วิถีธาตุออนไลน์ : บทที่ 5 การเดินทาง
บทที่ 5 การเดินทาง
หลังจากที่กรกชข้ามลำธารกลับมาฝั่งเดิม ชายหนุ่มก็เดินตรงไปเรื่อยๆ อย่างระมัดระวัง เขายังไม่ลืมว่า เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเขาได้เจอกับอะไร หากเดินทะเล่อทะล่าไปจ๊ะเอ๋กับเสือร้ายเพื่อนเก่า เขาคงหนีไม่พ้นต้องตายกลับเมืองไปอย่างไม่ต้องสงสัย
อาการแสดร้อนมาพร้อมๆ กับเสียงร้องของท้องเจ้ากรรมเบาๆ ทำให้กรกชเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมากระทั่งถึงตอนนี้ เขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องแม้แต่อย่างเดียว ดังนั้นพอเขาเดินมาพบกับกล้วยป่าหลายต้น ชายหนุ่มจึงไม่พลาดที่จะปลิดลงมาสวาปามลงท้องไปไม่น้อย
ความหวานจากกล้วย ช่วยเติมพลังให้กรกชได้เป็นอย่างดี พอชายหนุ่มกินจนอิ่มหนำ เขาจึงเริ่มออกเดินทางต่อด้วยความหวังว่า ทิศทางที่เขากำลังมุ่งไป จะมีทางออกจากป่านี้ได้เสียที
อากาศในราวๆ ช่วงสิบโมงเช้าเริ่มอบอุ่นขึ้นเป็นลำดับ ในระหว่างการเดินทาง กรกชได้มีโอกาสพบสัตว์ป่าอยู่มากมายหลายชนิด เช่น กวางม้า เก้ง และสัตว์กินพืชอื่นๆ ด้วยว่าที่นี่เป็นเกม ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตอันมีค่ายิ่ง กรกชจึงเลือกที่จะดูอยู่ห่างๆ แล้วเลี่ยงออกให้ไกลที่สุด ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงสัตว์กินพืชชนิดที่ได้ชื่อว่าเชื่องและไม่โจมตีก่อนก็ตามที
เดินมาได้ราวสามชั่วโมง กรกชก็เดินออกมาจากป่าได้ในที่สุด เบื้องหน้าของเขาคือเส้นทางสัญจรสายยาว โดยข้างทางทั้งสองฝั่งถูกขนาบไว้ด้วยป่าใหญ่ ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาด้วยหวังว่าจะพบใครผ่านไปผ่านมาบ้าง เผื่อจะได้ขอน้ำดื่มประทังอาการคอแห้ง เสียงพูดคุยหยอกล้อดังใกล้เข้ามาทำให้เขาเริ่มใจชื้น ชายหนุ่มยืนรอไม่นานก็เริ่มเห็นกลุ่มคนสี่คนเดินใกล้เข้ามา
เมื่อผู้เล่นกลุ่มดังกล่าวเดินเข้ามาได้ระยะหนึ่ง ทำให้กรกชสังเกตออกว่า ฝ่ายที่กำลังเดินเข้ามาประกอบไปด้วยผู้ชายสองคนกับหญิงสาวอีกสองคน ซึ่งชายหนึ่งในสองกะโดยคร่าวๆ หน้าจะมีอายุไล่เลี่ยกับเขาห่างกันไม่มากนัก ส่วนอีกสามคนที่เหลือนั้น ดูมีอายุน้อยกว่าอยู่พอสมควร
เหมือนว่าทางนั้นจะมองเห็นเขาแล้วเช่นกัน เพราะอีกฝ่ายต่างพากันลดฝีท้าวช้าลงอย่างระวังระไว กรกชตัดสินใจเดินตรงเข้าหาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร พลางเสียบดาบคู่ใจที่ใช้ฟันกิ่งไม้มาตลอดการเดินทางเข้าฝัก แล้วนำไปสะพายไว้ด้านหลัง
“สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อกรกช เพิ่งเดินตัดออกมาจากป่าด้านข้างนี่ ผมพอจะรบกวนพวกคุณขอน้ำดื่มสักหน่อยได้มั้ย?” กรกชพูดแนะนำตัวพลางบอกจุดประสงค์ออกไป
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่มก็รีบนำขวดน้ำออกมาจากกระเป๋ามิติ “ไม่รบกวนหรอกครับคุณกรกช นี่น้ำครับ” เขาพูด
กรกชขอบคุณแล้วยกน้ำเต็มขวดขึ้นดื่มจนลดลงไปเกือบครึ่ง เมื่อดื่มเสร็จ เขาจึงส่งคืนให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณมากเลยครับ ว่าแต่พวกคุณมาจากที่ไหนกันเหรอ?” กรกชขอบคุณแล้วเอ่ยถาม
“พวกเรามาจากเมืองเริ่มต้นกันน่ะครับ กำลังจะไปที่เมืองเทพพยัคฆ์ แล้วคุณกรกชเข้าไปทำอะไรที่ป่านั่นเหรอครับ?” ชายหนุ่มคนเดิมเอ่ยถาม
“เรียกผมกชเฉยๆ ก็ได้ครับ” กรกชเอ่ย “ผมหลบหนีการตามล่าจากผู้เล่นกลุ่มหนึ่งเข้าไปในนั้นน่ะครับ นี่ก็เพิ่งหาทางกลับออกมาได้...แล้วแต่ละคนชื่ออะไรกันบ้างครับเนี่ย?”
“ผมชื่อชัย เรียกชัยเฉยๆ ก็ได้ไม่ต้องมีคงมีคุณนำหน้าก็ได้” ชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับกรกชเอ่ยอย่างเป็นกันเอง พรางยื่นมือมาจับด้วย “ส่วนน้องชายคนข้างๆ นี่ชื่อทัศน์ สองสาวถัดไปชื่อเมย์กับพลอย” เขาเอ่ยแนะนำ
ชัยเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวค่อนข้างเข้ม มองหน้าตาโดยรวมแล้วไม่หล่อมากนัก ทว่ารอยยิ้มเป็นมิตรที่มักจะมีอยู่ตลอดนั้นก็ดูหน้าคบหาอยู่ไม่น้อย ในด้านของทัศน์ เด็กหนุ่มรุ่นน้องมีความสูงน้อยกว่าชัยในระดับหนึ่ง หากแต่มีความกำยำดูหนักแน่นมากกว่า
ฝ่ายสองสาวก็สวยกันไปคนละแบบ หญิงสาวที่ชื่อพลอยมีรูปร่างเล็กน่าทะนุถนอม ดวงหน้าของเธอสวยหวานในแบบคนไทย ส่วนเมย์นั้น ดูมีน้ำมีนวลกว่า ผิวขาว ลักษณะออกไปในทางหมวยอย่างเชื้อสายจีน
หลังจากทำความรู้จักแล้วเล่าถึงที่ไปที่มาของแต่ละคนกันไปพอสมควร ทำให้บรรยากาศของกลุ่มมีความเป็นกันเองและสนิทสนมกันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแต่ละคนมีความเป็นกันเองค่อนข้างสูง จึงทำให้มิตรภาพเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
“ที่แท้พี่กชก็คือคนในข่าวที่พวกเราได้ยินนั่นเอง” ทัศน์เอ่ยขึ้น เพราะหลังจากที่กรกชจากไปได้ไม่นาน กลุ่มของเด็กหนุ่มเพิ่งกลับมาจากการล่าสัตว์อสูร ดังนั้นจึงไม่ทันเห็นเหตุการณ์ แต่ก็ได้ผู้เล่นที่อยู่ในเมืองเล่าให้ฟังอีกที
“ถ้าอย่างงั้นพี่ก็เดินทางไปเมืองเทพพยัคฆ์พร้อมกับพวกเราเลยสิคะ เพราะถ้าพี่กลับไปที่เมืองเริ่มต้น พวกของเหนือหล้าจะต้องตามสังหารพี่แน่” พลอยเอ่ย ก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงขอนไม้ใกล้ๆ
เมื่อคนอื่นๆ เห็นหญิงสาวเดินไปนั่ง พวกเขาจึงนึกได้ว่า การพูดคุยครั้งนี้ คงใช้เวลาไปอีกสักพัก ดังนั้น แต่ละคนจึงชักชวนกันเดินไปยึดเอาขอนไม้ใกล้ตัวมาใช้เป็นที่นั่ง
“ฉันเห็นด้วยกับพลอยนะ” ชัยเอ่ย “พวกไอ้เหนือหล้ามันคงรอนายอยู่ที่นั่นแน่ อีกอย่าง กิลด์อสูรปฐพีก็ค่อนข้างมีอิทธิพลในเมืองเริ่มต้นด้วย ดังนั้นฉันว่า นายไปกับพวกเราดีที่สุด”
“ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ฉันก็ว่าจะเดินทางไปกับพวกนายนั่นแหละ เพราะถ้าขืนกลับไปที่นั่นก็ตายเปล่า มิสู้ไปผจญภัยเมืองอื่นดีกว่า”
กรกชพูดอย่างยิ้มแย้ม ทีแรกชายหนุ่มไม่คิดว่ามิตรภาพระหว่างเขากับกลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มนี้จะพัฒนาไปได้เร็วอย่างที่เป็น แต่เมื่อเหตุการณ์ออกมารูปแบบนี้แล้ว ทำให้เขาตัดสินใจบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้พบมาตลอดการเข้าเล่นเกมให้เพื่อนกลุ่มนี้ฟัง
แว่บแรกที่เขาเล่าจบ เขานึกว่าเพื่อนกลุ่มนี้จะรุมถามเรื่องรายละเอียดเงื่อนไขพิเศษที่ทำให้ได้รับพลังธาตุหลักมาเสียอีก แต่หลังจากมีอาการตื่นเต้มกับมีคำถามนิดๆ หน่อยๆ แล้ว ทุกคนกลับมาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขาซะงั้น...ถึงเกมออนไลน์จะไม่ใช่โลกที่แท้จริง แต่มิตรภาพที่ได้สัมผัสอยู่นี้ ชายหนุ่มเชื่อว่าเป็นของจริงอย่างแน่นอน
ด้วยเวลาที่ล่วงเลยยามเที่ยงมาได้พักใหญ่ๆ แล้ว ดังนั้นวงสนทนาจึงเปลี่ยนจากการนั่งพูดคุยกันเพียงอย่างเดียว มาเป็นวงรับประทานอาหาร ซึ่งในเวลานี้ในมือของแต่ละคนต่างก็ถือข้าวกล่องอยู่ด้วยกันครบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่กรกช ที่ชัยเป็นคนแบ่งให้เมื่อครู่
“เมืองเทพพยัคฆ์เนี่ยมันใหญ่มากหรือเปล่า?” กรกชถามขึ้น
“พวกเราก็ไม่เคยไปเหมือนกันค่ะ แต่เห็นคนอื่นๆ พูดว่าใหญ่กว่าเมืองเริ่มต้นมาก น่าจะเป็นเมืองระดับกลางได้เลย” เมย์เอ่ยตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจมากนัก
“แล้วระยะทางยังเหลืออีกไกลมั้ย?” กรกชถามต่อ พลางตักข้าวกะเพราเข้าปาก
“วันพรุ่งนี้ช่วงเที่ยงๆ ก็น่าจะถึงว่ะ” ชัยที่พอรู้รายละเอียดมากกว่าตอบแทน
“แล้วคืนนี้เราจะเลือกพักกันที่ไหนเหรอครับพี่ชัย” ทัศน์ที่กำลังวางกล่องข้าวซึ่งกินหมดแล้วไว้ข้างตนเอ่ยถาม
ชัยคิดอยู่สักพัก “เดี๋ยวเราจะไปพักค้างคืนกันที่ลานลมโชย หากเราเริ่มออกเดินทางตอนนี้ก็จะถึงที่นั่นช่วงเย็นๆ แต่อีกหน่อยก็จะถึงโป่งดำแล้ว เราต้องระวังตัวกันให้มาก เพราะแถวนั้นสัตว์นักล่าเยอะมาก”
“แต่พลอยเห็นคนในบอร์ดสื่อสารบอกว่า สัตว์แถวนี้ไม่มีพลังธาตุนี่คะ คงไม่อันตรายมาก” หญิงสาวที่นิ่งเงียบมานานแสดงความคิดเห็น
“ก็จริงนะ” ชัยพูด “แต่ที่เราจะสู้กับพวกมันลำบากไม่ใช่เรื่องพลังธาตุหรอก...แต่เป็นเรื่องจำนวนของพวกมันเนี่ยสิ”
“หืม...ยังไงเหรอวะ?” กรกชสงสัย
“ก็เพราะส่วนมาก สัตว์นักล่าที่นี่มันเป็นพวกหมาป่าที่หากินกันเป็นฝูงน่ะสิ ซึ่งฝูงของพวกมัน อย่างน้อยๆ ก็เกือบสามสิบตัวเลยล่ะ” ชัยชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจ
หลังจากได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ คนทั้งคณะก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ ซึ่งในครั้งนี้ คณะเดินทางได้แบ่งกันออกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มที่เดินนำหน้าคือกรกชและชัย ส่วนพลอย เมย์และทัศน์ เดินรั้งท้าย ห่างจากกลุ่มแรกประมาณสี่เมตร
ในช่วงแรก คนในกลุ่มต่างก็พูดคุยกันอย่างเฮฮา เสียงหัวเราะหยอกล้อดังอยู่ไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศการเดินทางเป็นไปอย่างสบายๆ ไม่เคร่งเครียด ทว่าเมื่อมาถึงเส้นทางตอนหนึ่ง ระดับของถนนก็ค่อยๆ ลาดลงต่ำไปตามลำดับ รอยท้าวสัตว์ทั้งเล็กใหญ่เริ่มปรากฏแก่สายตา ไม่ต้องให้มีใครมาบอก คนทั้งกลุ่มก็พร้อมใจกันเงียบแล้วเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น
เสียงร้องของสัตว์เล็กๆ ปนไปกับเสียงคำรามของนักล่าในป่าใหญ่ ดังแว่วมาจากที่ไกลๆ ส่งผลให้กลุ่มที่แต่เดิมอยู่ห่างกันกระชับเข้าใกล้กันมากกว่าที่เป็น ดินโป่งสีดำเริ่มมีให้พบเห็นตามข้างทางบ้างแล้ว รอยท้าวสัตว์เองก็มีเยอะมากขึ้น จากรอยที่ยังใหม่ๆ อยู่แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของรอยเพิ่งจากไปเพียงไม่นาน
“แปลก”
กรกชเอ่ยขึ้นเบาๆ ทำให้ชัยที่เดินอยู่ข้างๆ ชำเลืองมามองเป็นเชิงถาม
“จากที่ฉันเคยอ่านหนังสือสารคดีที่เกี่ยวกับป่า ดินโป่ง เป็นดินที่บรรดาสัตว์ชอบลงกินมาก แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่พบสักตัวเลย เจอแต่รอยท้าวทั้งนั้น” กรกชเอ่ยบอก
ชัยนิ่งเงียบยังไม่เอ่ยอะไร แต่เป็นทัศน์ที่เอ่ยว่า
“ผมเคยอ่านในเน็ต เค้าบอกว่าสัตว์พวกนี้กลัวคนนี่ครับ”
“ก็ใช่นะ” กรกชพูด “แต่ไม่รู้สิ พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลย”
“นั่นสิ ปรกติตามระบบเกม สัตว์พวกนี้ไม่หนีผู้เล่นอยู่แล้ว หากเราไม่ไปโจมตีมันก่อน แต่ที่มันหนีไป ก็แสดงว่ามันรู้สึกถึงภัยที่มาจากนักล่าบางชนิดมากกว่า” ชัยกล่าวเสริม
“แสดงว่าพี่ชัยคิดว่า ตอนนี้มีพวกหมาป่าอยู่ใกล้ๆ เราเหรอคะ?” เมถาม ในมือของเธอถือกระบี่เอาไว้อย่างเตรียมพร้อม
“ในเบื้องต้นก็น่าจะเป็นแบบนั้น” ชัยพูดแบ่งรับแบ่งสู้ “แต่แค่พวกหมาป่า ก็ไม่น่าจะทำให้เป็นได้ขนาดนี้”
กรกชปลดดาบที่สะพายเอาไว้มากระชับเอาไว้หลวมๆ “จะอะไรก็เถอะ ระวังตัวกันไว้ให้มั่นดีกว่าพวกเรา”
“เห็นด้วยอย่างยิ่งครับพี่” ทัศน์เอ่ย แล้วหยิบทวนยาวออกมาจากกระเป๋ามิติ
“ถ้าจะเจออย่างอื่นที่มันหนักกว่าหมาป่า พลอยว่าพลอยขอพบหมาป่าเป็นฝูงยังดีกว่า” หญิงสาวพูดพลางเตรียงธนูพร้อมลูกเอาไว้
คนทั้งห้ามุ่งหน้าไปอย่างระวังกันเต็มที่ ทว่าผ่านไปจนกระทั่งเดินออกจากเขตของโป่งดำ ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ทำให้คนทั้งหมดอดระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจไม่ได้
“โชคดีจริงๆ ที่ไม่พบอะไร” ทัศน์พูดขึ้น เริ่มมีรอยยิ้มกลับมาบนใบหน้า
“นายกลัวละซี่” พลอยเอ่ยเย้า
“ปล๊าว ฉันก็แค่ยังไม่อยากเปลืองแรง” ทัศน์ตอบกลับยิ้มๆ
“ก็ได้แต่หวังว่า ไอ้ตัวที่ทำให้สัตว์หนีหายไป จะไม่ไปเยี่ยมเราถึงลานลมโชยนะ” เมย์เอ่ยทะลุกลางปล้อง
ภายในกลุ่มเงียบกันพักหนึ่ง...ก่อนที่คนที่เหลือยกเว้นกรกชและเมย์จะร้องขึ้น
“ยายเมย์ / ไอ้เมย์ เอาอีกแล้ว!!“
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 749
แสดงความคิดเห็น