บทที่ 3...1/3
มีนากลับมาถึงคอนโดในเวลาเกือบ 2 ทุ่มเพราะแวะไปซื้อของมาไว้ในตู้เย็น วันนี้เธออยากทำอะไรกินเองเพราะรู้สึกมีความสุข แม้จะทำอาหารเป็นไม่กี่อย่างก็ตาม ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอสนุกกับการทำงานและเรียนรู้ได้เร็วเพราะวนัทและพี่ๆ ทุกคน เธอได้ไปดูหน้างานเพื่อหาประสบการณ์สองสามครั้ง ส่วนงานที่ได้รับมอบหมายเธอทำแบบเสร็จแล้ว แต่พอส่งให้วรการ เขาแจ้งกลับมาว่ามีจุดที่ต้องแก้ไขอยู่พอสมควร ทำให้ช่วงนี้เธอนอนดึกกว่าปกติเพราะอยากแก้ไขให้งานชิ้นแรกออกมาดีและสมบูรณ์แบบที่สุด
หญิงสาวกดรหัสที่แป้นตรงประตูของตัวเอง แต่กดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ เธอเบลอจนเปลี่ยนรหัสโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่านะ ครั้นพอใช้แอพในโทรศัพท์ช่วยคลายล็อคก็ไม่ได้อีก แล้วอย่างนี้เธอจะเข้าห้องได้ยังไง มีนาโทรหานิติบุคคลซึ่งบอกว่ารอสักครู่เพื่อติดต่อคนที่จะมาดูแลในเรื่องนี้ เธอบอกขอบคุณแล้วยืนรอ หลังจากผ่านไป 5 นาที เธอเริ่มพิงหลังกับผนังห้องเพราะรู้สึกเมื่อยหน่อยๆ พลางชะเง้อมองไปที่ลิฟต์เผื่อว่าคนของนิติบุคคลจะมาถึงพอดี แต่ตอนนี้ยังไร้วี่แวว
คลิ๊ก...
มีนาหันมาแล้วยิ้มเหมือนสวรรค์โปรด เขมินท์คงไม่รู้ว่าเธออยากเห็นหน้าของใครสักคนแค่ไหน แล้วใครสักคนที่ว่าก็ดันเป็นเขา เจอกันทีไรเธอมักมีเรื่องทุกทีสิน่า
“ทำไมไม่เข้าห้อง มายืนแกร่วทำไมอะไรน่ะมีน” เขมินท์ถาม
ถ้าเป็นนิยายรักสักเรื่องมีนาคงคิดไปเองว่าเขมินท์รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ แล้วทำทีออกมาช่วย แต่พอเห็นสีหน้าเรียบๆ คิ้วขมวดมุ่นของเขมินท์แล้ว เธอขอพับจินตนาการเหนือจริงแบบไม่มีวันเป็นไปได้เอาไว้ก่อน ไม่สิ โยนลงบ่อไปเลย มันจะเป็นไปได้ยังไงเล่า
“มีนเปิดประตูไม่ได้ค่ะพี่เขม” มีนาบอกเสียงอ่อย ตอนนี้ทั้งตึกจะมีใครเข้าห้องไม่ได้แบบเธอบ้างไหมนะ
เขมินท์เม้มปากฝืนไม่หัวเราะ แม้จะคิดว่าวันนี้คงมาถึงสำหรับมีนาก็ตาม
“เข้ามารอในห้องพี่ก่อนไหม อีกเดี๋ยวนิติบุคคลคงมากระมัง มีนโทรหานิติบุคคลแล้วใช่ไหม”
“โทรแล้วค่ะ ถ้างั้นมีนรบกวนด้วยนะคะ”
มีนาเดินค้อมไหล่ผ่านเขมินท์ที่เปิดประตูค้างไว้ ช่างรอบคอบและเป็นสุภาพบุรุษเหมือนเดิม เธอนี่ก็หาเรื่องชมเขาได้ทุกเรื่องจริงๆ เขมินท์รินน้ำมาให้มีนาที่รับมาดื่มรวดเดียวหมด พอเห็นเขามองมาเหมือนเห็นอูฐ เธอเลยต้องแก้ต่างให้ตัวเองเสียหน่อย
“พอดีมีนกำลังหิวน้ำค่ะพี่เขม” มีนาบอกพลางรินน้ำให้ตัวเองอีกแก้ว แล้วดื่มรวดเดียวหมด ก่อนจะยิ้มเก้อพลางมองโน่นมองนี่ไปเรื่อยๆ แต่มันเงียบจังแฮะ “ห้องพี่เขมดูเรียบร้อยดีนะคะ โทนสีขาวสบายตาดี”
“ห้องของมีนก็โทนสีขาวเหมือนกันไม่ใช่หรือ” เขมินท์นั่งที่โซฟาอีกฝั่งมองมาที่มีนา
มีนาพยักหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ บางครั้งเขมินท์ก็เหมือนอาจารย์ฝ่ายปกครอง ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ทำไมต้องกลัวจะทำผิดก็ไม่รู้
“แต่ห้องของพี่เขมมีการออกแบบที่ใช้สอยได้มากกว่าค่ะ พอดีมีนไม่ได้ทำอะไรกับห้องที่ซื้อมาเลย ทำงานกลับมาก็เหนื่อยแล้ว เสาร์อาทิตย์ก็ต้องกลับบ้าน ไม่งั้นพี่เมเหงาแย่”
เขมินท์คลี่ริมฝีปากคล้ายจะยิ้ม ถ้ามีนาไม่ได้คิดไปเอง หญิงสาวยิ้มเขินๆ เพราะพูดเยอะไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ คนที่จะมาดูประตูให้ก็ไม่มาเสียที ต่อให้ขึ้นบันไดมาแทนลิฟต์ ป่านนี้ก็ควรมาถึงได้แล้วนะ
“ความฝันในชีวิตของมีนคืออะไร”
มีนาเกือบลืมตัวหยิกแขนตัวเอง เขมินท์ถามเรื่องความฝันในชีวิตของเธอเนี่ยนะ เขาไม่ได้ดื่มมาใช่ไหม ไม่หรอก เขมินท์เป็นคนที่ดูแลสุขภาพมาก ไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว เขาคงแค่หาเรื่องคุยกระมัง
“ถ้าตอนนี้ก็อยากทำงานแล้วสนุกมีความสุข อยากให้พี่เมมีลูกค้าในร้านเยอะๆ อยากให้ปู่เจตน์ไม่ป่วย ส่วนคินก็ดูมีความสุขดี คงเท่านี้แหละค่ะ” มีนายิ้มกว้างอย่างน้อยวันนี้เธอได้คุยกับเขมินท์นานกว่าทุกครั้ง
“แล้วถ้าอีกสัก 3 หรือ 5 ปีล่ะ”
มีนาเกือบลืมตัวขมวดคิ้ว วันนี้เขมินท์เป็นอะไร ทำไมถึงอยากรู้ในเรื่องที่เธอไม่เคยวางแผนกับตัวเองอย่างจริงจังสักเท่าไหร่
“คงแต่งงานมั้งคะ หรือไม่ก็ไปเที่ยวทุกวันหยุดหาประสบการณ์ชีวิต”
มีนาเกาแก้มตัวเองไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดอะไรที่เพ้อเจ้อออกไปหรือเปล่า สีหน้าเรียบๆ ของเขมินท์ทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง เธอชอบเขา แต่ก็รู้สึกเป็นเด็กเสมอในขณะที่เขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
“คุณมีนาอยู่ไหมคะ”
มีนาถอนใจโล่งอกที่มีระฆังช่วยชีวิต ไม่อย่างนั้นเขมินท์อาจหัวเราะกับคำตอบของเธอไปแล้วก็ได้ เธอเดินเร็วๆ ออกไปจากห้องทันที เขมินท์เดินตามมาแล้วช่วยคุยเพราะมีนาลองแล้ว แต่คนฟังทำหน้างงว่ามันเป็นไปได้ยังไง
นิติบุคคลเรียกช่างมาแก้ไขประตูอัตโนมัติให้มีนา ซึ่งก็ต้องรอต่อนั่นเอง เขมินท์บอกด้วยสายตาให้มีนาตามเขาไปที่ห้อง มีนาหิวมาสักพักแล้วจึงอยากลงไปข้างล่างคอนโดเพื่อหาอะไรกิน เรื่องที่จะทำอะไรกินเองตามที่วางแผนไว้เป็นอันจบตั้งแต่เปิดประตูห้องไม่ได้นั่นแหละ แต่จะบอกว่าไม่ไปก็เกรงใจเขา เธอเลยต้องเดินตามเข้าห้องไปอีก แต่คราวนี้เขาปิดประตู
“มีนคงหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวพี่ทำอะไรให้กิน ถ้าเปิดประตูไว้ กลิ่นมันจะออกไปรบกวนเพื่อนบ้านน่ะ”
มีนายิ้มเหวอๆ เพราะดันสงสัยว่าเขมินท์ปิดประตูทำไม เธอไม่ได้คิดไปในทางแบบทะลึ่งๆ หรอกนะ แค่แบบว่าเกือบคิดเท่านั้นเอง
เขมินท์เห็นว่ามีนาเดินตามเข้ามาในครัวเล็กๆ ภายในห้องที่เขาไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนักนอกจากชงกาแฟ จึงเข้าใจได้เองว่าเธอหิวอย่างที่เขาคิด เขาเปิดตู้เย็นหยิบของสดออกมา โชคดีที่วันก่อนเขาซื้อของพวกนี้มาเผื่อไว้เท่านั้น เขาหยิบต้นหอม เนื้อหมู ไข่และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาวางไว้ที่เคาน์เตอร์ แล้วหยิบเขียงกับมีดมา
“มีนช่วยหั่นผัก ล้างโน่นนี่ได้นะคะพี่เขม” มีนาอาสาเพราะจะรอกินด้วยการนั่งเฉยๆ ก็ชักยังไงอยู่
เขมินท์หันมามองมีนาที่ยืนห่างออกไปเกือบสองก้าว “ตอนเด็กมีนเคยถูกมีดบาดจนเย็บไปหลายเข็มไม่ใช่หรือ พี่ทำเองดีกว่า แค่ต้มบะหมี่ มีนไม่ต้องช่วยพี่หรอก”
เรื่องนานขนาดนั้นคนความจำดีอย่างเขมินท์จำได้ก็ไม่แปลกหรอก มีนาเลยแอบมองพี่ชายเพื่อนทำอาหาร คนที่เพียบพร้อมทั้งหน้าที่การงาน ความรู้ หน้าตา แถมยังทำอาหารเป็นอีก พระเจ้าช่างลำเอียง ทำไมให้คนคนหนึ่งเก่งไปเสียทุกอย่าง ในขณะที่เธอหรือภาคินเทียบเขมินท์ไม่ได้สักอย่าง
“เสร็จแล้ว ถ้ามันจืดไปก็เติมเครื่องปรุงแล้วกันนะ”
มีนาอยากจะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ปกติเธอต้มบะหมี่อย่างมากก็ใส่พวกเนื้อสัตว์ให้มันมีโปรตีนแค่นั้น แต่นี่มันบะหมี่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบ 5หมู่กระมัง
“ขอบคุณนะคะพี่เขม”
มีนายิ้มกว้างแล้วหยิบตะเกียบกับช้อนมาจัดการบะหมี่ชามใหญ่ให้สมกับความหิว การที่เธอไม่คิดว่าเขมินท์คิดอะไรด้วยทำให้การกินจึงไม่ต้องระวังอะไร สูดเส้นบะหมี่ได้เต็มที่ ซดน้ำซุปได้สาแก่ใจ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ห้องเขา มีนาคงยกชามมาซดน้ำซุปให้เกลี้ยงไปแล้ว
พอมีนาเงยหน้ามาอีกที เขมินท์ก็ไปนั่งอยู่ที่ระเบียงเหมือนกำลังทำงาน เธอจึงเดินประหนึ่งย่องไม่อยากให้มีเสียงเพื่อนำชามบะหมี่ไปล้างเอง พอเดินกลับมานั่งที่เดิมโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี เธอกดรับสายคุยได้ไม่กี่คำก็มองไปทางเขมินท์ที่หันมาพอดี
“ช่างมาแล้วค่ะ”
เขมินท์เดินไปเปิดประตู มีนารีบเดินตามไป แต่เขาดันหยุดเดินกะทันหันทำให้เธอหน้าทิ่มใส่แผ่นหลังกว้างเข้าเต็มๆ ถึงกับเจ็บแบบมึนๆ แต่หอมจังแฮะ
“ขอโทษทีพี่หยุดเดิน มีนรอที่ห้องก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่คุยกับช่างเอง”
“เอ่อ...ค่ะ ไปด้วยกันดีกว่า มีนเกรงใจพี่เขม”
ถ้ามีใครบอกมีนาว่าจะมีวันนี้ที่เขมินท์ต้มบะหมี่ให้กิน แถมยังเป็นธุระเรื่องประตูห้องให้ มีนาไม่มีทางเชื่อแน่ๆ ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้ ความบังเอิญที่เราสองคนดันมาซื้อห้องติดกันมันทำให้มีอะไรต่างๆ ตามมาได้แบบนี้เชียวหรือ หญิงสาวเกือบลืมตัวหยิกแขนตัวเอง
เขมินท์ช่วยคุยกับช่างถึงปัญหาของประตู ซึ่งมีนาอยากจะบอกว่าเขาเข้าใจปัญหากว่าตัวเธอเองเสียอีก เมษาโทรมาพอดีทำให้มีนาบอกเขมินท์เบาๆ ว่าพี่สาวโทรมาก่อนจะเดินไปหาที่คุยเงียบๆ ไม่งั้นเมษาได้ห่วงเธออีกว่าป่านนี้แล้วยังเข้าห้องไม่ได้
ผ่านไปไม่ถึง 10 นาทีกระมัง ตอนที่มีนาเดินกลับมา เธอเห็นเขมินท์รออยู่หน้าห้อง ส่วนช่างและนิติบุคคลไม่อยู่แล้ว แสดงว่าประตูห้องเสร็จแล้วนั่นเอง
“ขอบคุณนะคะพี่เขม ทางช่างคิดค่าเสียเวลาเท่าไหร่คะ มีนจะได้ตามไปจ่ายให้กับทางนิติบุคคลของคอนโด” มีนาไม่แน่ใจเพราะตอนนี้มัน 3 ทุ่มแล้ว อาจจะมีค่าใช้จ่ายซึ่งเธอพร้อมรับผิดชอบ
“เป็นบริการของทางคอนโดน่ะ ตอนนี้มีนใช้ประตูได้ตามปกติแล้วนะ เดี๋ยวมีนตั้งรหัสได้เลย”
มีนาไม่รอช้าจัดการกดตั้งรหัสแล้วบันทึกทันที คราวนี้เธอจำได้แน่นอนเพราะใช้วันเกิดของเมษา ในระหว่างนั้นเขมินท์หันไปมองทางอื่น มีนารู้เหตุผลที่เขาทำแบบนั้น เขาไม่ใช่แค่พี่ชายของเพื่อนรัก แต่เขายังเคารพความเป็นส่วนตัวของเธอด้วย
“ขอบคุณนะคะพี่เขมสำหรับทุกอย่างเลย” มีนายกมือไหว้เขา ในวันที่ต้องเจอเรื่องไม่คาดฝัน แต่เขมินท์ทำให้ทุกอย่างง่ายดายและราบรื่น
“มีนก็เหมือนน้องของพี่อีกคน” เขมินท์ตอบพลางสังเกตสีหน้าของมีนา
มีนายิ้มกว้างก็เธอเหมือนน้องสาวของขมินท์จริงๆ นี่นา แต่ฟังแล้วเจ็บจี๊ดเหมือนกันนะนี่ ฮึบไว้ๆ
“ถ้างั้นมีนกลับห้องก่อนนะคะ”
มีนาเดินกลับเข้าไปในห้องของเขมินท์เพื่อนหยิบกระเป๋าสะพาย กระเป๋าโน้ตบุ๊กและของอื่นๆ มาถือไว้ แล้วเดินไปที่ประตู เขมินท์เดินตามหลังมา เธอคิดว่าเขาคงมาปิดประตูห้องของตัวเอง แต่ไม่ใช่อย่างนั้น เขาเดินมาส่งเธอถึงหน้าห้อง แล้วย้ำเรื่องรหัสว่าต้องจำให้แม่น เธอพยักหน้าบอกขอบคุณเขาอีกครั้งแล้วเข้าห้องไปด้วยใจที่จะห่อเหี่ยวหรือมีความสุข เธอก็ชักไม่แน่ใจตัวเอง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 288
แสดงความคิดเห็น