ตอนที่ 50 .. “ คนสุดท้ายของชีวิต ”
ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย ไม่มีคำตอบ...จากหัวใจ
เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น .. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. วีณา
Apache - The Shadows (Original Rock 'N' Roll)
https://www.youtube.com/watch?v=cjUwpXu_VUk / https://youtu.be/futy5k9Ly_g
ขอขอบคุณ วง The Shadows จาก ค่าย UMG (ในนามของ Mercury Studios) ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย
Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก
ตอนที่ 50 .. “ คนสุดท้ายของชีวิต ”
<16 ธ.ค.> ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี ถ้าอำนาจเงินของใครบางคนไม่เข้ามาครอบงำ พฤกษ์ถูกว่าจ้างให้เก็บเจ้าของที่ริมหน้าผาหลังฟาร์ม ซึ่งนั่นก็คือกุ้ง แลกกับหนี้ก้อนโตที่มีอยู่จะหมดไป พฤกษ์ไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ทำก็ติดคุกหรือไม่ก็โดนเก็บ เป็นเพราะพฤกษ์รักตัวกลัวตายและไม่รู้จักกุ้งด้วย จึงรับปาก พฤกษ์มาตามนัด เสี่ยเจ้าของหนี้โยนรูปกุ้งไปให้ดูหน้า ก่อนที่จะไปเก็บ เพื่อจะได้ไม่ผิดตัว
“อีก 2 วันมันจะแต่งงาน แกไปจัดการซะ มันคงจะไม่ได้ทันระวังตัวแน่ ไอ้นี่มันเป็นตัวตั้งตัวตี ชอบขัดขวางการสร้างบ่อนของฉัน เคยยิงสิงห์ได้รับบาดเจ็บมาแล้วสองครั้ง สุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะมัน” ด้วยความที่มีอคติที่เสี่ยนั้นใส่ไฟเข้าไป พฤกษ์จึงไม่ได้สืบหาความจริง เลยมาลอบยิงในวันที่กุ้งแต่งงานกับโรส เพราะไม่มีใครนึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จึงไม่มีใครได้วางแผนป้องกันอะไร
///// +++++ /////
<18 ธ.ค.> วันมงคลและมหาวินาศในวันเดียวกันก็มาถึง ช่วงเช้าได้มีการจัดกินเลี้ยงให้กับพวกลูกน้องทั้งในออฟิตและในฟาร์ม โรงงานปากช่อง งานของกุ้งและโรสจัดได้ยิ่งใหญ่มาก พวกสาวๆออฟฟิต ไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่าเด็กในท้องของโรส เจ้าสาวที่อุ้ยอ้ายท้อง 5 เดือน นานๆจะมีแบบนี้สักที เจ้าสาวอ้วนๆในชุดแต่งงานสีครีม+ขาวบริสุทธิ์ หลายคนต่างมารุมล้อมแต่เจ้าสาวท้องโต
“ไหนคุยกับน้าได้รึยังหนูน้อย” ขิมเอาหูฟังไปที่ท้องของโรส
“กี่เดือนแล้วคะนายหญิง” หนิงถาม
“5 เดือนจร้า” โรสตอบแบบยิ้มๆ
“แบบนี้ก็รู้เพศแล้วซิคะนายหญิง” ทิพย์ถามต่อ
“จร้ารู้แล้ว ผู้ชาย หมอบอกแข็งแรงดี อีก 4 เดือนก็จะลืมตามาดูโลกแล้ว ต้องบำรุงเยอะๆและมากๆ” ทุกคนยิ้มกันใหญ่เลย เพราะรู้ว่านายน้อยเป็นผู้ชาย กุ้งเดินเข้ามา เพราะเห็นว่าตนเองไม่มีความสำคัญเลย
“แหม วันนี้ไม่มีใครสนใจฉันเลยนะ สนใจแต่นายน้อยอย่างเดียวเลย อีกตั้งหลายเดือนกว่าลูกฉันจะออกมา นี่ตอนนี้มาสนใจฉันก่อนดีไหม ไปไป เขาเรียกไปถ่ายรูปกันทางโน้น ไปครับ มาค่ะที่รัก ค่อยๆลุกนะครับ” กุ้งบริการเมียน่าดู จนลูกน้องต้องแซวกันใหญ่
“แหมๆๆ อิจฉาน่าดูเลย หวานหยดอะไรปานนี้” เจี๊ยบแซวจนโดนกุ้งเขกหัวเข้าไปเบาๆทีนึง
“พูดมาก เอ้าช่วยประคองนายหญิงเลย”
เจี๊ยบจึงช่วยประคองไปที่ซุ้มสำหรับเก็บภาพความทรงจำ หลายๆต่อหลายคนรออยู่ ไม่ว่าจะเป็นลูกแก้ว กวาง เด่นหรือแม้กระทั่งป้าจิ๋ม ส่วนกุ้งขอแยกไปอีกทางหลังจากที่ได้ถ่ายรูปได้ไม่นาน ขอไปดูความเรียบร้อย ต้อนรับผู้ใหญ่อีกหลายคน ไม่จำเป็นไม่อยากให้โรสมายืนต้อนรับสักเท่าใด โรสขอให้วันทนีย์มาช่วยต้อนรับอีกคนกุ้งก็ไม่ว่าอะไร กลับชอบเสียอีก เพราะความเป็นเลขานุการทุกคนเลยไม่สงสัย ว่าทำไมวันนี้วันทนีย์ถึงสวยสะพรั่งเป็นพิเศษมากกว่าวันอื่นๆหรืองานใดๆ ชุดที่วันทนีย์ใส่นั้น ใกล้เคียงกับชุดเจ้าสาวของโรสมาก ถ้าตัดโรสออกไป ก็วันทนีย์นี่แหละใช่เลย โรสพยายามช่วยนีทุกอย่างเพื่อไม่ให้นีรู้สึกว่าตัวเองถูกเธอแย่งกุ้งไป
งานดำเนินไปได้ด้วยดีในช่วงเช้าตั้งแต่ 7 โมง จนตอนนี้ก็ 10 โมง บางคนยังเข้าใจว่าวันทนีย์เป็นเจ้าสาวเสียอีก เพราะยืนคู่กับกุ้งมากกว่าโรส โรสไม่สนใจกับคำพูดคำนินทาบางอย่างจากพวกคุณหญิงคุณนายที่ชอบพูดถึงเธอว่าเป็นเจ้าสาวท้องโย้ 5 แล้วค่อยมาจัดงานแต่ง โรสค่อยๆพยุงร่างมายืนเกาะแขนซ้ายกุ้ง นีซึ่งยืนอยู่ทางขวากำลังจะเดินออก โรสใช้มือขวาอ้อมไปข้างหลังกุ้งดึงห้ามไว้
“จะไปไหนหละพี่ ยืนอยู่ด้วยกันตรงนี้แหละ” นีไม่สบายใจ
“อย่าเลยค่ะน้อง พี่ว่ามันดูไม่ดีนะ เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้และดูไม่ดี หาว่านายแต่งเมียทีเดียว 2 คน แล้วพี่เองแหละจะถูกทุกคนมองเป็นอย่างอื่นไป พี่ไปหนะดีแล้ว” นีก็ยังยืนยันที่จะไป แต่โรสก็จะให้อยู่
“พี่จะไปสนใจอะไรกับพวกปากหอยปากปูพวกนั้นหละคะ หนูเป็นเจ้าของงาน หนูยังไม่สนไม่แคร์เลย นะพี่ อยู่ด้วยกันตรงนี้แหละ”
วันทนีย์ไม่สามารถขัดใจโรสได้ จึงต้องจำใจอยู่ แขกก็ทยอยเอาของขวัญมากันเต็มไปหมด ระหว่างนั้นโรสก็พยายามพูดให้นีสบายใจและไม่ให้คิดมาก
“พี่นี อย่าลืมนะว่าพี่ก็เป็นเมียพี่กุ้ง ถึงใครเขาไม่รู้ แต่หนูรู้ หนูเข้าใจ ช่วงนี้พี่กุ้งไม่สามารถไปหาพี่ได้เพราะงานเยอะ กำลังปิดงบปลายปีอยู่ นี่ก็เร่งทำจนเสร็จหมดแล้ว พี่อย่าพึ่งน้อยใจไป เดี๋ยวหลังจากงานวันนี้เสร็จและจบลง หนูคุยกับพี่กุ้งแล้ว คืนนี้หนูจะให้พี่อยู่แทนหนู เพราะหนูอยู่กับพี่กุ้งมาทุกวันแล้ว แค่คืนนี้คืนเดียว หนูไม่ว่าอะไร ไหนๆพี่ก็มาแล้วนะ ยิ้มหน่อย”
“พี่ขอบใจน้องมากเลยนะ ไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณกับสิ่งที่น้องเมตตาพี่ยังไง ไม่รู้จริงๆ” นีอยากจะร้องไห้ โรสเอามือตีแขนเบาๆ
“หนูก็อยากให้พี่สาวของหนูมีความสุขกับสามีอย่างเต็มที่สักคืน อย่ามองหนูแบบนั้นซิ ไม่มีใครรู้หรอก เพราะคืนนี้เขาจะไปรวมตัวและพักกันที่เรือนรับรองกันหมด จะไม่มีใครอยู่ที่บ้านใหญ่แม้กระทั่งพี่พิณ หนูสั่งไปหมดแล้ว สบายใจได้ จะมีแค่เพียงเราสามคนเท่านั้น หนูจะขึ้นไปนอนข้างบนชั้นสอง แล้วพี่นีก็อยู่กับพี่กุ้งในห้องข้างล่าง อยากจะทำอะไรทบทวนความคิดถึงยังไงก็ไม่ต้องเกรงใจหนูที่นอนอยู่ข้างบน เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ก็ต้องกลับแล้ว นะคะพี่นี หนูช่วยพี่ได้เท่านี้จริงๆ สำหรับวันนี้ แล้วต่อๆไปค่อยว่ากันใหม่ เรื่องที่จะแบ่งวันกันยังไง เช่นคนละครึ่งเดือน มันก็โอนะ แป๊บเดียวเอง 15 วัน แบ่งๆกันไป เพราะหนูขอพี่กุ้งแล้วว่า ห้ามมีใครอีกนอกจากเราสองคน นะขอให้พี่นีรับน้ำใจจากน้องสาวคนนี้ด้วย ถ้าเพราะไม่ใช่หนูก่อเรื่องในวันนั้น พี่นี คงไม่ต้องมารับเคราะห์เหมือนในวันนี้หรอก” นีรีบยกมือปิดปากโรสทันที
“ไม่เอาคะ อย่าพูดแบบนั้น พี่บอกแล้วว่าพี่เต็มใจ น้องโรสอย่าได้คิดมากอีกนะ”
โรสพยักหน้า จนกุ้งต้องหันมาถามเบาๆ เพราะแขกเริ่มทยอยมากันเยอะแล้ว ไม่เห็นช่วยกันรับแขกเลย ไม่รู้ว่าสองเมียพูดอะไรกันนักหนาอยู่ข้างหลังเขา
“นี่ที่รักทั้งสอง ทำอะไรกันอยู่ มาช่วยผัวก่อน เร็วทั้งคู่เลย เร็ว เห็นไหมหนะ มากันเยอะมาก”
ทั้งสองสาวก็เลยปล่อยมือกันและหันมาช่วยกุ้งรับแขก ทั้งสามคนมีความสุขมาก เมฆแอบจับภาพของทั้งสามคนที่ยืนต้อนรับแขกไว้ได้หลายภาพทีเดียว และก็คิดในใจว่าทำไมงานนี้กุ้งและโรสให้ความสำคัญกับวันทนีย์มาก ไปตรงไหนทางไหน ก็ต้องกระเตงกันไปเหมือนยังกับสามคนผัวเมียยังไงยังงั้น แต่คิดไปก็เท่านั้น ในเมื่อหาคำตอบไม่ได้ ก็ไม่ต้องคิดให้เปลืองสมอง ทำงานของตัวต่อไป
***** ฿฿฿฿฿ *****
2 ชั่งโมงผ่านไปจนเที่ยง งานกินเลี้ยงและต้อนรับแขกในช่วงเช้าก็สิ้นสุดลง จึงได้พักผ่อนกันบ้าง หลังจากที่ได้ส่งแขกบางส่วนกลับไป คงเหลือเพียงบางส่วนที่จะอยู่เป็นสักขีพยานกับการแต่งงานแบบคริสต์ในช่วงบ่าย เนื่องจากโรสต้องเปลี่ยนชุดเป็นอีกชุดทางสไตล์ลิสจำต้องรั้งตัวโรสเอาไว้เพื่อทำการแต่งตัวใหม่ จึงไม่สามารถปล่อยตัวโรสไปหากุ้งได้ กุ้งจึงต้องกลับบ้านใหญ่คนเดียว
กุ้งไม่รู้ว่านีหายตัวไปตอนไหนก่อนเที่ยง เพราะหันมาอีกทีเธอก็ไม่อยู่เสียแล้ว จึงเดินกลับมาที่บ้านใหญ่เพื่อพักผ่อนตามลำพัง บ้านนี้เงียบไม่มีใครเพราะทุกคนไปอยู่ที่งานกันหมด กุ้งไม่ได้สังเกตุว่ามีใครอยู่ในบ้าน จึงเปิดประตูใหญ่แล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเองไปเลยทันที พอเปิดไฟก็ต้องตกใจที่เห็นนีมาแอบนั่งหันหลังร้องไห้อยู่ที่เตียงตามลำพัง กุ้งจึงรีบล๊อกห้องและเดินไปหานีทันที
“นีหายตัวมาอยู่นี่เองพี่หาหนูตั้งนานไม่เอานะคราวหน้าจะไปไหนต้องบอกพี่นะเข้าใจไหม แล้วแอบมาร้องไห้คนเดียวทำไม ไม่เอา”
“พี่ หนูฝันไม่ดี เมื่อกี้หนูงีบหลับไปแล้วสะดุ้งตื่น มันน่ากลัวมาก พี่หนูกลัว กลัวว่าพี่จะจากหนูไปไม่อยู่กับหนูอีกแล้ว พี่หนูกลัว”
“เด็กโง่ ไม่เอาน่า ไม่มีอะไรหรอก หนูคงเหนื่อยมากกว่า มามะ คนดีของพี่ พี่จะเรียกขวัญให้ คนดี๊ คนดีของพี่ ขวัญเอ๊ยขวัญมา”
แล้วกุ้งก็จัดการปลดเครื่องทรงของเขาและนีออกทันที และก็มีความสุขกัน โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นได้ถึง 2 ยกเลยทีเดียวภายในเวลาเกือบชั่วโมงนี้ หลังจากที่เสร็จกิจ ทั้งสองคนก็แต่งตัว กุ้งเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ทันที นีจะใส่ชุดเก่า กุ้งไม่ยอมเพราะเตรียมมาให้แล้ว บอกแล้วงานนี้โรสสวยยังไงนีก็ต้องสวยอย่างนั้น เมียทั้งสองต้องสวยเหมือนกัน ไม่มีใครดีเกินหน้ากันเด็ดขาด นีดีใจที่กุ้งรักเธอขนาดนี้ จึงเต็มใจใส่ชุดใหม่ที่สามีเตรียมให้ หลังจากที่ทั้งสองแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ ก็จูงมือกันเดินออกมาจากบ้านใหญ่ทันที
----- ^^^^^ -----
วันทนีย์ยิ้มหน้าบานออกมาทันทีที่กุ้งจัดให้ตั้ง 2 ดอกในวันนี้ ถือว่ากำไร เพราะเดี๋ยวคืนนี้ยังไงก็จะได้อีกทั้งคืน ทั้งสองเผลอเดินจูงมือกันจนมาถึงลานที่จัดงาน หลายคนสังเกตุเห็น ไม่ว่าจะเป็น เมฆ นุ่น มอญ เอียด โกร๋น น้อง แม้กระทั่งทิพย์และนิด แต่ก็ไม่ได้คิดไกลไปถึงขนาดนั้น เพราะเข้าใจว่าสองคนนี้สนิทกันมากแค่จับมือจูงกันออกมาแค่นี้ ก็ไม่เห็นจะน่าเกียจหรือเสียหายอะไร ในเมื่อตัวโรสเองก็ไม่เห็นจะมีที่ท่าหึงหวงอะไรเลย โรสเดินอุ้ยอ้ายออกมาจับมือทั้งสองคน เข้ามานั่งก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลาตามฤกษ์
13.15 เมื่อได้เวลา บาทหลวงก็เริ่มดำเนิน ไปตามขั้นตอน โรสในชุดเจ้าสาวแสนสวยท้องโย้ 5 เดือน ยิ้มแก้มปริอยู่ที่ต้นทางเข้า ชายกระโปรงยาวโดยมีลูกแก้วยืนจับไว้ให้ข้างหลัง กุ้งเจ้าบ่าวสุดหล่อยืนยิ้มรออยู่ที่แป้นในปรัมพิธี เสียงดนตรี แท่นแท้นแท่นแทนดังขึ้น เจ้าสาวโรสซึ่งท้องอุ้ยอ้าย 5 เดือนก็คล้องแขนชัชพ่อบังเกิดเกล้าก้าวเดินออกมาจากจุดตรงนั้นอย่างช้าๆ เดินตรงไปหาเจ้าบ่าว โดยที่มีพวกสาวๆในออฟฟิตและเพื่อนๆคอยโปรยดอกไม้และกลีบกุหลาบเป็นระยะๆจนมาถึงและยื่นมือเจ้าสาวส่งให้เจ้าบ่าว
จากนั้นบาทหลวงเริ่มพิธีการ ระหว่างนั้นนีก็น้ำตาไหลซึมเป็นระยะ หลายคนสังเกตุเห็น ชักเริ่มสงสัย แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะพิธีกำลังดำเนินไปด้วยดี เมื่อทั้งสองกล่าวยอมรับการเป็นสามีภรรยากัน เรียบร้อยและทั้งสองสวมแหวนให้แก่กัน ก็เป็นอันจบพิธี
ก็มาถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย คือการโยนดอกไม้ของเจ้าสาว โรสเดินออกมาจากแป้นปรัมหันหลังเพื่อที่จะโยนดอกไม้ออกไปโดยที่มีกุ้งยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆและเป็นกำลังใจอยู่ไม่ห่าง กุ้งขยับตัวออกมาห่างโรสพอประมาณ ด้านในจึงโล่งและไม่มีใครแล้ว
ทุกคนนับ 1-2-3 โรสใช้สองมือโยนช่อดอกไม้ออกไป ขณะที่ช่อดอกไม้ลอยอยู่กลางอากาศยังไม่ตกลงพื้น ก็มีเสียงปืนดังขึ้นสองนัด <เปรี๊ยง เปรี๊ยง>
ทุกคนแตกตื่นวิ่งกระจายทันที ไม่มีใครรอรับช่อดอกไม้แล้ว พอดอกไม้หล่นถึงพื้นดิน กุ้งซึ่งยืนอยู่ข้างในมีเลือดอาบเต็มตัว เลือดสีแดงเลอะเต็มชุดสูทสีขาว ยืนตาค้างต่อหน้าโรสภรรยาสุดที่รัก ล้มลงต่อหน้าต่อตา โรสหวีดร้องดังลั่น
“อร๊าย” กุ้งเสียชีวิตทันที
“พี่กุ้ง” เพราะกระสุนโดนเข้าเต็มๆที่หัวใจและปอดทั้งสองนัด ไม่มีโอกาสได้สั่งเสียอะไรใครทั้งสิ้น
โรสตกใจและเสียใจมาก ถึงกับช๊อกและไม่รับรู้อะไรอีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ล้มลงทันทีชัชรีบวิ่งไปดูลูกสาว ตำรวจที่มาร่วมงานต่างรีบวิ่งไล่จับมือปืนผู้นั้นทันที โกร๋น เมฆและมอญรีบเข้าไปดูกุ้ง วัฒน์ เอียด นุ่น พลอย ทองสุข แพร ตฤน นงนุชและนิด ตามเข้ามาดู เมฆส่ายหน้าให้กับทุกคน
“พ่อ” ลูกแก้วจะวิ่งเข้าไปกวางดึงตัวเอาไว้ เด่นไม่อยู่ เพราะรีบวิ่งออกไปตามล่าตัวมือปืนทันทีเมื่อเสียงปืนดังขึ้น
ไม่ใช่เฉพาะโรสเท่านั้นที่เป็นลมหมดสติ แทบทุกคนที่อยู่ในงานนี้ก็ช๊อกและตกใจไปตามๆกัน วันทนีย์ภรรยาลับๆของกุ้งก็เป็นลมสลบไปในทันทีพร้อมโรส ทางโรส เอียดและนุ่นรีบพาไปโรงพยาบาลทันที เพราะกลัวเด็กในท้องจะได้รับอันตราย
ส่วนนี ทิพย์และติ๋มเป็นคนพาไป ตำรวจชั้นผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่ง นายอำเภอ และผู้ว่าที่กุ้งเชิญมา ต่างล้อมจับมือปืน พฤกษ์หนีไปไหนไม่รอดเพราะคนล้อมจับเยอะมาก เด่นได้โอกาสยิงไปที่ขาพฤกษ์ก่อนที่กระโดดหนีไปที่รถซึ่งจอดรออยู่ <เปรี๊ยง> พฤกษ์เสียหลักไปไม่ถึงรถ รถคันนั้นรีบเร่งเครื่องหนีทันทีเมื่อตำรวจวิ่งไล่ตามมาติดๆ ถ้าขืนรอให้พฤกษ์ขึ้นรถ ถูกจับแน่ จึงหนีเอาตัวรอดทันที
“รอด้วยรอกูด้วย”
ตำรวจวิ่งมาล้อมจับ เด่นเดินไปดึงหมวกไอ้โม่งออกและนำตัวพฤกษ์มาจนได้ พร้อมกับใส่กุญแจมือที่ด้านหน้า พาเดินเข้ามาที่ซุ้ม ชัช ตฤนและนงนุช ตกใจมากที่ไอ้โม่งมือปืนคนนั้นจะเป็นพฤกษ์ รวมถึงวัฒน์ที่มีบุญคุณกับเขา
“พฤกษ์นี่แกทำอะไรลงไป” ตฤนเพื่อนสนิทถามคนแรก ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนจะกล้าทำเรื่องชั่วๆแบบนี้ได้
“ฉันผิดหวังกับแกจริงๆ” พฤกษ์ไม่ตอบอะไร ก้มหน้าอย่างเดียว ชัชเดินตรงเข้ามาตบหน้าพฤกษ์อย่างแรง
“เลว เลวทั้งพ่อทั้งลูก นรกส่งมาเกิดแท้ๆ แกทำอะไรลงไปคิดบ้างไหม อะไรและใครสั่งให้แกมาทำเรื่องแบบนี้ได้ ทำไม ไม่มีหัวสมองรึไง เอาอะไรมาคิด คนดีๆแบบนั้นแกไปฆ่าเขาทำไม” พฤกษ์เงยหน้าขึ้นมาและตะโกนใส่
“ก็ไอ้เหี๊ยนั่นมันฆ่าลูกกู มันก็สมควรตายตกตามกันไป แค่นี้พอไหมกับสาเหตุหนะ” สร้อยเดินเข้ามาพูด
“พ่อไปเอาข่าวนี้มาจากไหน ทำไมพ่อไม่สืบมาให้ดีเสียก่อน มันไม่ใช่ความจริง พี่สิงห์ไม่ได้ถูกพี่กุ้งฆ่า พี่สิงห์ตายเพราะดาว หนูเห็นกับตา อีดาวมันใช้มีดกระหน่ำแทงพี่สิงห์และปาดคอจนตายคาที่ ใช่พี่กุ้งที่ไหน มีอะไรทำไมไม่ถามก่อน” พฤกษ์ตกใจมาก
“อะไรนะ แกพูดว่าอะไรนะสร้อย ไอ้นั่นไม่ได้เป็นคนฆ่าลูกชายฉันเหรอ” เมื่อรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
“ใช่” วัฒน์เดินออกมา พฤกษ์ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นวัฒน์ที่นี่
“แกฆ่าลูกชายฉันทำไมพฤกษ์ มีอะไรทำไมถึงไม่พูดไม่ถามกันก่อน มาใช้ศาลเตี๊ยตัดสินแบบนี้เองได้ยังไง” พฤกษ์รู้ตัวก็เมื่อสาย
“ผมขอโทษ” พฤกษ์ทรุดตัวคุกเข่ากับพื้นก้มหัวกราบขอโทษวัฒน์
“ผมไม่ทราบและไม่รู้มาก่อนว่าไอ้นั่นเป็นลูกคุณ ถ้ารู้ผมก็คงจะไม่ทำ” ชัชโมโหจึงพูดออกมา
“ถึงไม่รู้ ก็ไม่ควรทำ สันดานเอ๊ย”
“โครงการที่ฉันเคยสนับสนุนแกทั้งหมด ฉันขอถอนการช่วยเหลือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และเชิญเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถอะ ถุย”
“เอาตัวไปได้แล้วครับ เสียเวลามามากแล้ว” เด่นพูดขึ้นมา ตำรวจจึงดึงตัวพฤกษ์ขึ้นมา และนำตัวเดินออกไปจากฝูงคนบริเวณนั้น กำลังจะถึงรถตำรวจอยู่แล้ว พฤกษ์ใช้ไหล่ขวาดันตัวตำรวจออกไปและดึงปืนจากเอวตำรวจเพื่อจะหนี ยิงสู้หลายนัด ตำรวจทั้งหมดจึงกระหน่ำยิงกลับไป พฤกษ์ถูกลูกปืนนัดนึงยิงแสกหน้า และลำตัวหลายนัด อีกนัดหนึ่งเข้าหัวใจ พฤกษ์ถูกวิสามัญ ตายสนิททันที
กรรมตามทันพฤกษ์ในตอนนี้ สุดท้ายพฤกษ์ถูกจับและหนีการจับกุมในระหว่างเดินทาง ถูกตำรวจวิสามัญตายคาที่ คากุญแจมือที่ใส่อยู่ ตายตามกุ้งไปในบัดดล ทุกคนหันมาเห็นเข้าจึงพูดไม่ออกไปตามๆกัน เพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก ในทุกเรื่องที่ผ่านมา
***** +++++ *****
เมื่อพาโรสไปที่โรงพยาบาล ทุกคนจึงโล่งอกที่โรสกับลูกปลอดภัย เพราะโรสตั้งครรภ์ให้กับกุ้งแล้วประมาณ 5 เดือน เห็นโรสล้มพับไปแบบนั้นกลัวกระเทือนถึงเด็กในท้อง หลังจากที่โรสตื่นมาแล้ว ก็ถามถึงลูกและถามหาสามีตัวเองเป็นการใหญ่
“ลูกๆ ลูกหนูยังปลอดภัยไหม” นุ่นพยักหน้าและบีบมือโรสเอาไว้
“พี่กุ้ง พี่กุ้งหละพี่นุ่น พี่เอียด ผัวหนู เป็นไงบ้าง ผัวหนูอยู่ไหน”
เอียดและนุ่นส่ายหัว เอียดจึงเป็นคนบอกเอง
“หมอช่วยไม่ทัน พี่กุ้งตายสนิทแล้วตั้งแต่ที่นั่น” โรสกรี๊ดร้องอีกครั้ง “
อร๊าย” จนนุ่นและเอียดต้องเอามือปิดหู
“ไม่จริงๆ” แล้วก็สลบไปอีกครั้ง จนหมอต้องเข้ามาช่วยและปฐมพยาบาลเป็นการใหญ่ น่าสงสารมาก
ทางนีก็เช่นกัน หมอแจ้งว่านีตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 สัปดาห์ นีตกใจมากที่รู้ว่าตนเองท้อง เพราะไม่ได้เตรียมใจมากับเรื่องนี้ หากรู้ว่ามีลูก คงจะไม่ยอมให้กุ้งจัดงานในวันนี้แน่นอน แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
“อะไรนะคะหมอ ไหนคุณหมอช่วยพูดใหม่อีกทีซิคะ”
“ฟังหมอดีๆนะคะ คุณตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 สัปดาห์แล้วค่ะ ชัดเจนไหมคะ” นีพยักหน้า ทิพย์กับติ๋ม หันหน้าเข้าหากันทันที
“ท้อง”
“เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อีก เข้าใจตรงกันนะคะ ตอนนี้นอนพักรักษาตัวสักวันสองวันก่อน เมื่อแข็งแรงแล้ว ค่อยว่ากันอีกที นี่ค่ะยาบำรุงครรภ์และยาแก้แพ้ เอาไว้ทานหลังอาหารนะคะ อ้อ และนี่สมุดบันทึกการตั้งครรภ์ ต้องนำมาเสมอด้วยทุกครั้งเมื่อมาพบแพทย์ หมอขอตัวก่อนนะคะ อย่าลืมพักผ่อนให้เยอะๆ เพื่อเด็กในท้องจะได้แข็งแรงมีสุขภาพดี”
แล้วหมอก็เดินกลับออกไป ทิพย์กับติ๋มรีบเดินเข้ามาจับมือนีและถามทันทีด้วยคำถามเดียวกัน โดยไม่ได้นัดหมาย จนนีต้องหลบสายตา
“ใครคือพ่อเด็ก” นีไม่บอก
“ไม่ ไม่ฉันไม่บอก ออกไป ออกไป ฉันขออยู่คนเดียว ออกไป บอกให้ออกไปไง ฟังภาษามนุษย์ไม่ออกรึไงวะ ไป๊” ทั้งสองคนกลัวนีในตอนนี้ทันที จึงรีบถอยกรูดออกมาทันทีและรีบเดินไปที่ประตู ก่อนไปนีจึงตะโกนออกไป
“ขอให้แกทั้งสองคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะเรื่องที่ฉันมีน้องเนี่ย ห้ามปริปากบอกใครอย่างเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“เออ ฉันกับทิพย์รับปากแกนี ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครรู้ แกสบายใจได้ ฉันกับทิพย์ไปหละนะ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่พรุ่งนี้ ไปหละ”
หลังจากที่ทิพย์กับติ๋มรับปากกับนี ก็รีบเปิดประตูเผ่นแน่บกลับบ้านใครบ้านมันทันที และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครได้ล่วงรู้แม้แต่นิดเดียวว่าวันทนีย์มีน้องหรือมีลูก ความลับนี้ถูกเก็บเงียบมาตลอดโดยติ๋มและทิพย์ จนกระทั่งท้องของนีเริ่มโตออกมาเอง
<<<<< ----- >>>>>
สร้อยพอจะรู้สาเหตุมาบ้างแต่ไม่แน่ใจ เพราะเคยเห็นมีคนมาขู่พฤกษ์ที่บ้านบ่อยๆ จึงบอกตำรวจเท่าที่ตัวเองได้เบาะแสมาเท่านั้น
“มีเสี่ยคนหนึ่งมาขู่พ่อสามีดิฉันบ่อยๆถึงบ้านเมื่อหลายเดือนก่อน ก่อนที่ดิฉันจะออกมาอยู่กับลุงโตที่บ้านใหม่ รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องหนี้ก้อนใหญ่ก้อนโตอะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ ดิฉันไม่ทราบที่ไปที่มาจริงๆ มาบ่อยมาก และมาแต่ละครั้งก็เอะอะโวยวาย แต่หนูไม่นึกว่าคนที่พ่อจะมายิงในวันนี้นั้นจะเป็นพี่กุ้ง พี่เขยของหนู ถ้าหนูรู้ก่อน เรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น หนูช่วยได้เท่านี้จริงๆหละค่ะสารวัตร”
“แล้วหนูจำได้ไหมว่าเสี่ยคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง” สารวัตรถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
“จำได้ค่ะ หนูจำหน้ามันได้ดี แม่นเลยทีเดียว”
“คนนี้หรือเปล่า” ตำรวจหยิบเอารูปของเสี่ยโอฬาร มาให้สร้อยดู พร้อมกับลูกน้องอีกจำนวนหนึ่ง
“ใช่ค่ะ คนนี้เลย และไอ้พวกลูกน้องมันอีก 3 คน ที่ยืนอยู่ข้างหลังนั่นก็ใช่”
“หมวด ออกหมายจับเสี่ยโอฬารเลยทันที เราได้พยานและหลักฐานแล้ว”
รุ่งขึ้น ตำรวจกองปราบชุดพิเศษได้บุกเข้าจับกุมเสี่ยโอฬารทันที โดยไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะเสี่ยชะล่าใจ นึกว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ประกอบกับพ่อของดาว เมื่อทราบข่าวว่าเสี่ยโอฬารถูกจับ เพราะเป็นข่าวดังมาก ได้มาเป็นพยานชี้ตัวอีกคน หลังจากที่ได้บวชไปแล้ว
“โยม อาตมาเป็นพระนะโกหกไม่ได้ เสี่ยคนนี้แหละไม่ผิดตัว ที่ได้เคยว่าจ้างให้อาตมาเอาแบบบ่อนการพนันไปสอดใส้ประมูลแล้วติดสินบนเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในนั้น และไปขอกู้เงินกับเสี่ยวิวัฒน์อีกที เพื่อที่จะก่อสร้างหลังจากที่ประมูลผ่าน ที่อาตมากล่าวมานั้น เป็นเรื่องจริงทั้งหมด อาตมาทุกข์ใจกับเรื่องนี้มานานแล้วเช่นกัน บัดนี้อาตมาไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลและทุกข์ใจอีกแล้ว เจริญพร
%%%%% ----- %%%%%
พวกเพื่อนๆจัดงานศพให้กุ้งอย่างดี 5 วัน โดยทั้ง 5 วันนี้ โรสกับนีไม่สามารถทำอะไรได้เลย พวกเพื่อนๆผู้ชายทั้ง 3 คน รวมทั้งเด่นด้วยจึงเป็นคนดูแลงานทั้งหมด โรสกับนี เงียบกริบ ไม่พูดไม่จาอะไร เพราะกำลังเสียใจที่เสียสามีไป ลูกแก้วเสียใจมากที่พ่อกุ้งจากไป อย่าว่าแต่สามคนนี้เลย ทุกคน ไม่ว่าสาวๆในออฟฟิต ญาติพี่น้องและคนรู้จักเมื่อรู้ข่าวก็ซึมเศร้าไปตามๆกันเพราะคนดีจากไป
ระหว่างงานศพของกุ้ง คนอื่นไม่ได้สังเกตุความผิดปกติอะไรของใครบางคน แต่เอียดก็ยังสังเกตุและเก็บความสงสัยเรื่องของนีอยู่คนเดียวโดยไม่ยอมบอกใคร เพราะคนอื่นไม่ได้สนใจอะไรคงมีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่จับตาดูนี ว่าทำไมโรสถึงต้องให้นีไปรับแขกพร้อมๆกับเธอตลอดเวลาในงานของกุ้งตลอดเวลา 5 วันนี้ ทำตัวเหมือนเจ้าของงานเหมือนเมียเหมือนโรสเลย แต่สุดท้าย เอียดก็ไม่สามารถตีโจทย์ปัญหานี้ออก จนวันเผาวันสุดท้ายมาถึง ก่อนเผาจริงช่วง 17.00 น. ประมาณ 16.00 น.โรสได้มายืนอ่านคำสดุดีกุ้ง สามีผู้ล่วงลับ แต่เธอไม่ได้อ่านคนเดียว เธอยังคงให้วันทนีย์มาอ่านด้วย
“คุณอาคะ หนูขอให้พี่นีมาอ่านคำสดุดีให้พี่กุ้งด้วยได้ไหมค่ะ”
“ทำไมหละ ไหนอาขอเหตุผลที่ดีหน่อย อาหนะไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ แต่คนอื่นซิ ถ้าเขาถามขึ้นมาอาจะตอบเขาเหล่านั้นไม่ถูก”
“จะไปยากอะไรหละคะอา หนูเป็นเมีย ส่วนพี่นีเป็นเลขา ก็ขอให้เป็นตัวแทนของคนที่แสงตะวันไงหละคะ จริงไหม” วัฒน์พยักหน้า
วัฒน์ก็ยินดี โดยที่ไม่ได้สงสัยและแครงใจอะไร ทั้งโรสและวันทนีย์อ่านไปก็ร้องไห้ไปทั้งคู่ โดยเธอให้วันทนีย์อ่านก่อนและเธออ่านคนสุดท้าย จึงทำให้เอียดสงสัยอีก หลังจากที่อ่านจบเธอจับมือวันทนีย์ร้องเพลงหนึ่งเพื่อส่งให้กับกุ้งขึ้นสวรรค์เป็นครั้งสุดท้าย
< สู่ยอดผา - ณ หทัย พิจิตตรา > https://youtu.be/c6Obnd7Ea0I
ระหว่างที่ร้องเพลง เมฆก็ให้ทุกคนเดินเอาดอกไม้จันทน์ไปวางไว้ให้กับกุ้งบนเมน พอเพลงจบ โรสจูงมือวันทนีย์ขึ้นไปปิดท้ายเพียง 2 คน ยิ่งทำให้เอียดสงสัยมากขึ้นเป็นสองเท่า แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ ว่าโรสทำอย่างนั้นทำไม ไม่นาน 17.00 น. ก็ถึงเวลาจุดไฟเผา
ทั้งโรสและนี กอดกันยืนร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ ที่ต้องสูญเสียสามีคนที่เธอทั้งสองรักไป อย่างไม่มีวันหวนกลับคืนมาอีกแล้ว
xxxxx ===== xxxxx
รุ่งเช้าวันต่อมา <24 ธ.ค.> โรสกับนีก็มาเอาเศษผงเถ้ากระดูกของกุ้ง เพื่อแบ่งกัน โรสบอกนีเรื่องของกุ้งที่ไร่ลพบุรี
“พี่นี นี่ค่ะส่วนของพี่” โรสในชุดดำส่งห่อเถ้ากระดูกที่แบ่งแล้วให้กับนี
“ขอบใจมากนะโรส ที่เข้าใจพี่” นีในชุดเสื้อผ้าสีดำเช่นกัน กับใบหน้าที่ไม่มีรอยยิ้มเลย
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ เพื่อคนที่เรารัก จากนี้ต่อไปพี่จะทำยังไงค่ะกับชีวิต”
“ก็คงต้องก้มหน้าทำงานต่อไป และสู้ชีวิตเพียงลำพังคนเดียว ทำไงได้หละ ในเมื่อสามีผู้นำครอบครัวไม่อยู่แล้วนี่ จากนั้นก็คงต้องว่ากันอีกที เพราะมันเร็วมาก บอกตามตรง พี่วางแผนชีวิตไม่ทัน คือมันพังทลายลงมาหมดเลยที่เคยวาดเอาไว้ คือมันต้องกลับมาตั้งต้นและเริ่มใหม่หมด พี่ไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นมาได้ในชีวิตเรา มันก็เลยตอบไม่ได้ แล้วเธอหละโรส จะทำยังไงต่อไป”
“หนูหนะเหรอ จะทำอะไรได้ แม่ลูกอ่อนท้องโย้ขนาดนี้ ก็คงจะต้องทำและบริหารแสงตะวันต่อไป เพราะเคยรับปากกับพี่กุ้งเอาไว้ ว่าจะสานต่อและปลดหนี้เก่าที่มีอยู่ให้หมดให้ได้ หนูเชื่อว่าหนูต้องทำได้ เพราะพี่กุ้งเคยสอนหลักการทุกอย่างให้หนูไว้หมดแล้ว”
“ค่ะ พี่เชื่อว่าน้องต้องทำได้ หนูเก่งอยู่แล้ว พี่ขอแสดงความสำเร็จล่วงหน้าด้วยนะ” นียื่นมือมาเช็คแฮน โรสก็ยื่นมาจับด้วยรอยยิ้ม
“งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ก็คริสต์มาสแล้ว พี่ขอสวัสดีล่วงหน้าเลยด้วยก็แล้วกัน สวัสดีวันคริสต์มาสจ๊ะ”
“เช่นกันพี่” วันทนีย์เดินจากไป โรสนึกขึ้นได้ จึงตะโกนบอกไป เพราะกุ้งเคยบอกโรสเอาไว้ตอนอยู่ที่บ้านไร่
“พี่นี” นีหันมา
“พี่กุ้งเคยบอกหนูเอาไว้ว่า ถ้าวันไหนเขาตาย ขอให้ฝังเขาไว้ใกล้ๆกับหลุมฝังศพของดาวที่บ้านไร่ลพบุรี หนูฝากด้วยนะ เพราะหนูคงจะไม่ไปที่นั่นอีกแล้วหละ” นียกมือขวาขึ้นและตะโกนบอกเช่นกัน
“ได้เลย แล้วพี่จะจัดการให้นะบาย”
\\\\\ +++++ \\\\\
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โรสและวันทนีย์ ทั้งสองคนนี้ ก็ไม่ได้หน้าเจอกันอีกเลย ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่และไปตามทางของตัวเอง วันทนีย์ไปทำตามสัญญาให้กับกุ้ง โดยเดินทางนำอัธฐิส่วนหนึ่งของกุ้งไปฝั่งไว้ใกล้ๆกับหลุมฝั่งศพของดาวที่บ้านไร่ลพบุรี
“ลุงมั่น ป้าช้อย ตอนนี้พี่กุ้งก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว เรื่องของที่นี่เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะ มีอะไรก็ทำกันไปก่อนเหมือนเดิมนะ หนูขอเวลาสะสางเรื่องกรรมสิทธิ์ของเจ้าของคนใหม่ก่อนนะ ว่าเขาจะพร้อมมาดูแลที่นี่ตอนไหน คงไม่นานหรอก เร็วๆนี้ คงไม่นานเท่าไหร่”
มั่นกับช้อย ยังไม่รู้ว่านีเป็นอะไรกับกุ้งและไม่รู้ด้วยว่านีท้องลูกของกุ้งอยู่ แต่ใจอยากให้นีเป็นผู้ดูแลที่นี่ เพราะรู้ระบบงานทั้งหมด
“หนูนีอย่าหาว่าป้าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ทำไมหนูนีถึงไม่มาดูแลเองหละไหนๆหนูนีก็เป็นคนดำเนินเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก เมื่อนายไม่อยู่แล้ว ป้าก็มองไม่เห็นใครที่จะมาดูและบริหารที่นี่ได้เลย นอกจากหนู เพราะหนูรู้จักระบบงานของที่นี่ดีมาตั้งแต่แรกแต่ต้นแล้ว”
“นั่นนะซิหนูนี นะถือว่าช่วยเป็นหัวให้กับพวกเรา ชาวบ้านแถวนี้ แทนนายก่อนจะได้ไหม นึกว่าช่วยคนอีกนับร้อยนับพันเถอะได้ไหม เอาหละเรื่องเจ้าของคนใหม่ที่จะมา ไม่ว่าใคร เราทั้งสองก็จะยอมรับนะ แต่ระหว่างที่รอในตอนนี้ ขอให้หนูนีมาดำเนินการแทนนายก่อนจะได้ไหม ทั้งการเซ็นต์ การอนุมัติ ลุงไม่สามารถมีอำจนาจตัดสินใจอะไรแทนได้เลย เพราะลุงใช้พวกอุปกรณ์พวกนี้ไม่เป็น สมัยหนูดาว เขาทำไว้ดีมากเลยทีเดียว พอหนูดาวเสียไป นายก็มาทำต่อได้พักใหญ่ นี่นายก็ดันมาเสียอีก ลุงก็เลยคิดว่า ถ้าไม่มีใครมารับผิดชอบในจุดนี้ ลุงกับป้ากลัวว่า บ้านไร่ลพบุรีแห่งนี้จะไปไม่รอดเอาในสักวันนึง” นีไม่รู้จะทำยังไง จึงต้องรับปากไปก่อน
“ได้ค่ะลุง หนูจะดูแลให้ก่อนในช่วงแรกๆนะ ถ้าเจ้าของคนใหม่เขาพร้อมเมื่อไหร่ นั่นค่อยว่ากันอีกที ตามนี้นะ งั้นหนูขอตัวกลับก่อน นี่ก็เย็นมากแล้ว หนูไม่อยากถึงกรุงเทพมืด หนูไปหละ บาย” มั่นกับช้อย เดินมาส่งนี นีฝืนยิ้มให้ และโบกมือบ๊ายบายอำลา
แล้วนีก็ขับรถของกุ้งกลับ เพราะโรสโอนยกรถคันนี้ให้กับนีเรียบร้อยหลังจากที่กุ้งเสียได้เพียง 3 วัน <20 ธ.ค.> เนื่องจากนีไม่ได้รับอะไรจากกุ้งเลย โรสคิดแบบนั้น จึงตัดใจให้รถที่กุ้งรักคันนี้กับนีไปโดยไม่เสียดาย เพราะตัวเธอเอง ไม่ถนัดรถแบบนี้ นีขอบคุณโรสมากเพราะนีรักรถคันนี้เหลือเกิน เนื่องจากรถคันนี้แหละ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ตอนที่ถูกพวกเดนมนุษย์รุมข่มขืน
+++++ ***** +++++
<31 ธ.ค.> คืนนี้นิดยังคงมาทำงานตามปกติ หลังที่ได้หย่าขาดกับชาญยุทธเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่กุ้งจะตายเพียงไม่กี่วัน
“วันนี้ดิฉันขอร้องเพลงนึงให้กับ คนที่ดิฉันรักมากคนนึงและจะรักตลอดไป ซึ่งบัดนี้คนๆนั้น เขาก็ได้เสียชีวิตจากดิฉันไปแล้ว”
< ถือว่าเป็นอีกปีที่ฉันพอใจ - แอม เสาวลักษณ์ > https://www.youtube.com/watch?v=v2ia0xV2FsM
ขณะที่นิดร้องเพลงอยู่นั้น ชัชก็ได้แอบมาดูนิด ซึ่งร้องเพลงและน้ำตานองหน้าในเวลานั้นด้วย โดยที่นิดไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าชัชมา
!!!!! &&&&& !!!!!
หลังจากที่นิดเป็นแม่หม้ายครั้งที่ 2 จึงทำให้นิดรู้ว่าใครรักและเป็นห่วงเธอจริงๆ ที่จริงแล้วสาเหตุที่ทำให้นิดตัดสินใจแต่งงานกับชาญยุทธที่ผ่านมานั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากโรส เพราะโรสไม่ยอมรับในตัวนิด ทั้งๆที่นิดก็เริ่มมีใจให้กับชัชแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจตัวเองเท่านั้น แต่พอกุ้งได้เสียชีวิตลง จึงทำให้เธอรู้ใจของเธอทันทีว่า ที่จริงแล้วตลอดเวลาเธอไม่ได้รักกุ้ง เพียงแค่อยากเอาชนะใครบางคนเท่านั้น เธอรักชัช และครั้งนี้นิดคงขอทำตามใจตัวเองบ้าง ขอเดินหน้าคบหากับชัชแบบจริงจัง แบบที่ไม่สนใจโรสอีกต่อไปแล้ว
----- ***** -----
เวลาผ่านไปเกือบเดือน สุขภาพจิตโรสเริ่มดีขึ้นไม่ถึงกับบ้าหรือสติฟั่นเฟือน กว่าจะทำใจได้ว่าสามีคนที่เธอรักสุดหัวใจได้ตายจากไปแล้ว ก็นานเหมือนกัน เธอดีใจมากที่มีทายาทของคนที่เธอรักอยู่ในท้องของเธอ โรสจึงตัดสินใจขอพ่อมาดูแลกิจการของกุ้ง พ่อไม่ว่าอะไร หลังจากนั้นโรสก็ได้เข้ามาบริหารและดูแลกิจการแทนกุ้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอย่างเต็มตัว โดยมีเด่นและกวางคอยช่วยเหลือ
***** ..... *****
หลังจากที่กุ้งเสียไป โรสเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ความลับเรื่องของนี แต่ก็ไม่เคยล่วงรู้เลยว่า นีก็ได้ตั้งท้องมีทายาทให้กับกุ้งเช่นกัน เพราะนีเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับแต่เพียงผู้เดียว แต่มีอีก 2 คนที่รู้ว่าลูกในท้องของนีคือลูกใคร นั่นก็คือติ๋มและทิพย์นั่นเอง
4 เดือนต่อมาโรสคลอดลูกให้กับกุ้งที่ปากช่อง ลูกแก้วได้น้องชาย เธอดีใจมากและยอมรับโรสเป็นแม่ของเธออีกคนด้วยความเต็มใจ โรสคลอดลูกชายให้กับกุ้ง วันอังคารที่ 19 เมษายน ช่วงบ่ายประมาณ 15.55 น. และตั้งชื่อให้กับลูกว่า น้อง Lobster / ล็อบสเตอร์ และมีชื่อจริงว่า ด.ช.ธนากร ธิติพันธ์พงษ์ คุณตาชัชสวมสร้อยเท้าให้หลานด้วยข้อเท้าทองข้างละ 2 บาท ยายพลอยให้สร้อยคอทองคำอีก 1 เส้นหนัก 2 บาทเช่นกัน คุณยายแพรไหม ให้สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น ส่วนน้าสร้อยก็ให้สร้อยข้อมือ 2 เส้นข้างละ 50 สิบสตางค์ และของขวัญมากมายจากแสงตะวัน ที่นายน้อยได้เกิด โผล่ลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้วเสียที ครอบครัวของโรสมีความสุขมาก
***** >>><<< *****
วันทนีย์นี คลอดลูกหลังโรส 4 เดือน วันพฤหัสที่ 18 สิงหาคม ช่วงเช้า ประมาณ 7.20 น. โดยตั้งชื่อให้กับลูกว่า น้อง Shrimp ฌริมพ์ และมีชื่อจริงว่า ด.ช.นราธร ธิติพันธ์พงษ์ ทุกคนแปลกใจมากที่นีท้อง และไม่มีใครรู้เลยว่าใครคือพ่อของเด็กจนทุกวันนี้
นี ติ๋มและทิพย์ ปิดได้สนิทมาก ถามเท่าไหร่ก็ไม่มีใครยอมบอก วันทนีย์บอกแค่ว่า สามีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปแล้วเท่านั้น ทิพย์คันปากอยากบอกใจจะขาดแต่นีขอไว้ แต่โรสมั่นใจว่าเป็นลูกของกุ้ง ก็รู้ๆกันอยู่ ในเมื่อนีไม่อยากให้ใครรู้ โรสก็ต้องปล่อยไปตามยถากรรม
กุ้งให้ล๊อกเก็ตประจำตัวเขาไว้กับนี ก่อนที่เขาจะตายไม่กี่วัน วันนี้วันทนีย์แกะเปิดออกดูโดยไม่เจตนา เมื่อเห็นว่าในนั้นจะมีรูปกุ้งกับเธอ วันทนีย์ถึงกับน้ำตานองหน้าออกมาทันทีเลยทีเดียว ที่รู้ว่ากุ้งรักเธอมากเหมือนกัน นีลงชื่อกุ้งเป็นพ่อเด็กตอนคลอด
ใบเกิดนี้ นีไม่ให้ใครรู้ เธอเก็บเอาไว้เป็นความลับคนเดียว โรสข้องใจกับการคลอดของนี หลังจากที่นีกลับไปที่คอนโดแล้ว โรสก็เข้ามาที่โรงพยาบาล ถามว่าใครเป็นพ่อของเด็กลูกของนี
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อของลูกคุณวันทนีย์ค่ะ กรุณาด้วย”
แล้วโรสก็ยื่นเงินให้กับพยาบาลทั้งสองคน 1 พันบาทสดๆ เพื่อเอาไปแบ่งกันเอาเอง เงินหนะใครก็อยากจะได้ แต่จรรยาบรรณในหน้าที่การงาน ต้องมาก่อนเสมอ เนื่องจากวันทนีย์ได้ขอร้องไว้ว่ากรุณาอย่าเปิดเผย เพราะรู้ว่าต้องมีคนมาถามอย่างแน่นอน ทางโรงพยาบาลก็ยอมทำตาม เลยหาข้ออ้างบอกไป
“เราไม่สามารถบอกได้ค่ะ เนื่องจากมันผิดจรรยาบรรณ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
โรสเลยต้องผิดหวังและขอตามสืบอีกทีที่คอนโด รู้แค่ว่าคอนโดห้องนั้นเคยเป็นของกุ้ง แต่เจ้าของใหม่คือวันทนีย์ ซึ่งเปลี่ยนมือมาได้หลายเดือนแล้ว ก่อนที่กุ้งจะตาย โรสจึงมั่นใจว่า ลูกของวันทนีย์ต้องเป็นลูกของกุ้งอย่างแน่นอน แต่โรสก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะวันทนีย์ไม่ยอมพบหน้าใคร หลบหน้าเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว ในเมื่อคนสุดท้ายของชีวิตได้ตายจากไปแล้ว คงไม่อยากพบใคร
***** ----- *****
<10 ก.ย..> หลังจากวันทนีย์ คลอดลูกได้ไม่ถึงเดือน เด่นก็แอบมาหา เพราะกุ้งเคยสั่งเอาไว้ว่า ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมา ให้เอาเอกสารฉบับหนึ่งมาให้กับวันทนีย์ กวางแอบตามมา เพราะนึกว่าเด่น แอบมีอะไรกับวันทนีย์ กวางจึงได้รู้ความจริงว่า ที่แท้แล้วเด็กคนนี้ก็คือลูกของกุ้ง และวันทนีย์คือเมียคนหนึ่งของเจ้านายเธอนั่นเอง เงินเดือนๆละ 20,000 บาท ที่โอนให้กับวันทนีย์ทุกเดือนคืออะไร กวางหายสงสัยแล้ว เอกสารที่กุ้งฝากเด่นมาให้วันทนีย์คือ มรดกส่วนหนึ่งที่กุ้งทำไว้ให้กับวันทนีย์ ทั้งที่แสงตะวันและบ้านไร่ลพบุรี ทั้งๆที่เขายังไม่รู้เลยว่า วันทนีย์ตั้งท้องให้กับเขา แต่ที่ให้เพราะวันทนีย์ซื่อสัตย์กับเขา มีเขาคนเดียว ไม่เห็นแก่เงิน ไม่โลภมาก ที่สำคัญอยู่อย่างเงียบๆไม่เรียกร้องอะไรเลย เป็นเมียที่ดี กุ้งเลยชอบ จึงเซ็นต์โอนหุ้นให้กับวันทนีย์ไปถึง 30 % เลยทีเดียว โดยไม่รังเลใจ
ที่บ้านไร่ลพบุรี กุ้งยกโฉนดที่ดินทั้งหมดให้กับวันทนีย์ เพราะไม่ได้มากอะไรเพียง 30 ไร่เท่านั้น น้อยกว่าที่แสงตะวันมากไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ กุ้งรู้ว่าทำผิดกับวันทนีย์จึงขอชดใช้ด้วยวิธีนี้ แต่หารู้ไม่ว่าวันทนีย์เต็มใจ เพราะกุ้งคิดอยู่เสมอว่า กุ้งเมาแล้วข่มขืน ขืนใจวันทนีย์ ต้องรับผิดชอบชีวิตของคนๆหนึ่ง อีกอย่างเนื่องจากโรสจดทะเบียนสมรสกับเขาไปแล้วและได้แสงตะวันไปครอบครองโดยปริยาย กุ้งจึงตัดใจยกไร่นี้ให้กับวันทนีย์ไปโดยไม่รังเล อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นสินสมรส พ่อแม่ของวันทนีย์จะได้ไม่มาว่าเขาภายหลังได้ กุ้งฝากให้เด่นดูแลวันทนีย์แทนเขาด้วย หากเขาไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว เพราะศัตรูเขาเยอะมากโดยเฉพาะที่หลังฟาร์ม
กุ้งกำชับเด่นเสมอ ต้องดูแลให้ดี จะตายวันไหนเขาไม่สามารถรู้ได้ และวันนี้ก็มาถึงจริงๆ เท่ากับว่า บ้านไร่ลพบุรี วันทนีย์เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียวโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องแบ่งกับใคร และก็เป็นเจ้าของ แสงตะวันด้วยเหมือนกัน เป็นนายผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครรู้เท่านั้น มีแต่เด่นที่รู้เพียงคนเดียวในตอนแรก และตอนนี้กวางก็ได้รู้ความลับนี้อีกคน จึงทำให้กวางรู้สึกเกร็งๆนิดๆในเวลาต่อมา
“ไม่ ดิฉันไม่ขอรับมรดกเลือดพวกนี้ เพราะมันมากเกินไป พี่กุ้งให้ดิฉันมากเหลือเกิน มันมากไปแล้วจริงๆ เอากลับไปเถอะ ไม่เอา”
วันทนีย์ไม่ขอรับมรดกทั้งหมดนี้ เพราะมันมากเกินไป กุ้งให้เธอมากเหลือเกินไปจริงๆ แต่เด่นจนใจ รับปากกุ้งไว้แล้วด้วย ต้องทำภาระกิจนี้ให้สำเร็จให้ได้ กวางจึงพูดเสริมช่วยโน้มน้าวให้วันทนีย์ฟัง ถึงความหวังดีและความตั้งใจที่กุ้งมีให้ อย่าให้เสียความตั้งใจ
“กรุณารับเอาไว้ ส่วนเรื่องอื่นพวกเราสองคนจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว ความลับนี้ จะรู้กันแค่เพียงสามคน แม้แต่โรส เราสองคนก็จะไม่บอก อย่าลืมนะว่าคุณโรสมีทะเบียนสมรสที่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่วันทนีย์คุณไม่มีอะไรเลยนะ คิดให้ดีๆ เอ้า คิดว่าให้ลูกก็แล้วกันนะ”
“ขอให้รับน้ำใจครั้งสุดท้ายของคุณกุ้งไว้ด้วย แล้วเราสองคนจะไม่มายุ่งกับชีวิตของเธออีกเลย” เด่นกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้
“ได้ค่ะ ดิฉันจะขอรับมรดกพวกนี้ทั้งหมดไว้ทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อตัวนีเอง แต่เพื่อลูก อย่างน้อยเวลาที่เค้าลืมตาขึ้นมาดูโลกจะได้สบาย”
วันทนีย์ร้องไห้และยอมเซ็นต์รับมรดกชิ้นสำคัญทั้งหมดนี้ของสามีผู้ล่วงลับ หมดหน้าที่ของเด่นแล้ว จึงขอตัวกลับทันที เด่นและกวาง ทำความเคารพนายหญิงของแสงตะวันอีกครั้งก่อนไป “ขอจงน้อมรับความเคารพจากพวกเราสองคนด้วยนะครับ นายหญิง” และได้เดินทางกลับแสงตะวันทันที วันทนีย์ กอดมรดกนี้เอาไว้และร้องไห้ เพราะมันมากเหลือเกินที่กุ้งให้เธอ นีหันไปลูบหัวลูกชาย
“แม่รักคนไม่ผิดเลยลูก พ่อของลูกช่างดีกับเราสองคนจริงๆ จำไว้นะลูก ว่าพ่อของลูกชื่อ พ่อกุ้ง นรากร ธิติพันธ์พงษ์และลูกก็เป็นส่วนหนึ่งของ ธิติพันธ์พงษ์ แล้ว แม่จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด รักหนูเท่าๆที่แม่รักพ่อของหนูนะครับ แม่มีความสุขมาก ขอบคุณนะคะพี่กุ้ง ที่ให้ลูกชายที่แสนจะน่ารักเป็นตัวแทนของพี่ ขอให้พี่รับรู้ไว้นะคะว่าหนูรักพี่มาก รักมากกว่าชีวิตของหนูเสียอีก พี่จะอยู่ในใจหนูตลอดไป จนวันตาย หนูสัญญาว่าจะไม่มีใครอีก หนูจะเลี้ยงลูกของเราให้เติบโตมาเป็นคนดีเหมือนพี่นะคะ จำไว้นะคะพี่ ลูกของเราชื่อ นราธร ธิติพันธ์พงษ์ ชื่อเล่น น้อง Shrimp ฌริมพ์ ไม่ใช่สลิ่มนะพี่ หนูหมายถึง กุ้งฝอยหรือกุ้งตัวน้อย ขอให้พี่อย่าได้มีห่วงอะไรอีกเลยนะคะ สิ่งที่พี่ฝากคุณเด่นมาให้หนูกับลูก หนูได้รับแล้ว ขอบใจมากที่ไม่เคยทิ้งกันแม้จนวันสุดท้าย หลับให้สบายนะคะสามีสุดที่รัก ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราได้เกิดมาเป็นคู่กันอีกนะคะ หนูรักพี่คะพี่กุ้งและจะรักตลอดไปช่วยเป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะพี่”
>>>>> @@@@@ <<<<<
เนื่องจากเก็บความสงสัยมานาน <11 ก.ย..> ติ๋มกับทิพย์ จึงต้องการความจริงจากนี หลังจากที่ทิพย์ได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ติ๋มฟัง เพราะทิพย์แอบเห็นกุ้งออกมาจากห้องนีบ่อยๆ ก่อนกุ้งจะตาย หลังจากที่นีคลอดลูก ทิพย์จึงมาคาดคั้นเอาความจริงจากพี่สาวให้ได้
“พี่นีบอกความจริงหนูมา หนูรู้นะว่าเด็กคนนี้เป็นลูกใคร พี่ไม่ไว้ใจหนูเหรอ หนูรักพี่เหมือนพี่สาวแท้ๆของหนูเลยนะ หนูแค่อยากจะรู้จากปากพี่เองเท่านั้น ไม่อยากคิดและเดาเอาเอง” นียังไม่อยากบอกเพราะคิดว่าคงไม่สำคัญอะไร แต่อยากจะรู้ว่าทิพย์อยากรู้ไปทำไม
“แล้วแกอยากจะรู้ไปทำไม มันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับแกเลยสักนิดเดียว” แล้วนีก็พลิกตัวกลับหลบหน้าทิพย์มาอีกฟากนึง
ทิพย์วิ่งอ้อมมาแล้วคาดคั้นต่อ “นายใช่ไหม นายเป็นพ่อของเด็กคนนี้ใช่ไหมพี่ ใช่ไหม” นีตกใจมากที่ทิพย์พูดแบบนี้ออกมา
“ทำไมแกถึงคิดอย่างนั้น ทำไมแกคิดว่าเป็นนาย ไม่ใช่คนอื่น ผัวฉันอาจจะไม่ใช่นายก็ได้ แกคิดมากไปหรือเปล่ายัยทิพย์”
“พี่อย่ามาปดหนู ถ้าไม่มั่นใจหนูไม่พูดหรอก” นีขยับหนีกลับมาทางเดิม ทิพย์ก็วิ่งกลับไปอีก
“ที่หนูรู้และมั่นใจก็เพราะ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกา นายให้หนูมาประชุมแทนเรื่องของผลประกอบการประจำปีและตรวจตลาดเพื่อจะเพิ่มยอดขายในปีหน้า 2 อาทิตย์ คุณเด่นมาไม่ได้ เพราะต้องอยู่ดูแลงานแทนนายที่นั่น นายก็เลยมาเช่าห้องที่คอนโดนี้ให้หนูใหม่อีกห้อง หนูก็ยังแปลกใจว่าทำไมนายถึงยอมเสียตัง ไม่ให้หนูมาอยู่กับพี่ เพราะทุกครั้งที่หนูมา กทม.นายจะให้หนูมาพักกับพี่เสมอ”
“นายเค้าคงอยากให้แกอยู่แบบสบายๆ ทำงานให้เต็มที่มั้ง” ทิพย์ท้าวสะเอว เมื่อนียังปากแข็ง
“มาถึงใหม่ๆหนูก็ว่าจะมาหาพี่ เพื่อชวนไปเที่ยว แต่หนูกลับเห็นนายออกมาจากห้องพี่แต่เช้า กลับเข้ามาอีกทีก็มืด แล้ววันต่อมาตอนที่หนูกลับมาจากสัมมนา ช่วง 2 ทุ่ม หนูก็เห็นนายหายเข้าไปในห้องพี่อีกและกลับออกมาตอนเช้าช่วง 7 ตั้งแต่นั้นมาหนูเลยต้องมาดักดูทุกวันตลอด 2 อาทิตย์ที่หนูมาสัมนาที่นี่ นายก็ออกมาจากห้องพี่นีแบบนี้ทุกวัน ไม่หนีจากเวลาเดิมสักเท่าไหร่ แล้วแบบนี้ พี่ยังจะมาปิดหนูอีกเหรอว่านายไม่ใช่พ่อของเด็ก ไม่ใช่ผัวพี่หนะพี่นี หนูเป็นน้องพี่นะ หนูจะสร้างเรื่องมาโกหกพี่ทำไม มันได้อะไรขึ้นมา”
“เออ ใช่” นีตอบสั้นๆแล้วก็หมุนพลิกตัวกลับอีกแล้ว จนทิพย์ปวดหัว ไม่อยากเดินแล้ว จึงเอามือไปดึงหน้าให้หมุนกลับมาแทน
“พี่นี” ทิพย์มองหน้า จนนีต้องยอมรับออกมาแบบแมนๆ
“ฉันยอมรับ ว่านายเป็นพ่อเด็ก แค่นี้ใช่ไหมที่แกอยากจะรู้” นีนอนหลับตา
“พี่นี แล้วพี่จะเก็บเรื่องนี้ไว้ทำไม ในเมื่อเด็กคนนี้เป็นลูกของนาย ก็เท่ากับว่าพี่มีสิทธิ์ในแสงตะวันเหมือนกัน แบบเดียวกับยัยโรส”
“รู้แล้วก็กลับได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน” นีไม่ตอบอะไร พลิกตัวหันหลังให้ทิพย์อีกครั้ง จนทิพย์เหนื่อยใจกับพี่สาวคนนี้แล้ว
ทิพย์หยิบกระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกไป นีพูดออกมาทั้งๆที่หันหลัง
“ฉันขอให้แกเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสุดยอด ห้ามบอกให้ใครรู้แม่แต่คนเดียว แม้แต่โรสและเอียด”
“ทำไมหละพี่ พวกเพื่อนๆเราที่แสงตะวันก็ด้วยเหรอ แต่พี่ติ๋มรู้แล้วนี่ว่าพี่มีน้อง พี่นีก็รู้ แล้วยังจะปิดอีกเหรอ”
“รู้แค่ว่ามี ก็เท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ให้รู้เท่านั้นพอ เพราะฉันอยากอยู่แบบสงบๆ” ติ๋มรีบเดินเข้ามาเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“ไอ้นี ทำไมแกถึงพูดแบบนั้น” นีตกใจมากจึงรีบหันมา
“ไอ้ติ๋ม นี่แกมาได้ยังไง”
“ฉันยืนแอบฟังอยู่นอกห้องตรงโซฟานี้นานแล้ว ฉันมากับมัน ฉันได้ยินที่แกพูดกับยัยทิพย์จนหมดแล้ว นี่แกจะไม่ใจร้ายกับฉันไปหน่อยเหรอเพื่อน จนปาดนี้แกยังไม่ไว้ใจฉันอีกเหรอ ฉันกับทิพย์สงสัยมานานแล้วตั้งแต่เด็กคนนี้คลอดออกมา หน้ามันถอดพิมพ์นายออกมายังกะแกะ ฉันก็เลยวางแผนกับเจ้าทิพย์ให้มาคาดคั้นความจริงกับแกให้ได้ แต่พอแกพูดออกมาแบบนี้ ฉันขอบอกตามตรงเลยนะเพื่อน ว่าฉันเสียใจจริงๆ” นีรีบเอามือจับแขนเพื่อน ก่อนที่ติ๋มจะเดินออกไปจากห้องนอน
“ฉันอุตส่าห์ยอมแหกขี้ตาขับรถมาจากปากช่องแทบตาย เพื่อที่จะมาฟังแกปฏิเสธเนี่ยนะ เสียความรู้สึกหวะ ไปทิพย์เรากลับกันเถอะ”
“ติ๋มฉันขอโทษ ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะโว๊ยเพื่อน แกเป็นเพื่อนรักของฉัน ฉันขอโทษ ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้มีอะไรฉันจะไม่ปิดแกอีกแล้ว ฉันรักแกนะโว๊ย นะ อย่าโกรธฉันนะเพื่อนรัก” ด้วยความรักเพื่อนที่คบกันมายาวนานหลายปี ติ๋มเลยต้องใจอ่อน ติ๋มเดินกลับมาแล้วก็ก้มลงไปโอบกอดนี
“เออ ฉันก็รักแกนะนีไอ้เพื่อนรัก ฉันรับปากว่าเรื่องนี้ จะรู้กันแค่เพียงเราสามคนนี้เท่านั้น ฉันเข้าใจว่าแกอยากอยู่อย่างสงบ โดยเฉพาะคุณเอียด ถ้ารู้เรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาต้องมาเอาหลานเขาคืนไปอย่างแน่นอน”
“ใช่ ขอบใจนะติ๋มที่แกเข้าใจและมองเรื่องนี้ขาดเหมือนฉัน” นีมองไปที่ทิพย์
“คราวนี้รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงหรือยังเจ้าทิพย์ ที่พี่บอกว่าอย่าบอกให้ใครรู้โดยเฉพาะคุณเอียด”
“แต่เขาเป็นอาแท้ๆนะ ยังไงเด็กคนนี้ ก็น่าจะได้อะไรกับเขาบ้าง ไม่น่าปิด”
“ทิพย์แกยังเด็ก แกยังไม่รู้หรอกว่า เรื่องแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร สมบัติใครก็อยากได้ ทรัพย์สินของพี่กุ้งเยอะแยะออกขนาดนั้น ไหนจะลูกของโรสอีกหละ ฉันถึงยอมตัดใจไง อย่างน้อยคอนโดที่ฉันอยู่ พี่กุ้งก็ยกและโอนให้ฉันแล้ว เงินเดือนในฐานะเมียฉันก็ได้มาตลอดต่างหากตั้งแต่ที่ฉันเป็นเมียพี่กุ้งไม่เกี่ยวกับเงินเดือนปกติ ฉันถึงบอกไงทิพย์ว่าฉันไม่เดือดร้อนอะไรเลย ไม่อยากที่จะไปวุ่นวายแย่งชิงอะไรกับใคร มันเสียเวลาทำมาหากิน สู้ทำงานไปแบบนี้และเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แบบนี้สบายใจกว่า จริงไหมติ๋ม”
“จริง ฉันเห็นด้วยกับแกนะนี แกแกร่งกว่าที่ฉันคิดมากเลยนะเพื่อนรัก” ติ๋มลูบหัวเพื่อน ทิพย์พยักหน้าเข้าใจและรับรู้
“แต่ฉันผิดหวังอยู่นิดเดียวเท่านั้น ที่พี่กุ้งมาอายุสั้น โดยที่ไม่ทันได้รู้ว่า ฉันมีน้อง ฉันก็พึ่งมารู้พร้อมๆกับพวกแกในวันนั้นแหละ ฉันก็เลยทำใจมาตลอด” ติ๋มเดินลงมานั่งข้างๆเตียงและกุมมือนีเข้าไว้
“สู้ๆโว๊ยเพื่อน ฉันกับทิพย์จะเป็นกำลังใจให้แกเองนะ สู้นะ” วันทนีย์น้ำตาซึมเลย เมื่อได้ยินที่เพื่อนพูดแบบนั้น
“ขอบใจมากเพื่อน” ติ๋มหันไปดูหน้าหลาน ที่กำลังนอนหลับพริ้มไร้เดียงสา
“หน้าตามันน่ารักน่าชังดีหวะนี แกนี่โชคดีนะ ที่ได้ลูกชาย โตขึ้นมันจะได้ดูแลแม่มันได้ ว่าไงจ๊ะหลานป้า โตไวๆ แข็งแรงๆนะครับ”
“ถึงพ่อเค้าจะไม่รู้ว่าฉันมีทายาทให้เขา ฉันก็ไม่เสียใจนะ” ติ๋มฟังแล้วก็แปลกใจ
“ทำไมแกถึงพูดแบบนั้นหละ”
“ก็เพราะฉันรักเขาที่ใจไม่ได้รักที่ทรัพย์สินเงินทองไง ถึงฉันไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ ฉันก็จะขออยู่เป็นเมียเก็บเขาไปเรื่อยๆแบบนี้ไปจนวันตายเลย แกคงจะเข้าใจฉันนะติ๋ม ทิพย์ด้วย” ทิพย์เดินเข้ามาจับมือนีอีกคน และนั่งอีกด้านตรงข้ามติ๋ม
“ค่ะพี่ หนูเข้าใจ”
“และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับพี่กุ้งด้วย แล้วแกคิดเหรอ ว่าถ้าเขารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกพี่กุ้ง แล้วจู่ๆดีๆมาเอาไปฉันมิแย่เหรอ ลูกที่เกิดจากเมียเก็บเมียน้อยอย่างฉัน เขาคงจะคืนให้หรอก ยิ่งเป็นลูกผู้ชายด้วย เขาต้องอ้างว่าจะเอาไปสืบสกุลเขาไง พวกแกก็รู้ว่าคุณเอียดร้ายกาจแค่ไหน ซึ่งต่างจากคุณวัฒน์ที่เป็นพ่อ รายนั้นฉันว่าไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก พอจะคุยกันรู้เรื่อง แต่ฉันไม่ขอเสี่ยง ฉันไม่ยอมให้ใครมาพรากลูกของคนที่ฉันรักไปจากอกได้หรอก ฉันไม่อยากมีเรื่องกับใคร โดยเฉพาะคุณเอียด ลูกชายของฉันคนนี้จึงต้องเป็นความลับตลอดไป” ติ๋มกับทิพย์กุมมือนีไว้คนละข้างและพยักหน้าให้คำสัญญา
“ไหนๆสามีก็เสียไปแล้ว ฉันขออยู่อย่างสงบๆนะ ฉันดีใจที่สวรรค์ยังให้ความเมตตาฉันบ้าง ที่ส่งและประทานเด็กคนนี้มาให้ในยามที่ฉันกำลังทุกข์ใจ อย่างน้อยฉันก็มีเจ้าตัวเล็กทายาทของคนฉันรักเอาไว้ดูต่างหน้า” นีพูดออกมาด้วยน้ำตานองหน้าอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
“เข้าใจแล้วคะพี่ อย่าร้องนะคนดี เงียบซะ โอ๋ๆ หนูขอรับปากเลยนะว่าหนูจะเก็บและปิดปากเงียบกับเรื่องนี้ไปจนตายเลย อย่าร้อง”
แล้วทิพย์ก็หันไปดูหลาน ที่หลับอยู่ข้างๆ “ไงจะหลานน้า น่ารักน่าชังจริงๆเล้ย” ทิพย์เอามือจับนิ้วเด็กขึ้นมาหอม
“แล้วเด็กคนนี้มีชื่อหรือยังคะพี่” นีหันไปดูหน้าลูกและก็ยิ้มๆ
“มีแล้วจ๊ะ” ติ๋มตีมือนีเบาๆ
“ชื่ออะไรวะ” ติ๋มและทิพย์ตั้งใจฟัง
“ชื่อจริง นราธร ด.ช.นราธร ธิติพันธ์พงษ์ ชื่อเล่น น้อง Shrimp ฌริมพ์”
“สลิ่ม ทำไมตั้งชื่อแปลกจังพี่” นีเอามือตบแขนทิพย์เบาๆ
“อีบ้า ไอ้ทิพย์ ไม่ใช่สลิ่ม ฟังชัดๆ ชะ-ริม หมายถึง กุ้งฝอยหรือกุ้งตัวน้อย”
“อ๋อ ชะ-ริม เข้าใจแล้ว เข้าใจตั้งนะ แหม รักพ่อของลูกน่าดู คิดถึงนายอ่ะดิเลยตั้งชื่อนี้หงะ” ทิพย์ทำท่ากิ้วๆใส่นี เพื่อให้หายเศร้า
“เข้าใจตั้งนะ ความหมายดีหวะ กุ้งฝอยหรือกุ้งตัวน้อย” ติ๋มเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับเอามือ จับนิ้วหลานมาเล่น
“แหง๋อยู่แล้วไอ้ทิพย์ ฉันรักพี่กุ้งมาก พี่กุ้งน่ารักและก็รักฉันมากด้วย ไม่งั้นไม่ยกของรักของหวงอย่างคอนโดให้ฉันหรอก พี่กุ้งดีกับฉันมาตลอด” นีพูดไป ตาก็เป็นประกายแบบมีความสุขทุกครั้ง เมื่อได้พูดถึงกุ้งคนที่เธอรัก ถึงแม้ว่าจะตายไปนานแล้วก็ตาม
“เออ อะไรๆพี่กุ้งก็ดีไปหมด ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลยเนาะ พี่ติ๋ม” ติ๋มแกล้งหยอกเพื่อน
“ใช่ พี่กุ้งดีตลอด ดีคนเดียว”
“อีบ้า 2 คนนี่ มาล้อเลียนฉัน เอาไว้สักวันนะทิพย์ ถ้าแกเจอคนที่ดี รักแกจริง และแกก็รักเขาเหมือนฉันอย่างฉัน แกก็จะรู้เองแหละ”
แล้วทั้งหมดก็หยอกล้อกันเล่น ช่วยกันดูแลลูกของนีและตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความลับนี้ ก็ถูกปิดเงียบโดยสามคนนี้มาตลอดกาล
<<<<< ===== >>>>>
ไม่นาน หลังจากนั้นที่นีคลอดลูกและอยู่ไฟยังไม่ครบ 45 วันเลย นีพักฟื้นตัวเองแค่ 24 วันเท่านั้นก็มาทำงานแล้ว <12 ก.ย..> และนั่งคิดทบทวนไปมา หลังจากนั้น อีก 4 วัน <16 ก.ย.> วันทนีย์ก็มาขอลาออกกับวิวัฒน์และเอียด อย่างเป็นทางการ
ช่วงเช้าเอียดมองไม่เห็นวันทนีย์ที่โต๊ะทำงาน จึงเดินเข้าไปถามพ่อ เพราะแปลกใจที่จู่ๆนีหายไปโดยไม่โทรมาลาสักคำ
“พ่อค่ะพี่นียังไม่มาอีกเหรอ นี่เลยเวลาทำงานมาเกือบชั่วโมงแล้วนะ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้นี่ แปลกจัง”
“ไม่รู้ซิ พ่อไม่ได้สังเกตุ พึ่งเข้ามาเหมือนกัน คงไปทำธุระที่แผนกอื่นมั้ง เค้าไม่ได้โทรมาลาไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ ธรรมดาจะไปไหน จะโทรมาลาเสมอ นี่ก็ 9 โมงแล้วไม่เห็นโทรมาเลย หนูถึงบอกว่าแปลกไง”
แล้วเอียดก็เดินหา เดินออกมาจากห้องทำงาน เนื่องจากที่ทำงานเป็นกระจกใส เอียดมองออกไปข้างนอก เห็นรถของกุ้งเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบริษัท นึกว่าโรสมาทำไม แต่ที่ไหนได้ คนที่ลงมากลับกลายเป็นวันทนีย์กับลูก ทำให้เอียดแปลกใจมาก ว่าวันทนีย์เอารถของกุ้งมาได้ยังไง เอียดจึงเดินกลับเข้าไปในห้องทันที ไม่นานวันทนีย์ก็อุ้มลูกเดินขึ้นไปหาวิวัฒน์ในห้อง เจอเอียดยืนรออยู่พอดี
วันทนีย์ไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นซองขอลาออกกับวิวัฒน์และเอียดทันที ขณะที่อุ้มลูกน้อยอยู่ในอกแล้วก็พาตัวเองมานั่งที่โซฟา
“นี่มันอะไรเนี่ยนี” วัฒน์งง แล้วก็เปิดซองอ่าน
“ลาออก” วัฒน์หลุดปากออกมา
“ทำไมถึงได้กระทันแบบนี้หละ แล้วฉันจะหาใครมาทำหน้าที่นี้แทนได้ทันหละนี โอย คงไม่ได้หรอก” วัฒน์ไม่ยอม เอียดจึงพูดออกมา
“ทำแบบนี้ได้ยังไงพี่ การลาออกต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วันนะ หรือไม่อย่างน้อยก็ต้อง 15 วัน ไม่ใช่นึกจะออกวันนี้ ก็ไปเดี๋ยวนี้ พี่ทำงานมาก็นานแล้วนะ ไม่รู้กฎระเบียบนี้เหรอคะ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว” เอียดใส่เป็นชุด เพราะกำลังฉุน วันทนีย์กำลังแหวกอกให้นมลูกไปด้วย จึงพูดโดยที่ไม่ได้หันหน้าไป
“รู้ค่ะ คุณวัฒน์ไม่อ่านวันที่ ที่นีระบุเหรอคะ ดูใหม่ดีๆนะคะ ไม่ใช่แค่เห็นคำว่า ขอลาออกแล้วก็มาโวยวายกับนีหนะ” เอียดหยิบซองมาอ่านเอง
“ดิฉัน นางสาววันทนีย์ ศุภิษดา ขอลาออกจาก ตำแหน่ง เลขานุการ ของบริษัทไทยวิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม .. นี้เป็นต้นไป และนับจากนี้ไปอีก 15 วัน ดิฉันจะมาทำงานและสะสางงานเพื่อมอบหมายให้กับพนักงานคนต่อไป เพื่อรับช่วงต่อ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน .. - 30 กันยายน .. หลังจากนั้นก็ถือว่าหมดความรับผิดชอบ ขอแสดงความนับถือ วันทนีย์ ศุภิษดา”
“ไงค่ะ ถูกต้องไหมค่ะน้องเอียด 15 วันอย่างน้อย” นีเงยหน้าขณะที่ให้นมลูก เอียดพูดไม่ออก จึงหันหน้าไปทางอื่น
วิวัฒน์และเอียด ถอนหายใจพร้อมกันเมื่อนีขอลาออก เสียดายวันทนีย์มากกับฝีมือและการทำงาน วันทนีย์จึงบอกออกไป
“หนูไม่ได้ไปไหนไกลหรอกค่ะท่านประธาน ก็อยู่แถวๆนี้แหละ ยังไงแล้วเราก็ยังต้องเจอกันอยู่ดีเพราะหนูรับปากกับคุณเด่นเอาไว้แล้วว่าจะเป็นตัวแทนและสาขาของแสงตะวันใน กทม.นี้ให้ หนูก็ต้องไปๆมาๆ ต้องเจอกันแน่นอน ไหนจะตอนประชุม งานปีใหม่ คอนโดหนูก็อยู่ตรงนี้เอง นีคงต้องวุ่นๆกับการบริหารร้านของตัวเอง กลัวทำงานให้ท่านกับน้องเอียดไม่เต็มที่ หนูกับลูกขอลาก่อนนะค่ะ ไปลูกลาคุณปู่กับคุณอานะครับ” นีปิดเสื้อหลังจากที่ลูกชายดูดนมจนอิ่ม แล้วจับมือลูกชายบ๊ายบายคนทั้งสอง และลุกขึ้น
“เดี๋ยวค่ะ พี่นี อย่าพึ่งไป” เอียดสงสัยเรื่องรถของกุ้งที่นีขับ
“อะไรเหรอคะคุณน้อง” นียังคงยืนอุ้มลูกอยู่ เพราะคิดว่าแป๊บเดียว
“ทำไมพี่นีถึงขับรถพี่กุ้งมามันน่าจะอยู่ที่โรส” เมื่อได้ยินคำถามจึงนั่งลงใหม่ แล้วอธิบายให้เอียดหายสงสัย
“อ๋อ น้องโรสเขาขายต่อให้พี่ค่ะ” เอียดตกใจ
“ขาย ไม่เชื่อ” นียิ้มและพยักหน้าให้
“ค่ะ คุณน้องหูไม่ดีเหรอคะ” เอียดไม่อยากจะเชื่อ
“เชื่อเถอะค่ะคุณน้อง น้องโรสเค้าบอกพี่เองว่าไม่ถนัดขับรถแบบนี้ เอาไว้ก็ทำอะไรไม่ได้ พี่เห็นแล้วชอบ เพราะมันสามารถบรรทุกได้เยอะดี พอๆกับรถกระบะ พาลูกไปไหนมาไหนก็สะดวก พี่ก็เลยขอซื้อต่อ อยากจะดูใบโอนและเล่มไหมค่ะ พี่จะได้เอามาให้ดู”
“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องนั้นหนูไม่ติดใจแล้ว เพราะมันเป็นสิทธิ์ของยัยโรส นั่นเขาผัวเมียกัน เมื่อพี่กุ้งเสีย เขาจะขายต่อให้ใครหนูก็ไม่สนและไม่อยากที่จะรับรู้ด้วยแล้ว อันที่จริงจะซื้อหรือให้ฟรี นั่นมันก็เรื่องของเขา เออ ขอโทษนะคะแล้วซื้อขายกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่พี่กุ้ง เอ๊ยนายเสียใหม่ๆ วันที่ 20 ธันวา ปีที่แล้ว พี่ใช้มาตั้งนานแล้วน้องเอียดไม่ได้สังเกตุเองนั่นแหละ”
เอียดพยักหน้า วัฒน์ชอบเด็กคนนี้จึงเอามือลงมาเล่นกับหลาน นีก็ไม่ได้ว่าอะไร เด็กน้อยเอามือขยับมาจับนิ้วมือของวัฒน์อย่างไร้เดียงสา เอียดหันไปดูหน้าเด็ก ก็ยังสงสัยอยู่ดี เพราะมันเหมือนกุ้งมาก แต่เอียดก็ยังไม่หมดข้อสงสัยอีก 1 เรื่อง ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่ มายื่นใบลาออก ก็ขอถามซะเลย เอียดยังข้องใจเรื่องคอนโด
“แล้วเรื่องห้องที่พี่อยู่หละคะ ถ้าพี่ลาออกแล้ว พี่จะย้ายออกเมื่อไหร่”
“อ้าว นี่น้องเอียดยังไม่ทราบอีกเหรอคะว่า พี่ได้ขอซื้อต่อจากคุณกุ้งนานแล้ว ก่อนที่พี่จะคลอดลูกชายเสียอีก อยู่มานานแล้วรู้สึกชอบ เห็นว่าอยู่แล้วสบายดี ก็เลยเก็บตังและตัดใจซื้อ ไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามคุณกวางได้นะคะ พอดีพี่กุ้ง เอ๊ยคุณกุ้งใจดี ขายให้พี่ในราคากันเอง ไม่ถึงล้านพี่ก็เลยตกลงเอา ใครไม่เอาก็โง่หละค่ะน้อง ห้องดีขนาดนั้น ซิคะ ถ้าไม่เชื่อหาว่าพี่โกหกตอแหล โทรได้เลยตอนนี้ พี่ยินดีให้ตรวจสอบ เดี๋ยวจะมาผิดใจกันภายหลัง หาว่าพี่โกหกตอแหล โกงน้องและคุณวัฒน์ มันจะไม่ดีนะคะคุณน้อง เชิญเลย” เอียดไม่รอช้ารีบต่อสายเข้าไปหากวางที่แสงตะวันจริงๆ
“สวัสดีค่ะคุณเอียด มีอะไรให้กวางรับใช้เหรอค่ะ”
“คุณกวางค่ะเอียดขอถามอะไรหน่อย” กวางกำลังยุ่ง
“ถามมาได้เลยคะ พอดีงานพี่เยอะ”
“พี่กุ้งขายคอนโดให้กับพี่นีไปแล้วเหรอคะ” กวางรีบโดยไม่ต้องคิด เพราะจำได้
“ค่ะคุณเอียด เกือบปีแล้วมั้ง ตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว คุณเอียดถามพี่ทำไมคะ”
“เท่าไหร่ คอนโดราคาเกือบ 10 ล้านเนี่ยนะ หนูไม่เชื่อหรอกว่าพี่นีจะซื้อได้ หนูไม่ได้ดูถูกเค้านะพี่ ถึงจะผ่อนก็เถอะ ไม่มีทาง”
“เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวพี่จะ Fax สัญญาซื้อขายและใบโอนกรรมสิทธิ์ไปให้นะคะ มันอยู่ในแฟ้ม ไม่ยากหรอกค่ะถ้าคุณเอียดต้องการความจริง พี่ขอตัวทำงานก่อนนะคะ คุณโรสโทรเข้ามาอีกสายพอดี” กวางต้องโกหกเอียด เพราะไม่อยากคุย เดี๋ยวยาว
ไม่ถึง 5 นาที ฝ่ายบัญชีของบริษัทก็เดินเอา Fax ที่กวางส่งมา มาให้ เอียดดูแล้วก็ต้องตกใจ
“นี่ค่ะคุณเอียด Fax จากแสงตะวัน” เอียดรับและให้พนักงานกลับไป เอียดดู Fax ทั้ง สองใบ ถึงกับต้องตกใจเป็นอย่างมาก
“5 แสน เป็นไปได้ยังไง ราคาซื้อเกือบ 10 ล้าน แต่กลับมาขายให้พี่นีในราคา 5 แสน นี่มันอะไรกัน หนูขอถามพี่จริงๆตรงๆเลยแล้วกัน พี่เป็นอะไรกับพี่กุ้ง ราคาแบบนี้ ไม่มีทางหรอกที่ พี่กุ้งจะขายให้กับเลขาคนนึงได้ ถึงจะทำงานมานานแล้วก็เถอะ ขายขาดทุนบังหน้าแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เมีย” วันทนีย์ลุกขึ้นทันที จนวัฒน์ขยับหนีแทบไม่ทัน แล้วเดินออกจากห้องไปทันที
“พี่นี กลับมาก่อน เราต้องกลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง พี่นี หนูบอกให้หยุด บอกหนูมานะ ฌริมพ์ เป็นลูกพี่กุ้ง ใช่ไหม” นีหันมา แต่ไม่พูดไม่ตอบอะไร
“วันนี้ขอลานะค่ะแล้วพรุ่งนี้จะมาทำงานปกติ วันนี้ต้องเอาลูกไปฝากที่เนอสเซอรี่ก่อน ไม่งั้นพรุ่งนี้และวันต่อๆไปจะมาทำงานไม่ได้ พอดีเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ตั้งแต่พ่อเด็กเสียไปพี่ก็เลยต้องวุ่นๆยุ่งๆแบบนี้แหละ แล้วหวังว่าเมื่อกลับมาทำงานตามปกติ คงจะไม่ถามคำถามแบบเมื่อกี้อีกนะคะ เพราะถ้าขืน ถามมากๆ พี่อาจจะอยู่ไม่ถึงวันที่ 31 ก็ได้ ขอให้เข้าใจตรงกันนะคะคุณน้อง” แล้วนีก็ดันประตูเดินออกไปเลย เอียดเจ็บใจมาก ที่ทำอะไรวันทนีย์ไม่ได้เลยสักครั้งจริงๆ วัฒน์รีบดึงแขนเอียดไว้ ไม่ให้วิ่งตามวันทนีย์กับลูกไป
“พ่อจะมาดึงหนูไว้ทำไม หนูต้องรู้ความจริงให้ได้ วันนี้”
“มันไม่มีประโยชน์อะไรนะเอียด เชื่อพ่อ ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม หลักฐานที่หนูต้องการ หนูก็เห็นแล้วนี่ คงต้องปล่อยเขาไป”
>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 51 .. “ ไม่อยากจะเชื่อเลย ”
ตอนที่ 50 .. “ คนสุดท้ายของชีวิต ”
Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 262
แสดงความคิดเห็น