ตอนที่ 252 วิชาต้องห้าม
ตอนที่ 252 วิชาต้องห้าม
ชิ้นส่วนภายในกระดิ่งนรกมีขนาดเล็กมากจนแทบจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นต่างก็มีความบางน้อยกว่าเส้นผม ทำให้เซี่ยเฟยสามารถมองเห็นรายละเอียดของชิ้นส่วนทุกชิ้นได้ภายใต้แว่นขยายกำลังสูงเท่านั้น
การออกแบบอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นเรื่องที่เหนือเกินกว่าจินตนาการของเขามาก เพราะการย่อขนาดของชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้มีขนาดเล็กไม่ใช่เรื่องง่าย และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการนำชิ้นส่วนเหล่านั้นมาประกอบกันให้กลายเป็นอุปกรณ์ระดับสูง
เซี่ยเฟยสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับนิ้วอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหากว่ามันเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาชิ้นส่วนก็อาจจะหลุดออกจากตำแหน่งเดิม จนเขาไม่สามารถกู้คืนอุปกรณ์ชิ้นนี้กลับคืนมาได้
ชายหนุ่มได้ทำการบันทึกกระบวนการทั้งหมดผ่านทางระบบวิดีโอความละเอียดสูง เพราะถ้าหากว่าเขาไม่สามารถประกอบชิ้นส่วนกลับไปยังตำแหน่งเดิม เขาก็จะสามารถย้อนดูวิดีโอพวกนี้เพื่อพยายามประกอบชิ้นส่วนกลับไปใหม่
สิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำในตอนนี้คือการเรียนรู้ระบบทั้งหมดให้ได้มากที่สุด และพยายามค้นหาสาเหตุที่กระดิ่งนรกสามารถป้องกันสัญญาณรบกวนจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้ เพื่อที่เขาจะได้นำข้อมูลไปอ้างอิงในระหว่างการออกแบบระบบซุปเปอร์เรดาร์
ในความเป็นจริงการพยายามแยกส่วนประกอบอุปกรณ์ที่มีความละเอียดมากขนาดนี้มีความเสี่ยงที่สูงมาก เพราะความผิดพลาดเพียงแค่เล็กน้อยอาจจะทำให้วงจรของอุปกรณ์ได้รับความเสียหายได้เลย แต่ถึงกระนั้นวงจรของอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนสูงตรงหน้าของเซี่ยเฟยนี้ กลับทำให้เขามีแรงกระตุ้นในการค้นหาความลับของมันมากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มทำการรื้อส่วนประกอบออกมาทีละนิด ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้พบกับข้อมูลที่น่าสนใจ เขาก็จะทำการจดบันทึกทุกอย่างลงในไมโครคอมพิวเตอร์อย่างละเอียด
เซี่ยเฟยชอบความรู้สึกในระหว่างการสำรวจสิ่งที่เขาไม่รู้จักมาก นอกจากนี้เขายังสนุกกับการพยายามแก้ปัญหาอะไรบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ
วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในพริบตาชายหนุ่มก็ได้ทำการศึกษากระดิ่งนรกมาเป็นเวลานาน 3 วัน 3 คืนแล้ว
ในกระบวนการเรียนรู้จำเป็นจะต้องใช้สภาพจิตใจที่แจ่มใส แต่หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ออกมาจากดาวนิรนามเขาก็ไม่ได้ทำการพักผ่อนมาเป็นเวลา 5 วันติดต่อกันแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าสภาพจิตใจของเขาจะดีแค่ไหนแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกมึนงงอยู่เล็กน้อย ชายหนุ่มจึงเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ในกล่องอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้สำหรับการวิจัยในอนาคต
เซี่ยเฟยรู้ตัวดีว่ามันถึงเวลาที่เขาจะต้องทำการพักผ่อนแล้ว และถึงแม้เขาจะเป็นผู้มีพลังพิเศษที่มีร่างกายแข็งแรงกว่ามนุษย์โดยทั่วไป แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่ดี
ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงบนเตียงพร้อมกับนึกถึงกระบวนการทั้งหมดในระหว่างที่เขาแยกชิ้นส่วนกระดิ่งนรก โดยเขาได้เรียบเรียงปัญหาที่ได้รับการแก้ไขแล้วกับปัญหาที่เขาจะต้องนำไปวิจัยในอนาคต ก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามกระดิ่งนรกที่เขาแยกชิ้นส่วนก็ยังเป็นเพียงแค่กระดิ่งสีเงิน ซึ่งเป็นกระดิ่งรับสัญญาณเท่านั้น มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่าเขาได้ทำการรื้อกระดิ่งสีดำซึ่งเป็นกระดิ่งสำหรับส่งสัญญาณ
วงจรภายในกระดิ่งสีดำย่อมมีความซับซ้อนมากกว่ากระดิ่งสีเงินอย่างแน่นอน แต่เซี่ยเฟยยังขาดอุปกรณ์ที่จำเป็น ด้วยเหตุนี้การรื้อกระดิ่งสีดำบนยานอวกาศจึงถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ปลอดภัย
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาชายหนุ่มก็ตื่นนอนด้วยความกระปรี้กระเปร่า แต่เขาไม่ได้ใช้เวลาในการวิจัยกระดิ่งนรกอีกต่อไป แต่เขาทำการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะลงจอดบนดาวเฮกสตาร์ในอีกไม่นานแทน
เซี่ยเฟยกลับไปที่ห้องบัญชาการเพื่อตรวจสอบบันทึกการเดินทาง ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็นึกถึงเฉินตงและเยว่เกอที่ไม่ได้เจอกันนาน เขาจึงไม่รู้เลยว่าสหายของเขาทั้งสองคนเป็นยังไงบ้างแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นห้องใต้ดินของห้องสมุดก็กำลังดึงดูดความสนใจของเขาเช่นเดียวกัน เพราะด้วยอัตราส่วนของห้องในชั้นใต้ดินที่ผิดเพี้ยนไป มันก็แสดงว่าภายในชั้นใต้ดินจะต้องซ่อนความลับอะไรบางอย่างเอาไว้อย่างแน่นอน
เมื่อฉินหมางไม่อยู่เซี่ยเฟยก็สามารถนำอุปกรณ์ตรวจจับเข้าไปภายในห้องสมุดได้ จากนั้นเขาก็จะทำการสำรวจเพื่อตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง
แต่ในทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็นึกถึงของขวัญที่เงาสูญได้มอบให้กับเขา ท้ายที่สุดหลังจากที่กลับมาบนแวมไพร์เขาก็ยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับคนอื่น และมุ่งเน้นความสนใจไปที่การรื้อกระดิ่งนรกจนทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบห่อผ้าออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งในกระบวนการนี้อันธก็กำลังยืนมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยความสนใจเช่นเดียวกัน
ภายในห่อผ้าคือหนังสือเล่มสีดำที่มีความหนาพอ ๆ กับพจนานุกรม และทันทีที่เซี่ยเฟยได้เปิดห่อผ้าออกกลิ่นเอกลักษณ์ของกระดาษก็ลอยฟุ้งไปทั่วทั้งอากาศ
หนังสือเล่มนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีทำให้ปกของหนังสือไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่น่าเสียดายที่บนปกไม่มีตัวอักษรระบุชื่อของหนังสือเอาไว้ ชายหนุ่มจึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะมีเนื้อหาประเภทไหนได้รอเขาอยู่ที่ด้านในของหนังสือ
ชายหนุ่มพลิกหน้ากระดาษอย่างตั้งใจก่อนที่เขาจะได้เห็นข้อความที่เงาสูญได้เขียนไว้ถึงตัวเขาเอง
“หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือวิชาลับที่ชั่วร้ายที่ชื่อว่า ‘วิชาหลอนจิต’ วิชานี้สามารถใช้พลังจิตชักนำให้อีกฝ่ายเกิดภาพหลอนขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่พูดแต่ข้าได้พบว่าเจ้ามีพลังจิตที่แก่กล้ามาก หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าก็น่าจะมีพลังจิตเป็นพลังพิเศษชนิดที่ 2 ที่นอกเหนือจากความเร็ว ดังนั้นข้าจึงคิดว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะสมสำหรับเจ้า”
“ในช่วงท้ายของหนังสือเล่มนี้ข้าได้บันทึกวิชาต้องห้ามบางวิชาเอาไว้ให้กับเจ้าด้วย ซึ่งมันเป็นวิชาที่สามารถทำให้เจ้าลากศัตรูให้ตกตายไปพร้อมกับตัวเอง แต่ข้าเคยบอกไปแล้วว่าทุกสิ่งในหนังสือเล่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นวิชาที่ชั่วร้าย ไม่เพียงแต่พวกมันจะเป็นวิชาที่อันตรายต่อร่างกายเท่านั้น แต่มันอาจจะทำให้ผู้ฝึกสูญเสียอวัยวะของตัวเองไปได้เลย”
“หากเจ้าเป็นศิษย์ธรรมดาข้าคงไม่มีทางมอบหนังสือเล่มนี้ให้กับเจ้าอย่างเด็ดขาด แต่ข้าได้พบว่าเจ้ามีพลังจิตที่ไม่ธรรมดา ส่วนเจ้าจะร่ำเรียนวิชาเหล่านี้หรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเอง”
เซี่ยเฟยสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ พร้อมกับเปิดอ่านหนังสือไปทีละหน้าอย่างช้า ๆ
“นี่มันเป็นหนังสือที่คัดลอกจากลายมือของอาจารย์เงาสูญนี่! เขาเป็นคนตาบอดแล้วเขาสามารถคัดลอกหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาได้ยังไง?” อันธอุทานด้วยความสงสัย
“อาจารย์ไม่ใช่คนตาบอด ถ้าฉันคิดไม่ผิดทั้งดวงตาและขาของเขาน่าจะเป็นผลกระทบจากการที่เขาได้ฝึกวิชาพิเศษอะไรบางอย่าง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“วิชาพิเศษ?!” อันธอุทานด้วยความสงสัย
“นายลืมไปแล้วเหรอว่าในองค์กรนักสู้ทุกองค์กรต่างก็มีวิชาลับในองค์กรของตัวเอง ฉันคิดว่าอาจารย์น่าจะฝึกวิชาลับจนทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นแบบนั้น นายไม่สังเกตเหรอว่าฝีเท้าของอาจารย์แปลกมาก เพราะระยะห่างในการก้าวเท้าของเขาทุกครั้งต่างก็เป็นระยะที่เท่ากันเหมือนกับถูกฝึกฝนมานานหลายปี ฉันเลยเดาว่าอาจารย์ไม่ได้สูญเสียขาขวาของเขาไปจริง ๆ แต่เขาจงใจที่จะไม่ใช้ขาข้างนั้นในสถานการณ์ปกติต่างหาก”
“นอกจากนี้คนตาบอดมักจะคุ้นเคยกับการใช้หูในการแยกแยะเสียงต่าง ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะหันข้างเพื่อหันหูไปทางคนที่พวกเขาพูดคุย แต่อาจารย์หันหน้าตรงกับทุกคนที่เขากำลังพูดคุยด้วย ฉันเลยคิดว่าอาจารย์น่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่ใช้ดวงตาในสถานการณ์ปกติเหมือนกับขาขวาของเขา”
“นั่นสินะ ถึงว่าทำไมลานเล็ก ๆ ที่อาจารย์เงาสูญอาศัยอยู่ถึงสะอาดขนาดนี้ ที่แท้เขาก็ไม่ได้ตาบอดแต่เขาแค่แสร้งทำเป็นคนพิการ!” อันธอุทานพร้อมกับใช้มือตบขาจนเกิดเสียงดัง
“นายจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก คนบางคนมีประสาทการรับรู้ที่ไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะปิดตาแต่พวกเขาก็สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบได้ดีกว่าคนตาดีบางคนเสียอีก เห็นได้ชัดว่าระดับพลังของอาจารย์สูงมาก ดังนั้นการทำความสะอาดลานกว้างแค่นั้นไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่นายต้องจำอย่างหนึ่งเอาไว้ว่าคนเราไม่สามารถมองจากภายนอกเพียงแค่อย่างเดียวได้ แต่ต้องมองลึกลงไปในรายละเอียดของพวกเขาด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อันธพยายามจดจำคำพูดของเซี่ยเฟยเอาไว้ภายในใจ เพราะท้ายที่สุดการวิเคราะห์การตัดสินใจของชายหนุ่มคนนี้ก็ดีกว่าเขามาก
ในจักรวาลมีวิชาพิเศษบางวิชาที่สามารถใช้พลังชีวิตเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ และยิ่งระดับพลังของพวกเขามากขึ้นเท่าไหร่ พลังที่เพิ่มขึ้นมาจากการใช้พลังชีวิตไปแลกก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากไปเท่านั้น
โดยปกติวิชาประเภทนี้จะถูกเรียกกันว่าวิชาสังเวยเลือด แต่วิชาสังเวยเลือดที่นักฆ่าเดนตายภายในสำนักฝึกฝนเป็นวิชาที่โหดร้ายมากกว่านั้น เพราะบางวิชาจำเป็นต้องใช้อวัยวะในร่างกายเพื่อแลกกับการฝึกฝนด้วย
เซี่ยเฟยสันนิษฐานว่าเงาสูญน่าจะฝึกฝนหนึ่งในวิชาสังเวยเลือดทำให้ภายนอกเขาจึงดูเป็นเหมือนกับคนพิการ แต่เมื่อไหร่ที่เขาได้ปล่อยพลังออกมามันก็จะเป็นพลังงานที่สูงเกินกว่าคนทั่วไปจะสามารถจินตนาการได้
ในวันที่ไม่มีการต่อสู้เงาสูญจะต้องถูกลงโทษที่เรียนรู้วิชาสังเวยเลือดด้วยการใช้ชีวิตเหมือนกับคนพิการ เพื่อแลกกันกับพลังที่เขาสามารถใช้ได้เหนือกว่าคนธรรมดา
“ฉันไม่คิดเลยว่าอาจารย์เงาสูญจะได้ฝึกฝนวิชาต้องห้ามแบบนี้ นายควรรู้เอาไว้ว่าเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องต้องห้ามของสำนัก” อันธกล่าว
“ไม่ต้องไปว่าคนอื่นเลย! ถ้าไม่ใช่เพราะนายฝึกวิชาต้องห้ามนายก็คงจะไม่ได้กลายเป็นวิญญาณอยู่ติดกับสร้อยแบบนี้เหมือนกันนะแหละ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
แวมไพร์ได้ทำการวาร์ปอีกครั้งและเมื่อมันได้ออกมาจากรูหนอน เซี่ยเฟยก็ได้พบกับดาวเฮกสตาร์ที่คุ้นตา
***************
ตอนนี้ขอเสนอเนื้อเรื่องอาจารย์ปู่เงาโลหิตสอนเงาอันธการ 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 196
แสดงความคิดเห็น