ภารกิจพิชิต “เขาวงพระจันทร์”
"ไปขึ้นเขาวงกันเถอะ" คำชวนจากหนึ่งในสี่คนดังขึ้นในขณะที่พวกเรากำลังง่วนอยู่กับการจัดการอาหารอีสานที่อยู่ตรงหน้ากันอย่างหิวโหยในวันหยุดแสนสบาย ลมธรรมชาติพัดเอื่อย ละอองน้ำจากสปริงเกอร์ที่เจ้าของร้านริมถนนเปิดรถหลังคาสังกะสีเพื่อปัดเป่าความร้อนอวลในอากาศทำให้เย็นฉ่ำกันถ้วนหน้า
จากคำชวนที่ไม่ตั้งใจทำให้เราทั้งสี่มาเยือนเขาวงพระจันทร์ อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรีด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าเพื่อจะพิชิตยอดเขาวงพระจันทร์ โดยจะเดินตามบันไดขึ้นไปสู่ยอดเขาด้วยระยะทางสามพันเจ็ดร้อยเก้าสิบขั้น
เมื่อเวลาเคลื่อนเข้าสู่ยามบ่ายแล้ว คณะพิชิตเขาวงพระจันทร์ประกอบด้วย คนตาบอดที่มีไม้เท้าขาวหนึ่งคน คนตาบอดที่มามือเปล่าอีกสองคน และคนสายตาดี๊ดีอีกหนึ่งคน หลังจากลงรถเป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเราก็แวะถามทางไปยังบันไดทางขึ้นก่อนที่จะซื้อพวงมาลัยจากป้าและเด็กขายพวงมาลัยรวมแล้วเก้าพวงด้วยกัน ซึ่งมีทั้งมะลิล้วนและดาวเรือง พวกเราไหว้เจ้าแม่เพื่อขอพรให้การขึ้นเขาราบรื่นก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่บันไดขั้นแรกอย่างคึกคัก
กว่าจะถึงบันไดขั้นแรกนั้นพวกเราเดินขึ้นบันไดมามากกว่าสิบขั้นจนหลายครั้งที่เผลอคิดไปว่าบันไดที่ผ่านมานั้นเป็นขั้นแรกอยู่เรื่อย แต่ด้วยคนที่เดินสวนไปมานั้นช่วยไขข้อกระจ่างให้จึงทำให้ฉันลอบปาดเหงื่อไปหลายครั้ง พวกเราเดินข้ามสะพานเหล็กที่เบื้องล่างไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ไปอย่างช้าๆ ราวจับทำให้ฉันและเพื่อนอีกคนที่มามือเปล่าสามารถเดินไปข้างหน้าอย่างสะดวก หลายครั้งที่สะดุดรากไม้ และอีกหลายครั้งที่ไถลกับทางขรุขระแต่นั่นก็ไม่ทำให้พวกเราท้อใจเลยแม้แต่นิด จากนั้นก็เลี้ยวอีกสองสามเลี้ยว และในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงยังบันไดขั้นแรกได้สำเร็จ
กลิ่นทูปอวลในอากาศ ทำให้บรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ พวกเราไหว้ขอพรอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มผจญภัยกันอย่างเต็มตัว เพื่อนตัวเล็กคว้าราวจับก็เริ่มไต่บันไดขั้นแรกขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ผู้นำทางสายตาปกติโห่ร้องปลุกใจแล้วก็กระโจนตามไปเป็นคนที่สอง เป้และกาแฟแบรนด์ป่าต่างประเทศไม่ได้เป็นอุปสรรคแก่นางเลยแม้แต่น้อย ฉันหิ้วถุงพวงมาลัยเพื่อนำไปสการะขอพรที่จุดสูงสุดตามขึ้นไปเป็นคนที่สาม ปิดท้ายด้วยเพื่อนตัวโตกับไม้เท้าคู่กายที่ตามมาอย่างไม่เร่งรีบ
คณะพิชิตยอดเขาวงพระจันทร์ของพวกเรานั้นเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ รองเท้าผ้าใบที่แต่ละคนสวมใส่ทำให้จังหวะการก้าวเดินนั้นค่อนข้างคล่องตัวและมั่นคง อุปสรรคจากการมองไม่เห็นไม่ได้ทำให้พวกเราขาดความระมัดระวัง ยิ่งมองไม่เห็นยิ่งทำให้พวกเรามีสติ แต่ละก้าวที่ย่างออกไปนั้นเปี่ยมด้วยความมั่นใจและมั่นคง ความขรุขระหรือพื้นที่ไม่สม่ำเสมอไม่ได้ทำให้พวกเราท้อถอยแต่มันยิ่งเป็นความท้าทายที่น่าลิ้มลอง
เท้าข้างหนึ่งก้าวยาวขึ้นไป ด้วยขั้นบันไดที่สั้นและถี่ทำให้ฉันขึ้นไปทีละสองสามขั้นในแต่ละก้าว มือขวาเหนี่ยวราวเพื่อส่งตัวขึ้นไป เสียงทักทายคล้ายรู้จักคุ้นเคยกันจากผู้ที่เดินสวนลงมาทำให้ฉันรู้ว่าบันไดขึ้นแบ่งเป็นสองฝั่งโดยมีราวที่ฉันจับนี้อยู่ตรงกลาง หลายครั้งที่พวกเราแวะทักทายเพื่อนร่วมทางอย่างเป็นกันเอง บ่อยครั้งที่เราได้รับกำลังใจจากเพื่อนร่วมทางนั่นทำให้อาการเหนื่อยหอบของพวกเราลดลงไปโข
เสียงตะโกนปลุกใจของเพื่อนตัวเล็กและลูกคู่เจ้าแม่กาแฟทำให้บรรยากาศครึกครื้น เสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมทางดังให้ได้ยินเป็นระยะ แม้แต่เหล่าลิงป่ากลางไพรเองก็คงต้องหลบไปสังเกตการณ์ห่างๆ เพราะตลอดการขึ้นเขาฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดสังเกตเลย มีแต่เสียงโหวกเหวกโวยวาย นี่พวกสัตว์ทั้งหลายคงไม่คิดว่าโลกกำลังถูกบุกด้วยสัตว์ประหลาดหรอกกระมัง
พอไต่บันไดไปสักพักราวเหล็กที่ใช้พยุงตัวก็หลุดหายไป มันคล้ายล่องหล หรือบางทีอาจถูกใครสักคนดึงจากมือไปซ่อน ฉันตกใจยืนตั้งสติครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ ก้าวเท้าขึ้นไปอีกขั้น มือว่างเปล่ายื่นไปข้างหน้าเพื่อควานหาราวเหล็ก เสียงเพื่อนร่วมทางทำให้ฉันอุ่นใจ ฉันก้าวขึ้นไปอีกสองสามขั้น มือคว้าหมับตรงราวเหล็กพอดี ฉันยิ้มพร้อมกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ เสียงทักทายเพื่อนร่วมทางจากเพื่อนตัวโตที่เดินรั้งท้ายดังไม่ห่าง ฉันยืนรอเพื่อคอยรับเมื่อสุดปลายราว เมื่อมือของเขาจับราวเดียวกันกับฉันแล้วเราทั้งคู่ที่เป็นทัพหลังก็มุ่งหน้าต่อไป
เมื่อฉันและเพื่อนตัวโตที่เดินรั้งท้ายมาถึงศาลาซึ่งเป็นจุดแวะพักก็พบกับเพื่อนตัวเล็กและเจ้าแม่กาแฟที่รออยู่ก่อนแล้ว ฉันยืนเกาะราวบันไดอย่างเหนื่อยหอบ ในขณะที่เพื่อนตัวโตมีแรงเดินเข้าไปในศาลา พวกเราแวะซื้อน้ำกันคนละขวดแล้วดื่มเพื่อลดอาการกระหาย ยืนคุยกันครู่หนึ่งเพื่อลดอาการเหนื่อยหอบจากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไป ฉันและเพื่อนตัวโตยังคงรั้งท้ายเช่นเคย
พระอาทิตย์ที่หลบหลังก้อนเมฆและร่มเงาจากป่าไม้ที่ขึ้นสลับซับซ้อนทำให้ไม่ร้อนมากนัก สายลมเย็นพัดแรงทำให้เหงื่อที่ชุ่มแผ่นหลังเริ่มแห้ง บันไดบางช่วงลาดเอียงแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค ราวจับเหล็กกลมๆ จะหลุดหายไปเป็นระยะแต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันตกใจเหมือนคราวแรก เส้นทางเริ่มคดโค้งหักศอกฉันสังเกตได้จากราวเหล็กกลมๆ ที่เลี้ยวไปตามทาง เสียงตะโกนโหงกเหวกของทัพหน้าดังให้ได้ยินเป็นช่วงๆ ทำให้รู้สึกอุ่นใจ บันไดเริ่มชันขึ้นและสูงขึ้น ไม้เท้าของเพื่อนตัวโตกระทบพื้นดังไม่ห่าง
ฉันเพิ่มความระมัดระวังเป็นเท่าตัว ความรู้สึกบอกว่าใกล้ถึงจุดหมายแล้ว ทางคดโค้งและสูงชันทำให้จังหวะการก้าวเดินเชื่องช้า ลมพัดแรงจนผมสะบัด ร่มเงาจากป่าไม้หายไป เหลือเพียงความร้อนจากกระไอแดดยามบ่ายแก่ๆที่อวลระอุ โชคดีที่มีกระแสลมเย็นปัดเป่าความร้อนทำให้อาการหูอื้อ เวียนหน้าเหมือนจะเป็นลมคลายได้บ้าง มืออีกข้างยกขึ้นจับหมวกไม่ให้ปลิวในขณะที่ขาทั้งสองเร่งก้าวไปข้างหน้าเมื่อเสียงของทัพหน้าดังอยู่ไม่ไกล
ในที่สุดคณะของเราก็มานั่งเหนื่อยหอบหมดสภาพยังจุดหมาย ม้านั่งไม้ใต้หลังคาศาลากับลมเย็นๆ ทำให้ทุกคนเริ่มกระปรี้กระเปร่า เจ้าแม่กาแฟเริ่มทำภารกิจต่อไปโดยการตีกลองใบใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล เป้หนังกับกาแฟแบรนด์ป่าต่างประเทศที่เคยอยู่บนหลังของนางบัดนี้เปลี่ยนเจ้าของไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อนางตีครบสามครั้งพวกเราที่เหลือก็เข้าคิวตีกลองเพื่อให้ดังถึงสวรรค์ ด้ามจับของไม้ตีกลองผุพังจากกาลเวลา แต่ก็ไม่ทำให้ความขลังลดลง กว่าพันมือที่เคยจับ กว่าล้านทีที่เหล่าผู้พิชิตมุ่งหน้ามาตีกลองใบนี้จะดังไปถึงทวยเทพสักครั้งไหม
เด็กน้อยที่พ่อแบกลงมาสวนทางกับฉันและเพื่อนๆ ระหว่างทางที่ขึ้นมาคงได้ตีกลองใบเดียวกันกับฉัน เสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายและความเงียบสงบทำให้จิตใจเบาสบาย บรรดาปู่ย่าตายายที่บังเอิญพบกันระหว่างทางคงอิ่มเอิบด้วยแรงบุญและหอบหิ้วติดมือกลับลงไปส่งมอบให้กับผู้ที่มุ่งหน้ามาทางเดียวกัน
ก่อนลงเขาพวกเราแวะไหว้พระ ขอพร ด้วยเวลาที่จำกัดภารกิจต่อไปที่จะต้องพิชิตให้จงได้นั้นคือ เราจะต้องลงไปข้างล่างให้ทันสี่โมงเย็น ดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้ไปนมัสการรอยพระพุทธบาท และไปสำรวจผานางฟ้า ช่วงขาลงนั้นเจ้าแม่กาแฟนั่งคล่อมราวจับแล้วสไลด์ลงมา นางบอกว่ามีหลายคนใช้ถุงปุ๋ยนั่งสไลด์ลงมาอย่างเดียวกันกับนาง แต่พวกเราชาวตาบอดนั้นไม่กล้าเสี่ยงจึงต้องใช้บริการขาทั้งสองไต่บันไดลงไปแทน
ที่คิดว่าการขึ้นมายากแล้วแต่การเดินลงนั้นยากกว่า ขาทั้งสองของฉันเริ่มสั่น ไม่รู้ว่าสั่นเพราะเหนื่อยหรือสั่นเพราะกลัวกันแน่ มือทั้งสองจับราวเหล็กกลมๆ ที่ร้อนจากไอแดดเพื่อพยุงตัวเดินลงอย่างเชื่องช้าและระมัดระวัง ฉันและเพื่อนตัวโตยังคงครองตำแหน่งรั้งท้ายเหมือนเดิม ส่วนเจ้าแม่กาแฟและเพื่อนตัวเล็กล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังห่างออกไปเหลือเพียงเสียงเสียดสีของต้นไม้และเสียงลมพัดดังอยู่รอบตัว เราทั้งคู่เดินลงมาช้าๆ เสียงไม้เท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำให้ตลอดการเดินทางไม่เงียบเหงา นานๆ ครั้งจะได้ยินเสียงทักทายจากคนที่เดินสวนขึ้นไป พระอาทิตย์คล้อยลงต่ำก้อนเมฆแหวกทางให้ลำแสงลงมาทักทายสรรพสิ่งบนโลกทำให้อากาศรอบตัวค่อนข้างร้อน
เพื่อนร่วมทางคนหนึ่งที่เดินสวนกันระหว่างที่พวกเราเดินขึ้นไปบอกว่า จะต้องมาขึ้นกับคนรู้ใจ เพราะเชื่อกันว่าเป็นเส้นทางพิสูจน์รัก เมื่อหวลนึกถึงแล้วก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ฉันไม่คิดว่าจะเฉพาะคนรู้ใจเท่านั้นหรอกกระมัง ถ้าจะวัดใจกับเพื่อนก็น่าจะพิสูจน์ได้ และถ้ารักกันจริงฉันและช้างใหญ่คงไม่ต้องเดินต้วมเตี้ยมรั้งท้ายกันสองคนอย่างนี้
ในที่สุดภารกิจทั้งขึ้นและลงเขาวงพระจันทร์ก็สำเร็จ พวกเราทำเวลาได้ตามเป้า ฉันก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายโดยมีมือใหญ่ของคนตัวโตเกาะไหล่พยุงตัวตามลงมาติดๆ เพื่อนชายร่างเล็กกับเจ้าแม่กาแฟนั่งรออย่างอารมณ์ดีในขณะที่ฉันแทบหมดสภาพ เท้าปวดตุบ ขาล้าไปตามระเบียบ
พวกเราเดินกลับทางเก่า ข้ามสะพานที่เคยขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมง แวะถ่ายรูปก่อนกลับ ภารกิจพิชิตเขาวงพระจันทร์สำเร็จลุล่วง พวกเราทั้งคณะทำตามเป้าที่ตั้งไว้ได้จนครบ คนปกติหนึ่งคนบวกคนตาบอดสามคน เท่ากับ ชีวิตมันต้องกล้า เรากล้า คุณกล้า แล้วเราจะผจญภัยไปด้วยกัน ขอบคุณเจ้าแม่กาแฟที่กล้าและบ้าบิ่น ทำให้พวกเรามีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน
วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เริ่มขึ้นเขา 13.30 น. ลงเขา 16.00 น.
- 👁️ ยอดวิว 1108
แสดงความคิดเห็น