บทที่ 13...2/3
รวิชญ์มองธามิณีกำลังเดินมาที่รถพร้อมกับกัลยา ส่วนพี่ภารดีบอกว่าให้ไปพบกันที่ร้าน พรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเขา เขาจึงนัดเพื่อนๆ มาในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ครอบครัวจะเลี้ยงฉลองให้เขา ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ดังหวัง เขาคงได้พาคนสำคัญไปหาพ่อกับแม่พอดี ชายหนุ่มยิ้มให้ธามิณีและส่งสายตารู้กันกับกัลยา ที่ผ่านมาเขามักแสดงออกด้วยความใส่ใจ คอยดูแลธามิณีไปเรื่อยๆ แต่คืนนี้เขาจะบอกให้เธอรู้ความในใจตามคำแนะนำของกัลยา
ร้านอาหารในสวนเป็นสิ่งที่รวิชญ์เลือกเองตามความชอบที่เขารู้จากกัลยาว่าธามิณีชอบบรรยากาศแบบนี้ สองสาวเลือกจะนั่งด้วยกัน โดยเว้นที่ฝั่งข้างๆ รวิชญ์ไว้ให้ภารดีที่มาถึงไล่เลี่ยกัน
“สั่งอาหารกันแล้วใช่ไหม เดี๋ยวกินเสร็จแล้วมากินเค้กกัน พี่ซื้อมาให้แล้ว” ภารดีบอกพลางวางกล่องขนมเค้กไว้บนโต๊ะ ไม่ต้องเซอร์ไพรส์เพราะถือมาขนาดนี้คงซ่อนไม่ทันแล้ว
“ขอบคุณนะครับพี่รดี วันเกิดปีนี้ของผมดูจะพิเศษกว่าทุกปีเลยนะเนี่ย” รวิชญ์เอ่ยกับทุกคน แต่สายตาของเขากลับมองมาที่ธามิณีเพียงคนเดียว
กัลยายิ้มกว้างพลางเอาไหล่ชนไหล่ธามิณีที่น่าจะรู้ตัวได้สักทีว่ารวิชญ์แสดงออกขนาดไหน ธามิณียิ้มให้กับทุกคนพร้อมกับช่วยรับอาหารที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ ในเวลาแบบนี้เธอไม่ได้รู้สึกหัวใจเต้นแรง แต่กลับไม่สบายใจ รู้สึกไม่อยากทำร้ายใครเพราะรู้ตัวเองดีว่าไม่ได้ชอบรวิชญ์มากกว่าเพื่อนคนหนึ่ง อีกทั้งนิมิตที่เธอเห็นมันอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้
การที่เธอเห็นว่าตัวเองอยู่ในที่มืด เต็มไปด้วยฝุ่นที่ระคายจมูกเวลาหายใจ ที่หัวมีแผลเกิดขึ้นแต่เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้เพียงแต่ว่าตัวเองกำลังหายใจได้ช้าลงเรื่อยๆ เหตุการณ์นี้อาจจะเกิดพรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า หรือตอนไหนก็ได้ น่าแปลกที่เธอควรจะกลัว แต่กลับเยือกเย็นเมื่อได้รู้ว่าจะตายอย่างไร แม้อยากมีชีวิตยาวนาน แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งศนิหรือผลึกกาลก็คงหยุดสิ่งที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ไม่ได้
“ธาม....ธามเป็นอะไรหรือเปล่า” กัลยาเรียกเพื่อนพลางเขย่าไหล่เบาๆ
“มีอะไรหรือกัล” ธามิณีเพิ่งรู้ตัวว่าความคิดของเธอเดินทางไปไกลกว่าโต๊ะอาหารเสียแล้ว “อ้อ ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้วิชญ์ใช่ไหม มาสิ”
รวิชญ์ยิ้มพลางปรบมือไปด้วยเมื่อธามิณี กัลยาและภารดีกำลังร้องเพลงสำหรับวันเกิดล่วงหน้าให้เขา หลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้ว แม้ธามิณีจะเงียบๆ ไป แต่เขายังรอเวลาสำคัญอยู่
“ขอให้วิชญ์สมหวังในทุกสิ่งที่ลงมือทำนะ” ธามิณีอวยพรเป็นคนแรกเพราะกัลยากับภารดีพยักพเยิดให้เธอเป็นคนพูดก่อน
“ไม่ว่าวิชญ์ทำอะไร มีความสุข หรือรู้สึกอะไร กัลป์กับธามจะเป็นคนที่เห็นวิชญ์ไปเรื่อยๆ นะ ขอให้มีความสุขมากๆ” กัลยาเอ่ย
รวิชญ์หัวเราะชอบใจคำอวยพรของกัลยา แต่สายตายังมองธามิณีดังเดิม ภารดีเห็นสายตาของรวิชญ์เวลาที่มองธามิณีแบบนี้มาหลายครั้งจึงเข้าใจ แต่ไม่พูดอะไร เรื่องของความรู้สึก หากคนที่พูดก่อนใจตรงกับคนที่เลือกจะเงียบไว้ คำตอบจะกลายเป็นความสุข แต่หากไม่เป็นอย่างหวัง ย่อมมีคนเสียใจ
“มีสติในทุกอย่างที่ทำนะ” ภารดีอวยพรคล้ายกับสอน
รวิชญ์ค้อมไหล่แทนการยกมือไหว้เพราะจริงๆ แล้วอายุของภารดีห่างกับพวกเขาแค่ 4 ปีเท่านั้น รวิชญ์แบ่งเค้กเป็นชิ้นเล็กๆ แต่จงใจลือกตัดคำว่า ‘สุข’ให้ธามิณี เป็นเค้กชิ้นเดียวที่เขาจงใจบอกความรู้สึกของตัวเอง
ธามิณีมองรอยยิ้มและดวงตาที่บอกความรู้สึกทุกอย่างของเขา ขอบตาของหญิงสาวร้อนผ่าวทั้งซึ้งใจและอยากร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
“ขอบคุณทุกคนมากนะที่มาฉลองวันเกิดกับวิชญ์ วันเกิดปีนี้พิเศษมากสำหรับวิชญ์จริงๆ” แม้ครอบครัวของเขาจะฉลองวันเกิดให้ทุกปี แต่มันเหมือนการจัดงานเพื่อธุรกิจมากกว่า เขารู้จักเพื่อนของพ่อกับแม่ แต่ทุกคนที่มาคุยแต่เรื่องธุรกิจกันทั้งนั้น
“เพื่อเพื่อนแค่นี้ทำไมจะทำไมได้ล่ะ” กัลยาตบไหล่เพื่อนเบาๆ พอจะเข้าใจ การที่เขาชอบธามิณี เธอย่อมสนับสนุนเพื่อนดีๆ ทั้งสองคน “เดี๋ยวกัลกลับกับพี่รดีนะ พอดีกัลจะกลับบ้านน่ะ ไม่ได้กลับหอ วิชญ์ไปส่งธามด้วยล่ะ พรุ่งนี้เจอกันที่มหา’ลัย”
ธามิณีเพิ่งรู้ตอนที่กัลยาบอก แต่ทำให้พอเดาได้ว่าเป็นความตั้งใจของกัลยานั่นแหละ
“ได้สิ ขอบใจมากนะสำหรับทุกอย่าง”
กัลยาเดินมาส่งธามิณีที่รถของรวิชญ์แล้วคอยปิดประตูให้ แปลกจนใช้คำว่าผิดปกติคงจะได้ แต่พอมองหน้าของรวิชญ์ที่หันมามองเธอบ่อยครั้ง อีกทั้งเขายังขอแวะที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากหอพัก นั่นเองธามิณีจึงได้คำตอบว่าเวลานั้นที่เธอกังวลคงใกล้มาถึงแล้ว
รวิชญ์จอดรถแล้วยื่นมือให้ธามิณีจับเพื่อเดินด้วยกันไปยังศาลาตรงท่าน้ำซึ่งประดับไฟดวงเล็กๆ ไว้ สีเหลืองอ่อนของไฟดวงน้อยช่างละมุนโรแมนติก เสียงคลื่นเบาๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยากับแสงดาวที่เห็นบนท้องฟ้าไม่มากนักเพราะมีแสงไฟรายล้อมสองฝั่งของแม่น้ำ ช่างเป็นคืนที่สวยงามหากใครสักคนได้ไปนั่งเล่นตรงนั้น ธามิณีนั่งลงฝั่งหนึ่ง ในขณะที่รวิชญ์ก้าวถอยหลังไปแล้วยืนมองธามิณี รอยยิ้มของเขาช่างอ่อนโยน เป็นครั้งแรกที่ธามิณีตั้งใจมองเขาแล้วถามตัวเองอีกครั้งว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปบ้างไหม
“ธาม...”
“หือ มีอะไรหรือเปล่าวิชญ์ วันนี้มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าเลยชวนธามมานั่งเล่นริมแม่น้ำ บอกธามได้นะ” ธามิณีไม่ได้ไร้เดียงสาจนมองไม่ออก แต่เธออยากได้เวลาเพื่อถามตัวเองให้แน่ใจอีกครั้งเหมือนกัน
“เรารู้จักกันมาเกือบจะ 2 ปีแล้วนะธาม วิชญ์คิดว่าเวลาเท่านี้น่าจะมากพอ ธามคิดว่าวิชญ์เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งไหม” รวิชญ์ถามน้ำเสียงจริงจัง เขาอยากรู้มาตลอดว่าสำหรับธามิณีแล้ว เธอรู้สึกหรือคิดกับเขาอย่างไร
“ดีสิ มากๆ ด้วย ในชีวิตของธามแล้วนอกจากพ่อ ลุงวาทิน ก็มีวิชญ์อีกคนที่ดีกับธามมาตลอด” ธามิณีไม่ได้จงใจปิดบังเพราะนอกจากรวิชญ์แล้ว ยังมีเทพกึ่งมนุษย์ที่ดีกับเธอมากๆ อีกคน แต่เขาไม่ได้มีผลให้คำตอบในคืนนี้ของเธอที่จะให้กับรวิชญ์เปลี่ยนไปจากเดิม
“วิชญ์ชอบธาม” รวิชญ์เอ่ยออกมาก่อนจะยิ้มกว้างคล้ายโล่งใจที่เขากล้าพูดคำนี้เสียที “วิชญ์อยากบอกธามให้รู้ว่ารู้สึกยังไง”
ธามิณียิ้มให้รวิชญ์แล้วลุกขึ้นไปจับแขนของเขาไว้ สายตาของเธอที่มองเขาไม่ได้ประหลาดใจหรือปลาบปลื้มใจจนทำหน้าไม่ถูก สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลในพริบตา ทำให้รวิชญ์รู้คำตอบโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตอบ ชายหนุ่มสูดหายใจแรงเพื่อไม่ให้ตัวเองหมดกำลังใจไปเสียก่อน
“ถ้าธามยังไม่รู้สึกกับวิชญ์มากกว่าเพื่อนก็ไม่เป็นไรหรอกนะ วิชญ์ไม่เสียใจหรอก วิชญ์แค่อยากบอกธาม หลังจากนี้วิชญ์ขอจีบธามได้ไหม” รวิชญ์ฝืนยิ้ม แม้จะได้รอยยิ้มจากธามิณี รอยยิ้มที่เขารอยคอย แต่ไม่ใช่คำตอบที่เขารอคอย “เอาอย่างนี้ไหม ธามลองไปคิดดูก่อนก็ได้ เอาไว้วันพรุ่งนี้ วิชญ์จะมาขอคำตอบนะ”
ธามิณีส่ายหน้า ความรักไม่ว่าในฐานะอะไรคือการไม่เอาตัวเองไปเป็นภาระหรือยอมให้เกิดความคาดหวัง ทั้งที่รู้ว่าความหวังนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ธามิณีรักรวิชญ์แบบเพื่อนที่อยากเห็นเขามีความสุขมากกว่าต้องมาทุกข์ใจเพราะเธอ
“ขอบใจนะวิชญ์ที่เข้าใจธาม แต่ธามแค่กลัวน่ะ ทั้งที่มีคำตอบที่จะบอกวิชญ์เอาไว้แล้ว”
คำตอบที่ธามิณีจะบอกเขางั้นหรือ รวิชญ์เม้มปากพลางกะพริบตา เขารู้สึกถึงคำว่าอกหักในทันทีที่พูดว่าคำว่าชอบออกไป ทำไมกันนะ
“วิชญ์ไม่ใช่คนที่ธามวาดฝันไว้ใช่ไหม”
คนที่วาดฝันงั้นหรือ ธามิณีไม่เคยวาดฝันถึงความรักกับใครสักคน แต่หัวใจของเธอใจเต้นแรงเพราะใครคนนั้นเพียงคนเดียว แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้แต่ตั้งเริ่มคิดแล้ว เพราะฉะนั้นคำตอบของเธอมาจากความหวังดีต่อรวิชญ์เท่านั้น หากเขาถลำลึกจนรักเธอ แล้วมาพบกับความสูญเสียที่เธอบอกไม่ได้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ แต่เธอรู้แน่ชัดว่าคงอีกไม่นาน คราวของป้ารัดเกล้าคือ 5 เดือน ส่วนเธอจะมีเวลาอีกแค่ไหน ฉะนั้นอย่าให้รวิชญ์ต้องมาเสียใจเพราะเสียคนรักไป นั่นล่ะ สิ่งที่เธอจะทำให้เขาได้
“ธามอยากเป็นเพื่อนกับวิชญ์แบบนี้มากกว่า ไม่อยากให้วิชญ์รออย่างไร้จุดหมาย ไม่อยากให้วิชญ์ต้องมาเสียใจเพราะธามให้ความหวัง ธามขอได้ไหม หลังจากวันนี้ไป เราสองคนจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
ธามิณีเข้าไปกอดรวิชญ์เอาไว้หลวมๆ อีกฝ่ายยืนนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าเมื่อหญิงสาวคลายกอดแล้วมองเขาอย่างรู้สึกผิด รวิชญ์ฝืนยิ้มเพราะในเรื่องของความรู้สึกไม่มีใครผิดเลย
“วิชญ์รู้มาตลอดว่าธามตรงไปตรงมา แต่ไม่คิดว่าจะพูดตรงแบบนี้” เสียงหัวเราะกลายเป็นที่พึ่ง แม้ว่ารวิชญ์จะไม่รู้สึกตลกเลยก็ตาม “ขอบใจนะธามที่บอกวิชญ์ตามตรง นอกจากเสียใจแล้ว วิชญ์ก็ดีใจนะที่ธามไม่หนีหน้าวิชญ์ไป เราสองคนยังเหมือนเดิม”
“ธามจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ” ธามิณียิ้มกว้างพลางตีไหล่เพื่อนไม่เบานัก เธอเองก็ประหม่าเพราะกลัวว่าจะเสียเพื่อนไปเหมือนกัน “คนที่ธามยอมให้เข้ามาในชีวิต ธามไม่มีทางยอมให้ออกไปง่ายๆ เพราะเรื่องนี้หรอก วิชญ์เป็นเพื่อนรักของธามนะ”
รวิชญ์พยักหน้าพลางเงยหน้าแล้วถอนใจราวกับจะเริ่มทำใจตั้งแต่รู้แล้วว่าธามิณีอยากเป็นเพื่อนกับเขาเท่านั้น
“ถ้างั้นเพื่อนคนนี้จะพาธามกลับแล้วนะ”
ธามิณีพยักหน้าแล้วเดินไปที่รถพลางหันกลับมามอง เธออุ่นใจหากมีรวิชญ์อยู่ข้างหลังคอยปกป้องในฐานะเพื่อนแบบนี้มากกว่า รวิชญ์มองแผ่นหลังของธามิณีแล้วได้แต่ถอนใจ ก่อนจะยิ้มขื่นๆ บางคนอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นแค่เพื่อนกัน เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอปิดโอกาสเขาในทันที หรือว่ามีคนที่เธอชอบอยู่แล้ว ชายหนุ่มถอนใจอีกครั้ง ไม่ว่าธามิณีมีเหตุผลอะไร เธอไม่ผิดเลยที่เลือกจะปฏิเสธ แล้วขอเป็นเพื่อนกันแบบนี้ตลอดไป
ขอเพียงรักนี้นิรันดร จำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วนะคะที่เว็บ MEB หมวด นิยายรัก โบว์จะลงนิยายให้อ่านประมาณ 65% ของเรื่องราวทั้งหมด หรือประมาณบทที่ 16 แล้วสิ้นสุดการลงนิยายนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 132
แสดงความคิดเห็น