ตอนที่ 347 รองเท้าอีซูซุ
ตอนที่ 347 รองเท้าอีซูซุ
“หือ? นี่มัน” เซี่ยเฟยอุทานก่อนที่เขาจะรีบยกเท้าของเขาขึ้น เมื่อมีชายชราวิ่งมาหยิบแจกันสีทองและเก็บกำไลโปร่งใสเข้าไปในแจกัน
“ขอบคุณมากนะพ่อหนุ่มที่ช่วยหยุดแจกันเอาไว้ให้” ชายชรากล่าว
“ผมขอดูกำไลนั่นหน่อยได้ไหมครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ได้สิ แต่ช่วยไปดูตรงหน้าแผงลอยตรงนั้นได้ไหม? ฉันยังต้องคอยดูแลแผงลอยของฉันอยู่” ชายชรากล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเดินตามชายชราไปยังแผงลอยที่อยู่ไม่ไกล
“นายรู้จักกำไลนี่เหรอ?” อันธถามด้วยความสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันจำโลโก้บนกำไลได้ ถ้าฉันจำไม่ผิดมันน่าจะเป็นโลโก้ของบริษัทที่ค่อนข้างดังในอารยธรรมโบราณที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับการล่องหน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่โลโก้บนกำไล
“มันคือกำไลล่องหนจากอารยธรรมโบราณงั้นเหรอ?!” อันธอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยเฟยพยายามมองสำรวจกำไลตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง แต่เขาก็มองไม่เห็นร่องรอยใด ๆ ที่พอจะเป็นปุ่มเปิดใช้งานกลไกด้านในของกำไลได้เลย คล้ายกับว่าร่องรอยนี้เป็นเพียงแค่การตกแต่งธรรมดา และกำไลนี้ก็ไม่ใช่กำไลล่องหนเหมือนที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้
“ผู้อาวุโสขายกำไลนี่ยังไงครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“บอกตามตรงนะพ่อหนุ่มว่าฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พ่อของฉันแค่ทิ้งแจกันนี่เอาไว้เป็นมรดกตกทอดมาจนถึงฉันเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันต้องการจะเกษียณไปพักผ่อนในช่วงบั้นปลายชีวิตแล้ว ดังนั้นฉันจึงตั้งใจจะขายของทั้งหมดนี่เพื่อเอาเงินไปซื้อสถานที่อันเงียบสงบเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออย่างเงียบ ๆ”
“ถ้านายชอบก็เอาแจกันนี่กับกำไลนั่นไปได้เลย ฉันขอคิดราคาพวกมันแค่ 8 ล้านสตาร์คอยน์ก็พอ” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้มขณะเงยหน้าขึ้นมามองกำไลในมือของเซี่ยเฟย
“ทำไมถูกแบบนี้! ถ้ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์จากอารยธรรมโบราณจริง ๆ ราคานี้ถือว่าถูกมากเลยนะ” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“เอาไว้ก่อนก็แล้วกันครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัวก่อนที่เขาจะยื่นกำไลคืนไปให้ชายชรา
“อะไรกันมันแพงไปงั้นเหรอ?” ชายชรากล่าวถามด้วยความสงสัย
อันธยังคงส่งเสียงโวยวายจากด้านข้างโดยหวังว่าจะให้เซี่ยเฟยรีบซื้อกำไลชิ้นนั้นเดี๋ยวนี้เลย
“มันไม่ใช่ว่ากำไลนี่แพงเกินไป แต่คุณเก็บกลอุบายแบบนี้เอาไว้ใช้กับคนธรรมดาเถอะครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฮ่า ๆ ๆ พ่อหนุ่มไหวพริบดีใช้ได้เลยนี่” ชายชรากล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ห๊ะ! นี่นายรู้ได้ยังไงว่ามันคือของปลอม?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความสับสน
“ฉันก็ไม่รู้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเฉยเมย
“ไม่รู้?!” อันธอุทานพร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ในระหว่างที่เขากำลังพูดรูม่านตาของเขาหดแคบลงเล็กน้อย ซึ่งมันเป็นสัญลักษณ์ของคนที่กำลังพูดโกหก ถึงแม้ว่าตัวกำไลจะดูไม่มีสิ่งที่ดูผิดปกติแต่แจกันนั่นคือส่วนที่มีปัญหาต่างหาก หลังจากที่ฉันได้ลองพิจารณาดูแล้วแจกันน่าจะมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 10 กิโลกรัม แล้วแจกันที่หนักขนาดนั้นจะถูกลมพัดปลิวมาหาฉันได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้นกำไลข้อมือจากอารยธรรมโบราณยังกระเด็นออกมาจากแจกันราวกับจงใจ นายไม่คิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมากเกินไปหน่อยเหรอ?”
“หลังจากที่ฉันได้ข้อสรุปมาแบบนั้น ฉันก็เลยลองพูดหยั่งเชิงเขาออกไปและคำตอบที่ได้รับมันก็เป็นสิ่งที่นายได้เห็นเมื่อกี้นั่นแหละ” เซี่ยเฟยกล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้ม
อันธถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็เพียงลองหยั่งเชิงด้วยความสงสัยและชายชราคนนั้นก็เป็นคนเผยไต๋ออกมาเอง
“ดูเหมือนว่าสินค้าในงานนี้จะไม่ได้มีแต่ของดีสินะ แม้แต่ฉันก็ยังเกือบจะถูกหลอกเข้าให้แล้ว” อันธพึมพำกับตัวเอง
หลังจากเดินต่อไปไม่ไกลตรงบริเวณหัวมุมหนึ่งก็มีแผงขายสินค้าจากเด็กหนุ่มผมสั้นที่มีอายุประมาณ 20 ปี แต่ชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างจะขี้อายมากเกินไป เพราะถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะมาหยุดอยู่หน้าแผงลอยของเขาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อขายสินค้าของตัวเอง
โดยทั่วไปพ่อค้ามักที่จะหวังให้มีลูกค้าเดินมาดูสินค้าในแผงของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับมีท่าทางเขินอายราวกับว่าเขาไม่เคยรับลูกค้ามาก่อนเลย
เซี่ยเฟยชำเลืองมองสินค้าที่ตั้งอยู่บนแผงลอย และเขาก็ได้พบว่าสินค้าส่วนใหญ่เป็นผลไม้สมุนไพรอย่างเช่นผลน้ำค้างขาวและผลเนตรนาคา
ผลน้ำค้างขาวและผลเนตรนาคาคือผลไม้สมุนไพรที่เซี่ยเฟยมักจะพกติดตัวอยู่เสมอ เนื่องมาจากผลไม้พวกนี้สามารถช่วยเร่งอัตราฟื้นฟูพลังงานของร่างกายได้ ชายหนุ่มจึงมักที่จะกินผลไม้ทั้งสองชนิดนี้อยู่เป็นประจำ
อย่างไรก็ตามผลน้ำค้างขาวของชายหนุ่มคนนี้กลับมีผลขนาดใหญ่มากกว่าผลน้ำค้างขาวปกติ ส่วนผลเนตรนาคาก็ดูอวบอิ่มเกินกว่าผลเนตรนาคาที่เขาเคยเห็นมาด้วยเช่นกัน
“ใหญ่มาก! ปกติผลไม้ที่นายกินเป็นผลไม้เทียมที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีจำลองอาหาร แต่ผลไม้พวกนี้คือผลไม้ที่เติบโตขึ้นมาตามธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นขนาดของพวกมันยังมีขนาดใหญ่มากกว่าปกติ ผลไม้พวกนี้จะต้องเติบโตขึ้นมาในดาวที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังงานแน่นอน ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเขาไปเอาผลไม้พวกนี้มาจากที่ไหน?” อันธอุทานหลังจากที่ได้เห็นขนาดของผลไม้
“ผลไม้พวกนี้ขายยังไงครับ?” เซี่ยเฟยเริ่มกล่าวถาม
“ลูกละ 300,000 สตาร์คอยน์” ชายหนุ่มกล่าวโดยหันไปมองหน้าเซี่ยเฟยเพียงแค่แว้บเดียว
“ราคาเดียวกันหมดเลยเหรอ?”
“อือ ราคาเดียวหมดเลย”
เซี่ยเฟยหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ และถึงแม้ว่าราคา 300,000 สตาร์คอยน์จะแพงเกินไปสำหรับผลไม้เทียม แต่มันก็ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากสำหรับผลไม้ที่เติบโตขึ้นมาตามธรรมชาติอย่างผลไม้ตรงหน้านี้
“คุณมีพวกมันเท่าไหร่? ผมขอเหมาหมดเลย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
วันนี้เป็นวันแรกของงานเทศกาลและร้านของชายหนุ่มยังตั้งอยู่ในบริเวณที่ค่อนข้างห่างไกล มันจึงยังไม่มีใครได้ค้นพบร้านของชายหนุ่มคนนี้มากนัก เซี่ยเฟยจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะเหมาสินค้าทั้งหมดของชายหนุ่มในครั้งเดียว
“คุณจะเหมาหมดเลยเหรอ?!” ชายหนุ่มอุทานออกมาด้วยความดีใจหลังจากคิดว่าเขาจะได้รับเงินก้อนโต
“อือ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ชายหนุ่มลุกขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะท้ายที่สุดคนขี้อายแบบเขาก็ไม่เหมาะกับการออกมาตั้งร้านริมถนนจริง ๆ ซึ่งการเหมาสินค้าของเซี่ยเฟยก็ถือเป็นการช่วยให้เขาไม่ต้องเจอกับผู้คนเป็นจำนวนมากซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ
“ผมพกผลเนตรนาคามา 100 ผล, ผลน้ำค้างขาวมา 100 ผล, ผลมะเดื่อม่วง 20 ผล…”
“ตอนแรกผมคิดว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะขายสินค้าพวกนี้ได้หมด ผมจึงเอาผลไม้ติดตัวมาด้วยเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แล้วเก็บผลไม้ในส่วนที่เหลือเอาไว้ในโรงแรม”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมตามไปเอาผลไม้ที่โรงแรมของคุณก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อือ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนที่จะรีบเก็บแผงขายสินค้าและเดินไปที่ท่าเรือพร้อมกับเซี่ยเฟย
“คุณเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ไหนงั้นเหรอ? ผมเพิ่งเคยเห็นสัญลักษณ์ของสมาพันธ์คุณเป็นครั้งแรกเลย” เซี่ยเฟยถาม
ตราสัญลักษณ์สมาพันธ์ที่ติดอยู่บนหน้าอกของชายขายผลไม้เป็นรูปสุนัขอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น ซึ่งเป็นภาพที่เซี่ยเฟยไม่เคยเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ผมอยู่สมาพันธ์หนานหมิง สมาพันธ์ของเราเป็นสมาพันธ์วิจัยสมุนไพรขนาดเล็กและไม่ใช่สมาพันธ์ที่มีชื่อเสียงอะไร ผมเคยได้ยินพ่อเล่าให้ฟังว่าผู้ก่อตั้งสมาพันธ์หนานหมิงก็มาจากสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้ด้วยเหมือนกัน พวกเราเลยมีโอกาสมาเข้าร่วมเทศกาลในครั้งนี้ได้”
“แบบนี้นี่เอง ว่าแต่คุณเก็บผลไม้พวกนี้มาจากไหน? คุณภาพของพวกมันจัดอยู่ในระดับที่สูงมาก ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะไม่เหมาซื้อพวกมันทั้งหมดในราคาที่สูงขนาดนั้น” เซี่ยเฟยกล่าว
อันธแบะริมฝีปากขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเซี่ยเฟยมักจะชอบพูดจาต่อรองแบบนี้อยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับของดีในราคาถูกแต่เขาก็มักจะพูดราวกับว่าเขาซื้อของแพงมากกว่าคุณภาพ
“ผมบอกเรื่องนั้นไม่ได้ แต่ผมรับรองได้เลยว่าผลไม้พวกนี้มาจากช่องทางที่ถูกกฎหมาย”
เซี่ยเฟยพูดคุยกับชายหนุ่มคนนี้ไปตลอดทั้งทาง ก่อนที่เขาจะได้รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า ‘ซุนซาน’ ท้ายที่สุดเขาก็รู้สึกสนใจในสมาพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการปรุงยามาก เพราะมันอาจจะทำให้เขาได้รับสมุนไพรระดับสูง
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รับสมุนไพรระดับสูงในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ แต่การได้รับผลไม้สมุนไพรในรอบนี้ก็ยังถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับเขามากอยู่ดี
“ผมสามารถขอสั่งซื้อสมุนไพรจากคุณโดยตรงได้ไหม? ตราบใดก็ตามที่สมุนไพรมีคุณภาพดีพอพวกเราก็สามารถพูดคุยเรื่องราคากันได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ผมเกรงว่าผมคงจะขายสมุนไพรมากกว่านี้ไม่ได้ พูดตามตรงว่าสมาพันธ์ของเรามุ่งเน้นเพียงแต่การวิจัยและการพัฒนาน้ำยา และไม่ค่อยได้ให้ความสนใจในเรื่องของการต่อสู้เลย แต่ผมมีพลังพิเศษในการใช้เปลวไฟผมจึงทำใจยอมรับไม่ได้ที่จะไม่ได้มีโอกาสฝึกฝนการต่อสู้ ผมเลยขโมยบัตรเชิญของพ่อเพื่อมางานเทศกาลครั้งนี้ และสมุนไพรที่ผมนำติดตัวมาด้วยก็คือสมุนไพรทั้งหมดที่ผมได้เก็บสะสมเอาไว้เป็นของส่วนตัว ส่วนสมุนไพรในระดับที่สูงขึ้นก็จำเป็นจะต้องเก็บเอาไว้ในโกดังส่วนกลาง”
“ผมตั้งใจมาเข้าร่วมเทศกาลในครั้งนี้เพื่อเอาเงินที่มีมาซื้ออาวุธอุปกรณ์ที่จำเป็น นอกจากนี้งานเทศกาลยังเป็นแหล่งรวบรวมสมาพันธ์ต่อสู้ขนาดใหญ่ ซึ่งมันก็อาจจะมีใครบางคนยอมรับผมเข้าสมาพันธ์และมันก็จะทำให้ผมได้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะการต่อสู้”
“ในอนาคตผมอยากเติบโตขึ้นไปเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งไม่ใช่นักปรุงยาเหมือนกับพ่อ ดังนั้นผมจึงกลับไปเอาสมุนไพรมาให้กับคุณเพิ่มไม่ได้ เพราะถ้าหากว่าพ่อรู้ว่าผมแอบหนีออกมาผมก็คงจะถูกพ่อลงโทษแน่ ๆ” ซุนซานกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“แบบนี้นี่เอง แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีอาวุธอุปกรณ์มากมายในงานเทศกาลนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าหากว่าคุณต้องการจะเข้าร่วมกับสมาพันธ์นักสู้ขนาดใหญ่ ท้ายที่สุดองค์กรนักสู้ก็ไม่ได้รับสมัครคนเข้าองค์กรอย่างง่าย ๆ แต่มันจำเป็นจะต้องผ่านการประเมินและการคัดเลือกที่จะจัดขึ้นในแต่ละรอบ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นผมก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องไปเข้าร่วมกับองค์กรนักสู้ขนาดเล็ก ไม่ว่ายังไงผมก็อยากจะฝึกฝนทักษะการต่อสู้ให้ได้” ซุนซานกล่าวอย่างหมดหนทาง
ทั้งสองพูดคุยกันไปตลอดทั้งทาง ซึ่งหลังจากนั้นอีกไม่นานพวกเขาก็ได้เดินทางไปจนถึงโรงแรมที่ซุนซานได้พักอาศัยอยู่
“เข้ามานั่งข้างในห้องก่อนสิครับ เดี๋ยวผมจะไปเอาผลไม้ที่เหลือมาให้” ซุนซานกล่าวหลังจากเปิดประตูให้เซี่ยเฟยเข้ามาภายในห้อง
เซี่ยเฟยจุดบุหรี่พร้อมกับมองสำรวจรอบ ๆ ห้องอย่างสนใจ ซึ่งเขาก็ได้พบว่าซุนซานขนสัมภาระมาค่อนข้างมาก แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่มีแหวนมิติขนาดใหญ่ มันจึงทำให้เขาต้องแบกของทุกอย่างมาเก็บเอาไว้ในห้องแบบนี้
“โอ้พระเจ้า! นั่นมันอีซูซุ! นั่นมันอีซูซุจริง ๆ!!” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“มีอะไร?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย
อันธชี้ไปที่รองเท้าสกปรกคู่หนึ่งพร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า
“นั่นมันรองเท้าต่อสู้อีซูซุในตำนาน มันคือสุดยอดอาวุธสำหรับผู้มีพลังสายความเร็ว!”
“สุดยอดอาวุธสำหรับผู้มีพลังสายความเร็ว?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะจ้องมองไปยังรองเท้าบู๊ทที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน
รูปร่างหน้าตาของรองเท้านี้ค่อนข้างจะแปลกประหลาด แต่มันก็ถูกออกแบบปุ่มใช้งานเอาไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้มันสามารถจะกดใช้งานปุ่มต่าง ๆ ได้แม้กระทั่งผู้ใช้งานกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง
อย่างไรก็ตามรองเท้าคู่นี้กลับเปื้อนไปด้วยโคลนและซุนซานก็ทิ้งมันเอาไว้ทีหลังประตูอย่างไม่ใส่ใจ
“รองเท้านี่มันพิเศษตรงไหน? ทำไมนายถึงจะต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย” เซี่ยเฟยถาม
“มันไม่ใช่แค่พิเศษนะ แต่มันพิเศษมาก ๆ รองเท้าประเภทนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้มีพลังสายความเร็ว โดยตัววัตถุดิบถูกผลิตขึ้นมาจากหนังไวเวิร์น 2 เล็บที่สูญพันธุ์ไปนานแล้ว นอกจากนี้เทคโนโลยีการผลิตยังเป็นเทคโนโลยีที่หายสาบสูญ มันจึงทำให้รองเท้าอีซูซุกลายเป็นรองเท้าในตำนานที่ไม่มีใครสามารถผลิตมันขึ้นมาได้อีก!”
“ถ้าจะวัดกันเป็นตัวเลขเพียงแค่นายสวมรองเท้านั่นมันก็ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับนายได้ประมาณ 10%!!” อันธกล่าวด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 230
แสดงความคิดเห็น