ตอนที่ 74 ข้าไม่ใช่สุภาพบุรุษ
ตอนที่ 74 ข้าไม่ใช่สุภาพบุรุษ
“เรื่องนี้....” อวี้เหวินลี่ชะงักอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเขาตอบสนองในฉับพลัน หันไปหาเย่หวูเฉินและประสานมือ “นายน้อยเย่ ขุนพลเย่ ขุนพลชราเย่... ขอแสดงความยินดีด้วย! นับเป็นความกรุณาที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในอาณาจักรเทียนหลง ผู้คนต้องอิจฉาพวกท่านอย่างมากแล้ว!”
ยกองค์หญิงให้... ช่างเป็นเรื่องใหญ่ที่หลงหยินตัดสินใจโดยอาศัยเพียงเหตุการณ์การแข่งขัน อีกทั้งยังไม่ไต่ถามความเห็นใดๆจากองค์หญิงเฟยฮวงหรือแม้แต่เย่หวูเฉิน หากเย่หวูเฉินแต่งงานกับองค์หญิง เขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชตระกูล การมอบตำแหน่งขุนนางชั้นสามให้จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ ครั้งนี้จะมีผู้ใดคัดค้านได้? แม้กระทั่งคนโง่ยังรู้เลยว่าองค์จักรพรรดิมอบความเมตตาให้เย่หวูเฉินอย่างมาก ใครเล่าจะกล้าคัดค้าน?
“บ่าวชราผู้นี้ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงกรุณายิ่งนัก” เย่หนู่ตะโกนตอบตื่นเต้น
“บ่าวผู้ต่ำต้อยขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับความเมตตาที่พระองค์มีให้เฉินเอ๋อร์ ตระกูลเย่ติดค้างความกรุณาของฝ่าบาท! พวกเราจะจดจำฝังไว้ในใจตลอดไป!” เย่เว่ยเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ในก่อนนี้ กระทั่งรวมความสำเร็จของสองพ่อลูกยังไม่อาจทำให้จักรพรรดิองค์ก่อนยกธิดาให้ได้ แต่ครั้งนี้บุตรชายของเขากลับได้มาอย่างง่ายดาย ยังจะมีสิ่งใดที่ทำให้พวกเขาต้องขุ่นเคือง
เย่หนู่และเย่เว่ยเตรียมลุกออกจากที่นั่งเพื่อคุกเข่าขอบคุณ แต่หลงหยินโบกมือไม่ใส่ใจและกล่าว “ไม่จำเป็น หวูเฉินคือสุดยอดอัจฉริยะที่สวรรค์มอบให้กับอาณาจักรเทียนหลง แล้วข้าจะปฏิบัติกับเขาไม่ดีได้อย่างไร หวูเฉินเจ้าพอใจกับรางวัลของข้าหรือไม่?”
“หวูเฉินพอใจเป็นอย่างยิ่ง ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตาข้ายิ่งนัก!” เย่หวูเฉินอดทนตอบกลับไป โดยไม่แสดงอาการขัดเคืองใดๆ อย่างไรก็ตาม เขาลอบคิดชังชังอยู่ข้างใน ‘แล้วข้าจะทำอะไรได้เล่า หากข้าไม่พอใจ เจ้าตัดสินใจไปแล้วโดยไม่ถามข้าสักคำ จะให้ข้าเลือกตอนนี้มันไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ? บอกไปแล้วเจ้าจะกลับคำหรือไง? องค์หญิงเฟยฮวงคนนั้น... หรือว่าจะเป็นคนเดียวกับหลงฮวงเอ๋อร์ ที่ข้าดันโชคร้ายไปเจอเข้าวันนั้นที่ถนนหลัก?’
“โฮ่โฮ่ ยอดเยี่ยม หลินเสี่ยวมอบฉายา ‘นักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งเทียนหลง’ และ ‘อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเทียนหลง’ ให้กับเจ้า เจ้าจะยอมรับหรือไม่?”
“ข้าไม่อาจยอมรับได้!” เย่หวูเฉินตอบโดยปราศจากความลังเล
“โอ้?” คำตอบนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน หลงหยินถามด้วยความสงสัย “ทำไมละ? อย่าบอกข้านะว่าในอาณาจักรเทียนหลงยังมีคนอื่นที่เก่งกว่าเจ้า?”
“เพราะว่าหวูเฉินไม่จำเป็นต้องมีฉายาพวกนี้ หากหวูเฉินเป็นที่หนึ่งในเมืองเทียนหลงจริงๆ แม้ไม่มีฉายา ข้าก็ยังคงเป็นที่หนึ่ง ในทางกลับกัน ถ้าข้าไม่ใช่ที่หนึ่ง แม้มีฉายาไปก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริง อันดับหนึ่งที่แท้จริงอยู่ที่ความสามารถไม่ใช่ฉายาที่ผู้อื่นมอบให้ นอกจากนั้น อันดับหนึ่งนั้นไม่มีอยู่จริง อันดับหนึ่งเป็นเพียงคำเรียกของคนที่ก้าวข้ามอันดับหนึ่งคนเก่า หากวันหนึ่งไม่มีผู้ใดสามารถก้าวข้ามได้อีก เช่นนั้นอาณาจักรเทียนหลงของเราคงเข้าสู่ยุคเสื่อมถอย”
หลงหยินดูคล้ายชะงัก ผู้คนเริ่มคิดใคร่ครวญทีละคน หลงหยินพลันกล่าวชื่นชม “ดี เจ้าพูดได้ถูกทีเดียว อันดับหนึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่ฉายาธรรมดา หากไม่มีใครสามารถข้ามผ่านที่หนึ่งคนปัจจุบันได้ เช่นนั้นอาณาจักรเทียนหลงของข้าคงเข้าสู่ยุคเสื่อมถอย เพราะอาณาจักรไม่อาจหยุดอยู่ในจุดสูงสุดได้ตลอดไป แต่ต้องดียิ่งๆขึ้นไปตามกาลเวลา!”
ไม่หยุดอยู่ในจุดสูงสุด แต่ต้องดีขึ้นเรื่อยๆ... เหตุใดจึงเป็นวลีที่ช่างคุ้นเคยในความทรงจำลึกๆข้างใน?
“ข้าเห็นด้วยที่จะไม่มอบฉายาพวกนี้ให้กับเจ้า แต่ข้าเชื่อว่านับตั้งแต่วันนี้ไป ผู้คนจำนวนมากจะเรียกเจ้าด้วยฉายาเหล่านั้นด้วยตนเอง ข้าไม่อาจห้ามคำพูดของพวกเขาได้ โฮ่โฮ่!” หลงหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม พลางลูบหนวดไปด้วย
“หวูเฉินขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาท แต่ว่า โปรดอภัยกับคำขอเรื่องหนึ่งของหวูเฉิน”
“โอ้? เจ้ามีคำขอใดก็พูดออกมาเถอะ” หลงหยินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
เย่หวูเฉินหันไปทางเล่งหยาที่กำลังนั่งนิ่งเป็นประติมากรรมน้ำแข็งอยู่ตรงมุม เย่หวูเฉินกล่าว “ตอนนี้หวูเฉินโชคดีเอาชนะคุณชายหลินได้ ทั้งยังหมายความว่าสามารถปล่อยเล่งหยาให้เป็นอิสระได้ เนื่องจากข้าเพิ่งกลับมาบ้านได้ไม่นาน ในสวนของพวกเรายังต้องการผู้คุ้มกัน และคนผู้นี้มีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ทั้งมีวัยที่ใกล้เคียงกับข้า เขามีความเชี่ยวชาญในการลอบสังหารรวมถึงหลบซ่อนและสะกดรอย เขาจึงเหมาะสมกับหน้าที่นี้อย่างมาก จึงขอความเมตตาขอคำอนุญาตจากฝ่าบาท”
“ตกลง...” หลงหยินพยักหน้าช้าๆ “จากที่ข้ากล่าวคำไว้ ในเมื่อเจ้าเอาชนะหลินเสี่ยวได้ ดังนั้นข้าจะปล่อยบุคคลผู้นี้ไป และทำเหมือนกับว่าเขาไม่เคยมีตัวตน ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนของอาณาจักรเทียนหลง ดังนั้นไม่ว่าเขาจะอยู่หรือไปข้าก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของเขา เจ้าชักชวนเขาเอาเอง ถ้าหากเขาเห็นด้วยก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่...”
“หวูเฉินจะไม่บังคับเขา” เย่หวูเฉินกล่าวจริงจัง แต่แอบแค่นเสียงอยู่ในใจ ‘เล่งหยาผู้นี้ไม่ได้ทำให้เจ้ารู้สึกกลัวสักนิดจริงๆหรือ? สุดท้ายเจ้าก็ยังอยากฆ่าเขาอยู่ดี ยิ่งกว่านั้น เขายังมีกลิ่นอายแห่งความตายและกระบี่คร่าสายลมอยู่ในมือ’
เย่หวูเฉินและหลงหยินต่างสามารถดูออกว่าเล่งหยาตอนนี้เหมือนหมาป่าที่พึ่งออกจากรัง ด้วยสัญชาตญาณป่าเถื่อนของสัตว์ป่า รวมทั้งร่างกายที่มีกรงเล็บและคมเขี้ยว เขาทั้งไม่มีความอดทนและไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ หากวันหนึ่งเขาเกิดหิวกระหายขึ้นมา เขาย่อมกลายเป็นฝันร้ายของศัตรู
ข้อสรุปนี้ไม่ใช่เรื่องยากจะคาดคิดแต่อย่างใด...เพราะว่ากลิ่นอายแห่งความตายออกมาตามลมหายใจของเขา
บุคคลประเภทนี้...หากไม่สามารถควบคุมเขาได้ทางที่ดีต้องรีบกำจัดอย่างโดยเร็วที่สุด
เวลานี้ ม่านเวทีของการแข่งขันได้ปิดฉากลง หลังจากหลงหยินประกาศรายชื่อยอดพรสวรรค์ที่เขาเลือกด้วยน้ำเสียงจืดชืด เขาก็กลับพระราชวัง แน่นอนว่าในรายชื่อเหล่านั้นมีชื่อหลินเสี่ยวรวมอยู่ด้วย หากแต่ไร้ชื่อของเย่หวูเฉิน เนื่องจากว่าเขาปรากฎตัวหลังการประลองจบลง แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นกลับน่าสนใจยิ่งกว่า
ทันทีที่หลงหยินจากไป ผู้คนเกิดจลาจลไม่สนความสง่างาม ต่างเข้าไปล้อมรอบตระกูลเย่แล้วกล่าวประจบยกย่องไม่ขาดคำ เย่หวูเฉินคาดไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ดังนั้นก่อนที่หลงหยินจะจากไป เขากับหนิงเสวี่ยก็พากันซ่อนอยู่ในมุมและหลบหนีไป
“คุณชายเย่”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เย่หวูเฉินหันกลับไป ปรากฎว่าเป็นหลินเสี่ยวที่แอบติดตามเขามา
“คุณชายหลินมีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือ?”
“คุณชายเย่ ท่านสนใจในตัวคุณหนูตระกูลฮั่วใช่หรือไม่?” หลินเสี่ยวถาม
เย่หวูเฉินหัวเราะและกล่าว “ถูกต้อง เพราะว่าคุณหนูตระกูลฮั่วนั้นงดงาม และบุรุษทุกคนในอาณาจักรเทียนหลงล้วนสนใจในตัวนาง ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ข้าชอบนางย่อมเป็นเรื่องปรกติ”
“แต่คุณหนูฮั่วหมั้นหมายกับข้าแล้ว ยิ่งกว่านั้นตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่มีใครกล้ามาเสนองานแต่งต่อตระกูลฮั่ว” หลินเสี่ยวกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
“หากข้าจำไม่ผิด คุณชายหลินกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า สตรีที่งดงามล้วนเป็นที่ปรารถนาของบุรุษ นางยังไม่ใช่ส่วนหนึ่งของตระกูลหลิน ดังนั้นทุกคนจึงยังมีสิทธิ์ที่จะไขว่คว้านาง หรือว่าท่านลืมถ้อยคำของตนเองไปแล้ว?” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมยิ้มแฉ่ง
หลินเสี่ยวใบหน้าชะงักค้าง เขาส่ายศีรษะและกล่าว “คุณชายเย่ ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจโน้มน้าวท่านได้ แต่ท่านสมควรทราบดีว่าสุภาพบุรุษย่อมไม่แย่งคนรักของผู้อื่น...”
“ท่านเป็นสุภาพบุรุษ แต่ข้าไม่ใช่ การเป็นสุภาพบุรุษนั้นเหน็ดเหนื่อย ต้องคอยยับยั้งชั่งใจ ทั้งยังต้องจำกัดถ้อยคำและการกระทำอยู่ตลอดเวลา ต้องอดทนกับความปรารถนาของตนเอง บางครั้งยังต้องทนต่อการถูกเหยียดหยาม เหตุใดข้าต้องเลือกเป็นสุภาพบุรุษด้วยเล่า? ไม่ว่าคุณหนูฮั่วจะเป็นคนรักของท่านหรือไม่ ข้าก็ไม่สนใจ ข้ารู้แต่เพียงว่า...” เย่หวูเฉินหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเน้นย้ำทีละคำ “ข้า...ปรารถนา...ในตัว...นาง!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 357
แสดงความคิดเห็น