บทที่ 236: ข้าเป็นคนทำเอง
“องค์หญิงหกไม่รู้เรื่องหรือ?” ก่อนที่ไทเฮาจะทรงได้ตรัสอะไร หรงเฟยก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “หว่านผินกับลี่เฟยทะเลาะกันในอุทยานหลวง ลี่เฟยถูกผลักจนล้มลงทำให้ลี่เฟยต้องสูญเสียทายาทมังกรไป”
“ให้ตายเถอะ คนเรานี่มันรู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ ในสายตาของข้า หว่านผินเป็นคนดีมาตลอด แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่านางจะเลวทรามได้ถึงเพียงนี้”
“ในเมื่อหรงเฟยกล้าพูดเช่นนี้ ท่านคงเห็นท่านแม่ของข้าผลักลี่เฟยด้วยตาตัวเอง” มู่ไป๋ไป่พูดสวนขึ้นทันควัน “ถ้าท่านเห็นด้วยตาตัวเอง ทำไมท่านไม่เข้าไปห้ามล่ะ?”
“หรือว่าหรงเฟยดีใจกับเหตุการณ์นั้นมากกว่า?”
“องค์หญิงหก! อย่าพูดใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นเช่นนี้!” หรงเฟยไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดต่อไปว่า “ตอนที่เกิดเรื่อง ในอุทยานหลวงมีเพียงหว่านผินกับลี่เฟย 2 คนเท่านั้น ข้าจะไปเห็นเหตุการณ์ได้อย่างไร”
“ไทเฮา พระองค์ทรงอย่าได้ฟังคำพูดเรื่อยเปื่อยขององค์หญิงหกนะเพคะ”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันไม่ได้คิดเข้าไปขวาง แต่หม่อมฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นต่างหาก”
“ถ้าในเวลานั้นหม่อมฉันอยู่ที่นั่นด้วย หม่อมฉันคงไม่ยอมให้หว่านผินทำอะไรลี่เฟยอย่างแน่นอน!”
“ในเมื่อหรงเฟยไม่เห็นเหตุการณ์ ท่านจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนที่ทำคือท่านแม่ของข้า” มู่ไป๋ไป่เอียงคอถามพลางกะพริบตากลมโตที่ไร้เดียงสาปริบ ๆ “ถ้าท่านแค่ได้ยินคนเขาพูดกันมา ท่านดูเหมือนจะมั่นใจมากเกินไปสักหน่อยว่าท่านแม่ของข้าเป็นคนทำ หรงเฟยพูดเหมือนกับเห็นเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเองมากกว่า”
“นี่เจ้า!” หญิงสาวถลึงตามองเด็กหญิง ขณะที่ใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความโกรธ “เรื่องนี้ลี่เฟยเป็นคนพูดเอง นางจะพูดปดเช่นนั้นหรือ?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานั้นที่อุทยานหลวงมีเพียงหว่านผินกับลี่เฟย หากหว่านผินไม่ได้ผลักลี่เฟย มันจะเป็นไปได้หรือที่ลี่เฟยจะทำตัวเอง?”
“เสือย่อมไม่กินลูกของตัวเอง แล้วในที่นี้มีใครไม่รู้บ้างว่าความปรารถนาสูงสุดของลี่เฟยในหลายปีที่ผ่านมาคือการตั้งครรภ์ทายาทมังกร”
“ตอนนี้ในที่สุดนางก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว นางจะยอมเสียสละเด็กในครรภ์ของตัวเองได้อย่างไร?”
“องค์หญิงหก หว่านผินเป็นมารดาของเจ้า ข้าเข้าใจว่าเจ้าคงต้องการปกป้องนาง”
“แต่ด้วยเหตุนี้เจ้าก็ไม่ควรเลอะเลือนแยกแยะถูกผิดไม่ได้ใช่หรือไม่?”
“ไทเฮา ในครั้งนี้พระองค์จะต้องตัดสินแทนลี่เฟย ไม่เช่นนั้นหากในอนาคตเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในวังหลังอีก พระองค์คงจะควบคุมสถานการณ์ได้ยาก”
“นี่ท่าน!” มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วฉับ
หรงเฟยผู้นี้ เธอเคยปล่อยนางไปตอนอยู่ที่วัดฮู่กั๋ว แต่นางก็ยังไม่ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ตอนนี้นางได้โผล่หางจิ้งจอกออกมาทันทีและกล้าก่อปัญหาต่อหน้าเธออีก
หากรู้ว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เธอน่าจะปล่อยให้เซียวถังอี้ปลิดชีวิตนางทิ้งไปตั้งแต่ตอนนั้นเสีย
“ไป๋ไป่” ไทเฮาซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดกล่าวขึ้นมาบ้าง “สิ่งที่หรงเฟยพูดนั้นก็มีเหตุผล”
พอหรงเฟยได้ยินว่าไทเฮาทรงเห็นด้วยกับสิ่งที่นางพูด นางก็เชิดหน้าขึ้นอย่างมีชัย
“อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าเรื่องนี้ดูแปลกประหลาดเกินกว่าที่จะสรุปได้” ผู้เป็นย่าลูบมือเล็ก ๆ ของหลานสาวเพื่อให้นางวางใจ แล้วกล่าวต่อไปว่า “เราจำเป็นจะต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อให้คำอธิบายกับทุกฝ่าย”
“เพคะ!” มู่ไป๋ไป่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ตามปกติแล้วพระสนมในวังหลวงมักจะมีนางกำนัลและขันทีคอยติดตามไปไหนมาไหนเป็นกระบวน น่าแปลกที่ในอุทยานหลวงกลับมีเพียงลี่เฟยกับท่านแม่ของหม่อมฉันเพียงเท่านั้น”
ไทเฮาพยักหน้ารับแล้วตรัสว่า “เราจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดในภายหลัง”
“เพคะไทเฮา” หรงเฟยเหลือบมององค์หญิงหกด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะย่อตัวตอบรับไทเฮา
ในเวลาเดียวกัน พระสนมคนอื่น ๆ ที่ดูการแสดงมามากพอแล้วต่างพากันขอตัวออกไปทีละคน
เวลาผ่านไปจนกระทั่งกลางดึก ห้องของลี่เฟยก็สงบลง
จากนั้นหมอหลวงก็ได้ออกมารายงานสถานการณ์ของลี่เฟยให้ไทเฮาทรงรับทราบ
ดังที่หลัวเซียวเซียวได้เล่าให้มู่ไป๋ไป่ฟังก่อนหน้านี้ หมอหลวงไม่สามารถช่วยเด็กในครรภ์ของลี่เฟยได้
นอกจากนี้เดิมทีร่างกายของหญิงสาวก็ไม่ได้แข็งแรงมากพอ การสูญเสียบุตรในครั้งนี้ทำให้ในอนาคตนางจะมีบุตรได้ยากขึ้นกว่าเดิม
ทางด้านมู่ไป๋ไป่นั่งฟังรายงานอยู่เงียบ ๆ ข้างกายไทเฮา ขณะที่ในใจของเธอรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ดูแปลกประหลาดมากราวกับว่ามันถูกวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี
แล้วเรื่องนี้ใครที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด?
หากเป็นในอดีต เธอคงเชื่อว่าลี่เฟยจะต้องเป็นคนวางแผน
แต่จากสิ่งที่หรงเฟยกล่าว กว่าที่ลี่เฟยจะตั้งครรภ์เด็กได้สักครั้งหนึ่งเป็นเรื่องที่นางพยายามมาตลอด มันไม่มีทางที่นางจะใช้ลูกในท้องของตัวเองมาใส่ร้ายท่านแม่ของเธอแน่
“องค์หญิงระวังด้วยเพคะ” หลัวเซียวเซียวเข้าไปขวางอีกฝ่ายที่เกือบจะเดินลงทะเลสาบไป “พระองค์คิดอะไรอยู่เพคะ ดูเหมือนว่าพระองค์จะหมกมุ่นกับความคิดนั้นจนไม่สนใจมองทางเลยเพคะ”
“ข้าจะไปคิดอะไรได้อีกละ” มู่ไป๋ไป่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แน่นอนว่าข้ากำลังคิดเรื่องของลี่เฟยกับท่านแม่ของข้า”
หลังจากที่เธอได้ฟังรายงานของหมอหลวงในตำหนักของลี่เฟย เธอก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงพาหลัวเซียวเซียวไปที่อุทยานหลวงเพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
“ข้าขอถามหน่อย ปกติท่านแม่ของข้าไม่ชอบมาที่อุทยานหลวง แล้วทำไมวันนี้จู่ ๆ นางถึงมาที่นี่ล่ะ?” มู่ไป๋ไป่นั่งย่อตัวอยู่บนพื้นโดยถือไข่มุกราตรีเอาไว้ขณะที่มือเล็ก ๆ มีหิมะเกาะอยู่ “แล้วดูสิ นี่คือสถานที่เกิดเหตุ มันตั้งอยู่ห่างไกลจากทางเดินมาก”
“ถึงแม้ว่าท่านแม่ของข้าจะมาเดินเล่นในอุทยานหลวง แต่นางก็ไม่น่าจะเดินมาถึงที่นี่”
“องค์หญิงพูดถูกเพคะ” หลัวเซียวเซียวคุกเข่านั่งลงด้านข้างผู้เป็นนาย และเอามือเท้าคางฟังการวิเคราะห์ของอีกคนอย่างตั้งใจ “ที่องค์หญิงต้องการจะบอกก็คือ มีคนล่อหว่านผินมาที่นี่เพราะได้วางแผนเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้วใช่หรือไม่เพคะ?”
“ถูกต้อง” มู่ไป๋ไป่พยักหน้า เธอคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า “เจ้าบอกว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ตอนที่ท่านแม่กับลี่เฟยเกิดเรื่อง แต่ก่อนหน้านั้นล่ะ?”
“นอกจากนี้ พวกเขาบอกว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ แล้วใครเป็นคนเห็นว่าลี่เฟยถูกผลัก?”
“หม่อมฉันก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกันเพคะ” หลัวเซียวเซียวตอบพลางเกาหัว “ทันทีที่หม่อมฉันได้ข่าวว่าเกิดเรื่องขึ้น หม่อมฉันก็รีบไปหาพระองค์เลยเพคะ”
มู่ไป๋ไป่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วปัดมือพร้อมกับลุกขึ้นยืน “กลับไปที่ตำหนักอิ๋งชุน แล้วถามท่านแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นดีกว่า”
ก่อนหน้านี้เธอกลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทางฝั่งลี่เฟยได้ทันท่วงที เธอจึงรีบวิ่งแจ้นไปหาฝ่ายนั้นก่อน
แต่ปัจจุบันสถานการณ์ทางฝั่งนั้นไม่มีอะไรแล้ว และไทเฮาก็ยังไม่ได้ตัดสินลงโทษซูหว่านตามคำพูดของลี่เฟยเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นเธอจึงยังมีเวลาสอบสวน เธออยากถามท่านแม่ซึ่งเป็นคู่กรณีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง
เมื่อเทียบกับความโกลาหลในตำหนักของลี่เฟย ตำหนักอิ๋งชุนนั้นเหมือนตำหนักร้างมาก
มู่ไป๋ไป่วิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปในเรือนหลังเล็กของซูหว่าน และเห็นองครักษ์ 2 คนกับจื่อเฟิงเฝ้าประตูเอาไว้ตั้งแต่ระยะไกล
“องค์หญิงหก!” ยามนี้เด็กหนุ่มเหมือนกำลังงีบหลับ แต่พอเขาได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาทันที “พระองค์กลับมาแล้ว! ข้าฟังหลัวเซียวเซียว คอยปกป้องหว่านผิน”
“ช่วงเวลานี้ไม่มีใครได้พบหว่านผินเลย”
คนตัวเล็กเอ่ยปากชมจื่อเฟิง จากนั้นก็หยิบขนมออกมาจากกระเป๋าแล้วมอบให้เขาเป็นรางวัล
เด็กหนุ่มมีความสุขมากที่ได้ของกินเป็นรางวัล เขาจึงนั่งลงกินขนมหวานตรงนั้น
“ท่านแม่! ท่านหลับแล้วหรือ?” มู่ไป๋ไป่อยากจะเปิดประตูเข้าไปเลย แต่เธอก็ถูกองครักษ์ 2 คนขวางเอาไว้ที่หน้าประตู เธอจึงตะโกนว่า “ไป๋ไป่มีเรื่องจะถามท่าน”
ไม่กี่อึดใจต่อมา แสงเทียนในห้องก็สั่นไหวเบา ๆ จากนั้นเสียงที่นุ่มนวลของซูหว่านก็ดังขึ้น
“แม่รู้ว่าเจ้าจะต้องมา แม่ก็เลยรอเจ้าอยู่” หญิงสาวเปิดประตูออกกว้างและเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ที่แดงเพราะความหนาวเย็นของเด็กน้อย ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกปวดใจขึ้นมา “ทำไมเจ้าไม่ใส่เสื้อหนา ๆ ล่ะ?”
“เสื้อผ้าเท่านี้ก็อบอุ่นดีแล้วเพคะ” มู่ไป๋ไป่ยิ้มกว้างให้ผู้เป็นแม่ “ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องลี่เฟย ไทเฮาได้สั่งให้คนไปสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว พระนางจะให้ความยุติธรรมแก่ท่านอย่างแน่นอน”
“ไป๋ไป่…” หว่านผินถอนหายใจ “เรื่องนี้แม่ผิดเอง”
“!!!” คนตัวเล็กตกตะลึง เธอไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบแบบนี้ “ท่านแม่อย่าได้พูดอะไรโดยไม่คิด ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะผลักลี่เฟย”
“ท่านแม่ ท่านเชื่อข้าเถอะ ไทเฮาจะคืนความบริสุทธิ์ให้กับท่านแน่นอน”
“และท่านพ่อเองก็เช่นกัน!”
“ขอเพียงท่านบอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้นในอุทยานหลวง—”
“ไป๋ไป่ เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ” ซูหว่านพูดขัดจังหวะลูกสาว “หยุดสอบสวน มันเป็นความผิดของแม่เอง”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: กลับมาก็เกิดเรื่องเลย ความจริงมันเป็นยังไงกันแน่เนี่ย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 82
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น