ตอนที่ 59 หลานชายตระกูลหลิน
ตอนที่ 59 หลานชายตระกูลหลิน
“น้องรอง!”
“ท่านอาสอง!”
เสียงตื่นตะหนกดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย หลินขวงพุ่งตัวออกไปข้างหน้าประคองหลินเหยียนขึ้น ใบหน้าของเขาทะมึนขณะที่มองไปยังเย่หวูเฉินและกล่าว “เจ้าหนูตระกูลเย่ เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
“ทำเกินไป?” เย่หวูเฉินกล่าวด้วยสีหน้างุนงง “ผู้นำหลิน ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร เมื่อครู่นี้ใครกันที่เป็นคนท้าข้า ใครกันที่วางแผนสังหารข้าโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของฝ่าบาทและผู้คนที่อยู่ที่นี่... ตั้งแต่เริ่มจนจบข้าไม่ได้ตอบโต้หรือขยับแม้เพียงนิ้ว ท่านบอกว่าข้าทำเกินไป? ผู้นำหลิน ข้าขอบังอาจถาม...ท่านตาบอดหรือยังไง?”
ด่าตระกูลหลินต่อหน้าสาธารณชน...นอกจากเย่หวูเฉินแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถทำได้หรือไม่มีใครคิดกล้าทำ กระทั่งเหล่าขุนนางที่มีการศึกษาและมากประสบการณ์ยังตกตะลึง
ไม่ผิดจริงๆที่จะเรียกเขาว่าตาบอด
เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มตึงเครียด ในที่สุดหลงหยินก็เปิดปากพูด “ขุนพลหลิน ประมุขหลินเพียงใช้พลังไปหมดสิ้น ย่อมไม่ส่งผลร้ายแรงอันใด ท่านพาเขาไปพักผ่อนก่อน”
ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมจะมองออกว่าการใช้พลังไปหมดสิ้นนั้นเป็นเพียงเหตุผลรอง ที่เขาหมดสติลง เหตุผลหลักก็คือความโกรธที่ปะทุในจิตใจ และเขายังใช้วิธีนี้ในเพื่อหลีกหนีการถูกเหยียดหยามจากความล้มเหลว
เป็นครั้งแรกที่ต้องอับอายขายหน้า ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเพราะน้ำมือของผู้เยาว์ตระกูลเย่ หลินซานไม่อาจยอมแพ้ได้ง่ายๆ หากพวกเขาจากไปด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่เพียงตระกูลหลินจะสูญเสียความน่าเคารพ แต่ทั่วทั้งตระกูลหลินยังไม่อาจเงยหน้าขึ้นมองตระกูลเย่ได้อีกเลย เขาชี้นิ้วไปที่เย่หวูเฉินแล้วกล่าวอย่างเกลียดชัง “แต่ว่าฝ่าบาท บุตรแห่งตระกูลเย่ผู้นี้กลับบังคับให้ท่านอาสองของข้าเรียกเขาว่า.... เขายังเป็นคนเริ่มทำร้ายบุตรชายของข้าก่อน จากนั้นยังหยามเหยียดท่านอาสองของข้าอีก เขาดูถูกตระกูลหลินของพวกเขา แล้วจะให้ข้ายอมรับได้อย่างไร!”
“ฮี่ ฮี่ หัวหน้าหลิน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเกิดขึ้นเพราะตระกูลหลินของท่าน แต่ตอนที่ข้ากับประมุขหลินวางข้อเดิมพันกันเขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร กระทั่งตระกูลหลินของท่านก็ไม่มีผู้ใดคัดค้านเช่นกัน ฝ่าบาทและผู้คนที่นี่ต่างก็เป็นพยานได้ ตอนนี้ ข้าเย่หวูเฉินชนะอย่างใสสะอาดแต่ท่านกลับกล่าวหาว่าข้าดูถูกตระกูลหลินของท่าน... น่าตลกยิ่งนัก กลับกลายเป็นว่าตระกูลหลินที่ทรงเกียรตินั้นจะไร้สัจจะและเป็นเพียงกลุ่มคนไร้ยางอาย ข้าเคยเคารพท่านในฐานะผู้นำคนหนึ่งของตระกูล แต่ตอนนี้... อาสองของท่านต้องเรียกข้าว่า ‘ท่านปู่’ ทุกคนต่างยืนยันข้อนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นให้ข้าเรียกท่านว่า ‘เหลน’ เป็นเช่นไร?”
“เจ้า!!”
“ท่านพ่อ ได้โปรดอย่างเพิ่งมีโทสะ”
น้ำเสียงชัดใสมีสง่าดังขึ้น ในฉับพลันเจ้าของเสียงก็ทะยานร่างจากอากาศลงมายืนอยู่เบื้องหน้าหลินซาน เป็นหลินเสี่ยวที่พึ่งไร้รับการรักษา รอยแผลยาวยังคงอยู่บนใบหน้า แต่ก็ไม่รุนแรงมากเพราะรอยเฉือนยังใหม่และแค่ผิวเผิน สามารถใช้เพียงเวทย์แสงธรรมดาก็รักษาได้ หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์บาดแผลสมควรหายสนิทไม่เหลือแม้รอยแผลเป็น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตระกูลหลินไม่ได้ระบายโทสะอย่างเต็มที่ยามที่หลินเสี่ยวถูกทำร้ายโดยเย่หวูเฉิน หากใบหน้าไร้ตำหนิของหลินเสี่ยวถูกทำลายไปจริงๆ หลินเสี่ยวย่อมไม่ยอมปล่อยให้เรื่องผ่านไปโดยง่าย
หลินเสี่ยวช่วยหลินซานประคองร่างของหลินเหยียน หลินเสี่ยวกล่าวด้วยสีหน้าสงบ “ท่านพ่อ สำหรับเรื่องนี้ท่านปู่สองเป็นฝ่ายผิดก่อน ข้า บุตรของท่านถูกทำร้ายเพราะความอ่อนด้อยในฝีมือ และพวกเราไม่อาจตำหนินายน้อยเย่ได้ ข้าต้องขอรบกวนให้ท่านพ่อช่วยพาท่านปู่สองออกไปก่อน”
คำพูดของหลินเสี่ยวราวกับว่าไม่สนใจถึงพลังและศักดิ์ศรีของตนเอง หากแต่ทำให้ผู้คนต่างลอบพยักหน้าด้วยความยอมรับ สามารถมีจิตใจกว้างขวางได้ในวัยเพียงเท่านี้ หลินเสี่ยวสมควรกับสมญาอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเทียนหลง ความสำเร็จในอนาคตของเขาอาจเหนือล้ำกว่าบิดา
หลินซานกดข่มระงับโทสะของตน ผงกศีรษะให้หลินเสี่ยวและพาหลินเหยียนออกไปโดยไม่กล่าวคำใด เขาภูมิใจในตัวบุตรชายคนโตขณะเดียวกันก็เชื่อมั่นและเข้าใจในตัวเขา เขารู้ว่าหลินเสี่ยวมีวิธีคิดของตนเอง
ขณะที่หลินซานจากไป หลินเสี่ยวสามารถเห็นสายตาสื่อความหมายจากเขา... นั่นคือวันนี้จงใช้ทุกวิถีทางกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลหลินกลับคืนมา
ยืนนิ่งอยู่ห่างๆ นายน้อยเย่ผู้ที่ทำให้เขาต้องทนรับความอัปยศ ยามนี้ได้นำพาความรู้สึกกดดันดั่งภูเขาท่วมทับอยู่บนอก ในอดีตทุกแห่งหนที่เขาเดินผ่าน ล้วนมีรู้สึกว่าตนเองนั้นเฉิดฉายเป็นเป้าหมายของสายตาทุกผู้คน แต่วันนี้ เมื่อยืนประจัญหน้าหนึ่งต่อหนึ่งกับเย่หวูเฉิน...เขากลับรู้สึกว่าสายตาของผู้คนมองผ่านเงาของเขาไป
“นายน้อยเย่ พ่อของข้าและท่านปู่สองอาจกล่าวคำพูดระคายหู หากพวกเขาได้ระรานท่านไป ขอท่านโปรดเอื้อเฟื้อ เข้าใจในความรู้สึกของผู้อาวุโสและอย่าได้ใส่ใจ อีกเรื่องหนึ่ง ข้าละอายนักที่จะขอร้องท่านให้ยกเลิกข้อเดิมพัน อย่างไรเสีย ท่านปู่สองของข้าก็เป็นรุ่นอาวุโส ชั่วชีวิตของเขาให้คุณค่ากับเกียรติยิ่งกว่าชีวิตตน ย่อมเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมให้ศักดิ์ศรีถูกทำลาย นอกจากนั้นเขายังมีโรคภัยอยู่หลายอย่าง หากท่านยอมยกเลิกย่อมจะเป็นการช่วยรักษาเขาได้อย่างมากในอีกทาง ดังนั้น ข้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณชายเย่จะช่วยยกเลิกข้อเดิมพัน และพวกเราตระกูลหลินย่อมตอบแทนท่านในทางหนึ่งทางใด”
คำพูดของหลินเสี่ยวนั้นสมเหตุสมผลและเป็นธรรม รวมทั้งน้ำเสียงยังจริงใจ ผู้คนต่างรู้สึกว่าหากเย่หวูเฉินปฏิเสธและช่วงชิงเกียรติของหลินเหยียนไป เดิมพันนี้ย่อมนับว่าทำเกินเลย
เย่หวูเฉินราวกับจนใจขณะกล่าว “คุณชายหลิน ท่านพูดได้ถูกต้อง ข้าไม่ต้องการแสดงความไม่เคารพต่อประมุขหลินและต้องการกลับคำยิ่งนัก หากแต่ข้าและประมุขหลินต่างเดิมพันโดยมีฝ่าบาททรงเป็นพยาน รวมไปถึงผู้คนทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ หากข้าล้มเลิกเงื่อนไขไปเสียตอนนี้ จะไม่กลายเป็นว่าพวกเราเล่นตลกต่อหน้าพระพักตร์และเหล่าท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลายหรอกหรือ เรื่องเช่นนี้ข้าจึงไม่อาจกระทำได้ แต่ว่า...ในวันข้างหน้า ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่ออยู่ให้ห่างจากประมุขหลิน ไม่เพียงช่วยรักษาหน้าให้ประมุขหลินไม่ต้องได้รับความอับอาย แต่ยังช่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ชวนอึดอัด ผู้คนย่อมลืมเรื่องเหตุการณ์นี้หลังจากผ่านไปสักพัก”
เขาอธิบายสิ่งทั้งหมดด้วยสีหน้ามีเมตตา หากแต่ไม่ว่าผู้ใดก็ฟังออกโดยง่ายว่าเขาหมายถึงเพียงสองคำ--ไม่มีทาง! ยิ่งกว่านั้น เขายังยกองค์จักรพรรดิและผู้มีเกียรติทั้งหลายขึ้นอ้าง ทั้งเชื้อพระวงศ์ ราชตระกูลรวมไปถึงขุนนางทั้งหลาย ปิดทางจนหลินเสี่ยวไม่อาจยกหาเหตุผลใด ทั้งเขายังอธิบายด้วยสีหน้ามั่นใจและเอื้อเฟื้อราวกับว่าฝ่ายตรงข้ามได้ประโยชน์ จนหลินเสี่ยวไม่อาจปฏิเสธ และยังดูเหมือนเขายังจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งกัดฟัน….
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น....ข้าก็ขอขอบคุณ คุณชายเย่” หลินเสี่ยวกล่าวพร้อมฝืนบังคับยิ้ม ปู่สองแพ้พนันให้เขานั่นหมายความว่าเขาจะต้องเรียกเย่หวูเฉินว่าปู่ เช่นนั้นคนรุ่นถัดไปของตระกูลจะไม่กลายเป็น ลูก , หลาน , เหลน , โหลน ของเขาหรอกหรือ
“ช่างมันเถอะ ยังไงข้าก็สมควรทำแบบนี้อยู่แล้ว” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างคนใจกว้าง
หลินเสี่ยว “..........”
หลังจากปะทะคารมกันไป หลินเสี่ยวยังคงไม่อาจมีเปรียบ ทั้งยังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ในที่นั่งของผู้ชม หลินขวงโมโหอย่างหนักจนหนวดสั่นกระตุกไม่หยุด เย่หนู่รู้สึกหัวใจกระชุ่มกระชวย กระทั่งบอกให้เย่เว่ยและหวังเวิ่นชูอย่ากล่าวทำใด และอย่าได้ขัดจังหวะ ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเย่หวูเฉิน และตระกูลเย่พร้อมที่จะรับผิดชอบกับหายนะที่อาจเกิดขึ้น...อย่างไรเสีย ตระกูลเย่และตระกูลหลินก็ไม่เคยเป็นสหายกัน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 324
แสดงความคิดเห็น