STARCIN ภาคที่ 5 Elforia ตอนที่ 28 ยืนยัน
หลังจากเหตุความวุ่นวายจบลงดูลุคก็พาซึฮากิและพรรคพวกไปยังที่พักที่วาเลี่ยมจัดเตรียมไว้ให้
"พักกันตามสบายเลยนะครับผมจะไปแจ้งกับทางคุณผู้ช่วยไว้" หลังจากที่ดูลุคออกไปพวกเขาก็คุยกันเสียงดังทำอย่างกับเด็กวัยรุ่นไปทัศนศึกษา
"เมื่อกี้ฉันเห็นร้านอาหารใหญ่มาก ๆ เราลองไปสักหน่อยไหม?" ท่าทางตื่นเต้นของเซนทำเอาสเตล่าและซึฮากิกุมขมับราวกับเห็นภาพในอนาคตที่พวกเขาจะไปก่อเรื่องอะไรอีก
"จะไปไหนก็ไปเถอะแต่กลับมาก่อนมืดด้วย"
"เยสเซอร์ ! ไปกันเถอะคานะ" เซนกับคานะมุ่งตรงไปยังร้านอาหารที่พูดถึงด้วยรอยยิ้มแก้มปริตลอดทางทิ้งซึฮากิ สเตล่าและมังกี้ไว้ที่บ้านพัก
"ส่วนพวกเธอก็พักผ่อนตอนที่ยังมีเวลาเถอะ ต่อจากการเจรจากับวาเลี่ยมเราก็จะไปที่อาณาเขตเผ่าก็อบลินต่อ"
"อืม กิมีแผนอะไรอีกล่ะ?" สเตล่าเอ่ยถามขณะที่ยังมองตามหลังพวกเซน
"ฉันต้องการเส้นทางการเดินทางไปยังอาณาจักรเซียและอีกหนึ่งอย่างที่เรามาเจรจาก็เพื่อขายทรัพย์สินทางปัญญา"
"เงินเราจะหมดแล้วเหรอ? ของที่ขายได้จากดันเจี้ยนพวกนั้นก็มากพอที่จะเลี้ยงคนทั้งเมืองได้เลยนะ"
"อืม..." ซึฮากิหันหน้าหลบสายตาของสเตล่า
"เอาไปซื้ออะไรล่ะเงินถึงได้หมด" เธอแสยะยิ้มเมื่อเห็นซึฮากิเป็นเช่นนั้นถือเป็นของหาดูยากเลยก็ว่าได้
"การบูรณะเผ่าออร์คจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ทั้งค่าอุปกรณ์และอาหารที่ต้องซื้อมาจากเผ่ามนุษย์แต่พูดถึงในอนาคตฉันรับประกันได้เลยว่าเราจะได้มากกว่าที่เสียไป"
สเตล่ายิ้มหัวเราะอยู่ในลำคอเมื่อได้ฟังซึฮากิพูดไม่หยุดเหมือนกลัวจะโดนดุ "ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ถ้าเป็นนายก็คงจะมีเหตุผลที่ใช้เงินไปมากขนาดนั้นอยู่แล้วหรือไม่จริงล่ะ?"
"ก็นั้นสินะ"
หลายชั่วโมงผ่านไปจนตะวันใกล้จะลับฟ้าแต่เซนก็ยังไม่กลับมาเสียที
"กินหมดร้านแล้วมั้งเจ้าพวกนั้น" สเตล่ายิ้มเยาะคิดภาพตามในหัว
"คงไม่ไปมีเรื่องกับใครอีกหรอกนะ เธอกับมังกี้ไปดูสักหน่อยก็ได้เดี๋ยวฉันจะไปทำธุระซะก่อน"
"งั้นก็ตามนั้น"
หวังว่าจะไม่ก่อเรื่องอีก...ก็แค่หวังล่ะนะ ซึฮากิตรงไปยังบ้านหลังโตที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้อีกทั้งที่นั่นยังเต็มไปด้วยทหารจำนวนมากคอยเฝ้าระวังทุกการเคลื่อนไหว
วางกำลังไว้แน่นกว่าที่คิดแต่ส่วนใหญ่ก็ยังแค่เลเวลสี่บ้างห้าบ้าง ถึงจะมีเลเวลหกแต่เพราะจำนวนที่มากทำให้พวกเขาไม่ได้ระวังตัวนัก
"เฮ้ย ! ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้วไปพักได้" นายทหารร่างกำยำสูงใหญ่จนซึฮากิเทียบไม่ติดกำลังยืนกอดอกอยู่หน้าทางเข้า
เลเวลหกซะด้วยคงจะเป็นตัวเต็งในกลุ่มพวกนี้ แต่ทำไมถึงต้องวางกำลังป้องกันไว้มากขนาดนี้ด้วยนะ
ซึฮากิใช้จังหวะที่หนึ่งในทหารเดินกลับไปพักดึงเข้าไปในมุมตึกและทำให้หมดสติในทันที
พวกนั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าโดนสกิลบดบังวิสัยทัศน์ไป แสดงว่าไม่มีคนที่มีสกิลตรวจจับสินะถ้าจะป้องกันอะไรสักอย่างก็ควรจะมีมันด้วยสิ
หลังจากที่ซึฮากิปลอมตัวเป็นทหารนายนั้นแฝงตัวเข้าไปในที่พักของทหารที่ที่มีกองกำลังป้องกันของวาเลี่ยมนอนพักอยู่ ถ้าเป็นศัตรูหรือคนร้ายก็คงจะเกิดการสูญเสียมากมายเป็นแน่
"เฮ้อ...ท่านวาเลี่ยมจะเรียกทหารมาทั้งหน่วยทำไม? เราเอาแต่ผลัดเวรกันเฝ้าบ้านมาหลายวันแล้วนะหรือเพราะข่าวที่ผู้นำเอลโฟเรียจะมาเยือน"
"ก็แค่ผู้นำอาณาจักรที่ล่มสลายจะไปกลัวทำไม ฉันว่าเขาคงจะผลิตลูกเพิ่มหรือเปล่าเพราะไอ้คนที่มีอยู่ตอนนี้ดันไม่ได้เรื่องเลยสักนิด" ขณะที่เอนหลังนอนลงบนเตียงก็ยังพูดคุยนินทากันสนุกปาก
"ฮ่า ๆ ๆ อย่าให้พวกเขาได้ยินเชียวไม่อย่างงั้นนายโดนตัดลิ้นแน่"
"เหอะ ๆ ก็แค่พวกเอลฟ์ที่ไม่รู้จักเจียมตัวทำไมท่านวาเลี่ยมถึงต้องไปสนใจพวกมันด้วย"
ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่อาณาจักรเซียนะเนี่ยที่เกลียดอมนุษย์ ซึฮากิทำเป็นนอนหลับเพื่อแอบฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันแต่ทันใดหนึ่งในทหารพวกนั้นก็หันมาเรียก
"เฮ้ย ๆ จะนอนไปถึงเมื่อไหร่เจ้านี่ มานั่งดื่มกันดีกว่า" พวกเขาแอบเอาเหล้าเข้ามาด้วยโดยการใส่ไว้ในรองเท้ามีลักษณะเป็นขวดขนาดเล็กแม้จะไม่มากนักแต่ก็พอให้หายอยากได้
"ไม่ดีกว่าฉันอยากจะนอน" หวังว่าจะได้ผลนะ
"เถอะน่าไม่ต้องกลัวว่าหัวหน้าจะเรียกหรอก กว่าจะผลัดเวรอีกรอบก็ตอนเที่ยงคืนนู่นเลย" ใบหน้าที่ค่อย ๆ แดงหลังจากดื่มเหล้าเข้าไปกับน้ำเสียงที่ไม่คงที่เห็นได้ชัดว่ากำลังจะเมา
"เฮ้ย ! ทำบ้าอะไรกันอยู่วะ" ขณะที่กำลังเคลิ้มได้ที่ก็มีนายทหารติดยศเปิดประตูเข้ามาทำเอาพวกเขาพูดไม่เป็นคำเลย
"มีคนบุกรุกนะเว้ย แล้วก็ทหารหน่วยนายนั่นแหละที่นอนสลบอยู่ข้างหลังตึก"
"เดี๋ยวสิทหารหน่วยผมก็อยู่กันครบนี่นา" เมื่อเขาหันกลับมามองอีกทีซึฮากิที่ปลอมตัวก็หายไปเสียแล้ว
"ยะอย่าบอกนะว่าเราจะเจอผี" ขาที่สั่นเป็นเจ้าเข้ากับแววตาเหลือกมองแม้คนอื่นจะมองว่าเขาแกล้งเพื่อเบี่ยงเบนเรื่องเหล้าที่ดื่มแต่สำหรับทหารหน่วยนี้คงเป็นภาพจำไปอีกนาน
ขณะที่กำลังสับสนก็มีนายทหารวิ่งเข้ามาท่าทางร้อนรน "หัวหน้าครับ ! ผมเกรงว่าพวกมันจะแฝงตัวเข้ามาแล้ว เดี๋ยวผมจะไปดูแถวทางเข้านะครับ"
"ไปดูให้เรียบร้อยว่ามีใครเข้าออกไหมถ้ามีคนน่าสงสัยรีบรายงานมาด่วน"
"รับทราบครับ !"
ทหารหลายนายวิ่งกันวุ่นหลังจากพบเพื่อนร่วมหน่วยหมดสติอยู่แต่ในระหว่างที่กำลังยุ่งอยู่นั้นก็มีทหารคนนั้นเดินเข้าไปตรวจสอบบริเวณทางเข้า
เหอะ ๆ อย่างน้อยก็เข้ามาได้ล่ะนะ ซึฮากิที่ปลอมตัวเป็นทหารเดินเข้าไปในบ้านที่เงียบสงัดระหว่างทางเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสมุนไพร
"ท่านวาเลี่ยมรู้สึกดีขึ้นไหมครับ?" ผู้ช่วยของเขาค่อย ๆ ประคองร่างของวาเลี่ยมอย่างทะนุถนอม
"ข้าไม่เป็นอะไรหรอกก็คงจะเพราะอายุเยอะแล้ว" เตียงที่รายล้อมไปด้วยสมุนไพรสกัดร้อนส่งกลิ่นหอมไปทั่วแค่สูดดมมันเข้าไปก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีเรี่ยวแรง
"แต่ว่านะครับ"
วาเลี่ยมเอามือวางบนไหล่ของผู้ช่วยของเขาช่วยให้ใจเย็นลง "ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าก็รู้ว่าความเป็นอยู่ของพวกเขาสำคัญแค่ไหน"
เห็นถึงความจริงใจในความพูดพวกนั้นซะด้วย ต้องแบบนี้สิถึงจะน่าทำข้อตกลง
"สวัสดีครับ" ซึฮากิโผล่ออกมาจากมุมมืดสร้างความตกใจไม่น้อยจนผู้ช่วยของวาเลี่ยมชักดาบออกมา
"ก่อนอื่นต้องขอโทษที่มาหากะทันหัน ผมซึฮากิจากเอลโฟเรียเอง" ดาบของผู้ช่วยถูกบิดด้วยสองมือของซึฮากิเบี่ยงออกไปด้านข้างแทน
"ซึฮากิเองเหรอ ถ้ามาหาถึงที่แบบนี้คงจะสงสัยที่ข้าหายหน้าไปสินะ" วาเลี่ยมค่อย ๆ ดันแขนของผู้ช่วยลงเพื่อให้เขาวางอาวุธ
"ถูกต้องครับ ผมชอบคุณนะครับที่ดูมีเหตุผลกว่าใคร ๆ ไม่อารมณ์ร้อนใช้แต่กำลัง" ซึฮากิเดินเข้าประชิดมองดูอาการที่ไม่สู้ดีของวาเลี่ยมถึงขนาดที่ต้องมีผู้ช่วยคอยพยุงตัว
"ขอบคุณครับ ดูเหมือนจะได้คุยกันยาวถ้าอย่างงั้นนั่งก่อนดีกว่า"
ซึฮากิจ้องมองแววตาที่เต็มไปด้วยความฉงนปนเศร้าแต่ก็ยังจะรักษาภาพลักษณ์ให้ดูน่าเชื่อถืออยู่
"คงจะเป็นอาการที่มีมานานแล้วใช่ไหมครับ?"
"ไม่ธรรมดาจริง ๆ นะครับขนาดข้าไม่ได้บอกอะไรก็รู้ได้ด้วยแค่การมอง"
ก็แค่เดา ๆ เอา เพราะคนที่อายุปูนนี้กับสภาพแบบนี้ก็คงจะมีไม่กี่สาเหตุ
"ผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันคุณวาเลี่ยมจะได้ไปพักผ่อน" ซึฮากิเหลือบไปสบตากับผู้ช่วยของวาเลี่ยมท่าทางของเขายังไม่ค่อยไว้ใจซึฮากิมากนักแม้จะผ่านสนามรบมาด้วยกันแล้วก็ตาม
"พวกคุณไม่ถูกกับอาณาจักรเซียใช่ไหม?" เมื่อผู้ช่วยได้ยินคำว่าอาณาจักรเซียเขาก็ทำท่าจะชักดาบออกมาแต่ก็ยั้งมือไว้เสียก่อน
"รู้เรื่องนั้นด้วยหรือครับ ใช่แล้วพวกเราเกลียดอาณาจักรเซียแต่ถ้าให้เหตุผลก็คงจะพูดได้ยันเช้าเลย"
"ไม่จำเป็น เพราะพวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน"
วาเลี่ยมกระตุกยิ้มมุมปาก "ฮ่า ๆ ๆ ถ้าแบบนั้นก็ยิ่งดีเลยสิครับ พวกเราอาณาจักรอาฟเกลียดชังอาณาจักรเซียยิ่งกว่าอะไร ไม่ใช่เพียงแค่การกวาดล้างอมนุษย์แต่กับมนุษย์ด้วยกันพวกมันก็ไม่เว้น"
"ในเมื่อเรามีศัตรูคนเดียวกัน ถ้าอย่างงั้นทำไมเราไม่เอาคืนสักหน่อยล่ะ?"
"หา? เราจะเอาคืนยังไงล่ะ ต่อให้ยกกองทัพไปบุกแต่ด้วยกองกำลังที่ต่างกันก็ยิ่งทำให้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเอง" วาเลี่ยมแย้งกลับทันที
"เท่าที่อ่านในสนธิสัญญาระหว่างอาณาจักร ไม่มีข้อไหนที่ห้ามการค้าขายเลยนี่ครับ"
"การค้าขาย...อย่าบอกนะว่า"
"ใช่แล้วครับ พวกเราจะครอบครองตลาดสินค้าด้วยของที่ถูกไม่ก็ดีกว่าภายในอาณาจักรเซีย ด้วยเลือดของพ่อค้าไม่มีทางพลาดโอกาสกำไรมหาศาลที่พวกเขาจะได้แน่นอนและเมื่อสินค้าจากอาณาจักรอาฟเป็นที่ต้องการของตลาด พวกผู้ผลิตรายใหญ่ในอาณาจักรเซียคงจะไม่อยู่เฉยแน่ ๆ"
"ของถูกและดีเหรอ? พวกเราจะทำแบบนั้นได้สักแค่ไหนเชียว"
"นั้นก็เป็นเพียงหนึ่งในทางเลือก จริง ๆ ผมยังคิดแผนอื่นไว้อีกอย่างเช่นผมจะสร้างสิ่งที่อาณาจักรเซียยังไม่มีและมันจะต้องติดตลาดแน่นอน"
"มีของแบบนั้นด้วยเหรอ แค่เมืองชายแดนของพวกนั้นก็มีของล้ำหน้าไปมากโขแล้วนะ"
"อย่าหวงเลยครับเพราะสิ่งที่พวกเราจะทำก็คือหนึ่งในเครื่องดื่มที่สุดยอดที่สุด" ทันใดนั้นในกระเป๋าเก็บของของซึฮากิก็มีแสงสว่างจ้าขึ้นมาครู่หนึ่ง
"มาพอดีเลย...ว่าไง" ซึฮากิหยิบหินสื่อสารขึ้นมาคุยสร้างความประหลาดใจให้กับวาเลี่ยมและผู้ช่วยของเขาไม่น้อย
"นัตโตะพูดได้ยินไหม?"
"กิรับทราบได้ยินแล้ว"
"ดี ! กว่าจะมีเวลาคุยได้ลำบากสุด ๆ เลยแต่เรารีบเข้าเรื่องเลยดีกว่า ดูเหมือนฟรานกำลังตามหานายอยู่นะได้ยินมาว่าเธอกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองยาน"
"นั่นเรื่องสำคัญถึงขนาดต้องติดต่อมาเลยเหรอ?"
"อ้าว ! ก็เห็นอยู่ด้วยกันตลอดนึกว่าจะเป็นห่วงเพราะสนิทกันซะอีกแต่ก็ช่างเถอะ อีกเรื่องที่ต้องบอกก็คือพวกสำนักมนตร์ดำเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว"
"อืม ฉันก็พอจะคิดไว้แล้ว แล้วตอนนี้พวกมันกำลังทำอะไรอยู่"
"หนึ่งในผู้บริหารที่ประจำอยู่ในอาณาจักรเซียมาเข้าพบกับองค์ราชา ดูเหมือนพวกเขาจะจ้างวานสำนักมนตร์ดำนะ"
"ติดต่อโดยตรงกับราชวงศ์เลยเหรอเนี่ย คงจะใช้งานมาหลายครั้งแล้วสิท่า"
"ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกันแล้วก็ยังมีอาวุธใหม่ที่ทางศูนย์วิจัยทำขึ้นมา ปืนกึ่งอัตโนมัติที่มีพลังเจาะเวทเสริมกำลังระดับสามได้สบาย ๆ"
"พวกเขาไปถึงขั้นนั้นแล้วสินะ ว่าแต่พวกเขาสร้างสิ่งนั้นหรือยัง?"
นัตโตะเงียบไปครู่หนึ่งคิดวิเคราะห์สิ่งที่ซึฮากิตอบกลับมา
"หมายถึงอะไร? หรือจะเป็นยาสารพัดประโยชน์อย่างยาแก้ปวดลดไข้"
"ฉันก็เคยคิดแบบนั้นแต่ยังมีอีกอย่างหนึ่ง" วาเลี่ยมได้แต่มองดูการสนทนาที่เต็มไปด้วยความประหลาดตั้งแต่วินาทีที่ซึฮากิคุยกับก้อนหินเขาก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงเลย
"น้ำอัดลมที่อาณาจักรเซียมีหรือยัง?"
"ให้ตายเถอะเจ้ากิ นายจะทำมันจริง ๆ เหรอ?" นัตโตะที่กำลังคิดถึงความซ่าและสดชื่นเมื่อได้กระดกน้ำอัดลมเข้าไปแอบอยากให้ทำขึ้นมาจริง ๆ
"ถ้าเป็นโลกยุคก่อนก็คงจะลำบากสักหน่อยแต่กับโลกที่สามารถใช้เวทมนตร์ก็ไม่มีอะไรยากเกินเอื้อม จริง ๆ ก็อยากจะทำรถยนต์บ้างเหมือนกันแต่มันต้องใช้เวลาสักหน่อยไม่เหมือนกับพวกน้ำดื่มที่ทำได้ไวกว่า"
"ท่านวาเลี่ยมครับ..." ผู้ช่วยของเขากระซิบข้างหู
"ฉันรู้น่ามาชู พวกเรารอฟังอยู่เงียบ ๆ ดีกว่า"
...
ร้านอาหารที่เต็มไปด้วยผู้คนยืนต่อคิวยาวทะลุร้านคงเพราะร้านนี้เป็นที่นิยมมากขนาดที่คนยอมเสียเวลามารอกิน
"จะถึงแล้วเว้ยคานะ" เซนและคานะยืนต่อแถวอยู่เป็นชั่วโมงจนในที่สุดแถวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าและกำลังจะได้เข้าไปข้างใน
"ได้กลิ่นไหม?" คานะยื่นคอขึ้นสูงสูดดมกลิ่นที่ลอยมาตามลม
"อืม...แค่นี้ก็น้ำลายไหล" ขณะที่กำลังจินตนาการถึงเมนูอาหารหลากรสที่กำลังจะได้ลิ้มรสจู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มร่างเล็กผอมแต่อ้วนลงพุงเดินแทรกแถวตรงไปหาพนักงานทันที
"ผมเอาโต๊ะหนึ่งจัดให้ด่วน ๆ เลย" ท่าทีที่เหมือนยังไม่สร่างเมาดีค่อย ๆ ลากสังขารเข้าไปนั่งในร้านต่อหน้าต่อตาพวกเซนและลูกค้าที่ต่อคิวอยู่
"เฮ้พี่ชาย! แซงแถวนะครับคนเขารอกันตั้งนาน" เซนตะโกนออกไปทันทีขณะที่กำลังคุมอารมณ์ตัวเองไว้ด้วย
"หา ! เมื่อกี้เอ็งว่าอะไรนะ" ชายหนุ่มผู้นั้นลุกขึ้นและเตะโต๊ะพังไม่สนใจคนในร้านก่อนจะเดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาเซน
ขณะเดียวกันก็มีคนข้างหลังสะกิดไหล่เซน "พ่อหนุ่มขอโทษเขาเดี๋ยวนี้เลยก่อนจะเป็นเรื่องใหญ่"
"อะไร? ทำไมผมต้องขอโทษด้วย" เซนหันหลังกระซิบคุยกับตาลุงคนนั้น
"ไม่ทันแล้ว..."
"เมื่อกี้เอ็งพูดอะไรนะ !" ชายหนุ่มร่างผอมคนนั้นตบหน้าเซนทันทีที่หันมองแต่มันก็เหมือนกับไม่ได้ผลกับเซนเลยสักนิด
"โอะโอพี่ชาย ไม่สิขออนุญาตเรียกคนขี้แซงก็แล้วกัน" ก่อนที่หนุ่มร่างเล็กจะได้ตบอีกครั้งเซนก็จับมือของเขาไว้และง้างแขนเพียงเล็กน้อยตบสวนกลับแต่แค่นั้นก็มีแรงกระแทกส่งชายหนุ่มผอมอ้วนลงพุงกระเด็นออกไปได้
"ตะตายแล้วพ่อหนุ่มนายทำอะไรลงไป" ท่ามกลางสายตาตกตะลึงก็มีเสียงของตาลุงเอ่ยขึ้นและเมื่อได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสั่นกลัวของชาวบ้านเซนก็เข้าใจได้ทันที
"อย่าบอกนะว่าเขาตายแล้ว"
"ยังไม่ตายเว้ย !" ชายหนุ่มผู้นั้นตะโกนกลับมาทันที
เซนถอนหายใจสั้น ๆ "โล่งอกไปที"
"จะยังไงก็เถอะ นายเล่นเข้ามาทำร้ายร่างกายพวกเราก่อนก็คงจะยอมทนไม่ได้หรอก" คานะเดินนำหน้าเซนมุ่งไปหาชายหนุ่มที่กำลังสร่างเมาฝืนลุกขึ้นยืน
"อะไรกัน? เธอเองก็สวยใช้เล่นเลยนะเนี่ย เดินมาอย่างนี้ก็อยากจะซบไหล่พี่สินะ มา ๆ !"
สองมือที่กำลังจะรวบตัวคานะถูกจับและบิดจนต้องร้องขอชีวิต
"อ๊าก !"
"ปล่อยได้แล้วแม่สาวน้อย เขาเป็นลูกชายของท่านวาเลี่ยมนะถ้าไปทำอะไรไม่ถูกใจเดี๋ยวก็โดนตัดมือหรอก" ขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่และชาวบ้านเข้ามาช่วยห้ามปราม
"ลูกชายของวาเลี่ยมเหรอ? ดูไม่เหมือนเลยแฮะ" คานะที่ทนแรงกดดันจากสายตาและคำพูดของชาวบ้านไม่ได้จึงยอมปล่อยมือจากชายผู้นั้น
"ใครมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ " หลังจากที่เกิดเรื่องไม่นานก็มีเจ้าของร้านโผล่หัวออกมาด่ากราดพนักงานเป็นอันดับแรก "พวกแกนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ"
ทันทีที่เห็นลูกชายของวาเลี่ยมเขาก็เข้ามาทักทายพร้อมกับก้มโค้งขอโทษ "ผมไม่รู้ว่าท่านจะมาไม่อย่างงั้นผมคงจะเตรียมโต๊ะพิเศษไว้ให้แล้ว"
"เฮ้ย ! คิดว่าพวกแกจะหนีไปไหน?" เขาไม่สนใจเจ้าของร้านอาหารเลยสักนิดแต่กลับมุ่งไปหาคานะและเซนแทน
"อย่างน้อยก็ต้องขอบใจพวกนายจริง ๆ ที่ทำให้สร่างเมา" เขาพุ่งตรงไปหาเซนและง้างแขนจะตบเหมือนอย่างเคยแต่มันกลับรวดเร็วจนพวกเขาไม่อาจตอบโต้ได้ทันและโดนตบหน้าคว่ำลงพื้นไปทันที
"ใช้แค่เสริมกำลังระดับสี่ไปคงจะไม่เป็นอะไรหรอกนะ...ไอ้หนุ่ม"
ต่างจากเมื่อกี้ลิบลับเลยแถมยังใช้มานาเข้าผสมผสานกับการเคลื่อนไหว หลังจากที่เธอสังเกตอยู่พักหนึ่งจนได้เห็นกำไลข้อมือที่มีออร่ามานาหมุนวนอยู่จึงได้รู้ว่าเขาใช้อะไรเป็นสื่อกลาง
"ฮ่า ๆ ๆ มือหนักเหมือนกันนี่นา" เซนลุกขึ้นยืนพร้อมกับจับขาของชายหนุ่มผู้นั้นกระชากลง
"โอ๊ย ๆ หัวอีกแล้วทำไมต้องเป็นหัวตลอดเลย" พวกเขาสู้กันเหมือนไม่ได้จริงจังเอาแต่จ้องมองดูท่าทีของอีกฝ่าย เมื่อชายหนุ่มล้มลงขณะที่ยังถูกจับขาไว้เขาก็หมุนตัวบิดแขนของเซน
"เวลาคู่ต่อสู้อยู่ตรงหน้าอย่าประมาทสิ" ฝ่าเท้าคู่พึ่งถีบยอดอกของเซนจนกระเด็นออกไปขณะเดียวกันคานะก็ลอบเข้ามาด้านข้างปล่อยหมัดตรงเล็งไปยังกกหูของชายหนุ่ม
"ออกหมัดมันต้องใช้แรงทั้งตัด้วย" รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสนุกสะใจฉีกออกจนเห็นฟันคว้าจับหมัดของคานะพร้อมกับเหวี่ยงหมัดจากอีกข้างเข้าที่สีข้างของเธอ
เวรเอ๊ย มันแข็งแกร่งกว่าพวกเราเหรอ คานะถอยออกมาพร้อม ๆ กับแรงกระแทกจากหมัดนั่นรู้สึกเจ็บจี๊ดอย่างกับกระดูกแตกร้าว
"เป็นอะไรไปเห็นตอนแรกยังห้าวกันอยู่เลย" ชายหนุ่มไม่เพียงแค่ปล่อยตัวสบาย ๆ แต่ยังเอามือล้วงกระเป๋าทำเป็นวางมาดไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
"คานะ ! เอายังไงดีล่ะจะใช้เวทมนตร์เลยไหม?" ท่าทางที่ดูสบายใจกว่าที่คิดของเซนทำเอาชายหนุ่มยิ้มเยาะออกมาเช่นกัน
"ไม่จำเป็นหรอก นายคงจะไม่อยากโดนกิดุอีกรอบหรอกนะ"
"ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องใช้แผนสำรองแล้วสิ" เซนกระตุกยิ้มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะวิ่งสุดฝีเท้าฝ่าฝูงชนออกไป
"เฮ้ย ! เจ้าพวกนี้อย่าหนีสิวะ"
"ไม่หนีก็บ้าแล้ว ตัวเองใช้เวทมนตร์ได้แต่เราใช้ไม่ได้จะสู้ยังไงก่อน" เซนหันกลับมาแลบลิ้นปลิ้นตาหัวเราะเยาะขณะที่วิ่งหนีไปด้วย
หลังจากที่หนีออกมาจากฝูงชนได้พวกเขาก็มุ่งหน้ากลับไปยังบ้านพัก
"เซน ! อยู่ไหน !" สเตล่าตะโกนเรียกขณะที่มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารแต่ก็เหมือนจะมีแต่ผู้คนยืนรวมกลุ่มเต็มไปหมด
แบบนี้จะหาพวกเขาเจอได้ยังไง หรือพวกเขาจะก่อเรื่องอะไรอีก
"แล้วเราสองคนก็ดันตัวแค่นี้เสียด้วย...เจี๊ยก" ร่างกายที่เหมือนกับเด็กมัธยมต้นกำลังชะเง้อคอมองผ่านไหล่ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นแต่ก็มองไม่เห็นอะไร
"จะให้ทำยังไงเล่าก็พ่อแม่ให้มาแค่นี้" สเตล่ากระแทกเสียงประชดประชันก่อนจะยกตัวมังกี้ขึ้นเหนือหัว
"ไม่เห็นจะมีเซนเลย...เจี๊ยก"
พวกเธอยังคงเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปในร้านอาหารนั่นแต่ก็ต้องโดนเจ้าหน้าที่ไล่ออกมา
"คงจะไปร้านอื่นล่ะมั้ง เราไปกันเถอะ" ทั้งสเตล่าและมังกี้พากันไปตามหาพวกเซนทั่วเมืองตามตรอกซอกซอยโดยเฉพาะร้านอาหาร
เมื่อตะวันลับฟ้าพวกเขาก็ยังคงแยกกันอยู่โดยที่ซึฮากิยังคุยต่อรองกับวาเลี่ยมเรื่องการส่งออกน้ำดื่มและเทคโนโลยีไปจนเรื่องการแลกเปลี่ยนความรู้ของเผ่าอื่น ๆ ในอาณาจักรอาฟ
"คิดว่ายังไงล่ะครับ เรื่องการส่งออกสินค้าในอาณาจักรเซีย"
"อืม...เท่าที่ฟังดูข้าก็ชอบแนวคิดแบบนั้นนะแต่ต้องขอเห็นสินค้าพวกนั้นเสียก่อน"
ซึฮากิพยักหน้าตอบรับ "ผมจะทำของตัวอย่างไว้ให้ดูก่อนจะออกเดินต่อ เพราะฉะนั้นวางใจได้เลยครับ"
แววตาของชายสองคนที่อายุต่างกันคนละขั้วแต่กลับมีอารมณ์ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกันทั้งด้านเหตุผลและความรอบรู้ที่พร้อมจะตอบโต้กับใครก็ได้ ดูรวม ๆ แล้วซึฮากิเป็นช่วงวัยรุ่นของวาเลี่ยมเลยก็ว่าได้แต่พวกเขาก็ยังมีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อยู่
"ถ้าไม่มีเรื่องอะไรคล้องใจแล้วผมขอตัวนะครับ" ซึฮากิยื่นมือขวาออกมาเช่นเดียวกับวาเลี่ยมที่ตอบรับด้วยการจับมือเป็นดั่งคำบอกลาและการทำสัญญาอ้อม ๆ
...
"เจ้าพวกนั้นหายหัวไปไหน?" สเตล่ายังคงตามหาพวกเซนอยู่แม้จะพลบค่ำแล้ว
"ข้าก็ไม่รู้แต่เราควรจะกลับบ้านได้แล้วนะ"
หลังจากที่ใช้เวลาสักพักพวกเธอก็มาถึงบ้านพักเมื่อได้เห็นเซนกับคานะนั่งกินขนมสบายใจก็ฉุนขาดคว้ามีดจะเฉาะหัวเซน
"พวกเอ็งไปไหนกันมา ! ตอนแรกบอกจะไปร้านนั่นไม่ใช่หรือยังไง"
"คิก ๆ ๆ" มังกี้กลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่เมื่อได้เห็นสภาพบ้านเละเทะเพราะพวกเขาสองคนวิ่งไล่จับกัน
"ทำอะไรกันเนี่ยพวกนาย" เสียงเปิดประตูดังเอียดก่อนจะค่อย ๆ กวาดสายตามองข้าวของที่กระจัดกระจายและเดาะลิ้นออกมาเบา ๆ
"หนึ่ง...สอง"
เพียงเอ่ยคำสั้น ๆ พวกเขาก็รีบขยับกายมารอตรงหน้าซึฮากิอย่างพร้อมเพรียง
"เราจะพักอยู่พรุ่งนี้อีกวันก่อนจะเดินทางต่อ"
"เยสเซอร์หัวหน้า" เซนยืนตัวตรงดั่งชายยอดทหาร
"ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะแต่ก็เยสเซอร์หัวหน้า...เจี๊ยก" มังกี้ปีนขึ้นเกาะหัวเซนและกล่าวเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันในคืนที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์ภายใต้แสงเหล่านั้นมีกลุ่มคนหลายสิบเคลื่อนไหวไปมารวดเร็วและเงียบเฉียบอย่างกับเท้าไม่ได้แตะพื้นเลยสักนิดกระจายตัวไปทั่วเมืองแอสต้า
"แยกย้ายกันไปหาให้เจอ ภูตจิ๋วที่มีเลเวลเก้าหรือจะบอกว่าเป็นชาร์ลอทราชินีภูตดีล่ะ"
...
"พวกเขาเคลื่อนไหวแล้วสินะ" เสียงชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและการวางตัวที่ดูสูงส่งสมกับเป็นผู้นำศาสนา
"ครับท่าน องค์ราชาโอบาได้จ้างวานสำนักมนตร์ดำให้ตามหาภูตจิ๋ว ด้วยฝีมือของพวกเขาผมเชื่อได้เลยว่าใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์แน่นอน"
"อืม...จริง ๆ เราก็รู้อยู่แล้วแหละว่าเธออยู่ที่ไหนแต่เราไม่อยากไปก้าวก่ายนัก"
"สมกับเป็นท่านจริง ๆ ที่มีเป้าหมายและอุดมการณ์อันแน่วแน่"
"ฮึ ๆ ๆ" เสียงหัวเราะในลำคอของชายหนุ่มที่กำลังเปิดม่านบังหน้าออกพร้อมกับก้าวขึ้นไปบนเตียงสีขาวเพื่อพักผ่อน
"มาดูโลกที่กำลังเปลี่ยนไปกันเถอะ...เหล่าผู้คนที่อยู่ในสตาร์คินทั้งหลาย"
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 255
แสดงความคิดเห็น