจะให้เซนกลับคืนสู่ธรรมชาติเสียเดี๋ยวนั้น

ขณะที่กำลังดันลงไปเรื่อย ๆ เซนก็ได้ยกแขนป้องกันหมัดไว้ พอยิ่งโดนรัวหมัดใส่เซนก็ยิ่งจับทางการออกหมัดได้และชกสวนกลับทั้ง ๆ ที่ตนเองเป็นฝ่ายอยู่ด้านล่าง

“หมัดก็หมัดวะ !” ทั้งสองประชันหมัดกันใต้พื้นดินซึ่งความรุนแรงของมันทำให้ดินด้านบนถล่มลงมากลบพวกเขาทั้งคู่

หมัดขวาของเซนงัดเข้าหน้าของแม็กซ์เป็นจังหวะเดียวกับที่แม็กซ์ชกเสยเข้าที่คางของเซน ทั้งสองแลกหมัดกันไปมาโดยไม่สนว่าตนเองจะโดนดินถล่มทับหรือไม่แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ความรุนแรงของพวกเขากลับทำให้เกิดช่องว่างใต้พื้นดินจากแค่ห้องเล็ก ๆ ค่อย ๆ ขยายจนเป็นห้องโถง แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นทำให้บนพื้นดินเหมือนแผ่นดินไหวและในช่วงนาทีสุดท้ายพวกเขาก็หยุดพักหายใจเหมือนนัดกันมา

“ทั้งแกทั้งฉันเริ่มจะไม่เหลืออากาศให้หายใจแล้วนะเว้ย !” เซนพูดไปยักคิ้วไปตั้งใจกวนประสาท

“ถ้างั้นเราก็ต้องกลับไปที่โล่ง ๆ สักหน่อย”

เซนชักดาบออกมาจากชุดเกราะสีแดงเช่นเดียวกับแม็กซ์ที่สร้างคลื่นวารีเสมือนเป็นมือยักษ์อยู่ข้างกาย พลังเปลวเพลิงและคลื่นวารีพุ่งปะทะกันแบ่งขั้วอำนาจออกเป็นสองสี พลังอันมหาศาลค่อย ๆ ดันพื้นดินออกและระเบิดเป็นวงกว้างเหมือนภูเขาไฟระเบิด

“ยังไม่จบหรอก” แม็กซ์สร้างคลื่นวารีเป็นแขนหลายแขนเพื่อใช้มันช่วยในการรัวหมัด

“มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วสิ” เซนหักดาบเป็นสองซีกเพื่อใช้ถือสองมือและเมื่อทั้งสองพร้อมจึงเข้าประชันความอึดกันอีกครั้ง ความร้อนจากพลังของเซนทำให้ต้นไม้ใบหญ้ารอบ ๆ แห้งเหี่ยวและตายลงทันที มวลน้ำอันหนักแน่นที่โดนความร้อนสูงทำให้เกิดไอน้ำลอยฟุ้งเต็มไปหมด

“ฉันไม่สนแล้วว่าสงครามจะเป็นอย่างไร” แม็กซ์ก้าวเดินเข้าประชิดเพื่อให้เห็นหน้าเซนชัด ๆ

“ขอแค่ได้ใส่สุดและสนุกไปกับมันก็พอ..” เซนเก็บดาบไว้ที่เกราะด้านหลังและระหว่างที่เดินเข้าหาแม็กซ์เขาก็บิดคอคลายความตึง

แม็กซ์ออกหมัดซัดก่อนจนเซนกระเด็นไปถึงหนึ่งร้อยเมตร

“เฮ้ย ๆ ทำไมถึงดูอ่อนปวกเปียกกว่าก่อนหน้านี้ล่ะ?”

เซนลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยสภาพยับเยิน “ก็มานาจะหมดแล้วนี่ มานาฉันไม่ได้เยอะเหมือนแกสักหน่อยแถมยังต้องเก็บอาวุธที่เป็นตัวนำมานาอีก มานาก็เลยเรียกใช้ได้ไม่ถนัดเท่าไร”

“เหอะ ๆ เป็นชาวแผ่นดินนี่มันลำบากจริง ๆ แล้วจะเอายังไง? จะยอมแพ้และเป็นบันไดให้ฉันเหยียบหรือจะสู้ให้สุดเหวี่ยงไปเลย”

“ขอเวลาแป๊บหนึ่งแล้วกัน” เซนหยิบมีดสั้นสำรองออกมาดูเหมือนคิดอะไรได้ เขานั่งลงตรงนั้นและใช้ไฟเผามีดสั้นจนแดง

“ทำอะไร?” แม็กซ์นั่งลงตรงหน้ามองดูด้วยความสงสัยแต่พอเห็นท่าทางจริงจังของเซนจึงเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ แทน

เซนค่อย ๆ ดัดมีดสั้นให้โค้งงอเป็นวงกลมจนขนาดพอดีกับข้อมือ

“ขอน้ำหน่อย” เซนยื่นมีดร้อน ๆ ให้จากนั้นแม็กซ์ก็ราดน้ำใส่ทำให้มันเริ่มแข็งตัวกลายเป็นเหมือนกำไลข้อมือแทน

“ต้องอย่างนี้สิ” เซนลุกขึ้นและยืดเส้นยืดสายให้คุ้นชินกับกำไลใหม่โดยที่มีแม็กซ์นั่งดูอยู่

“พร้อมหรือยังล่ะ?” แม็กซ์สร้างคลื่นวารีเป็นแขนยักษ์ล้อมรอบตัวแล้วยืนรอเซนให้สัญญาณ

“อืม ไม่มีเวลาไหนพร้อมกว่านี้แล้ว” บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเซนที่มานาใกล้หมดค่อย ๆ เปลี่ยนไป ความทะมึนบึ้งตึงทำให้แม็กซ์สัมผัสได้ทันทีว่าคนที่เขาสู้ด้วยอาจจะไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว

ท่ามกลางความเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมหายใจของเซนดังจนแม็กซ์ยังได้ยิน เซนยกแขนตั้งการ์ดไม่เหมือนวิธีการต่อสู้ก่อนหน้านี้เลยสักนิดเดียว

นั่นคงเป็นวิชาของพวกชาวแผ่นดินสินะ แต่มีแค่สองแขนจะกันคลื่นวารีของฉันได้สักกี่น้ำกันวะ

แขนเทียมที่สร้างจากคลื่นวารีรัวหมัดใส่โดยที่เจ้าตัวยังไม่ต้องขยับตัวไปไหนเลย ขณะเดียวกันเซนก็ยังยืนรับหมัดพวกนั้นด้วยการตั้งการ์ดธรรมดาต่อให้แขนของเขาจะเริ่มเขียวช้ำและมีแผลฉีกขาดแต่ก็ยังไม่ขยับไปไหนเช่นกัน “ตาฉันบ้างล่ะ ยกการ์ดขึ้นมาถ้าไม่อยากตาย”

“ไม่เอาเว้ย ฉันไม่อยากเกลือกกลั้วกับวิชาของพวกชาวแผ่นดิน ถ้าต่อยก็ต่อยมาที่เกราะแห่งพอนไซของฉันได้เลย” แม็กซ์อ้าแขนเปิดช่องให้โจมตี

“ถ้างั้นก็ไม่เกรงใจล่ะนะ” เซนเอี้ยวตัวเหวี่ยงหมัดขวาที่แสนจะธรรมดาชกเข้าที่สีข้างของแม็กซ์ หมัดที่แสนธรรมดานั้นได้ทำลายเกราะแห่งพอนไซในทันทีและเขาก็ยังยกขาเตะซ้ำเข้าที่เดิม

ความรุนแรงขนาดนี้ไม่มีทางเป็นแค่ชาวแผ่นดินแน่ ๆ เขาต้องเป็นเผ่าพันธุ์ไหนสักเผ่าแน่นอน

ร่างสูงใหญ่ของเขาทรุดลงมานั่งคุกเข่าข้างเดียวแต่ก็ยังพยายามฝืนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

“จุกสุด ๆ ไปเลยว่ะ พละกำลังสูงขึ้นผิดปกติแถมนิสัยก็ยังเปลี่ยนไปด้วย หรือแกจะมีสองบุคลิกวะ?”

“ไม่รู้สิ...” หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่งทั้งสองก็ออกหมัดชกผสานกันซึ่งมันรุนแรงถึงขั้นผลักทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ออกไปหมด

แม้แม็กซ์จะสูงใหญ่กว่าแถมยังมีแขนเทียมเพิ่มขึ้นมาแต่เซนกลับยังสู้ได้อย่างสูสี พอมีโอกาสเซนก็เตะเข้าที่ข้อพับของแม็กซ์ทำให้เขาเสียหลักล้มลงมาในระยะหมัด

“สูงดีจริง ๆ” เซนชกเสยเข้าที่คางตามมาด้วยการกระโดดแทงเข่าซ้ำไปที่คางอีกรอบหนึ่ง

ทำไมถึงควบคุมร่างกายไม่ได้เลย แถมยังเหมือนกำลังจะหมดสติอีก ทั้งหมัดและเข่าของเซนกระทบกระเทือนโดยตรงไปที่สมองสั่งการทำให้ความสามารถการควบคุมถดถอยลงจนสวนกลับไม่ทัน

พอได้โอกาสเซนก็จัดหนักให้สมใจอยาก หมัดทุกหมัดของเซนมันได้ชกเข้าที่หัวและใบหน้าเกือบทั้งหมด พอแม็กซ์พยายามจะยืนเซนก็จะเตะเข้าที่ข้อพับอีกครั้ง พอแม็กซ์จะสวนเขาก็ยกการ์ดป้องกัน พอแม็กซ์จะถอยเขาก็ดึงขาไว้ พอแม็กซ์จะใช้มานาสร้างคลื่นวารีใหม่เขาก็จะชกสวนไปที่ก้อนมานาก่อนจะได้เป็นรูปร่าง

ทำไมร่างกายถึงหนักอย่างนี้ "ไม่ !"แม็กซ์ตะโกนเสียงดังเรียกสติตนเองกลับมาอีกครั้ง จากนั้นก็ทุบพื้นที่ยืนอยู่ส่งแรงกระแทกออกไปรอบ ๆ ซึ่งมันก็ได้ผลักเซนออกไปด้วย

“ทั้งสนุกทั้งซึมเลยว่ะ โอกาสที่จะได้รู้สึกแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ซะด้วย” แม็กซ์ใช้ความได้เปรียบเรื่องมานาในการสร้างเกราะแห่งพอนไซกับแขนเทียมเพิ่ม รวมทั้งใช้เสริมกำลังได้หนาแน่นกว่าของเซนเป็นเท่าตัว

“เตรียมรับมือล่ะ” แม็กซ์ใช้คลื่นวารีเป็นฐานรองเท้าเพื่อเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ขณะที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่เซนก็ยกการ์ดตั้งรับเหมือนเคยแต่แม็กซ์ม้วนตัวข้ามหัวพร้อม ๆ กับเหวี่ยงแขนฟาดหลังเซน

เซนใช้มือยันตัวก่อนตกลงพื้นจากนั้นก็เหวี่ยงตัวเองเข้าหาแม็กซ์ถีบเข้าที่หัวเข่าเต็ม ๆ แต่ก็ยังไม่พอที่จะทำลายเกราะแห่งพอนไซได้

“แรงเริ่มตกแล้วนะพวก ถ้าเป็นแบบนี้มันจะไปสนุกอะไร...” พูดไม่ทันขาดคำเขาก็โดนเซนเตะเสยคางส่งร่างอันใหญ่โตลอยขึ้นเหนือฟ้า จากนั้นเซนก็กระโดดตามขึ้นไปและออกอาวุธชกต่อยอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะร่วงลงพื้น

“ใครหมดทางสู้ก่อนก็แพ้ไป แค่นั้นแหละ”

วินาทีที่ร่วงลงพื้นแม็กซ์ก็ได้คว้าตัวเซนไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะใช้คลื่นวารีดันเท้าทำเหมือนไอพ่นเพื่อกดเซนลงพื้น

“คนผู้นั้นก็คงจะเป็นแกนั่นแหละ” แม็กซ์ง้างหมัดสุดแขนและชกหน้าเซนแนบติดกับพื้นดิน ถ้าใครอื่นมาเห็นก็คงคิดว่าเซนตายไปแล้วแน่ ๆ เพราะหัวยุบลงไปในดินเหมือนหัวขาดไม่มีผิด

“ต้องเป็นแกต่างหาก” เซนใช้หมัดขวาชกหน้าแม็กซ์ส่งเขาลงน้ำให้

“ให้ตายสิ พอได้โดนน้ำทะเลมันก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันทีเลยว่ะ ขอบใจแกจริง ๆ” แม็กซ์อ้าแขนรอรับการโจมตีเหมือนเป็นค่าตอบแทนที่เซนช่วยส่งลงน้ำให้

“จะว่าอะไรไหมถ้าฉันขอแลกหมัดครั้งสุดท้ายด้วยมานาทั้งหมดที่มี” เซนเดินเข้าหาช้า ๆ ไม่ทำอะไรเหมือนรอคำตอบก่อน

“ประกาศกร้าวถึงขนาดนี้ฉันก็คงต้องทำตามล่ะนะ อย่าตายล่ะ…”

แม็กซ์สร้างเกราะแห่งพอนไซที่มือขวาหนาเป็นพิเศษ นอกจากนี้เขาก็ยังใช้เวทมนตร์เสริมกำลัง เพิ่มพละกำลังและเพิ่มความเร็วอัดเข้าไปที่แขนข้างนั้นจนเหมือนมันจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

“ท่าปิดฉากทั้งทีต้องมีชื่อสิ” เซนยิ้มสนุกและทำเช่นเดียวกับแม็กซ์

แม็กซ์หัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “น่าสนุกดีนี่ ถ้างั้น…มาวัดกันเลยดีกว่า” แม็กซ์ขุดพื้นลงเพื่อให้ตนเองอยู่ในระยะเดียวกับเซน

เซนยิ้มกว้างพยักหน้าตอบรับและชักเท้ากลับหลังเล็กน้อย

“หมัดทลายพิภพ !” แม็กซ์กัดฟันพูดเตรียมรับแรงปะทะ

“หมัดสุดท้าย !” เซนตะโกนชื่อท่าออกมาขณะที่กำลังรวบรวมมานาไว้ที่มือ

แม็กซ์ใช้คลื่นวารีเพื่อช่วยดันแขนเพิ่มแรงเข้าไปอีกขั้นแต่เซนทำอะไรไม่ได้นอกจากหมัดมานาที่มีเกราะไฟเสริมแค่นั้น วินาทีที่หมัดทั้งสองชนปะทะกันมันก็ทำให้ไอร้อนจากเกราะแห่งพอนไซระเหยจนไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่แค่แรงปะทะของหมัดนั่นมันก็ทำให้เกิดลมกระโชกแรงเหมือนมีพายุมาหมุนวนอยู่ตรงนั้น

ความร้อนมหาศาลทำให้แขนของแม็กซ์โดนไหม้ แม้แต่เส้นเลือดก็ร้อนจนเดือดไปชั่วขณะหนึ่ง กลับกันแขนของเซนก็ต้องแบกรับภาระความหนักอึ้งของแรงอันมหาศาลจากแม็กซ์ แรงที่มาจากร่างกายผสมผสานรวมกับเวทมนตร์เพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดเหนือแรงกายเพียว ๆ และไม่นานนักทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้งเหลือไว้เพียงคนสุดท้ายที่ยังยืนอยู่ท่ามกลางไอน้ำอันร้อนระอุ

“เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาก” แม็กซ์ยืนพักหายใจให้เต็มอิ่มพลางมองแขนข้างขวาที่หัก ช้ำและไหม้จนใช้งานไม่ได้ไปอีกนาน

เบื้องหน้าของเขามีชายหนุ่มนอนนิ่งด้วยสภาพยับเยินราวกับเสียชีวิตไปแล้วแต่ก็ยังมีลมหายใจโรยรินให้ได้ยินอยู่

“หวังว่าแกจะไม่ตายไปซะก่อนนะ...” ขณะที่เขากำลังเดินกลับลงน้ำจู่ ๆ เซนที่นอนแน่นิ่งก็ลุกขึ้นมาและกระโจนเข้าใส่รวดเร็วจนแม็กซ์ไม่รู้ตัว เขาใช้หมัดขวาที่สภาพดูไม่จืดชกเข้าที่หน้าของแม็กซ์ส่งเขากลับสู่ท้องทะเลด้วยตนเอง

“เหอะ ๆ” สุดท้ายพวกเขาก็หมดสติกันทั้งคู่ จะว่าเสมอก็ไม่ใช่เพราะเซนเล่นตอนทีเผลอแต่พวกเขากลับนอนยิ้มบางพึงพอใจเหมือนกันเสียได้

คานะเหลือบมองตามคลื่นกระแทกที่อยู่ตรงริมชายฝั่งห่างออกไปเป็นกิโลเมตร ต่อให้เป็นห่วงมากแค่ไหนแต่เธอก็ต้องคอยรับมือพวกมนุษย์เงือกต่อไปเพื่อให้สงครามจบลงให้ได้

“ไปเลย ! ทางนี้พวกเราจะจัดการเอง” ซีโร่โยนขวดมานาให้และเข้ามาถ่วงเวลาพวกมนุษย์เงือกเพื่อสร้างโอกาสให้คานะมุ่งหน้าไปหาเซน

“ขอบใจ” คานะวิ่งสุดฝีเท้าด้วยพื้นเสริมกำลังระหว่างทางก็ดื่มมานาเพิ่มไปด้วย

คานะวิ่งไปถึงชายฝั่งจึงเห็นเซนนอนหมดสติอยู่ท่ามกลางไอน้ำร้อน ๆ ยากที่จะเข้าใกล้แต่เธอก็ใช้เสริมกำลังรวมกับเวทมนตร์วารีเพื่อฝ่าเข้าไปหาเซน แม้จะป้องกันไม่ให้ร่างกายโดนความร้อนแผดเผาได้แต่ความตลบอบอวลก็ยังรุนแรงพอให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง

“เซน !” คานะตบหน้าเซนเบา ๆ พยายามเรียกสติแต่มันก็ไร้ผล สุดท้ายเธอก็ต้องแบกตัวเซนไปหาที่โล่ง ๆ เพื่อดูอาการ

อย่างน้อยก็ยังหายใจอยู่ ต้องรีบพาไปที่หน่วยแพทย์สนามด่วน

ขณะที่กำลังแบกร่างของเซนก็มีคมมีดวายุพุ่งเฉียดคอไปไม่ถึงคืบ ข้างหน้าของเธอมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนยิ้มบางเดาไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไรในใจอยู่

“แกเป็นใคร?”

“จำเป็นต้องบอกด้วยเหรอ…” เขาพุ่งเข้าประชิดตัวและฟาดฟันด้วยมีดสั้นโดยเล็งไปที่คอของคานะทุกครั้ง

เวรเอ๊ย ลักษณะอย่างนี้คงจะเป็นสำนักมนตร์ดำแน่ ๆ คานะที่ต้องแบกร่างของเซนไว้ด้วยทำให้ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้จึงทำเพียงแค่หนีเท่านั้น

“หนีไปได้ไม่ไกลหรอก” เขาขว้างมีดสั้นเวทมนตร์ใส่อย่างต่อเนื่องแต่ขณะที่กำลังยิ้มสนุกไปกับไล่ล่าก็ดันมีใครบางคนขัดมีดเวทมนตร์เหล่านั้นไว้ก่อน

“ก็คิดไว้แล้วว่าพวกแกไม่น่าถอยไปง่าย ๆ ยังไงพวกแกก็แฝงตัวอยู่ทุกที่อยู่แล้วนี่” ซึฮากิที่ลอยอยู่บนฟ้ามองลงมายังเบื้องล่างเหมือนมองสิ่งมีชีวิตต่ำต้อย แววตาอันเรียบนิ่งที่มาพร้อมกับน้ำเสียงเย็นชาทำให้ชายแปลกหน้าผู้นั้นเหงื่อตกทันที

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.