ร่างปริศนานั้น
ช่วงบ่ายของวัน สนามประลองของครูฝึกมังกรก็ได้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ที่ มีร้านค้าแผงลอยที่ขายทั้งอาหาร สัตว์เลี้ยงที่ไม่มีเผ่าพันธุ์มังกร ของที่ระลึกจำพวกเกล็ด เล็บ เขี้ยวของมังกรและอื่นๆ ที่วางขายเป็นระเบียบเรียบร้อย การมาถึงของนักเรียนโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้ทำให้ตลาดแห่งนี้แน่นขนัดกว่าเดิม โทมัสและกลุ่มเพื่อนสะดุดกับความหอมหวนที่ลอยออกมาจากร้านอาหารที่มีลูกค้ายืนต่อแถวยาวเหยียด “เร่เข้ามา เร่เข้ามา!!!” เสียงพ่อค้าตะโกนเรียกลูกค้าแข่งกับเจ้าอื่นทั้งที่มีคนยืนต่อแถวมากโขและดูไม่มีทีท่าว่าพ่อค้าฉายเดี่ยวจะสามารถจัดการกับจำนวนลูกค้าที่ยืนรอก่อนหน้าให้น้อยลงได้
โทมัสหันมองป้ายร้าน เรทซาโมการ์ด กลิ่นที่โชยออกมาจากกระทะเหล็กที่วัตถุดิบถูกคลุกไปมาอย่างชำนาญ ลอยเตะจมูกจนเขาไม่อาจที่จะเดินผ่านไปได้เฉยๆ “ร้านนี้ขายอะไร ทำไมหอมจังเลยครับ?” วิลเลี่ยมกล่าวในขณะที่จมูกทำหน้าที่สูดดมกลิ่นอาหารที่ถูกเสิร์ฟใส่ใบไม้เขียวขนาดใหญ่ ใช้แทนจานเพราะร้านนี้ไม่มีที่นั่งจนกระทั่งถึงคิวของโทมัส “สั่งมาได้เลย สั่งเลย!!” ชายเจ้าของร้านเป็นหนุ่มอายุไม่มาก ด้านหลังร้านมีลังไม้บรรจุฟองไข่ของสิ่งมีชีวิตปริศนา มีขนาดใหญ่จนสามารถรองด้วยมือทั้งสอง แถมยังมีลวดลายชวนสงสัย “เจ้าหนู!! ไม่สั่งรึ?” ชายเจ้าของร้านตะโกนถาม “ผมขอดูรายการอาหารครับ” ชายเจ้าของร้านชำเลืองมองเขาด้วยความสงสัย “ไม่มีนะ เอาเป็นว่าร้านของข้าขายอาหารที่ทำจากไข่มังกรก็แล้วกัน” โทมัสและเพื่อนต่างแสดงออกอย่างตกใจ “ถ้าคุณไม่สั่ง ผมขอสั่งก่อนก็แล้วกันนะครับ” ประโยคแรกดังจากร่างที่ยืนหันหลังให้ตน เส้นผมสีแดงและความสูงเมื่อรวมเข้ากับน้ำเสียงทำให้โทมัสรู้ว่าเป็นแฟรงก์ลิน
บรรยากาศในยามที่หิมะขาวโปรยเย็นสบายหากแต่ไม่ใช่สำหรับโทมัสผู้กำลังรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “สั่งมาเลยสั่งมา กระทะข้ากับกำลังร้อนอยู่” ชายหนุ่มเจ้าของร้านเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น “ผมขอขนมปังกับไข่ดาวมังกรหนามก็แล้วครับ” ชายเจ้าของร้านหันหลังไปรื้อไข่จากกล่องไม้ก่อนจะหยิบไข่ฟองหนึ่งซึ่งมีผิวเป็นตะปุ่มตะป่ำคล้ายมีหนามน้อยใหญ่งอกออกมา “เจ้านี่ตาถึงจริง” ชายเจ้าของร้านกะเทาะเปลือกไข่ด้วยมีดยาว น้ำใสเยิ้มออกมาพร้อมไข่แดงขนาดใหญ่ที่ร่วงลงไปในกระทะก่อนที่เสียงของการทำอาหารดังขึ้นเป็นลำดับถัดไป พวกเขามองขั้นตอนการทำอาหารจนจบโดยที่คนทำอาหารก็ไม่ได้แสดงออกว่าหวงสูตรแต่อย่างใด ดูๆ ไปแล้วมันก็เหมือนไข่ไก่ไม่มีผิดเพียงแต่ไข่แดงไม่ได้มีสีเหลืองแต่มีสีน้ำตาลปนดำจนเหมือนไข่เสียแต่พอมันลงกระทะกลับสร้างกลิ่นที่ทำให้น้ำลายสอ
“กระผมได้ข่าวมาว่าพระองค์ทรงชนะซีสจ์ได้แล้วสินะขอรับฝ่าบาท” แฟรงก์ลินเหลือบตาจากซาคาเรียสมาที่โทมัส “ชนะแบบอ้อมๆ ด้วยองครักษ์มากฝีมือคนนี้สินะขอรับฝ่าบาท” เขาหันกลับมาหาซาคาเรียสพร้อมหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเสแสร้ง “ยินดีด้วยนะขอรับฝ่าบาท น่าแปลกจริงเชียวที่องครักษ์ของพระองค์จะเป็นผู้ครอบครองสีเปลวไฟแบบเดียวกับพระราชาองค์ปัจจุบันแห่งโนซาล์บ มันน่าแปลกจริงๆ เลยนะขอรับฝ่าบาท” แฟรงก์ลินเอ่ยลอยๆ เจ้าของร้านอาหารเหล่ตามองโทมัสด้วยความสงสัยแต่ไม่ได้สนใจเป็นพิเศษและปรุงอาหารต่อ “ขนาดที่องครักษ์ของพระองค์สามารถใช้ไฟสีม่วงได้...หมายความว่าพระองค์ก็น่าจะทรงมีเปลวไฟอีกสีที่ดีกว่านั้นใช่ไหมขอรับฝ่าบาท?” เจ้าของร้านหยุดการกระทำทั้งหมดและหันมามองกลุ่มนักเรียนตรงหน้าด้วยความสงสัยที่กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“นี่เจ้าหนู...ท่าน...หรือว่าท่านคือ....?” เจ้าของร้านเอ่ยเสียงติดๆ ขัดๆ ในขณะที่มองหน้าซาคาเรียสสลับกับโทมัสไปมา “หืม? น่าแปลกใจจังที่มีคนภายนอกไม่ทราบถึงฐานันดรศักดิ์ที่แท้จริงของพระองค์ ถูกต้องตามที่เข้าใจนั่นแหละครับ เด็กหนุ่มผมขาวผู้นี้คือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ฟรานซิสโก้ผู้มีพระนามอันยิ่งใหญ่ว่าฟรานซิสโก้ ไวเวิร์น อเล็กซิน โทมัสครับ!!” แฟรงก์ลินถือวิสาสะประกาศชื่อของโทมัสด้วยเสียงที่ดังและฉะฉานพอที่จะทำให้ผู้คนที่เดินตลาดโดยรอบหยุดชะงักการกระทำทั้งหมดลงราวกับเวลาได้ถูกหยุดลง ณ ที่แห่งนี้ “ทายาทแห่งไวเวิร์น?! ทายาทแห่งไวเวิร์น!!!!” เจ้าของร้านทรุดตัวลงนั่งและนอนหมอบลงกับพื้นในขณะที่หน้าผากชิดติดดินก่อนที่ชาวบ้านจะเริ่มทำตามชายเจ้าของร้านจนเหลือเพียงกลุ่มของโทมัส แฟรงก์ลินและนักเรียนโดยรอบแต่เมื่อแฟรงก์ลินคุกเข่าลง นักเรียนทั้งหมดต่างก็ทำตามไม่เว้นแม้แต่ตัวของโทมัสเอง
ความรู้สึกของซาคาเรียสในตอนนี้มันอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาที่เป็นฝ่ายก้มหัวให้โทมัสมาโดยตลอดในตอนนี้กลายเป็นเรื่องกลับตาลปัตร ซาคเรียสรู้สึกว่าความสุขุมและอารมณ์หรรษาที่ตัวเองมีมันหายไปหมด ร่างกายเย็นวาบกับภาพตรงหน้า พยายามกดความรู้สึกตัวเองที่กำลังบังคับให้เขาก้มลงไปหมอบลงกับพื้นเหมือนคนอื่นๆ ‘ไม่ได้ เราต้องรักษาหน้าของโทมัสให้ดีที่สุด’ ซาคาเรียสกัดฟัน “ชั่งเป็นเกียรติเหลือเกินที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาที่นี่ขอรับฝ่าบาท” เจ้าของร้านเอ่ยอย่างตื้นตันใจ “เพียงแค่การเอ่ยนามสามารถทำให้ผมได้เห็นภาพแบบนี้ น่าตกใจจริงๆ” แฟรงก์ลินลุกขึ้นยืน ประจันหน้ากับซาคาเรียส “ภายนอกพระองค์ยิ่งใหญ่แต่เมื่ออยู่ภายในเขตรั้วโรงเรียน พระองค์กลับเป็นเพียงนักเรียนไร้อำนาจ อย่าลืมซะล่ะขอรับฝ่าบาท” แฟรงก์ลินกระซิบที่ข้างหูของซาคาเรียส “เช่นนั้นกระผมขอตัวขอรับฝ่าบาท เจอกันอีกทีที่โรงอาหารตะวันออกนะขอรับฝ่าบาท” แฟรงก์ลินแสยะยิ้มก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับบรรยากาศโดยรอบที่คลายความตึงเครียดลง
ชาวบ้านทยอยกันลุกขึ้น เดินมาล้อมตัวซาคาเรียสเพื่อสอบถามเรื่องราวจิปาถะและกว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แสงอาทิตย์อัสดงก็ได้เปล่งอำนาจสีแสดลงมาแทนสีเหลืองอำพันไปเสียแล้ว ก่อนแยกย้ายกลับรถม้า ชายเจ้าของร้านมอบไข่มังกรให้แก่ซาคาเรียสและบอกวิธีการกะเทาะไข่ให้โทมัสเพื่อส่งสาส์นต่อให้ครัวหลวงในการเตรียมอาหาร ถือเป็นของขวัญจากการเยี่ยมชมเมืองลารูแทนนู โทมัสมองไข่ที่พี่ชายถือด้วยแววตาดั่งต้องมนต์ จะบอกว่าเป็นไข่ก็ดูจะไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะมันเหมือนก้อนผลึกอัญมณีที่มีรูปทรงไข่เสียมากกว่า สีแดงสุกสกาวคล้ายมีแสงเปล่งประกายออกมาจากภายในชั้นผลึกที่ยื่นออกมาอย่างไม่สม่ำเสมอ
“ฝ่าบาท โปรดทรงอย่า....” “งูๆๆ!!” วิลเลี่ยมอุทานเสียงหลงในขณะที่นิ้ว ชี้ไปที่บริเวณขาของเจ้าของร้าน “ไหนรึ?” เจ้าของร้านก้มมองแต่ไม่พบอะไรกระนั้นวิลเลี่ยมก็ยังย้ำประโยคเดิมอย่างเป็นตุเป็นตะ “.....ขอโปรดทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับพระราชฐานด้วยความปลอดภัยขอรับฝ่าบาท” เจ้าของร้านก้มตัวทำความเคารพอย่างนอบน้อมก่อนจะเก็บร้านและหิ้วของขึ้นเกวียน “พวกเรากลับไปที่รถม้ากันเถอะครับ” พวกโทมัสเดินทางกลับไปที่รถม้า พบกับนิโคลัสผู้ส่งสายตามองกลุ่มของพวกเขาที่ประตูรถม้าด้วยแววตาของความประหลาดใจ “เอ....ดูเหมือนจะหายไปคนนะครับ?” นิโคลัสขมวดคิ้ว “อ่าว? แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีครับ?” ซาคาเรียสเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปหาเอง พวกคุณรอในรถม้านะครับ” นิโคลัสยืนดูนักเรียนทั้ง 4 ขึ้นรถม้าจากนั้นหยิบปืนพกออกมาและยิงไปที่พื้นรอบตัวรถม้า 4 นัด
โทมัสมองนิโคลัสที่วิ่งออกไปด้วยความเร็ว เขานั่งพิงเบาะต่ออีกสักพักจึงมีเสียงเปิดประตูดังขึ้น “ฝ่าบาท ห้องอาบน้ำพร้อมแล้วขอรับฝ่าบาท” โทมัสพยักหน้ารับ ซาคาเรียสเห็นดังนั้นจึงแง้มประตูไว้ ผ่านไปครู่หนึ่ง ซาคาเรียสได้ยินเสียงประตูห้องที่เขาแง้มไว้ปิดลงจากภายนอก ด้วยความสงสัยซาคาเรียสจึงออกมาเรียกอีกครั้งแต่ภาพที่เห็นคือความว่างเปล่า มีแต่ผ้าคลุมโรงเรียนเท่านั้นที่วางอยู่บนที่นั่ง
ภายในป่าลึก ไกลออกไปจากจุดจอดรถม้า ในยามที่แสงอัสดงใกล้ลับตา มวลหมู่สัตว์ป่าพากันกลับรังแต่ไม่ใช่สำหรับใครคนหนึ่ง เสียงหอบหายใจปนเสียงเหยียบผืนป่าที่ถูกปูด้วยต้นหญ้าและพืชล้มลุก โทมัสอ้าปากกว้างในขณะกึ่งวิ่งกึ่งเดิน เขาต้องรับอากาศหายใจให้ได้มากที่สุดเพราะความเหนื่อยล้าจากการวิ่งอย่างต่อเนื่องทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น จิตใจเองก็กำลังสับสนกับการกระทำที่สมองไม่ได้สั่งการ ‘ทำไมเราถึงต้องวิ่งไปข้างหน้า ทำไม....!!’ โทมัสหยุดวิ่งกะทันหัน หันมองไปทางซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวภายในป่า ที่สุดก็หลุดออกมาจากเขตป่าและพบกับหาดหินและลำธารน้ำที่ถูกเปลี่ยนเป็นลำธารน้ำแข็งเพราะความหนาวแต่ยังคงมีเสียงน้ำไหลจากเบื้องล่างของผลึกสีขาวซึ่งตัดแบ่งอาณาเขตของหาดออกเป็น 2 ฝั่ง โทมัสกระโดดขึ้นบนหิน จากก้อนเล็กไปใหญ่ราวกับบันไดที่ถูกจัดเตรียมเพื่อให้เท้าสามารถสัมผัสกับผิวของก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถือเป็นจุดสูงสุดด้วยความยากลำบากเพราะมีกองหิมะฉาบผิวหินไว้ตลอดทาง
บรรยากาศในยามโพล้เพล้ แสงอาทิตย์บางเบาทำให้ดูพร่ามัวแต่กลับงดงามจนไม่อาจละสายตาแต่แล้วหูได้ยินเสียงขู่ เมื่อชะโงกหน้าลงไปมอง เห็นว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้ถูกเชิญให้ร่วมชมวิวกำลังรอต้อนรับเขาอยู่ที่ด้านล่าง ฝูงไฮยีนามีขนสีแดงสว่าง ในยามที่มันส่งเสียงขู่จะปรากฏไฟสีแดงลุกท่วมตัว ถือเป็นโชคดีที่เล็บยาวแหลมของพวกมันไม่ได้มีไว้สำหรับปีนป่ายและไม่ได้มีสมองใหญ่พอที่จะตามเศษขนมปังที่โทมัสทิ้งไว้จนทำให้เขาย่ามใจกับการชมวิว เสียงขู่และเสียงเล็บข่วนลงผิวของของแข็งดังระงมไม่เป็นจังหวะแต่ไม่ได้ทำให้สมาธิที่เหมือนถูกสะกดถูกรบกวนโดยง่าย สายตามองทอดยาวออกไปข้างหน้าพลันนึกถึงอดีตในวันนั้น วันที่หิมะตกอย่างไม่ขาดสาย ภายในป่าไร้ใบ กองหิมะที่ถูกปั้นเป็นรูปร่างและพังทลายพลันนัยน์ตาของโทมัสเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่หน้าผาหินนั้นมีร่างปริศนาในชุดคลุมสีดำ ใบหน้าที่มองเห็นไม่ชัดอาจเพราะระยะทางที่ไกลและเงามืดจากผ้าคลุมหัวแต่รู้ว่ากำลังมองมาที่ตน มือถือคันธนูสีทองตัดกับสีชุดคลุมอย่างมีเสน่ห์
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 376
แสดงความคิดเห็น