ห้องทรงงาน+ข่าวดีอีกแล้ว
“ท่านเสนาบดีกง ตอนนี้เราร้อนใจนัก เจ้าสิบหายตัวไปจนตอนนี้ยังหาไม่พบ” ในห้องทรงงานฮ่องเต้กล่าวออกมาด้วยสีพระพักตร์ตึงเครียด คราแรกพระองค์ไม่ได้คิดอะไรมากขอเพียงโอรสคนที่สิบของตนปลอดภัยก็พอ แต่ตอนนี้ผ่านไปหลายเดือนคนที่พระองค์ส่งออกไปตามหาเขากลับไม่มีข่าวคราวแม้แต่น้อย คล้ายชิงสือลอยหายไปในอากาศเช่นนั้น
“ฝ่าบาท ตอนนี้ป้ายชีวิตขององค์ชายสิบยังไม่ดับมอดไม่ใช่รึพะยะคะ” เสนาบดีกงได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าฝ่าบาทที่ห้องทรงงาน พอมองดูสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็รู้ได้ว่าพระองค์ร้อนใจนัก เรื่องนี้แม้แต่ตนเองยังไม่สามารถทำอันใดได้ เขาส่งคนไปสืบข่าวจากฝั่งศัตรู แม้แต่ตระกูลหวังยังไม่สามารถหาองค์ชายสิบพบ นับว่าวางใจได้ระดับหนึ่ง
“แม้จะเป็นเช่นนั้น เจ้าสิบยังไม่เคยออกไปที่ใด เขาคงลำบากไม่น้อย” บุตรชายคนนี้ เกิดมาก็ถูกจำกัดอยู่แต่ในรั้วในวัง ไม่เคยออกไปลำบากที่ข้างนอกสักครั้ง คิดแล้วก็ทำให้พระองค์รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
“เช่นไร องค์ชายสิบก็มีเชื้อสายของฝ่าบาท เขาต้องเอาตัวรอดได้แน่” ฮ่องเต้อาจจะไม่รู้ แต่เสนาบดีเช่นเขารับรู้แน่นอน ว่าองค์ชายสิบไม่ได้อ่อนแอดังเช่นที่พวกเขามองเห็น โดยเฉพาะสามปีที่ผ่านมาองค์ชายสิบทรงได้รับความลำบากไม่น้อย เขายังเอาตัวรอดได้ เสนาบดีเชื่อมั่นในตัวองค์ชายสิบผู้นี้ไม่น้อย
“นั่นสินะ สั่งการลงไปให้ค้นหาองค์ชายสิบต่อไปจนกว่าจะหาตัวเขาพบ” โอรสของพระองค์คนนี้ย่อมมีความคล้ายพระองค์ไม่น้อย การขึ้นครองราชย์ของพระองค์ใช่ว่าจะราบรื่นนักต้องผ่านการฆ่าฟันมาไม่น้อย เมื่อก่อนพระองค์ก็หาใช่คนโหดเหี้ยมอันใด แต่เพื่อได้ขึ้นครองบัลลังก์นี้พระองค์ต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง พระองค์จำเป็นต้องเข้มแข็งขึ้น
“พะยะคะ” เสนาบดีหวังรับคำสั่ง
“หากหาเจ้าสิบพบแล้ว เรื่องต่างๆ จะได้ดำเนินการเสียที” ตอนนี้ได้แค่รอเท่านั้น หากเจอเจ้าสิบแผนทุกอย่างจะได้เริ่มขึ้นสักที
“หมายความว่าฝ่าบาท…พระองค์ทรง” เสนาบดีเบิกตาขึ้น หมายความว่าฝ่าบาททรงคิดจะสละบัลลังก์รึ ตอนนี้ฮ่องเต้ยังหนุ่มนัก พระองค์อายุพึ่งสามสิบเจ็ด เหตุใดจึงคิดลงจากบัลลังก์เร็วเช่นนี้
“ใช่ มันใกล้ถึงเวลาแล้ว เสนาบดีกง ท่านจำปีนั้นได้หรือไม่ ปีนั้นที่นางตั้งครรภ์เจ้าสิบ” ฮ่องเต้ทรงรู้ตนเองดี ตอนนี้ร่างกายของพระองค์แม้จะได้โอสถชั้นดีที่หยุนเทียนปรุงขึ้นช่วยฉุดชีวิตพระองค์ขึ้นมาได้ แต่พระองค์ก็เสียพลังชีวิตไปมากแล้ว หากไม่เร่งรีบตอนนี้เกรงว่าจะไม่ทันการณ์แล้ว พระองค์ยังจำได้ นางอันเป็นที่รักของพระองค์ เดิมนางไม่ควรมีชีวิตที่ขมขื่นเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะพระองค์นางถึงกลับขัดคำสั่งของเผ่าสละตำแหน่งธิดาเทพติดตามพระองค์กลับมา แต่ด้วยการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ยังไม่มั่นคงนัก เสนาบดีเฒ่าตระกูลหวังก่อนหน้านั้นใช้กำลังทหารในมือของมันบังคับให้พระองค์ยอมรับฮองเฮาที่มาจากตระกูลหวัง มาครั้งที่พระองค์นำนางอันเป็นที่รักกลับมาพระองค์ยังให้นางไม่ได้แม้แต่ตำแหน่งผินด้วยซ้ำทั้งที่นางตั้งครรภ์โอรสของพระองค์ ในชีวิตที่เหลือของพระองค์จะต้องเห็นคนตระกูลหวังสิ้นตระกูล
“หม่อมฉันจำได้ไม่เคยลืมพะยะคะ” ครั้งนั้นวันที่องค์ชายสิบถือกำเนิด มารดาของเขาเองก็สิ้นลมลงด้วยเช่นกัน เพราะนางฝืนกฎของเผ่าเทพเพื่อให้กำเนิดบุตรของนาง ก่อนสิ้นลมนางได้ทำนายดวงชะตาของบุตรเป็นครั้งสุดท้าย หากองค์ชายสิบได้ขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลหวังก็จะล่มสลาย ฝ่าบาทจึงปล่อยข่าวว่ามีนักพรตวิเศษทำนายว่าองค์ชายสิบจะได้ครองบัลลังก์แน่นอนเพื่อล่อศัตรูของตนให้ติดกับ นับว่าโหดเหี้ยมกับโอรสของตนไม่น้อย
“อืม เราจะไม่ปล่อย ให้หญิงชั่วช้ากระทำการได้สำเร็จแน่ อย่างไรเจ้าสิบก็ต้องขึ้นครองบัลลังก์” แม้คำทำนายของนางอันเป็นที่รักจะไม่ชัดเจนว่าเจ้าสิบจะได้ครองบัลลังก์หรือไม่ แต่พระองค์จะทำให้มันเป็นจริง พระองค์จะไม่ปล่อยคนตระกูลหวังให้รอดไปแม้แต่คนเดียว สตรีชั่วกับบุตรชายลูกชู้ของนางจะไม่มีวันได้สมหวัง เพื่ออำนาจนางถึงกับใช้วิธีที่โหดเหี้ยมฆ่าโอรสเขาไปกี่คนแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่เจ้าสิบกับธิดาที่เกิดจากสนมขั้นผินมารดาเลี้ยงของเจ้าสิบเท่านั้น ที่เป็นบุตรของเขา จะไม่ให้เขาแค้นได้รึ
“หม่อมฉันจะทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาทพะยะคะ” เสนาบดีหวังรับบรรชาของฮ่องเต้ ก่อนจะเดินออกจากตำหนักไป
“หลานเอ๋อ เจ้านอนหลับดีหรือไม่” วันนี้บุตรสาวมากินข้าวพร้อมกับนาง ตาเฒ่าของนางก็ออกไปฟาร์มตั้งแต่เช้าแล้ว ช่วงนี้บุตรเขยของนางไม่อยู่สามีของนางจึงต้องช่วยเขาดูแลฟาร์มอย่างเต็มที่
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าคะท่านแม่” สามีนางออกเดินทางได้กว่าครึ่งเดือนแล้ว แม้ช่วงแรกๆ จะรู้สึกเหงาอยู่บ้าง นางมีงานให้ทำทุกวันจึงไม่ได้มีเวลาคิดมากนัก และสามียังให้หินแสงจันทร์ไว้ทุกวันเขาจะติดต่อหานางหนึ่งครั้งพอให้หายคิดถึงลงบ้าง
“เช่นนั้นก็ดี หากอยู่คนเดียวไม่ได้ ก็ย้ายมาอยู่กับแม่ชั่วคราวก่อนก็ได้” แม่หงอดห่วงบุตรสาวของนางไม่ได้ ในเมื่อนางสบายดีก็ต้องปล่อยนางไป
“เจ้าคะท่านแม่ ข้าอยู่ได้เจ้าคะ พี่สะใภ้เล่าเจ้าคะ” หลานหงรับคำก่อนถามหาพี่สะใภ้ ตั้งแต่นางเข้าเรือนมายังไม่เห็นพี่สะใภ้เลย
“เฮ้อ ช่วงนี้นางเริ่มท้องโตขึ้น ตอนนี้ข้าเลยปล่อยให้นางพักผ่อนก่อน” เมื่อพูดถึงลูกสะใภ้ของนาง ช่วงนี้ครรภ์ของนางเริ่มเข้าสู่สี่เดือนแล้ว ร่างกายปรับเปลี่ยนไปเยอะ อ่อนเพลียได้ง่าย แม่หงจึงให้นางพักผ่อนมากหน่อย
“เช่นนั้นเองรึเจ้าคะ ว่าแต่ท่านแม่ทำข้าวต้มปลารึเจ้าคะ เหตุใดมันถึงรู้สึกเหม็นเช่นนี้เล่าเจ้าคะ” หลานหงฟังมารดาไปก่อนตักข้าวต้มเข้าปาก แต่นางถึงกับคายมันออก ทำไมมันทั้งคาวและเหม็นเช่นนี้ มารดาของนางทำมันไม่สะอาดหรือไม่
“เหม็นรึ ไม่เห็นว่ามันจะเหม็นอร่อยด้วยซ้ำ ฝีมือแม่เจ้ากินมาแต่เล็ก แม่เคยทำข้าวต้มเหม็นที่ใดเล่า” แม่หงตักข้าวต้มเข้าปากมันยังอร่อยดี ปลารึก็สดกลิ่นหอมฉุยเชียวจะเห็นได้อย่างไรกัน
“แต่ที่ข้ากินมันทั้งคาวทั้งเหม็นนะด้วยเจ้าคะ” อย่างไรหลานหงก็รู้สึกว่ามันเหม็นซ้ำยังกลิ่นแรงมากขึ้น
“เดี๋ยวนะ ช่วงนี้แม่มองดูรู้สึกว่าเจ้ามีน้ำมีนวลขึ้นนะ” เมื่อเห็นบุตรสาวมีอาการผิดปกติเช่นนี้ แม่หงจึงมองไปที่ตัวของบุตรสาวคล้ายว่าช่วงนี้บุตรสาวของนางมีน้ำมีนวลขึ้น ซ้ำยังรู้สึกว่านางยิ่งงดงามขึ้นกว่าเดิมอีก
“ก็ใช่นะเจ้าคะ สามีเลี้ยงข้าดีเช่นนี้ ข้าน้ำหนักขึ้นบ้างเป็นธรรมดา” นางได้อยู่ดีกินดี สามียังบอกว่าจะขุนนางให้เป็นแมวอ้วน เมื่อมารดามองว่านางมีน้ำมีนวลขึ้นนางดีใจยิ่ง เพราะสามีของนางชอบที่นางเป็นเช่นนี้
“ไม่ใช่ มันดูแตกต่างเล็กน้อย หลานเอ๋อ ระดูเจ้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” แม่หงมองว่านางอาจไม่ใช่แค่น้ำหนักขึ้นธรรมดา ในใจกลับมีความหวังบางอย่างเกิดขึ้น
“อืม ดูเหมือนว่าจะเป็นเดือนก่อน หือ ท่านแม่เจ้าคะท่านจะบอกว่าข้าอาจจะตั้งครรภ์หรือเจ้าคะ” หลานหงคิดตามที่มารดาถามรู้สึกว่าครั้งสุดท้ายจะเป็นเมื่อเดือนก่อนซ้ำเดือนนี้ระดูของนางยังไม่มาสักที หลานหงเบิกตาขึ้น หรือว่านางจะตั้งครรภ์งั้นรึ
“ใช่ ต้องใช่แน่ๆ เพื่อให้แน่ใจต้องตามหมอมาตรวจ” แม่หงมั่นใจยิ่งว่าบุตรสาวของนางจะต้องจะตั้งครรภ์แน่ๆ เพื่อให้แน่ใจต้องได้รับการตรวจจากหมอเสียก่อน
“เช่นนั้นหรือเจ้าคะในหมู่บ้านมีหมออยู่คนหนึ่ง เช่นนั้นข้าจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้” หลานหงก็ดีใจเช่นกัน นางรอวันที่นางจะตั้งครรภ์มานานแล้ว หากเขามาจริงๆ ไม่ได้นางจะต้องให้ท่านหมอตรวจเพื่อความแน่ใจ พอดีกับในหมูบ้านซานมีหมอท่านหนึ่งมาอาศัยอยู่ด้วยจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปหาหมอที่ในเมือง
“ไม่ต้องๆ เจ้านั่งอยู่ตรงนี้ หินนี่ใช้ติดต่อจุนไคได้” แม่หงห้ามบุตรสาว ก่อนที่บุตรเขยของนางจะจากเรือนไป เขาได้ให้หินแสงจันทร์กับทุกคนไว้ใช้ติดต่อกัน จุนไคหลานชายของแม่เฒ่าเหล่ยขี่รถม้าเข้าไปรับคนงานปักผ้าในหมู่บ้านพอดี ให้เขารับท่านหมอมาด้วยเลย
“ได้เจ้าคะ” มือของนางยังกำแน่นที่หน้าตัก เรื่องนี้จิตใจนางยากจะสงบลงจริงๆ
“อืม เอ" ท่านหมอหลังจากตรวจแล้ว เขาลูบเคราของตนเองเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด
“เป็นเช่นไรบ้างท่านหมอ” ผู้ที่ทนรอไม่ได้กลับเป็นชิงสือ เขาที่กำลังออกมาฝึกยุทธที่ลานหน้าหอพัก ได้รับข่าวจากท่านตาฮั่วที่วิ่งออกจากฟาร์มมาพอดี จึงกลายเป็นทั้งตาทั้งหลานนอกไส้ พากันเร่งรีบมาที่เรือนเช่นนี้
“เดี๋ยวสิอาสือเจ้าจะรีบเร่งท่านหมอไปไยเล่า” เมื่อเห็นเช่นนี้แม่หงได้แต่ร้องปรามเขาดูสิเจ้าเด็กนี้ ดูจะตื่นเต้นเกินคนในครอบครัวจริงๆ อย่างพวกนางไปหรือไม่ ดูอย่าตาเฒ่าของนางสิยื่นเงียบเสียนี่กระไร
“ก็ข้าตื่นเต้นแทนอาจารย์หญิงนี่นาท่านยาย” ไม่รู้เช่นไรเขาจึงตื่นเต้นเช่นนี้ คล้ายกับว่าเด็กในท้องนางคือคนที่เขาเฝ้ารอมานาน
“อืม ยินดีกับฮูหยินสวีด้วย ตอนนี้ท่านกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ” หมอจูตรวจเห็นชีพจรมังกร แม้จะตรวจยากเล็กน้อยเป็นชีพจรมังกรไม่ผิดแน่ นายหญิงสกุลสวีผู้นี้ตั้งครรภ์แล้ว หมอจูพึ่งเข้ามาอยู่หมู่บ้านซานได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน กลับได้ยินเรื่องราวของพวกเขามาไม่น้อย นับว่านางได้ลบคำครหาว่าเป็นแม่ไก่ออกไข่ไม่ได้ไปแล้วในครั้งนี้
“ฮ่าๆๆ ข้านึกไว้แล้ว ขอบคุณท่านหมอมากนี่ค่าตรวจของท่าน จุนไคไปส่งท่านหมอที่เรือนเถิด” แม่หงยิ้มยินดีก่อนจะควักเงินก้อนใหญ่ออกมาให้หมอจู และให้จุนไคส่งเขากลับเรือน
“ขอรับ ท่านหมอเชิญขอรับ” จุนไคพาหมอจูกลับไป
"ข้าท้องแล้วรึเจ้าคะ ข้าท้องแล้ว" หลานหงน้ำตาคลอลูบท้องของตนเอง เด็กคนนี้ในที่สุดเขาก็มาเกิดกับนางแล้ว นางรู้สึกตื้นตันยิ่ง
“ฮ่าๆ ดีมากลูกพ่อ ครั้งนี้เป็นโชคของพวกเราจริง ข้ากลับมีหลานถึงสองคน” พ่อฮั่วอดไม่ได้ที่จะยินดี ปีนี้นับว่าเขาโชคดียิ่งทั้งหลานในตระกูลและหลานนอกตระกูลเขากลับมีครบ เอาไว้ว่างๆ วันใด เขากลับไปหมู่บ้านหลิวเขาจะได้คุยโวให้พวกสหายน่าชังพวกนั้นให้พวกมันอิจฉาอกแตกตายไปเสีย ใครให้พวกมันเคยพูดเยาะเย้ยเขามากไว้เล่า
“ยินดีด้วยน้องสามี เจ้าท้องแล้ว” หลิงซีได้ยินเสียงดังขึ้นก็ลุกออกมาดูด้วยเช่นกัน หลานหงท้องแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีนัก
“ฮ่าๆ เด็กคนนี้เจ้ารอมาตั้งนาน ต่อไปเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี” แม่หงกำชับหลานหง เพราะนางรู้ว่าบุตรสาวคนนี้ทำงานหนักยิ่ง ต่อไปนี้จะทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว มีงานอันใดต้องปล่อยให้ผู้อื่นช่วยนางบ้าง จะทำอย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
“ใช่ท่านอาจารย์หญิง ท่านต้องดูแลตนเอง ท่านจะให้ข้าบอกอาจารย์เลยหรือไม่” ครั้งนี้ชิงสือเห็นด้วยอย่างยิ่งอย่างไรอาจารย์หญิงต้องดูแลเด็กคนนี้ให้ดี หากเป็นไปได้เขาไม่อยากให้อาจารย์หญิงต้องทำงานอันใดด้วยซ้ำ หรือเขาจะติดต่ออาจารย์ของเขาให้รีบกลับมาเฝ้าอาจารย์หญิงดีนะ เขาอดห่วงไม่ได้จริงๆ
“อ่า ครอบครัวเราเป็นอันใดกันนะ ทั้งลูกสะใภ้ ทั้งบุตรสาวของข้าสามีพวกนางต่างไม่ได้อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาเช่นนี้” เมื่อได้ยินคนพูดถึงบุตรเขยของนาง แม่หงพลันคิดถึงบุตรชายของนางขึ้นมาอีกคน แม้จะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่เหตุใดพ่อของเด็กเหล่านี้จึงไม่ได้อยู่ดูแลภรรยาของตนตอนที่พวกนางกำลังตั้งครรภ์เช่นนี้นะ
“ข้าจะเป็นคนบอกเขาเอง” เรื่องนี้นางจะเป็นคนบอกกับสามีเอง เด็กคนนี้พวกเราเฝ้ารอเขามานาน สามีนางต้องยินดีแน่ๆ นางอยากได้ยินน้ำเสียงของเขาสามีนางจะตื่นเต้นแบบนางหรือไม่นะ
“ได้ขอรับ”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 127
แสดงความคิดเห็น