ไพรอาฆาต : ตอนที่ 3
ในประสาทการรับรู้ของพรานเล็ก เสียงเพลงไทย์ที่ดังแว่วมาช่างฟังดูเพลิดเพลินจนจับจิต เสียงกังวานจากระนาดผสานไปกับเสียงแหลมใสของท่วงทำนองขลุ่ยนำพาห้วงสติของพรานผู้เจนไพรให้ตกอยู่ในภวังค์โดยไม่รู้ตัว
ดวงจันทร์เหนือยอดไม้ทอแสงสีนวลอาบไล้ผืนป่า พลอยทำให้ในคืนนี้พงไพรไม่มืดมิดจนเกินไปนัก เสียงดนตรีไทยคล้ายดังใกล้เข้ามาทางห้างที่คนทั้งสองอาศัยอยู่ ทว่าอีกอึดใจหนึ่งก็เหมือนเคลื่อนห่างออกไปไกลเรื่อยๆ จนแทบไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าสายลมหยุดพัดไปตั้งแต่เมื่อใด ทว่าถึงในยามนี้จะไม่มีกระแสลม แต่ความเย็นในป่ายิ่งมีแต่จะทวีขึ้นเป็นลำดับ
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่พอทำให้มองเห็นสภาพแวดล้อมเบื้องล่างนั่นเอง เสียงดนตรีไทยเริ่มดังชัดเจนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทว่ารอบนี้คล้ายดังใกล้เข้ามามากกว่าทุกครา ในบัดดลนั่นเอง พรานเล็กก็เริ่มมองเห็นคนแต่งกายด้วยชุดโบราณมากมายค่อยๆ ทยอยเดินทะลุป่ารกออกมายืนรวมตัวอยู่ที่ลานดินด้านล่าง
กลุ่มคนโบราณเหล่านั้น มีทั้งชายหญิง ทั้งเนื้อตัวเต็มไปด้วยชุดและเครื่องประดับสวยงามแลดูล้ำค่า ระหว่างพรานเล็กกำลังจ้องมองด้วยความตื่นตะลุง ทันใดนั้น สายตาก็พลันปะทะเข้ากับหญิงสาวผู้หนึ่ง ตัวนางนั่งมาบนเสลี่ยงที่ประดับประดาไปด้วยเพชรนินจินดาสะท้องแสงจันทร์งามระยับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความงามของนางเอง ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ดวงตา ใบหน้า จมูกปาก หรือร่างที่สวมไว้ด้วยชุดโบราณ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็มิอาจบรรยายความงามของนางได้
ชายร่างใหญ่ทั้งสี่แบกนางเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กระทั่งอยู่ห่างจากห้างที่พรานเล็กนั่งอยู่เพียงไม่กี่เมตรจึงหยุดลง
“ท่านหรือคือพรานเล็ก” เสียงกังวานหวานแว่วเอ่ยถามขึ้นทันใด
“ใช่ เป็นข้าเอง ว่าแต่เธอเป็นใคร รู้ชื่อของข้าได้อย่างไร” พรานเล็กเอ่ยถามกลับ ในนาทีนี้เขาคล้ายลืมความระแวงไปทั้งหมด ลืมแม้กระทั่งพรานคมเพื่อนตนไปเสียสนิท
“ท่านไม่รู้จักเราหรอก แต่เอาเป็นว่าเรารู้จักท่าน ด้วยชื่อเสียงและฝีมือพรานที่โดดเด่นของท่าน เหตุใดเราจะไม่รู้จัก” นางตอบ รอยยิ้มบนดวงหน้านั้นแลดูกระจ่างตา
“ดูเธอไม่น่าจะเป็นคนแถวนี้ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ แถมมากับคนมากมายแบบนี้ด้วย” พรานเล็กถามอย่างสงสัย
“ท่านคิดถูกแล้วพรานเล็ก เราไม่ใช่คนจากหมู่บ้านแถวนี้ ตัวเราเป็นผู้ปกครองเมืองลึกลับแห่งหนึ่งในป่านี้ เราเห็นถึงความเก่งกล้าของท่าน เราจึงอยากจะชวนท่านไปอาศัยที่เมืองเรา” เธอเอ่ยบอกจุดประสงค์ของเธอ พลางยิ้มแล้วเอ่ยต่อ “ในเมืองของเราเต็มไปด้วยสมบัติมากมาย หากท่านไปอยู่กับเรา จะมีแต่ความสุขสบาย”
“ข้า” เมื่อได้ยินว่าในเมืองของนางมีสมบัติมากมาย พรานเล็กจึงเริ่มเกิดความลังเล ทว่าถึงแม้สตินึกคิดจะถูกอำนาจลึกลับสะกดเอาไว้ แต่ในห้วงลึกของจิตใจยังคงรำลึกได้ถึงครอบครัว “ข้าเป็นห่วงพ่อแม่ข้า”
นางหัวเราะเบาๆ ทว่าแฝงกระแสเสียงเย็นในที “ท่านไม่ต้องคิดมากในเรื่องนั้น เราแค่จะพาท่านไปชมดูเมืองของเราก่อน หากท่านเห็นว่ามันน่าอยู่ เราก็สามารถให้ท่านพาครอบครัวตามไปอาศัยในเมืองเราได้”
“จะจริงหรือ” พรานเล็กถามย้ำ ในดวงตาแฝงความโลภ หากในเมืองของนางมีสมบัติจริงๆ เขาก็ไม่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตอีกต่อไปแล้ว
“เป็นเช่นนั้น เราจะโกหกท่านไปทำไม” นางเอ่ยตอบ พลางชี้ลงไปหาบรรดาผู้คนที่ติดตามนางมา “ท่านเห็นหรือไม่ นี่เป็นแค่ประชากรส่วนหนึ่งของเรา หากเพิ่มครอบครัวท่านมาอีก ก็เป็นเพียงคนไม่กี่คน เหตใดจะไม่ได้”
“ได้ ได้ ข้ายินดีจะตามท่านไปชมเมือง” พรานเล็กรีบพูด ขณะนี้ความโลภประกอบกับฤทธาจากอำนาจลึกลับ ทำให้เขาลืมซึ่งทุกสิ่ง
นางส่งยิ้มให้พรานเล็ก โดยที่ดวงตานางยังคงเรียบเฉย “เช่นนั้นท่านก็ลงจากห้างเถิด แล้วเราจะพาท่านไป ไปยังเมืองที่มีแต่ทองคำและเพชรนินจินดาอันมีค่ามหาศาล”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลงจากห้าง’ สติพรานเล็กก็ดูเหมือนจะตระหนักรู้อะไรได้บางอย่าง นั่นทำให้พรานเล็กชงักร่างไป
หญิงสาวสูงศักดิ์บนเสลี่ยงไม่รอให้พรานเล็กชักช้าไปกว่านั้น นางจึ่งเอ่ยกระตุ้นขึ้นว่า “เร็วเถิดพรานเล็ก จากตรงนี้ไปเมืองเราค่อนข้างไกล หากท่านยังลังเลอยู่ ท่านก็จะได้เห็นสมบัติในเมืองเราช้ากว่าเดิมเท่านั้น”
พรานเล็กดูเหม่อลอยไปอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เริ่มขยับตัวไต่ลงห้างไปอย่างช้าๆ ร่างของพรานเล็กเลื่อนระดับเข้าใกล้พื้นดินเรื่อยๆ กระทั่งเหลือความสูงอยู่อีกเพียงคนเบื้องล่างเอื้อมมือถึง
...อึดใจนั่นเอง เสียงปังดังสนั่นป่าพลันดังขึ้น! ด้วยความตกใจประกอบกับเพิ่งได้สติ เป็นเหตุให้ร่างพรานเล็กผวาเฮือก สองมือเผลอปล่อยลำต้นไม้ที่ยึดเกาะอยู่ ร่างเขาจึงหลุดร่วงลงไปที่พื้นดินด้านล่าง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 855
ความคิดเห็น
เยี่ยมครับ
แสดงความคิดเห็น