บทที่ 9...2/3
อรอินทุ์ไม่ได้อยากรู้เรื่องของตัวเอง แต่มีคนเอาหนังสือพิมพ์หน้าสังคมมาวางไว้ให้ที่หน้าออฟฟิศ พอเปิดดูเท่านั้นแหละออฟฟิศก็แทบแตก พิพัฒกับธนิดาถามที่มาของรูปที่อรอินทุ์จำได้แม่นว่ามาจากงานเลี้ยงต้อนรับพันธิน เธอซุ่มซ่ามเขาเลยเอาสูทตัวยาวมาคลุมไหล่ให้ แล้วเราไปคุยกันในสวนหย่อมของโรงแรมซึ่งไม่ได้หลบๆ ซ่อนๆ ไอ้คนถ่ายภาพก็วอนโดนเตะ ทำภาพเสียเหมือนเธอกับพันธินกำลังทำเลิฟซีนกันอยู่ มันน่าจริงๆ ใครวะ!
“ใครมันทำแบบนี้ ไม่รู้หรือว่าคุณธินจะเสียหาย” อรอินทุ์บ่นพึม พิพัฒกับธนิดากลับพากันส่งเสียงหัวเราะกันยกใหญ่ “หัวเราะอะไรกันน่ะ”
“ก็แทนที่เธอจะห่วงตัวเอง กลายเป็นห่วงคุณธินน่ะสิ แมนไปปะ” ธนิดาตอบพลางขยับอยู่ห่างๆ คนกำลังโมโห
นั่นสิ อรอินทุ์นิ่งคิด ก็มันมีเหตุผลนี่ เธอเป็นใคร มาจากไหน ไม่มีใครสนใจหรอก แต่พันธินมีต้นทุนทางสังคมสูงกว่าเธอมาก การเป็นข่าวกับเขา คนที่เสียน่าจะเป็นเขาไม่ใช่หรือ จากที่เสียสละแบบแมนๆ จะกลายเป็นแอบซุกกิ๊ก ถ้าดรุณีไม่ใช่ดาราดัง เรื่องของพันธินคงไม่มีใครสนใจข่าวหน้าบันเทิงหรอก
“ก็มันจริงไหมล่ะ ฉันไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่คุณธินน่ะ อะไรนิดอะไรหน่อยก็มีผลต่อราคาหุ้นของเอ็มไพร์ กรุ๊ปแล้ว โอ้ย! กลุ้ม ทำยังไงดี”
“ฉันว่าก่อนจะกลุ้มแทนคนอื่น เธอกลุ้มให้ตัวเองก่อน ดาอยากรู้จริงๆ ว่าใครมันทำแบบนี้”
“หรือว่าจะเป็นนายสรัช” พิพัฒเอ่ย
“แล้วหมอนั่นจะทำแบบนี้ไปทำไม ไม่ใช่เกมชิงรักหักสวาทเสียหน่อย”
อรอินทุ์ไม่แน่ใจหรอก ถ้าจะคิดในแง่การดิสเครดิตก็น่าจะได้ แต่วันนั้นสรัชกลับไปก่อนเธอเสียอีก
“แล้วจะเป็นใครได้ล่ะ”
“ดาคิดว่ามันสืบไม่ยากหรอก เดี๋ยวขอโทรหาพี่ชายก่อน คนในวงการหนังสือช่วยสืบ ไม่น่ายาก” ธนิดารีบโทรหาพี่ชายซึ่งเป็นนักข่าวสายการเมืองทันที นักข่าวด้วยกันคงคุยกันได้ ไม่นานคงถามมาจนได้รู้
อรอินทุ์นั่งเซ็ง สมองแสนปลอดโปร่งหมดกัน เมื่อวานที่ไปเสนอตัวทำโฆษณาและบอกไอเดียคร่าวๆ มีบริษัท Leoness , Paralist และบริษัทของเธอ ต่อไปก็เป็นการนำเสนอเป็นสตอรี่บอร์ดแบบเห็นภาพ เรื่องนี้ธนิดาถนัด เธอแค่คอยเติมสิ่งที่ไม่สมบูรณ์จากที่คิดไว้เท่านั้น ว่าแต่ตอนนี้เธอควรโทรไปหาพันธินหรือเปล่านะ
พอหยิบโทรศัพท์มายังไม่ทันได้กดโทรออกกลับมีสายเข้า ใจหายๆ เริ่มฟูฟ่องหรือว่าจะเป็นลูกค้า ขอให้ใช่เถอะ... เพี้ยง
“สวัสดีค่ะ”
“ผม...จิรกร เจ้าของสูทที่คุณบอกว่าจะส่งมาให้นะครับ”
ใจฟูๆ แฟบเหมือนเดิม เธอส่งสูทคืนไปให้เขาตามที่อยู่ในนามบัตรแล้วนี่ แล้วที่สำคัญเธอไม่ได้ให้เบอร์นี้กับคนแปลกหน้าด้วย ตอนรับโทรศัพท์ก็ดันลืมเรื่องนี้ไปเลย
“แล้วคุณมีเบอร์ของฉันได้ยังไงคะ สูทยังไม่ถึงคุณอีกเหรอ ฉันส่งให้คุณไปแล้วนะคะ”
“ยังครับ ส่วนเบอร์ของคุณ เอาเป็นว่าผมขอโทษที่ให้คนหาเบอร์ของคุณมาให้ก็แล้วกันนะ” จิรกรหัวเราะเหมือนไม่มีอะไร เธอน่าสนใจเมื่อเป็นข่าวกับพันธิน การหาเบอร์ของเธอจึงเกิดขึ้นอย่างไรล่ะ
“ค่ะ กลับมาเรื่องเสื้อก่อน ฉันส่งให้คุณแล้วจริงๆ นะคะ”
“ผมคิดว่าคุณควรรับผิดชอบนะ”
“ยังไงล่ะคะ หรือว่าให้ฉันจ่ายค่าเสียหายแทน บอกเบอร์บัญชีของคุณมาสิคะ” อรอินทุ์เตรียมกระดาษกับปากกามารอจด แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“เลี้ยงข้าวผมสักมื้อก็พอแล้ว รับผิดชอบอย่างนี้แทนได้ไหมครับ”
“ฉันคิดว่าจ่ายเป็นเงินดีกว่าค่ะ” อรอินทุ์ตอบแทบไม่ต้องคิด
เป็นตัวของตัวเองเสียด้วย จิรกรชักชอบใจ อรอินทุ์ไม่รู้หรือว่ากำลังคุยอยู่กับใคร เท่าที่ผ่านมาเขายังไม่เคยต้องโทรขอให้ใครเลี้ยงข้าวสักครั้ง มีเธอเป็นคนแรก แต่ขืนบอกไป เดาว่าเธอคงไม่ประทับใจเท่าไหร่หรอก
“ผมไม่รู้ราคาเสียด้วยสิ แค่ทานข้าวด้วยกันสักมื้อเอง ทำไมคุณถึงไม่พอใจล่ะครับ ผมแค่อยากรู้จักคุณ เผื่อว่าต่อไปอยากทำโฆษณาจะได้นึกถึงบริษัทของคุณ”
อรอินทุ์แอบถอนใจ ถ้าเธอจะไปกินข้าวกับลูกชายนักธุรกิจใหญ่ก็เพราะประโยคหลังของเขานี่แหละ เอาวะ ไปเพื่องานในอนาคต
“ก็ได้ค่ะ ที่ไหนล่ะคะ ขอบอกก่อนนะคะว่าอย่าแพงมาก ฉันเพิ่งเปิดบริษัท พูดง่ายๆ คือกินแกลบอยู่”
“ผมไม่ใจร้ายกับคุณแบบนั้นหรอกน่า เราไปเจอกันที่...แล้วกันครับ”
ร้านอาหารถูกจดลงไป หญิงสาวรีบวางสาย วันนี้คงต้องชวนธนิดากับพิพัฒไปด้วย ถ้าไม่มีเรื่องของพันแสงที่มีเรื่องกับจิรเมธมาก่อนเธอคงมีเพื่อนเพิ่มได้ไม่ยาก เธอไม่รู้จักจิรกรเป็นการส่วนตัว แต่เท่าที่รู้ผ่านๆ หูมานอกจากความเก่งแล้วยังมีเรื่องความเจ้าชู้อีกด้วย ช่างเถอะ ไปเลี้ยงข้าวเขาให้จบๆ แล้วกลับบ้านใครบ้านมัน
ตกเย็นอรอินทุ์ต้องฉายเดี่ยวเมื่อธนิดามีนัด ส่วนพิพัฒบอกจะไปอยู่ดีๆ แต่มีเหตุว่าลูกค้าเก่านัดไปคุยงาน เพื่องานเธอเลยไม่รั้งเพื่อนไว้ ตลอดทั้งวันมีโทรศัพท์มากวนใจอยู่สองสาย สายหนึ่งจากนักข่าวและอีกสายจากตุลยาที่ต้องการรู้ว่ารูปพวกนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง เหมือนเธอกำลังพาพันธินหนีเลยแฮะ มีแต่คนห่วงเขากลัวเธอจะทำให้แปดเปื้อน
หญิงสาวปิดออฟฟิศเสร็จก็เดินมาที่รถซึ่งจอดอยู่ด้านหน้านั่นเอง วันนี้มีลูกค้าติดต่อมา แต่ยังไม่มีรายไหนตกลงเป็นเรื่องเป็นราวและกลับไปแล้ว ที่จอดรถอีกสองที่เลยว่าง แต่ตอนนี้ไม่ว่างไปที่หนึ่งแล้วเมื่อรถหรูๆ ของคนหน้าคุ้นมาจอดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วดูเถอะ เจ้าของรถออกมายืนรออย่างหล่อเลย แถมยังยิ้มด้วย เขาไม่กังวลว่าจะมีพวกปาปารัสซี่มาแอบถ่ายบ้างหรือไง ในขณะที่บอดี้การ์ดทำหน้าอย่างกับแบกโลกเหมือนเดิม
“คุณธิน...ทำไมมาถึงที่นี่ได้ล่ะคะ”
“ไม่ได้กังวลใจอะไรบ้างเหรอ ฉันคิดว่าเธออาจจะไม่สบายใจเลยเลิกงานเร็วแล้วรีบมาหา รอไปหาที่บ้านก็นานเกินไป” พันธินบอก อยากขอบใจที่เธอชมว่าหล่อ แต่คนฉลาดๆ แบบอรอินทุ์คงสงสัยแน่ๆ
อรอินทุ์อมยิ้มรู้สึกซึ้งใจ วันนี้ทั้งวันมีแต่คนห่วงเขา ขนาดเธอยังห่วงเขาจนลืมตัวเอง พอมีใครมาห่วงบ้างเลยใจพองๆ แต่เรื่องแค่นี้สบายมาก ขนาดพ่อยังโทรมาคุยขำๆ กับเธอเลย
“แล้วคุณธินโอเคดีไหมคะ”
“โอเคดี ฉันเป็นผู้ชายจะเสียหายอะไร แล้วนี่เธอกำลังจะไปไหน” เขาถามเมื่อเห็นเธอกดปลดล็อครถพลางขยับเดินไปยืนใกล้ๆ ไม่สนใจว่าแถวนี้จะมีนักข่าวหรือเปล่า เราบริสุทธิ์ใจเสียอย่างจะต้องกลัวอะไร แล้วที่สำคัญเราต่างโสดกันทั้งคู่
“เรื่องมันยาวค่ะ เอาเป็นว่าฉันกำลังจะไปกินข้าวกับคุณจิรกร” เธอบอกแต่ก็แอบบ่นในใจ ‘ไม่อยากไป แต่ต้องไปเสียด้วย เฮ้อ’
พันธินเดินไปที่ประตูอีกฝั่ง เปิดแล้วพาตัวเองเข้ามานั่ง อรอินทุ์ขมวดคิ้วว่าเขาจะทำอะไร ดูสิบอดี้การ์ดมองเธอตาเขียวแล้ว ทำอย่างกับเจ้านายถูกฉุดอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันพร้อมจะฟัง” เขาเอ่ยก่อนจะหันไปบอกบอดี้การ์ด “ผมจะนั่งรถไปกับอร”
ปริญพยักหน้าแล้วเดินกลับไปที่รถ อรอินทุ์มองตามแล้วยิ้ม บอดี้การ์ดรุ่นนี้ไขลานตรงไหนนี่ พอหันมาก็ทันเห็นพันธินกำลังหัวเราะ วันนี้เขาไปอารมณ์ดีเรื่องอะไรมา
“คุณธินอยากรู้ขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“อืม ขับรถไปสิ แล้วเล่ามาให้หมด” เขาสั่ง
อรอินทุ์ขมวดคิ้วใส่อีกรอบ เธอไปเป็นลูกน้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ว่าแต่เขาคิดก่อนเข้ามาในรถหรือเปล่า เธอพูดถึงจิรกร ไม่ใช่นาย ก นาย ข ที่ไหน ไม่ใช่ว่าจะเปิดศึกดวลปืนใส่กันหรอกนะ เธอหันมาสำรวจร่างกายของพันธิน เขาคงไม่พกปืนติดตัวมาหรอกมั้ง เขายิ้มอีกแล้ว ยิ้มอะไรไม่ได้พูดกันสักคำ
รถค่อนข้างติดกว่าที่คิด พันธินคงเหนื่อยเลยหลับไปหลังจากเธอขับรถขึ้นทางด่วน ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ จึงมาถึงร้านอาหารกลางใจเมืองที่ดูไฮโซหรูเวอร์จนอยากร้องเฮ้อ หญิงสาวยื่นมือจะไปสะกิดปลุกพันธิน ทว่าคนหลับตานิ่งกลับตื่นได้เอง แถมยังไม่มีอาการง่วงเพลียอีกด้วย เขาลงไปจากรถและยืนรอจนเธอเดินมาสมทบแล้วเดินไปด้วยกัน ปริญจะเดินตามเขายกมือห้ามแล้วปรายตามองไปที่รถ ดีแฮะ สั่งกันทางโทรจิตหรือไง
จิรกรมาถึงก่อนแล้ว เขานั่งรออยู่ที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่กลางสวนเพียงโต๊ะเดียว อรอินทุ์ถึงกับอึ้ง ตายแน่กระเป๋าเตรียมฉีกได้เลย นี่ถ้าเธอกับอีตาจิรกรรู้จักกันมานาน เธอคงคิดว่ามาออกเดท ว่าแต่เสื้อสูทที่เขาใส่ทำไมมันคุ้นๆ จิรกรยิ้มค้างเมื่อเห็นว่าผู้หญิงในข่าวไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่มีผู้ชายในข่าวพ่วงมาด้วย
“ขอโทษนะคะที่มาช้า คุณสั่งอะไรไปบ้างหรือยังคะ”
“ไม่นึกว่าคุณจะพาเพื่อนมาด้วย” จิรกรทำหน้าแปลกใจ ‘ถ้างั้นข่าวที่เห็นก็อาจจะจริงน่ะสิ ฮึๆ น่าสนุกแล้ว’
พันธินทำหน้าเฉยไม่คิดจะทักทาย แต่เลื่อนเก้าให้อรอินทุ์นั่ง แล้วเขาก็ลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งลงใกล้ๆ กัน บรรยากาศชวนให้คิดว่าเขาคงมาเป็นก้างของใครเข้าพอดี
“ฉันคิดว่าคุณไม่น่าจะโกหก ถึงจะเห็นเสื้อสูทของคุณแค่ครั้งสองครั้ง แต่ฉันก็จำได้ มันไม่ได้หายไปเพราะถ้ามันหายไป มันคงไม่อยู่ที่ตัวของคุณตอนนี้แน่” หญิงสาวถามเสียบเรียบ สีหน้าบอกชัดว่าไม่ชอบใจ ‘หน้าตาตี แต่ทำไมชอบโกหก มันน่าไหมเนี่ย’
จิรกรยังคงยิ้ม “ผมก็แค่อยากเซอร์ไพรส์”
“ฉันไม่ประหลาดใจสักนิด คุณทำแบบนี้ทำไม” อรอินทุ์ถามตรงๆ
“ผมอยากรู้จักคุณ”
พันธินพยักหน้าเลิกคิ้ว แกล้งถอนใจยาวเสียงดัง จิรกรเบี่ยงหน้ามามองแสร้งยิ้ม พันธินเลยแสร้งยิ้มกลับ อรอินทุ์ชักรู้สึกเหมือนอยู่กลางสงคราม
“คงช้าไปแล้วล่ะ ตอนนี้อรไม่ว่างพิจารณาใครแล้ว เอาไงล่ะ จะกิน หรือจะกลับ ฉันให้เธอเลือก”
คนกลางชะงักกึก ทำไมเขาโยนมาให้เธอตัดสินใจ แล้วอย่าได้คิดเชียวว่าถ้าอุตส่าห์ขับรถมาเมื่อยแสนเมื่อยจะยอมกลับออกไปง่ายๆ แพงก็แพงสิ ตอนนี้หิว ยอมจ่าย
“กินสิคะ มาตั้งไกล หิวจนไส้แทบขาดแล้วนะคะ” อรอินทุ์หัวเราะสร้างบรรยากาศ ถ้าจะสู้กันก็ขอกินให้อิ่มก่อน “น้องคะ ขอเมนูด้วย”
จิรกรเริ่มเซ็งเมื่อทุกอย่างผิดแผนไปหมด เขาจะจีบอรอินทุ์ได้ยังไงถ้าพันธินมานั่งอยู่ตรงนี้ ไหนว่ามันเสียใจซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำใจ ดูหน้ามันมีความสุขกว่าแต่ก่อนเสียอีก
“ผมนึกได้ว่ามีธุระ วันนี้คงไม่ได้ทานข้าวกับคุณแล้ว เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะครับ” ‘
อรอินทุ์ยิ้ม ไม่คิดจะรั้ง แต่คนอารมณ์ดีนี่สิ อยู่ๆ ทำไมทำหน้าบึ้งเหมือนอยากกินเลือดแล้วไม่ได้กิน จิรกรมองหน้าพันธินไม่พูดอะไรแล้วเดินไปเลย คนหิวไส้แทบขาดถอนใจโล่งอก นึกว่าจะนองเลือดกันแล้ว
“ขอบคุณนะคะที่มาเป็นเพื่อน คนอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัด” เธอบอกผู้ชายหน้าบึ้งพลางหยิบกระเป๋ามาคล้องไหล่เมื่อคิดว่าเขาอาจไม่ชอบที่นี่ เดี๋ยวต้องรีบบอกบริกร ป่านนี้อาหารน่าจะยังไม่ได้ทำหรอกมั้ง
มือหนายื่นมาคว้าข้อมือเล็กไว้ทัน เขาไม่ได้ไม่พอใจเธอ แต่ไม่พอใจความคิดของจิรกรต่างหาก ป่วยการบอกไป
“เราก็กินอาหารกันที่นี่แหละ หิวไม่ใช่เหรอ”
คนหิวไม่เรื่องมากเพราะขี้เกียจขับรถไปหาร้านอาหารแล้วเหมือนกัน ว่าแต่ชวนปริญกับคนขับรถมากินด้วยจะดีไหมนะ จู่ๆ พันธินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วบอกให้คนของเขาหาอะไรกินในร้าน แล้วมารวมบิลที่โต๊ะนี้
หญิงสาวแอบยิ้ม รู้สึกดีที่รู้ว่าเขามีน้ำใจ อาหารมาพอดี คนหิวก้มหน้าก้มตากิน พออยู่กันสองคนก็ชักแปลกๆ แฮะ ถ้าไม่มีข่าวพวกนั้นเธอคงไม่ใจแกว่งๆ พิกลแบบนี้หรอก เขาหล่อขึ้นทันตาภายในหนึ่งวันได้ยังไงเนี่ย นั่นไงเขายิ้มอีกแล้ว อารมณ์ดีมาบางเวลาหรือไง ถ้าอารมณ์ดีตลอดคงจะดี
ผิดแผนของจิรกร แต่เข้าทางพันธิน ต้องขอบคุณความหิวของอรอินทุ์
ปล. โบว์ส่งต้นฉบับนิยายให้ทาง MEB เพื่อลงเป็น E-BOOK ถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมาแจ้งให้ทราบกันนะคะ
จะมา up เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 157
แสดงความคิดเห็น