บทที่7 ขอเสี่ยง
บทที่7 ขอเสี่ยง ½
ไบรท์ทะยานร่างพุ่งลัดเลาะไปตามทางอย่างรวดเร็ว สายตาของเด็กน้อยกวาดมองการเคลื่อนร่างของมอนสเตอร์ตัวยักษ์ ในขณะเดียวกันรูรุก็มองท่าทางการเคลื่อนร่างของเด็กน้อยผมดำนัยน์ตาดุจโลหิตที่กำลังเคลื่อนไหว้อย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าสัตว์อสูรตรงหน้าจะโจมตีอย่างมั่วซั่วโดยที่ไม่ได้สนทิศทางก็ตาม แต่ถึงกระนั้นแล้วสำหรับเด็กชานยที่มีสายตาอันมาตรมั่น
เขาสูดหายใจเข้า ก่อนที่จะตัดสินใจหลบหลีกการโจมตีที่พุ่งมาโดยที่ไม่หยุดยั้ง ไบรท์หลบก้อนหินที่ปะทะมายังร่างกาย ก่อนที่จะมองไปยังเวทอัญเชิญที่อยู่ไม่ห่าง แล้วทะยานร่างพุ่งตรงไปหาวงเวทเพื่อใช้มนตรา
แม้ว่าตอนนี้พลังเวทจะเหลือน้อยนิด แต่ทว่าหากไม่สามารถใช้วงเวทอัญเชิญเพื่อนำคาเสะมินาโตะมายังที่แห่งนี้ได้ พวกเขาก็คงไม่สามารถรอดพ้นจากอันตรายที่คืบคลานเข้ามาอย่างแน่นอน
ไบรท์ผนึกพลังเวทเพื่อป้องกันร่างกายทำให้เข้าไม่ได้รับบาดเจ็บและทำให้ร่างกายนั้นปราศจากบาดแผล ทำให้แม้ว่าจะมีก้อนหินหรือเศษดินร่วงหล่นมากระทบกาย เขาก็จะไม่รุ้สึกเจ็บ
รูรุยังคงยิงปืนมาสนับสนุนเขาอยู่อย่างไม่ขาด เมื่อไบรท์ได้ยินเสียงของกระสุนที่ดังอยู่ ทำให้เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มผมฟ้าตอนนี้ยังไม่ได้เสียชีวิต
เพียงไม่นาน ไบรท์ก็มาถึงยังจุดหมาย เขาเตียมตัวร่ายเวทอัญเชิญอีกครั้ง แต่ก่อนที่มือของเขาจะได้สัมผัสกับวงเวทย์อัญเชิญ สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยักษ์ก็เหมือนกับว่าจะรู้ความคิดของเด็กหนุ่ม มันยื่นขาอันใหญ่ยาวมาตบยังวงเวทยังอัญเชิญอย่างแรง ความรุนแรงของการโจมตีทำให้แผ่นดินต้องสั่นสะเทือน ผนังถ้ำเป็นรอยปริแตก แล้วเริ่มถล่มลงมา
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นดังนั้นเขาจึงกระโจนร่างหลบ ไบรท์เคลื่อนไหวร่างกายเรากับนกเหิน หลบหลีกก้อนหินและแผ่นดินที่ตกใส่อย่างง่ายดาย
“หนีดีกว่า แบบนี้ต่อให้จะสู้ก็คงไม่ชนะหรอก” รูรุตะโกน ก่อนที่เขาจะเคลื่อนร่างมาใกล้เด็กหนุ่ม
ไบรท์ผนึกพลังลมไว้ที่ฝ่าเท้า ก่อนที่จะใช้พลังนั้นดีดตัวพุ่งร่างหนี แต่ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะทำอย่างนั้นสัตว์อสูรก็เคลื่อนล่างตามไม่ห่าง แต่ด้วยความใหญ่ของลำตัวของสัตว์อสูรตัวยักษ์ทำให้การเคลื่อนไหวของมันเป็นไปได้อย่างเชื่องช้า
ไบรท์กับรูรุวิ่งเคียงข้างกัน โดยที่มีสัตว์ประหลาดตัวประหลาดไล่ตามหลัง ต้นไม้โค่นล้มระเนระนาด ด้วยความใหญ่ยักษ์ของตัวสัตว์อสูร ทำให้การเคลื่อนไหวของมันตามไม่ทันเด็กทั้งสอง แต่หากพวกเขาลดละการวิ่ง หรือคิดจะผ่อนฝีเท้า พวกเขาก็คงโดนมันจับกินเป็นอาหาร
“มันตัวบ้าอะไรกันวะเนี่ย สงสัยต้องให้นายจัดการแล้วล่ะรูรุ”
“ฉันก็บอกตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าตอนนี้คงจัดการมันได้ยากเพราะว่าลูกกระสุนของฉันไม่สามารถแสดงอนุภาพได้ถ้าไม่ได้ยิงไปตรงอวัยวะที่บอบบางของสัตว์อสูรตัวนั้น ตอนที่สามารถยิงได้ตอนนั้นก็เพราะว่ามันไม่ได้เคลื่อนไหวแบบนี้ ถ้าตอนนี้ขืนยิงมัน ฉันก็คงโดนมันจับแดก”
“ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย แต่ว่าดูจากการเคลื่อนไหวของมันต่อให้พวกเราจะปีนขึ้นต้นไม้ก็คงไม่หลุดรอดสายตาของมัน แบบนี้จะทำยังไงดี พลังของฉันไม่สามารถพานายลอยขึ้นไปบนกลางอากาศได้หรอก ถ้าพลังเวทย์ถุงฉันยังเหลือเหมือนเดิมแล้วก็พวกเราทั้งสองอาจจะเอาชนะมันได้บ้าง แต่ตอนนี้พลังของฉันถูกดูดไปจนหมด”
“ตอนนี้พวกเราไม่มีทางที่จะทำอย่างอะไรได้หรอกนะ นอกจากวิ่งหนีมันไปเรื่อย ๆ ตัวของมันน่ะต่อให้จะใช้กระสุนหรือปืนที่มีอานุภาพมากกว่านี้ก็คงเจาะมันไม่เข้า นอกจากจะใช้ระเบิดหรือไม่ก็เวทเพิง นายถนัดเวทย์เพลิงหรือเปล่า”
ไบรท์พยักหน้ารับ “ฉันถนัดการใช้เวทย์ไฟ แต่ว่าพลังเวทย์ของฉันยังอยู่ในระดับนักเวทย์ฝึกหัดระดับ 4 ดังนั้นเลยไม่มีเวทมนตร์ที่มีอนุภาพร้ายแรงขนาดนั้น นอกจากบอนไฟ แล้วก็ลูกศรเพลิงที่มีรูปร่างคล้ายกับธนูขนาดเล็ก ฉันจะสร้างอะไรไม่ค่อยได้ กุ้งเพลิงที่เป็นเวทมนตร์ของนักเวทย์ระดับ 9 ก็สามารถใช้ได้อยู่ แต่ว่าพลังที่มีไม่เพียงพอทำให้มันเป็นแค่วงเวทขนาดเล็กเท่านั้น”
รูรุยิ้มแห้งแห้ง เด็กหนุ่มพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กคนนี้ต้องการอัญเชิญอสูรรับใช้ มันก็เพราะว่าห้ามใช้เวทมนต์ธาตุลมของคาเสะมินาโตะรวมกับเวทมนต์ไฟของเขา อนุภาคก็จะมากขึ้นทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการโจมตีมีมากมายมหาศาล
“บ้าจริงๆเลย มันมีอีกวิธีนึงนายสนใจหรือเปล่า” ไบรท์หันมาหารูรุที่มีเหงื่อออกท่วมร่างกาย เงือกของเด็กหนุ่มผมฟ้าผุดพรายเต็มใบหน้า เด็กหนุ่มเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด
หากถามว่าทำไมรูรุถึงมีอาการเช่นนี้ นั่นก็เพราะว่าร่างกายของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ทนทานแล้วไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก ทำให้พลังทางกายของเขาอ่อนแอมากกว่าปกติ
ไบรท์หันไปมองสับประหลาดตัวใหญ่ยักษ์ที่มกำลังไล่ล่าพวกเขาทั้งสอง หากให้เขาคะเนดูแล้ว เด็กหนุ่มก็พบว่าสัตว์อสูรตนนี้นั้นมีเป้าหมายมาที่เขา ภาพถามว่าทำไมเล่นก็เพราะว่าการโจมตีทุกการโจมตีชื่อสัตว์อสูรตอนนี้เล็งมา ล้วนพุ่งตรงมาที่เขาทั้งสิ้น
“ให้นายหนีไปแล้วให้ฉันเป็นเหยื่อล่อยังไงล่ะ ถ้าคาดคะเนดูแล้ว เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มันมีเป้าหมายมาที่ฉัน ทุกการโจมตีของสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ล้วนเล็งมาที่ฉัน ดังนั้นถ้าฉันเป็นเหยื่อ มันก็คงสามารถหนีไปได้อย่างง่ายดายอย่างแน่นอน”
รูรุพยักหน้ารับ “อย่างนี้นี่เอง ความคิดนี้น่าสนใจไม่เลว แต่ว่านายจะมั่นใจได้ยังไงว่าสัตว์อสูรตัวนี้มุ่งหมายสำคัญชีวิต นาย จากที่ฉันคาดการณ์เจ้าหนี้มันโจมตีตามสัญชาตญาณ”
“ไม่หรอก สัตว์ประหลาดตัวนี้มันเล็งโจมตีมาที่ฉัน สังเกตไหมตอนที่ฉันกำลังมุ่งหน้าไปหาเวทย์อัญเชิญ เพื่อที่จะอัญเชิญอสูรรับใช้ เจ้านี่มันหยุดโจมตีนาย และพุ่งการโจมตีมาหาฉัน นายแทบไม่ได้รับการโจมตีอะไรเลย แล้วอีกอย่างที่ฉันเสนอทางแบบนี้ก็เพราะว่า พวกเราจะได้มีโอกาสรอด”
ไบรท์หยุด ก่อนที่จะใช้พลังเวทย์ไฟ โจมตีไปยังต้นไม้ เปลวไฟลุกไหม้ต้นไม้อย่างรวดเร็ว การโจมตีดังกล่าวทำให้สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยักษ์ชงักการจู่โจม มันค่อยๆโดนเปลวไฟเผาไหม้ แต่ถึงอย่างนั้นความเสียหายก็ไม่ได้ก่อเกิด
“เราต้องแยกทางกัน ทนายเจอกับคาเสะนายก็ให้หล่อนกับนายมาช่วยฉัน แต่ถ้าฉันโชคดีเจอคาเสะมินาโตะฉันก็จะสามารถเอาชนะเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าเกิดฉันกับนายไม่เจอกับคาเสะมินาโตะฉันหรือไม่ก็นายก็ต้องมีใครสักคนที่ต้องตาย”
“จะบ้าหรือไง แบบนี้มันเสี่ยงเกินไปพวกเราทั้งสองคนร่วมมือกันโจมตีเพื่อหาทางเอาชนะเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ดีกว่าหรือไง”
ไบรท์หันกลับไปมองรูรุด้วยสีหน้าท่าทางหยัน ๆ เด็กหนุ่มยิ้มเยาะกับความคิดและการตัดสินใจของชายหนุ่มผมฟ้า ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เอ่ยอย่างเชื่องช้าและหนักแน่น
“ต่อสู้กันทั้งสองคนแล้วจะสามารถเอาชนะเจ้าชายอสูรตัวนี้ได้อย่างนั้นล่ะ ถ้ามันทำได้เหลือเกินพวกเราก็คงไม่ต้องระหกระเหิน หนีตายกันแบบนี้หรอก แล้วอีกอย่างน่าจะเป็นคออกบอกเองไม่ใช่หรือไงว่ากระสุนที่นายมีอยู่ไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรตัวนี้ได้ ถ้าขืนต่อสู้แบบนี้ พวกเราทั้งสองคนจะไม่มีทางรอด แต่พวกเราทั้งสองคนจะตายทั้งคู่ แต่ถ้าจะทำตามแผนของฉันได้หรือฉันอยากเลวร้ายที่สุดก็จะรอดตายไปคนนึง ส่วนอีกคนนึงก็จะตาย จากการสันนิษฐานของฉันนายนั่นแหละน่าจะรอด แต่ยังไงก็ตาม ต่อให้ฉันจะต่อสู้เพียงลำพังเปอร์เซ็นต์ที่ฉันจะรอดก็ยังมีสูงกว่า”
รูรุมีท่าทางงงงวยกับคำกล่าว เขาไม่เข้าใจว่าทั้งๆที่เด็กหนุ่มตรงหน้ากล่าวว่าหากว่าเขาต้อง 2 ต่อสู้จะต้องตายทั้งสองคน แต่หากต่อสู้แค่คนเดียวก็จะมีโอกาสรอด ถ้าอย่างนั้นล่ะก็การต่อสู้ก็ควรจะจำเป็นที่ต้องมีเขาอยู่ คำกล่าวของเด็กหนุ่มตรงหน้ามันกำกวมและงงงวย เขาพยายามตีความความนัย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เกินสติปัญญาที่เขาจะสามารถตีความได้
ไบรท์มองหน้าที่ไม่เข้าใจของรูรุ ก่อนที่เขาจะนึกในใจ
‘บ้าจริงๆเลย แค่นายอยู่ฉันยังมีโอกาสรอดได้น้อย แล้วถ้านายไปแล้ว นายยังคิดอยู่หรอว่าฉันจะมีโอกาสรอดชีวิต เปอร์เซ็นที่จะรอดก็ยิ่งน้อยและตกต่ำลงไปอีก นายไม่เข้าใจหรือยังไงฉันกำลังจะปล่อยให้นายหนีไป ต่อให้ฉันต้องตายฉันก็จะไม่อยากให้ใครมาตายด้วย แล้วอีกอย่างถ้านายไม่อยู่ ฉันก็คงมีโอกาสใช้เจ้าสิ่งนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่อยากใช้ก็ตาม แต่ว่าถ้าจะได้ใช้มันก็คุ้มค่า ถ้ามีโอกาสใช้แล้วก็เปอร์เซ็นต์ในการรอดชีวิตก็คงมีมากขึ้น แต่ว่าการควบคุมเจ้าสิ่งนั้นมันยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ถ้าเอาเท่านั้นออกมาแล้วก็ไม่แน่ป่าแห่งนี้อาจจะถูกเผาจนหายไปก็เป็นได้”
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ไปเถอะแยกกันถ้าอยู่พวกเราทั้งสองคนจะตายทั้งคู่”
รูรุได้ยินดังนั้น เด็กหนุ่มผมฟ้าจึงตัดสินใจวิ่งแยกทางกับไบรท์ ไบรท์มองท่าทางของเด็กหนุ่มผมฟ้าที่วิ่งไปอย่างไม่เหลียวหลัง ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา
“ถึงมันจะเสียงแต่ก็ขอลองใช้หน่อยก็แล้วกัน”
ตัดมาที่ฝั่งของพวกอาเล็กซ์
ใช่หนุ่มกำลังยืนอยู่ที่ห้องทดลองบางอย่าง ผู้ที่มีท่าทางเหมือนคนแก่เรียน เขากำลังยืนมองภาพเบื้องหน้า สีหน้าของชายหนุ่มทั้งสองเต็มไปด้วยความปิติ
ศิลาแดงสาดส่องสีแดงประกาย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะนำพาบุรุษหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี นำพาความโกลาหลกลับมายังโลกใบนี้
พวกเขารู้ดีหากพวกเขาสามารถชุบชีวิตชายหนุ่มที่ถูกสังหารไปเมื่ออดีตกลับมาได้ เรื่องที่น่าสนุกก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ความทรงจำต่างๆและเวทมนตร์ถูกบรรจุและรวบรวมมาบ้างแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาอยากได้นั้นมีอยู่ 2 อย่าง
อย่างแรกก็คือ DNA บางส่วนของเจ้าของร่าง แต่ร่างของชายหนุ่มนามว่าเมฆาถูกเผาจนสิ้น ทำให้การนำร่างกายของบุรุษหนุ่มคนนี้มานั้นเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ส่วนวิธีที่สองก็คือการนำ DNA ของลูกหลานของชายหนุ่มผู้นี้มา วิธีนี้ถึงจะเป็นวิธีที่เสี่ยงไปสักหน่อย แต่มันก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ถ้าเขาต้องการจะชุบชีวิตมันก็คงมีทางเดียว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 262
แสดงความคิดเห็น