ตอนที่ 10 คืนพระจันทร์เต็มดวง

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)
คุณกำลังอ่าน: สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 10 คืนพระจันทร์เต็มดวง

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 10 คืนพระจันทร์เต็มดวง

 

“ท่านพี่... ไปแล้ว...” ใบหน้าของเย่หนิงเสวี่ยแข็งค้างในทันที นางพึมพำเหมือนคนไร้วิญญาณ ดวงตามืดหม่นราวกับโลกทั้งใบพังทลายลง

 

ฉู่จิงเทียนผงะถอยไปก้าวหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบกล่าว “สะ...สาวน้อย พี่ชายของเจ้ากลัวว่าหากพาเจ้าไปด้วย เจ้าจะได้รับอันตราย แต่เขาบอกว่าจะกลับมารับเจ้าในอีกไม่นาน”

 

“ไม่จริง...” เย่หนิงเสวี่ยกระซิบ นางวิ่งเข้าหาฉู่จิงเทียนและกลับกลายเป็นราวกับเสียสติ ไม่เหมือนเย่หนิงเสวี่ยคนเดิมที่อ่อนแอและเชื่องเชื่อ น้ำตานางไหลอาบหน้าและใช้กำปั้นน้อยๆทุบตีฉู่จิงเทียน “ท่านโกหกข้า! โกหกข้า! ท่านพี่ย่อมไม่ทิ้งข้าไว้ ท่านโกหก... ข้าไม่ต้องการแยกจากกับท่านพี่ ไม่…อยาก!”

 

ปฏิกิริยาของนางเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิด ฉู่จิงเทียนยกมือเขาขึ้นทันที “สาวน้อยใจเย็นๆก่อน พี่ชายเจ้าต้องกลับมาในเร็วๆนี้แน่”

 

“ท่านโกหกข้า... พวกท่านทุกคนโกหกข้า! ข้าไม่อยากจากพี่ชายข้า...” นางร้องไห้เสียงดัง นางจะถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวในโลกลำพังหากพี่ชายจากนางไป นางไม่อาจจินตนาการถึงโลกที่ปราศจากพี่ชายของนางได้ ทันใดนั้น นางเช็ดน้ำตาเมื่อนึกบางอย่างได้ นางดึงเสื้อของฉู่จิงเทียนแล้วตะโกนเสียงดัง “บอกข้าสิ ท่านพี่ไปที่ไหน? ข้าจะไปตามหาเขา!”

 

ฉู่จิงเทียนรีบส่ายศีรษะ น้ำตาเขาแทบร่วง “บรรพบุรุษตัวน้อยของข้า ปล่อยข้าไปเถอะ พี่ชายของเจ้าจะต้องกลับมารับเจ้าแน่ๆ เจ้าตามเขาไปไม่ทันหรอกเพราะเขาจากไปได้สักพักหนึ่งแล้ว”

 

“บอกข้า... โปรดบอกข้าเถอะ ท่านพี่เดินไปทางไหน... ได้โปรด...” นางมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า และจ้องฉู่จิงเทียนอยู่อย่างนั้น ฉู่จิงเทียนจึงไม่กล้าสบตานาง

 

“พี่ต้าหนิว... โปรดบอกข้าเถอะนะ ข้าไม่อยากจากท่านพี่จริงๆ...”

 

“บอกข้าเถอะ... ข้าไม่อยากจากท่านพี่ ข้าไม่อาจจากท่านพี่ได้...”

 

ชายชราที่มองดูอยู่เงียบๆตั้งแต่ต้น สีหน้าเขาเปลี่ยนจากไร้อารมณ์เป็นหวั่นไหว จากหวั่นไหวเป็นหวั่นสะพรึง

 

ฉู่จิงเทียนจู่ๆรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก สุดท้ายเขาจึงยอมจำนนแล้วชี้นิ้วไปทิศใต้ “เขากำลังเดินทางไปอาณาจักรเทียนหลงทางทิศใต้ แต่ว่า...”

 

เย่หนิงเสวี่ยชักมือกลับแล้วรีบวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปยังทิศทางที่เขาชี้ ฉู่จิงเทียนตกตะลึง เขากำลังจะจับนางหากแต่ร่างกายของเขาแข็งค้างเหมือนถูกตรึงไว้ เขากัดฟันและตะโกน “สาวน้อย กลับมา! กลับมาก่อน!”

 

เงาร่างสีขาวตัวน้อยห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ถูกต้นไม้บดบังและหายลับไปจากสายตา

 

ฉู่จิงเทียนดิ้นรนหันร่างกลับและตะโกน “นางจะตกอยู่ในอันตราย หากข้าไม่รีบตามไป ทำไมท่านต้องหยุดข้าไม่ให้ตามนางด้วย?”

 

ชายชราถอนหายใจแล้วกล่าว “หากเจ้าอ่านแววตานางออก เจ้าจะไม่ไปตามนางกลับมา ความสิ้นหวังที่ครอบคลุมหัวใจนางไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานได้ แม้ว่าเจ้าจะฝืนหยุดนางไว้ นางก็จะไม่ยอมหยุดดิ้นรนแม้จะเหลือแค่ลมหายใจสุดท้าย”

 

“ถ้าเช่นนั้นก็ให้ข้าไปกับนาง หรือไม่ท่านก็ไปกับนาง ยังไงซะ นางก็เป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆอายุแค่ 10 ขวบ นางย่อมไม่อาจตามเขาทันเพราะเย่หวูเฉินจากไปได้สักพักแล้ว ยิ่งกว่านั้น นางอาจมีอันตรายข้างหน้า พวกสัตว์อสูรระดับ2 ขึ้นไปสามารถ... ท่านปู่!”

 

“ไม่!”

 

ชายชรากลับยังคงปฏิเสธด้วยสีหน้าเย็นชา

 

“ท่านปู่ ใจคอท่านจะทนดูเด็กหญิงตัวเล็กๆตกอยูในอันตรายหรือ? ยิ่งกว่านั้น นางเป็นน้องสาวของเย่หวู่เฉิน!!” ฉู่จิงเทียนตะโกนใส่ชายชราอย่างบ้าคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตะโกนใส่ปู่ เพราะครั้งนี้เขาโกรธจริงๆ

 

“ข้าบอกเจ้าว่าไม่!” ชายชราตะโกนกลับดังยิ่งกว่าฉู่จิงเทียน ฉู่จิงเทียนกำมือแน่น กระทืบเท้าอย่างรุนแรง และนิ่งเงียบไป

 

“อย่ากังวลเลย นางจะปลอดภัย” ผ่านไปสักพัก ชายชราเอ่ยช้าๆ ภายในใจเต็มไปด้วยความสับสนหนักหน่วง

 

เมื่อครู่นี้ บรรยากาศที่นางปลดปล่อยออกมากลับทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือก... นางเป็นเพียงเด็กหญิงธรรมดาจริงๆหรือ?

 

ผ่านพ้นจากป่าเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ถัดจากทุ่งหญ้าเป็นป่าอีกผืน เย่หวูเฉินเดินทางลงใต้ตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง จนถึงยามค่ำเขาคำนวณระยะทางเงียบๆ จากนั้นหนานเอ๋อร์ที่เงียบมาตลอดทางก็พูด

 

“ท่านชื่ออะไร เจ้านาย?”

 

“เย่หวูเฉิน”

 

“ว้าว ชื่อของเจ้านายฟังดูดียิ่งนัก!”

 

“........”

 

“บ้านเกิดท่านอยู่ที่ไหน เจ้านาย?”

 

“.....หัวเซี่ย”

 

“ว้าว แม้แต่ชื่อบ้านเกิดท่านยังฟังดูดียิ่งนัก”

 

“........”

 

เย่หวูเฉินเพียงนึกในใจ กระบี่สีทองก็ปรากฎอยู่ในมือ เขากวัดแกว่งกระบี่วาดเป็นวงเส้นสีทอง เขาสามารถสัมผัสพลังอันเหลือเชื่อภายในกระบี่ได้ พูดกันตามตรง พลังของเขายามนี้อ่อนแอเกินไป จึงไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของกระบี่ได้

 

เป็นกระบี่เช่นใดกันแน่...

 

“หนานเอ๋อร์ เจ้าจำชื่อของกระบี่ได้หรือไม่?” เย่หวูเฉินเอ่ยถาม

 

“ขอข้าคิดก่อน... อืม กระบี่จักรพรรดิใต้ มันเรียกว่า... ตัดดารา” หนานเอ๋อร์ตอบอย่างลังเล ราวกับว่านางใช้ความพยายามเค้นหาทีละนิดจากความทรงจำเลือนราง

 

“จักรพรรดิใต้...ตัดดารา?!” เย่หวูเฉินยกกระบี่ขึ้นมองยังคำว่า ‘ใต้’ ที่สลักอยู่บนกระบี่

 

จักรพรรดิใต้?

 

ณ จุดกำเนิดของโลก... จักรพรรดิใต้ กับ จักรพรรดิเหนือ...

 

ทันใดนั้นเศษเสี้ยวความทรงจำจากครั้งบรรพกาลก็ปรากฎขึ้นในใจของเย่หวูเฉิน เขาเพียงคิดได้ว่านี่คือกระบี่จักรพรรดิใต้ แปลว่าย่อมต้องมีกระบี่จักรพรรดิเหนือด้วยเช่นกัน? จักรพรรดิใต้กับจักรพรรดิเหนือเป็นสองบุคคลแรกที่ปรากฎขึ้นบนโลก และอาจกล่าวได้ว่าเขาทั้งสองเป็นผู้สร้างโลก

 

“...พวกเขาต่อสู้กันตลอดหลายปีแต่ไม่ปรากฎผลแพ้ชนะ หากแต่การต่อสู้อันดุเดือดได้ทำให้ห้วงโกลาหลถึงคราวล่มสลาย และได้ก่อกำเนิดกลายเป็นห้วงสวรรค์ , โลก , มนุษย์ , เทพ และปีศาจ...”

 

หากเป็นเรื่องจริง แสดงว่าแดนแห่งเทพรวมทั้งปีศาจนั้นมีอยู่จริง ตำนานที่ท่านปู่ฉู่เล่าในวันนั้นย่อมเป็นเรื่องจริงเช่นกัน

 

เย่หวูเฉินตื่นขึ้นมาบนทวีปเทียนเฉินด้วยความว่างเปล่ายามที่ชีวิตใหม่เริ่มต้นขึ้น ตอนนี้เขาสามารถเร่งฝีเท้าได้ จากที่ไม่มีสิ่งใดเลย โผล่มาบนโลกนี้อย่างประหลาด ลืมอดีตของตน ได้รับกระบี่จักรพรรดิใต้อันลึกลับ พร้อมกับเศษเสี้ยวความทรงจำ... ผลลัพท์ที่รอเขาอยู่ข้างหน้าจะเป็นเช่นใดกัน?

 

ป่าอีกผืนปรากฎอยู่เบื้องหน้า

 

ท้องฟ้ายิ่งค่ำยิ่งมืดยามตะวันลับแสง เมฆหม่นลอยกล่นฟ้า ไม่กี่ชั่วยามต่อมา ม่านราตรีก็เข้าปกคลุม ป่าหนาทึบยิ่งดูมืดมิด ขณะที่เย่หวูเฉินในใจจู่ๆกลับรู้สึกได้ถึงเงาทะมึน

 

ความรู้สึกบีบคั้นนี้คืออะไรกัน? เขากุมมือตรงหัวใจที่เดี๋ยวก็เต้นกระหน่ำ เดี๋ยวก็เต้นช้า

 

เขาทำได้เพียงเร่งฝีเท้าขึ้นอีก เพราะไม่ต้องการอยู่ในป่าหนาทึบนี้ ซึ่งไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรซ่อนอยู่บ้าง จากที่ชายชราบอก พอพ้นออกจากป่าเล็กๆแห่งนี้แล้วก็จะถึงเมืองเล็กๆ ส่วนจุดหมายที่แท้จริงคือเมืองหลวงของอาณาจักรเทียนหลง ตอนนี้ยังไม่อาจทราบระยะทางได้จนกว่าจะไปถึง

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.