STARCIN ภาคที่ 3 Yan Festival ตอนที่ 14 เกื้อหนุน
20 ตุลาคม พ.ศ.2575
เสียงอันฮึกเหิมดังก้องไปทั่วสนามฝึกซ้อมขณะที่นักเรียนมากมายกำลังเกร็งจนเส้นเลือดขึ้นหน้ากับการประทับเวทมนตร์ลงในอาวุธของตนเอง อาจารย์สาวสวยยังคงยืนดูอย่างภาคภูมิใจที่เห็นเด็ก ๆ ตั้งใจกันดี
"อ้าว ๆ โยอย่าหยุดสิ" พีชยิงเวทมานาบอลเบา ๆ กระแทกหลังโย
"ก็เราไม่เก่งเวทมนตร์เหมือนเธอนี่ ทำไม่กี่วันก็สำเร็จแล้วแถมยังได้นั่งสบาย ๆ กับพี่ไวโอเล็ทอีก"
"ฝึกต่อไปซะโย" ทันทีที่เสียงของอาจารย์ดังขึ้นก็ทำเอาเขากลัวหัวหดกลับไปฝึกต่ออย่างเอาเป็นเอาตาย
"เธอสองคนสนิทกันมากเลยสินะ ปกติไม่เห็นโยมันจะมีเพื่อนเลยสักคนอาจจะเพราะนิสัยเสียหรือเพราะเป็นเจ้าชายเลยไม่มีใครกล้าทำอะไรเกินเลยกันแน่ ยังไงฉันก็ฝากดูแลมันดี ๆละกันแถมได้ข่าวมาว่าพวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันเรื่องนั้นจริงใช่ไหม ?"
"อยู่บ้านเดียวกันก็จริงแต่ต่างคนต่างอยู่นะคะ ถึงโยจะมุทะลุทำเรื่องต่าง ๆ ด้วยอารมณ์ของตัวเองแต่อย่างน้อยเขาก็เป็นสุภาพบุรุษที่ไม่เคยล่วงเกินฉันเลยสักครั้ง" เสียงถอนหายใจสั้น ๆ ขณะที่นั่งแกว่งขาสบายใจอยู่บนขอบหิน
"ได้ยินคนพูดถึงเจ้าโยแบบนั้นพี่เองก็ดีใจ เขาค่อนข้างจะติดแม่มาก ๆ แต่ก็ดันหายตัวไปซะได้ ทำเอาช่วงนั้นวุ่นวายไปทั่วอาณาจักรตามหากันให้ขวับแต่ก็ไม่พบสักทีจนถอดใจไป ภาพของเจ้าโยตัวน้อยที่ร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุดยังคงตราตรึงอยู่เลย"
"หือ...เขาดูไม่เหมือนคนที่จะร้องไห้ง่าย ๆ เลยแท้ ๆ ฉันคงจะยังไม่รู้จักเขาดีพอสินะ" พีชเหวี่ยงคทาไปพร้อม ๆ กับกลุ่มก้อนมานาแปลเปลี่ยนเป็นลูกบอลน้ำพุ่งทะลุแผ่นไม้ที่วางตั้งอยู่กลางสนามฝึก
"ฉันขอตัวไปฝึกบ้างนะคะ" เธอลุกพรวดพราดออกไปไม่รู้ว่าเพราะเกร็งที่ต้องคุยกับพี่ไวโอเล็ทหรือเพราะอยากฝึกต่อกันแน่
หลังจากฝึกกันอยู่พักหนึ่งก็มีหญิงสาวในชุดลำลองดูเรียบง่ายใส่สบายเดินดุ่ม ๆ เข้ามา
"กำลังสนุกกันเลยสินะ"
"ลูกพี่" เสียงของไวโอเล็ทดูนอบน้อมขึ้นทันทีเมื่อเธอพูดกับหญิงสาวที่เดินเข้ามา
"เลิกเรียกลูกพี่ได้แล้วน่าเรียกแค่ลักซ์ก็พอยังไงเธอก็เป็นถึงเจ้าหญิงนะ จะให้ฉันไปเทียบเคียงคงยาก" ผมสีทองอันแสนจะคุ้นเคย พลโทลักซ์ผู้มากไปด้วยพรสวรรค์ทั้งการต่อสู้ระยะประชิดและเวทมนตร์การที่เธอปรากฏตัวในรูปลักษณ์ที่ดูเรียบร้อยเหมือนกับหญิงสาวปกติทั่ว ๆ ไปถือเป็นโอกาสหายากยิ่งทำให้พวกนักเรียนที่กำลังตั้งใจฝึกกรูกันเข้ามาดูด้วยความตื่นเต้น
"พลโทลักซ์ใช่ไหมครับ ?"
"ได้โปรดสอนเทคนิคการต่อสู้ให้เราได้ไหมครับสักนิดก็ยังดี" คำถามของพวกนักเรียนที่ยิงใส่ไม่หยุดแย่งกันพูดจนฟังไม่ทันแต่ลักซ์เองก็ไม่ได้ว่าอะไรเหมือนจะชินกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
"ใจเย็น ๆ กันก่อนนะทุกคนพี่ไม่รู้จะสอนอะไรจริง ๆ ให้ไวโอเล็ทเป็นคนสอนน่ะดีแล้ว" เธอส่งสายตาไปยังไวโอเล็ทพยายามจะให้ช่วยกันพวกเด็ก ๆ ออกไป
"อะแฮ่ม ! กลับไปฝึกกันต่อได้แล้วถ้าใครประทับเวทไม่ได้ก็จะถูกลดขั้นลงไปเรียนชั้นก่อน ๆ" คำขู่ที่ดูไม่น่ากลัวเลยสักนิดแต่เสียงอันนุ่มนวลไพเราะของเธอยิ่งทำให้พวกเขามีแรงฮึดมากขึ้น
"นั่นมันเจ้าชายโยนี่ทำไมถึงมาเรียนที่เขตเวทมนตร์ได้ล่ะไม่ใช่ว่ายังอยู่เขตเริ่มต้นเหรอ ?" พวกเธอสองคนนั่งลงข้าง ๆ กันมองดูเหล่านักเรียนที่น่ารักเขม้นขะมัก,ขะมักเขม้นกับการฝึก
"เขาบอกอยากจะเรียนเวทมนตร์ให้มากกว่านี้ ฉันก็เลยบอกไปว่าถ้าว่างจากที่เขตโน้นก็มาได้ตลอด" ทันใดนั้นลูกไฟขนาดเท่าฝ่ามือหลุดจากการควบคุมของโยพุ่งตรงมาทางพวกเธอ
"พี่ระวัง !" โยตะโกนบอกสุดเสียงแต่ดูเหมือนมันจะไม่จำเป็นเมื่อไวโอเล็ทแกว่งไม้คทาเล็ก ๆ ก็สร้างโล่มานาขึ้นมาป้องกันได้อย่างง่ายดาย
"ตัวเองนั่นแหละที่ต้องระวัง" ไวโอเล็ทยิงมานาบอลใส่โยทันทีที่ลุกขึ้นยืน
"โอะ- โถ่พี่" โยร่ายเวทกางโล่ไฟป้องกันได้ทันแต่ก็ต้องตกใจที่จู่ ๆ โดนพี่ของตนเองร่ายเวทมนตร์ใส่แบบนี้
"ดีแล้วที่รับได้ ถ้าพลาดฉันจะส่งแกกลับไปเรียนใหม่ตั้งแต่ต้นเลย" เสียงตะโกนดังจากไวโอเล็ทส่งมาถึงโยเขาก็ทำหน้าเซ็ง ๆ ก่อนจะกลับไปฝึกต่อ
"แกล้งแรงเหมือนกันนะเรา" ลักซ์พูดแซวขำคิกคักเบา ๆ
"ตอนเด็ก ๆ ฉันก็เล่นกับโยแบบนี้แหละเขาคงจะชินแล้ว ว่าแต่..." เสียงอ้ำอึ้งที่อยู่ในคอพูดไม่ออกของไวโอเล็ทมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนลักซ์รู้สึกตัวได้ถึงมันว่ามีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ
"เราได้ร่องรอยของเสด็จแม่แล้ว แต่มันเป็นเพียงแค่สร้อยของรักของหวงของแม่"
"เจอที่ไหนงั้นเหรอ ?" ลักซ์ถามกลับทันที
"อาณาจักรอาฟน่ะ พวกสายสืบเดินทางไปเจอกับสร้อยนี้บนแผงขายของเก่า ๆ พอสอบถามอะไรไปก็ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอะไรเลย"
"ระดับองค์ราชินีถ้าไม่ใช่พวกจอมมารก็คงจะไม่มีใครสู้ท่านได้หรอก เราไม่รู้สาเหตุของการหายตัวไปเลย...ท่านอาจจะแค่อยากใช้ชีวิตอิสระเท่านั้น" ภายในคำพูดที่ดูเหมือนจะเข้าอกเข้าใจการกระทำขององค์ราชินี หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและแบกรับมันไว้ไม่อาจจะหาความสุขได้ง่าย ๆ
"นั้นสินะ-"
"ประกาศ ๆ สถานีรถไฟหลักเสร็จแล้ว" เสียงดังจากลำโพงประกาศดังไปทั่วจนพวกเธอต้องออกไปดูที่ระเบียง
"ประกาศ ๆ สถานีรถไฟหลักเสร็จแล้ว" ขบวนรถที่มีลำโพงขนาดใหญ่วางตั้งเด่นมาแต่ไกลมันวิ่งไปเรื่อย ๆ ตามทางไปทุกที่ ไม่ใช่แค่ภายในโรงเรียนเท่านั้นแต่เป็นทั้งเมืองเลยต่างหาก
"สงสัยอีกไม่กี่วันคงมีพิธีเปิด แต่ก็อดคิดไม่ได้เลยว่าทำไมถึงสร้างเสร็จเร็วขนาดนี้ทั้งที่แค่เดินเท้าเปล่าไปที่เมืองอื่นก็ลำบากแล้วแท้ ๆ" ลักซ์เท้าศอกลงบนขอบระเบียงมองดูผู้คนที่กำลังตื่นเต้นกับของใหม่พากันไปที่สถานีรถไฟเพื่อเชยชมกัน
"อืม...ฉันก็ไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้นักหรอกแต่ที่แน่ ๆ คือเงินคลังหลวงถูกใช้ไปจนเกือบหมดไม่ใช่แค่โครงการรถไฟแต่ยังมีอุปกรณ์เวทมนตร์ พาหนะและโครงการใหม่ ๆ อีกมากอยู่ภายในห้องทดลองของแคลลี่"
"จะทำไวก็ไม่แปลกก็เล่นเกณฑ์คนไปเป็นหมื่นอีกทั้งยังมีทหารกับนักผจญภัยอีก แถมระยะเส้นทางที่ทำก็เริ่มจากเมืองใหญ่ ๆ ก่อนแล้วค่อยต่อเติมไปเมืองอื่นทีหลัง" ทันทีที่สิ้นเสียงของไวโอเล็ทพีชก็พูดแทรกขึ้นมา
"แล้วเธอไปรู้มาได้ยังไงล่ะพีช ?" ไวโอเล็ทเหลือบตามองจ้องไม่กะพริบด้วยความสงสัย
"ฉันเคยเข้าไปในห้องทดลองของแคลลี่แล้วก็ช่วยงานเธอไปบ้าง" เธอพูดออกมาเหมือนกับไม่ได้สำคัญอะไรนัก
"เก่งสมกับเป็นพรรคพวกของท่านผู้กล้าเลย ว่าแต่ท่านฟรานไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ ?" ไวโอเล็ทหัวเราะสนุกยิ้มออกมาอย่างมีความสุขดูมีชีวิตชีวา
"ไม่รู้สิคะ ฉันไม่ค่อยสุงสิงกับพวกเธอสักเท่าไหร่" พีชหันหลังเดินกลับเข้าไปที่สนามฝึกซ้อมอีกครั้งทิ้งคำพูดแปลก ๆ ให้พวกลักซ์สงสัยเล่น ๆ
อีกด้านของเมือง บ้านหลังใหญ่ที่กำลังสร้างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างพอที่จะให้เห็นจากไกล ๆ ได้
"ทำได้ดีมากเลยหนูฟราน เวทมนตร์ของเธอช่างแข็งแกร่งจริง ๆ ถ้าเป็นพวกเราคงแห้งจนหมดสติไปแล้ว"
"ฟรานเองก็ต้องฝึกอีกเยอะเพื่อให้ควบคุมมานาได้มั่นคง บางครั้งก็พลาดใช้มานามากไปจนทำพื้นเละเทะไปหมด" เวทลมที่เธอใช้กำลังตัดพวกต้นไม้สูงรวมทั้งยังลำเลียงออกมาเหมือนกับมีเครื่องจักรคอยขนของให้ ป่าไม้ในบริเวณใกล้ ๆ ถูกถางออกเพื่อต่อเติมบ้านให้คุณป้าศรีและเด็ก ๆ
"วันก่อนก็มีพวกกรรมการโรงเรียนมาตามแต่เธอก็หัวแข็งไม่กลับไปสักที พอได้เห็นสีหน้าท่าทางของเจ้าพวกนั้นก็รู้สึกดีไม่เบานะ ฮ่าฮ่าฮ่า" ลุงทอมลั่นออกมา
"ลุงรู้จักพวกเขาด้วยเหรอ ?" ฟรานเอ่ยถามขณะที่กำลังจัดการกับเศษไม้
"ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ พวกคนในโรงเรียนต่างก็มีบทบาทกับคนในเมืองมากเสียจนเหมือนกับถูกกลืนกินไปแล้ว คิดดูสิพื้นที่ภายในโรงเรียนใหญ่โตจนเดินให้ทั่วคงใช้เวลาทั้งวัน แต่ถ้ามาเทียบกับตัวเมืองแล้วทั้งสองที่กลับมีขนาดใกล้ ๆ กัน ส่วนที่ใกล้กับราชวังก็จะมีพวกรวย ๆ " ทันใดนั้นก็มีเสียงดังโครมจากแถว ๆ วัสดุที่วางไว้ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งพร้อมอาวุธวางมาดทำท่ามาหาเรื่อง
"เฮ้ย ๆ เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะทำอะไรต้องบอกพวกเราก่อน เล่นสร้างบ้านซะใหญ่โตแบบนี้ก็เหมือนกับเอาเท้ามาก่ายหน้าเลยดิวะ" ดาบเรียวยาวที่ชักออกจากฟักชูชันกวัดแกว่งแสดงความน่าเกรงขามต่อหน้าพวกเธอรวมถึงเด็ก ๆ ด้วย
"ฉันว่าฉันเองก็บอกไปแล้วนะว่าอย่ามาทำตัวกร่างไปทั่วแบบนี้ จะเก็บค่าคุ้มครองสินะแต่พวกแกก็ขู่ได้แค่พ่อค้าใหม่ ๆ เท่านั้นแหละ" คำพูดที่แฝงไปด้วยท่าทางยียวนปั่นหัวพวกมันโดยไม่สนใจอาวุธที่ถืออยู่เลยสักนิด
"ปากดีนักนะตาแก่ ใกล้จะลงโลงอยู่แล้วถ้าอยากตายไวนักเดี๋ยวจะช่วยสังเคราะห์ให้" คมดาบสีชาดหมุนควงพุ่งเข้ามาหาตาแก่ทอม แต่เขาก็ย่อตัวหลบได้ทันหวุดหวิดจากสีหน้าที่กำลังหยอกล้อก็บึงตรึงขึ้นมาทันที
"นั่นแค่คำเตือน เรื่องสร้างบ้านก็ว่าไปแต่เรื่องสำคัญอีกเรื่องก็คือพวกแกที่ไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครองซึ่งพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นเขาก็จ่ายกันแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร" ชายหนุ่มได้เดินเข้าประชิดตัวก่อนจะยกปลายดาบจ่อคอหอย
"จะจ่ายมาดี ๆ หรือจ่ายด้วยชีวิตของพวกแก" พรรคพวกของมันได้เข้าประคบเหล่าตาลุงทั้งหลายรวมถึงพวกเด็กด้วยนั่นยิ่งทำให้พวกเขาไม่พอใจโกรธจนเส้นเลือดเดือดปุด ๆ
"ขอเป็นหลังจากบ้านเสร็จได้ไหมล่ะ ? เดี๋ยวจะจ่ายให้ทั้งหมดเลยทีเดียว" สีหน้าอันหม่นหมองที่ได้เห็นเด็ก ๆ อยู่ในกำมือของพวกมันทำได้แค่ยอมรับชะตากรรม
"เหอะ ขอให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน" ท่าทางวางมาดไม่กลัวเกรงใครยกดาบวางพาดบ่าเดินหันหลังกลับออกไปเช่นเดียวกับพรรคพวกของเขา"
"หวังว่าจะมีพรุ่งนี้นะ" เสียงสั้น ๆ ที่กล่าวก่อนจะง้างหมัดขณะเดียวกับที่มันหันหน้ากลับมา ซัดเข้าไปที่ใบหน้ารุนแรงมากที่จะทำให้กรามแตกได้
"หัวหน้า !" เสียงกึกก้องก่อนจะเงียบหายไป อาวุธและเวทมนตร์มากมายพุ่งเข้าจู่โจมพวกลุงทอมทันทีแต่ทั้งสีหน้าและแววตาอันบ้าบิ่นยิ้มสะใจแปลก ๆ เข้าปะทะกับพวกมันโดยไม่เกรงกลัวอะไรเลย
"แกนะแก ! จัดการพวกมันให้หมด จับพวกเด็ก ๆ ไว้ด้วยพวกมันยังมีประโยชน์อยู่" เสียงดังโครมครามในที่ห่างไกลจากบ้านเมืองจนไม่อาจขอความช่วยเหลือจากทหารยามได้มีแค่พวกเขาที่ต้องเอาตัวรอดกัน โครงบ้านที่อุตส่าห์ตั้งใจทำก็ถล่มลงพร้อมกับเสียงร้องไห้ด้วยความสั่นกลัวของเหล่าเด็กตัวน้อย
"ฟราน ! เธอพาพวกเด็ก ๆ หนีไปขอความช่วยเหลือก่อนตรงนี้พวกเราจะยื้อไว้ให้"
"ค่ะ !" ขืนอยู่ต่อไปก็มีแต่จะเกะกะเปล่า ๆ ถ้าข้ามกำแพงไปอีกฝั่งก็พอจะมีทางไปในเมืองอยู่
"พวกเธอมานี่เร็ว" ฟรานช่วยพวกเด็กตัวน้อยปีนข้ามกำแพงหนีไปแต่พวกมันก็เห็นพยายามจะทะลวงเข้ามาหา
"ไม่มีทางหรอกพวกแก" ตาลุงคนหนึ่งพุ่งเข้าปะทะด้วยท่อนไม้ โดยการปัดจากด้านข้างของดาบแทนที่จะรับตรง ๆ
"มีรายงานการต่อสู้กันในชนบทท้ายเมืองเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว น่าจะเป็นพวกนั้นเหมือนเดิมแต่...เราควรจะทำยังไงกับแก๊งอันธพาลพวกนั้นดีครับนี่มันก็หลายปีแล้วทำไมยังไม่จัดการให้มันหมด ๆ ไปสักที" เสียงทหารหนุ่มพูดเสียงดังฉะฉานไม่รู้สึกเกรงกลัวยศเหรียญที่ติดอยู่บนเครื่องแบบเลยสักนิด
"เหอะ แกเป็นใครอยู่ระดับไหนถึงกล้ามาขึ้นเสียงกับฉัน" นายทหารวัยกลางคนที่นั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้ในห้องส่วนตัว
"ท่านเป็นคนดูแลสาธารณสุข การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชนแต่ทำไมถึงยังปล่อยพวกเลว ๆ นั่นเดินเอ้อระเหยไปทั่ว"
"เรื่องเล็กน้อยน่าก็แค่คนทะเลาะกันก็ส่งคนเข้าไปห้ามปรามแค่นั้นมันก็พอแล้ว" เสียงอันเฉยชากับท่าทางเอื่อยเฉื่อยของเขาแสดงให้เห็นว่าไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิดปล่อยไปตามเวรตามกรรมเสียมากกว่า
"ก็ได้ถ้าท่านไม่ทำผมทำเอง" ทหารหนุ่มคนนั้นเดินเปิดประตูเสียงดังออกไปทันที
"เหมือนจะได้ยินเรื่องดี ๆ แล้วสิ" ลักซ์ที่ยืนแอบฟังอยู่ตรงประตูก่อนจะหลบไปอีกด้าน เธอยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยเหมือนกำลังนึกสนุกอยู่
อีกด้านของเมืองเมื่อการปะทะกันของกลุ่มอันธพาลกับชาวบ้านในชนบทที่เริ่มด้วยตาลุงทอมเริ่มบานปลายจนขยายขอบเขตมากขึ้นทั้งคนเจ็บและความเสียหายของบ้านเมืองก็หนักกว่าที่จะฟื้นฟูได้ในเร็ววัน
"สู้ซะถ้าพวกทหารมันไม่ช่วย...เราก็ต้องจัดการกันเอง วันนี้เราจะกวาดล้างไอแก๊งบัดซบนี่ให้หมดไป เนื้อร้ายที่คอยกัดกินพวกเรามาตลอดหลายสิบปีมันต้องจบสิ้นซะ" จู่ ๆ การเปิดหมัดของตาลุงก็กลายเป็นสงครามกลางเมืองไปเสียแล้ว
"เราส่งคนไปแจ้งกับบอสแล้วอีกไม่นานกลุ่มหลักจะมาเสริม" พวกมันต้องคอยหลบหาที่กำบังกระสุนเวทมนตร์ที่สาดกันไปมาไม่หยุด
"เวรเอ๊ยใครจะคิดว่าพวกมันจะกล้าลุกฮือกันแบบนี้ แถมชาวบ้านก็ดันไปเข้าพวกอีกถ้าแค่พวกเราตอนนี้ยังไงก็แพ้เรื่องจำนวนได้แค่ยื้อไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้"
"หัวหน้าครับพวกบอสกำลังมาแล้ว" พรรคพวกของเขาคนหนึ่งวิ่งมาอย่างทุลักทุเล หลบเวทมนตร์ตามทางจนมาถึงตัว
"ดีล่ะในที่สุดก็ถึงเวลาสวนกลับสักที เอาเว้ย ! เปิดทางให้บอสเข้ามา" พรรคพวกทั้งหมดที่แอบอยู่ก็ลุกขึ้นตอบโต้อย่างหนักไม่สนใจแม้มานาจะน้อยแค่ไหนก็ตาม
"อย่าพึ่งยอมแพ้นะทุกคน" ตาลุงตะโกนเสียงดังได้ยินไปทั่วสนามรบพร้อมกับบุกตะลุยเข้าปะทะกันตรง ๆ ด้วยร่างกายและอาวุธของพวกเขา
"นี่เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ?" ฟรานที่แอบปีนกำแพงอีกด้านกลับมาถึงกับตกตะลึง
กะว่าพอพาเด็ก ๆ ไปฝากพวกทหารยามแล้วจะกลับมาช่วยแต่ทำไมสภาพถึงได้เป็นอย่างงี้ล่ะ
ไฟที่ลุกไหม้บ้านหลังเล็กใหญ่เผาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างและเหล่าผู้คนที่ถูกทำร้ายจนหมดสตินอนกองอยู่กับพื้นจำนวนมาก รอบ ๆ ก็มีแต่พวกมันรวม ๆ แล้วอาจจะถึงหนึ่งร้อยคนเลยด้วยซ้ำ
"ขอบคุณบอสมาก ๆ ครับที่มาช่วยไม่งั้น-"
เสียงตบดังจากหลังมือที่สะบัดเข้าที่หน้าของเขาก่อนจะพูดจบ
"แกรู้ไหมถ้าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้การจะอำพรางมันก็ยาก อย่างน้อยก็ต้องหาแพะมารับเรื่องการทะเลาะวิวาทซะยังดีที่พวกเราไม่ได้ฆ่าใครตายสักคน" ชายวัยกลางคนคนนั้นกระชากผมให้หูเข้ามาใกล้ ๆ
"หยุดอย่าขยับ !" เสียงดังกึกก้องพร้อมกับเวทน้ำพุ่งกระแทกพื้นข้าง ๆ บอสของพวกมัน
"พวกแกจะเหิมเกริมมากไปแล้ว ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกแกกับท่านพลตรีเป็นอะไรกันเขาถึงปล่อยปละละเลยพวกอันธพาลเลว ๆ แบบแก แต่วันนี้แหละที่ฉันจะจับเข้าคุกให้หมด"
"ฮ่าฮ่าฮ่า" เสียงหัวเราะจากผู้เป็นบอสดังสนั่นราวกับกำลังเยาะเย้ยนายทหารหนุ่มคนนี้
"จะจับพวกฉันอย่างงั้นเหรอ ? สงสัยตำแหน่งสบาย ๆ อย่างเลขาพลตรีจะไม่ชอบสินะ...ก็ได้ช่วยแสดงฝ่ายธรรมะพ่อพระอะไรนั่นออกมาให้ดูหน่อยสิ" เขาดึงข้อนิ้วของหัวหน้ากลุ่มที่ถูกกระชากผมไว้ก่อนจะโยนนิ้วนั่นไปหานายทหารหนุ่ม เพียงแค่ชั่วพริบตาที่นิ้วนั่นบดบังทัศนวิสัยบอสของพวกมันก็เข้ามาประชิดตัวพร้อมกับดาบโค้งเหมือนเคียววาดจากขวาเข้ามา
"อะ-" นายทหารหนุ่มยกดาบยาวขึ้นกันได้ทันก่อนจะกระโดดถอยเว้นระยะห่างออกไป
เลเวลเจ็ดสินะ...ถึงจะเท่ากันแต่จำนวนมากเกินไปที่จะต้านไว้ได้ รอยยิ้มแสยะราวกับกำลังสะใจที่จะได้กำจัดแก๊งอันธพาลเหล่านี้
"ออกมากันได้แล้วทุกคน" ไม่นานนักก็มีกำลังเสริมในชุดสีเขียวเข้มอีกประมาณสิบคนเดินเข้ามาให้เห็นเหมือนเป็นการประกาศก้าวพร้อมจะประจันหน้ากัน
"ก่อนจะมาฉันเองก็หาพรรคพวกที่เคยมีปัญหากับแกมาด้วย...พวกเขาต่างก็ไม่พอใจกับการมีอยู่ของพวกแกไม่ใช่น้อย ๆ แม้จะยศศักดิ์ไม่มากพอที่จะเคลื่อนทัพหรือทำอะไรได้มากนัก" ขณะที่เอาแต่พูดอยู่กระสุนไฟก็พุ่งผ่านใบหูของเขาไปเกิดระเบิดที่บ้านด้านหลัง
"พูดมากน่ารำคาญว่ะ มีเท่าไหร่ก็จัดมาให้หมด" เมื่อเสียงของพวกเขาเงียบลงมีเพียงเศษไม้ที่หล่นลงจากบ้านที่ถูกระเบิดเป็นสัญญาณให้พวกทหารเปิดฉากโจมตี
"ล้อมมันให้ได้ยังไงคนของเราก็มากกว่าอยู่แล้ว" รูปแบบการตั้งแถวที่เป็นระเบียบแบบแผน มีการวางแนวตั้งรับด้วยโล่มานาหลายชั้นก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้าไปในระยะที่ต้องการ
"รุก !" กระสุนนานาชนิดยิงเสยขึ้นแล้วย้อยลงเป็นโพรเจกไทล์สร้างความเสียหายจำนวนมากให้กับพวกมันที่อยู่กันเป็นหมู่คณะแต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงเลี่ยงวิถีกระสุนไปทางอื่นที่ที่ไม่มีชาวบ้านอยู่
"หน็อย เอาไอ้แก่พวกนี้มาบังไว้ทำเป็นตัวประกัน" ชายหญิงมากมายถูกจับยกขึ้นเอามาบังพวกมัน
"ซวยแล้วพี่ เราจะทำร้ายคนบริสุทธิ์ไม่ได้นะ" หนึ่งในทหารเอ่ยขึ้นขณะที่ทหารหนุ่มผู้นำทัพอันน้อยนิดกำลังคิดวิเคราะห์อย่างเคร่งเครียด
"เป็นอะไรไปล่ะ ? ทำไมหยุดกะอีแค่ชาวบ้านตัวเล็ก ๆ ที่ชานเมืองถึงตายไปก็ไม่มีใครสนใจหรอก"
"[ลงดาบ - รูปแบบที่สอง]" ขณะที่พวกมันกำลังสนใจกลุ่มนายทหารหนุ่มฟรานก็แอบเข้าด้านหลังจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว การวาดดาบทุกครั้งที่เคลื่อนผ่านโดยที่เธอไม่ได้ชักดาบออกจากฟักทำเพียงแค่กระแทกให้หมดสติเท่านั้นแต่นั่นก็เป็นจังหวะให้กับนายทหารพวกนั้นบุกสายฟ้าแลบเข้าปะทะเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่นอนหมดสติอยู่ก่อน
"กำลังสู้กันอยู่เลยเหรอ ? ว่าแต่ท่านผู้กล้าก็อยู่ด้วยถ้าจะอยู่ตรงนี้ดูฝีมือสักหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง" หญิงสาวปริศนายืนอยู่ในตรอกซอกตึกห่างออกไปไม่ไกลนักสอดส่องสายตาไปทั่วสนามรบเล็ก ๆ ตรงนั้นประเมินความเสียหายและผู้คนไว้
"นี่เธอตรงนั้นน่ะขอบใจมากแต่มันอันตรายเพราะฉะนั้นรีบถอยออกไปได้แล้ว" ฟรานที่รู้ตัวอีกทีก็โดนล้อมไว้เสียแล้ว เธอกลอกตาไปมาดูท่าทางพวกมันว่าจะโจมตีมาแบบไหน
"บังอาจนักนะเจ้าหนู" เวทดินพุ่งเข้าใส่จำนวนมากทำให้เธอต้องร่ายเวทโล่ป้องกันขึ้นมาบังในทิศทางนั้นแต่พวกมันอีกด้านก็กรูกันเข้ามาในทันที
ชิ ว่าจะเก็บไว้ตอนแข่งคงต้องใช้มันแล้ว ดาบที่อาบไปด้วยออร่าสีแดงตวัดเป็นวงกลมรอบตัวเธอสร้างกำแพงไฟสูงสองเมตรวางตั้งเป็นวงกลมเฉกเช่นเดียวกับการวาดดาบอีกทั้งมันยังขยายขอบเขตกว้างออกไปจนดันพวกมันออกไปพร้อม ๆ กับป้องกันเวทมนตร์ที่โจมตีเข้ามาได้อีกด้วย
"[ลงดาบ - รูปแบบที่สี่]" หลังจากกำแพงไฟได้มอดหายไปก็เผยให้เห็นร่างกายที่เคลือบไปด้วยออร่ามานาสีแดงเหมือนกับร่างกายกำลังลุกไหม้
หลังจากได้ลองทดสอบสกิลนี้ดูก็เลยได้รู้ ฟรานฟาดดาบคาตานะของเธอออกไปในแนวเฉียงสร้างเปลวเพลิงพุ่งเผาทุกอย่างจนวอดวายได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งการลงดาบที่มากขึ้นรูปแบบการใช้ก็จะมากไปด้วย อย่างรูปแบบที่หนึ่งเป็นแค่การพุ่งตรงไปข้างหน้ารูปแบบที่สองเป็นการเคลื่อนไหวสลับไปมาและแบบที่สามใช้เพื่อการเจาะการป้องกันโดยเฉพาะ รูปแบบที่ศูนย์นั้นถ้าเป็นไปตามที่เขาบอกเราจำเป็นต้องปลดล็อกรูปแบบให้ได้อย่างน้อยสิบอย่างก่อนถึงจะใช้มันได้อย่างอิสระ ขณะที่ฟรานกำลังยืนคิดอะไรอยู่ภายในใจพวกมันไม่รอช้าพุ่งเข้าโจมตีด้วยอาวุธนานาชนิดแต่ก่อนจะเข้าถึงตัวก็ถูกฟรานฟาดดาบสวนออกมา ความรุนแรงของดาบเพลิงที่ปล่อยออกมาช่างป้องกันได้ยากนักอีกทั้งรัศมีหวังผลยังกว้างอีกด้วยไม่เหมือนกับเวทไฟปกติ
ต้องรีบจบเรื่องให้เร็วไม่งั้นรูปแบบที่สี่จะผลาญมานาเราจนหมดก่อน
"อ๊าก !" ไม่ทันที่ฟรานจะได้ตวัดดาบก็มีเสียงร้องดังลั่นออกจากตรงพวกทหาร
"บ้าน่าเลเวลมันก็เท่ากับพี่ไม่ใช่เหรอทำไมพลังถึงต่างกันขนาดนี้" หนึ่งในทหารถูกบอสของพวกมันซัดกระเด็นออกเจ็บจนแทบลุกไม่ขึ้น
"ยานั่นใช้ได้ผลดีทีเดียว" บอสของพวกมันหัวเราะเยาะยิ้มใหญ่มองดูร่างกายที่เปี่ยมไปด้วยพลังอันเหลือล้นโดยที่ในมือของเขามีเข็มอยู่หนึ่งแท่งที่น้ำภายในหลอดถูกฉีดใช้ไปแล้วก่อนจะบีบมันแตกคามือ
"ดูท่าจะแย่แล้วสิงั้นคงต้องเข้าไปละ" หญิงสาวคนนั้นพุ่งทะยานตรงไปยืนอยู่กลางวงล้อม ทั้งพวกทหาร ฟรานและแก๊งอันธพาลต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน
"สวัสดี" ใบหน้าอันแสนสดใสกับผมที่รวบมัดเป็นหางม้าสีทอง ทันทีที่พวกเขาเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
"ก-แกมัน" บอสของมันพูดด้วยเสียงสั่นกลัวเหมือนกับมีเรื่องฝังใจ
"หน้าคุ้น ๆ อยู่เหมือนกันนะเนี่ย อืม...อ้อไอ้พวกเวรนั่นที่จะปล้นฉันกับนาธาเมื่อสิบกว่าปีก่อนใช่ไหม ?" ลักซ์ส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้ทำเอาบอสสั่นกลัวไม่เหมือนกับท่าทางก่อนหน้านี้เลยสักนิด
"เหวอ-" วินาทีก่อนที่บอสจะได้ทำอะไรพวกเขาก็ถูกหยุดนิ่งเหลือเพียงพวกทหาร ชาวบ้านและฟรานเท่านั้นที่ยังขยับได้ปกติ
"ฉันไม่ค่อยอยากจะออกมาไวนักหรอกเพราะมันจะจบง่ายไปน่ะสิ" รอยยิ้มที่ดูมีความสุขของลักซ์ทำเอานายทหารทั้งหลายรู้สึกกลัวแทน ก่อนที่พวกเขาจะช่วยกันจับพวกแก๊งอันธพาลจำนวนมากส่งเข้าคุกและช่วยเหลือชาวบ้านพวกนั้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 450
แสดงความคิดเห็น