ตอนที่ 946 การซุ่มโจมตีจากดาร์คไนท์

หลังจากต่อรองกันอยู่นานเซี่ยเฟยก็สามารถซื้อปีศาจทะลวงดาวมาได้ในราคา 300,000 คริสตัลส้ม

ชายหนุ่มลูบปีศาจทะลวงดาวภายในมืออย่างตื่นเต้น เพราะด้วยความสามารถในการโจมตีระยะไกลของมัน สมบัติชิ้นนี้ย่อมกลายเป็นไพ่อีกใบที่สำคัญสำหรับสกายวิงอย่างแน่นอน

ที่น่ายินดีมากกว่านั้นคือปีศาจทะลวงดาวและปีศาจทะลายดาวของบรรพบุรุษเป็นอาวุธที่มีเอาไว้สำหรับการใช้งานร่วมกัน

หากปืนใหญ่พลังงานกระบอกเดียวมีมูลค่า 2 ล้านคริสตัลส้ม ปืนใหญ่พลังงานทั้งคู่ที่ถูกประกอบเข้าด้วยกันก็จะกลายเป็นอาวุธระดับสุดยอดที่ยากจะประเมินค่าได้

ชายชรานับเงินภายในมือก่อนที่จะมองไปยังปีศาจทะลวงดาวและถอนหายใจออกมาเป็นครั้งสุดท้าย

“เฮ้อ! ถ้าไม่ใช่เพราะความลับในสารานุกรมดาร์คไนท์ ฉันคงไม่มีทางขายสมบัติชิ้นนั้นออกไปแน่ ๆ”

หลังจากพูดจบชายชราก็หันหลังกลับไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองอดีตสมบัติประจำตระกูลของเขาอีก

“เยี่ยมไปเลย! ปีศาจทะลวงดาวเป็นอาวุธระยะไกลที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และมันก็ยังเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีเพียงแค่ชิ้นเดียวในจักรวาล ฉันว่าคราวนี้นายได้แจ็กพ็อตเข้าแล้วล่ะ” โอโร่กล่าวอย่างตื่นเต้น

“เขาเพิ่งพูดถึงความลับในสารานุกรมดาร์คไนท์ มันยังมีความลับเรื่องอื่นนอกจากข้อมูลของพวกดาร์คไนท์อีกงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“ความจริงมันก็มีอีกหนึ่งตำนานที่บอกว่าทอกซินไม่เพียงแต่จะเป็นเพื่อนกับราชาดาร์คไนท์เท่านั้น แต่เขายังเขียนสถานที่ซ่อนสมบัติของดาร์คไนท์เอาไว้ในบันทึกของเขาอีกด้วย ซึ่งถ้าหากข้อมูลในตำนานนี้เป็นความจริง ฉันก็คงจะไม่รู้สึกแปลกใจเลยหากได้เห็นพวกดาร์คไนท์เปิดสงครามกับดินแดนกฎ” โอโร่กล่าวอย่างเฉยเมย

เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะนิ่งเงียบไปพร้อมกับใช้ความคิด

“โอโร่พูดถูกแล้วตำนานเกี่ยวกับสารานุกรมดาร์คไนท์มีหลายฉบับ โดยหนึ่งในตำนานนั้นมันก็มีแม้กระทั่งทอกซินเป็นชู้กับราชินีดาร์คไนท์ ซึ่งเรื่องแบบนั้นมันไม่น่าจะมีเค้าความจริง” ลินนิจกล่าวเสริม

“สิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุดสำหรับตำนานคือไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าภายในตำนานนั้นมันมีเค้าความจริงอยู่แค่ไหน ที่ผมอยากรู้คือมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากสารานุกรมดาร์คไนท์มีการบันทึกเกี่ยวกับสมบัติของพวกดาร์คไนท์เอาไว้จริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

คำพูดประโยคนี้ถึงกับทำให้ทั้งโอโร่และลินนิจรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เพราะถ้าหากว่าตำนานเรื่องนี้คือเรื่องจริง มันก็หมายความว่าภัยพิบัติใกล้จะมาเยือนพวกเขาแล้ว

“ถ้ามันเป็นจริงอย่างที่นายว่าสถานการณ์ต้องยุ่งยากมากขึ้นแน่ ๆ สมมุติว่าในสารานุกรมนั้นมีบันทึกสมบัติของดาร์คไนท์อยู่จริง มันก็อาจจะมีบางตระกูลวางแผนที่จะเข้าไปขโมยสมบัติพวกนั้น แล้วมันย่อมทำให้พวกเราถูกลากเข้าไปเกี่ยวกับความผิดของพวกเขาด้วย” โอโร่กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือศัตรูที่เราไม่รู้จัก ผมว่าบางทีพวกเราอาจจะจำเป็นจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

—

หลังจากกลับเข้ามาภายในห้อง เซี่ยเฟยก็รีบติดต่อไปหาเซี่ยกวงไห่อย่างเร่งด่วน

“มีอะไรหรือเปล่า? ฉันกำลังสนุกอยู่เลย” เซี่ยกวงไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเขากำลังอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของตระกูลต่าง ๆ ก็ตาม

“นอกจากการชักจูงให้แต่ละตระกูลเข้ามาปะทะกันแล้ว คุณได้ค้นพบเรื่องผิดปกติอะไรอีกหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามอย่างจริงจัง

“สถานการณ์มันค่อนข้างจะดูผิดปกติไปจริง ๆ ตอนแรกที่ฉันเริ่มสร้างความวุ่นวายมันจะมีเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมากพยายามเข้ามาห้ามความวุ่นวายเอาไว้ แต่ตอนนี้จำนวนของเจ้าหน้าที่ลดลงไปเรื่อย ๆ คล้ายกับว่าพวกเขาจงใจปล่อยให้มันมีการต่อสู้เกิดขึ้น” เซี่ยกวงไห่กล่าวหลังจากฉุดคิดได้ถึงสถานการณ์อันแปลกประหลาด

“นี่มันผิดปกติมาก ฮันนิซีคือคนที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของไนท์ปาร์ตี้มาโดยตลอด การที่มันมีความปั่นป่วนครั้งใหญ่ย่อมส่งผลผลกระทบต่อชื่อเสียงของไนท์ปาร์ตี้อย่างเห็นได้ชัด หากพูดตามหลักการแล้วตัวเธอควรจะออกมาระงับความขัดแย้งในครั้งนี้ด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการลดจำนวนเจ้าหน้าที่ลงเลย” เซี่ยกวงไห่กล่าวต่อ

เซี่ยเฟยนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะสั่งการขึ้นมาว่า

“ตอนนี้หยุดสร้างความวุ่นวายก่อน ผมอยากจะหาจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการประมูลในครั้งนี้ให้ได้ และไม่ว่าเหตุผลของความผิดปกตินี้คืออะไรแต่คุณก็จะต้องหามันมาให้กับผม”

เซี่ยกวงไห่พยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ เพราะภารกิจในครั้งนี้มีเซี่ยเฟยเป็นหัวหน้าทีม

หลังจากหน้าจอสื่อสารดับลงเซี่ยเฟยก็เดินเข้าไปหาเซี่ยเกิง

“ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากการหาตำแหน่งสารานุกรมดาร์คไนท์ คุณยังจำเป็นจะต้องจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของฮันนิซีด้วย” เซี่ยเฟยสั่งการ

“ฮันนิซีมีพลังในระดับจอมกฎเชียวนะและสัญชาตญาณของเธอก็เฉียบคมมาก ถ้าหากว่าฉันคอยจับตาดูเธอ เธอก็คงจะรู้ตัวในเวลาเพียงแค่ไม่นาน” เซี่ยเกิงกล่าวอย่างประหลาดใจ

“ฮันนิซีเป็นจอมกฎก็จริง แต่คนรอบ ๆ ตัวเธอไม่ใช่สักหน่อยนี่ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นั่นสินะ ฉันเข้าใจสิ่งที่นายพูดแล้ว สิ่งที่ฉันจำเป็นจะต้องทำคือการตรวจสอบฮันนิซีเป็นครั้งคราว และมุ่งความสนใจไปที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเธอแทน” เซี่ยเกิงพยักหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย

“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว เดี๋ยวคุณกับโอโร่อยู่ที่นี่กันไปก่อนนะ ผมจะออกไปข้างนอกสักแปป” เซี่ยเฟยกล่าว

“นายจะไปไหน?” โอโร่กับเซี่ยเกิงถามขึ้นมาพร้อมกัน

“ผมจะลองไปเดินดูสถานการณ์รอบ ๆ สักหน่อย ว่าแต่โอโร่คุณยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณไม่ลองไปจัดการเรื่องนั้นตอนนี้เลยล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าว

แน่นอนว่าสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดถึงคือภารกิจที่โอโร่จะต้องแฝงตัวเข้าไปภายในกลุ่มผู้พิทักษ์ และเนื่องมาจากว่าในตอนนี้มันได้มีกลุ่มผู้พิทักษ์อยู่บริเวณรอบ ๆ โรงแรมอยู่แล้ว หากโอโร่ได้ไปแนะนำตัวเอาไว้ล่วงหน้า ในอนาคตเขาก็จะสามารถเข้าร่วมกับกลุ่มผู้พิทักษ์ได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

—

เซี่ยเฟยเริ่มทำการขับเจมินี่วนรอบดาวอย่างต่อเนื่องพร้อมกับขยายขอบเขตการบินวนออกไปเรื่อย ๆ

“นั่นนายกำลังพยายามจะทำอะไรอยู่?” ลินนิจถามอย่างสงสัย

“ผมมีลางสังหรณ์ว่าคืนนี้มันจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในไนท์ปาร์ตี้”

“พฤติกรรมของฮันนิซีในคราวนี้มันผิดปกติไปกว่าเดิมมากเกินไป อีกอย่างคนส่วนใหญ่ย่อมไม่มีวันปล่อยขายสารานุกรมดาร์คไนท์ออกมาง่าย ๆ อย่างแน่นอน แต่เธอกลับเอามันออกมาจัดการประมูล และถึงขนาดประโคมข่าวขนาดใหญ่ให้คนมาร่วมงานประมูลของเธอเป็นจำนวนมาก” เซี่ยเฟยกล่าว

“บางทีฮันนิซีอาจจะคิดว่าสารานุกรมดาร์คไนท์เป็นเรื่องยุ่งยาก เธอจึงไม่อยากจะเก็บมันเอาไว้กับตัวเอง” ลินนิจกล่าว

“ผมกำลังคิดว่าเธอกำลังใช้สารานุกรมเป็นเหยื่อล่อเพื่อดึงดูดคนเป็นจำนวนมากออกมาฆ่า” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยแววตาอันเย็นชา และหลังจากที่เขาสำรวจพื้นที่ปกติเสร็จแล้ว เขาก็เริ่มเข้าไปสำรวจในช่องว่างมิติ

“แท่งทอง ในช่องว่างมิติมีอะไรดูผิดปกติไปหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับลูบหน้าผากแท่งทองเบา ๆ

ช่องว่างมิติเปรียบเสมือนจักรวาลคู่ขนานที่มีช่องทางมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ทุกส่วนของจักรวาลเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นถ้าหากชายหนุ่มต้องการจะสำรวจพื้นที่สำหรับการซุ่มโจมตี ช่องว่างมิติแห่งนี้จึงเป็นพื้นที่ที่เขาจะต้องเข้ามาทำการตรวจสอบด้วยเช่นกัน

แท่งทองรีบผงกศีรษะไปทางซ้ายอย่างกังวลเผยให้เห็นช่องทางเดินอันมืดมิดที่มีความกว้างไร้ขอบเขต

“อย่าบอกนะว่าแท่งทองตรวจพบศัตรูแล้ว และการที่ศัตรูทำให้มันกังวลได้ขนาดนั้นแสดงว่าศัตรูจะต้องแข็งแกร่งมาก” ลินนิจกล่าว

“นายออกไปก่อนแล้วรอฟังคำสั่งจากฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อขอให้แท่งทองปลีกตัวออกไป

ไม่ว่ายังไงแท่งทองก็มีขนาดร่างกายอันใหญ่โต การเคลื่อนไหวร่วมกับหนอนด้วงมิติสีทองตัวนี้จึงเป็นสิ่งที่โดดเด่นมากเกินไป เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องขอให้มันแยกทางออกไปก่อน เพราะทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันคือเขาจะต้องออกไปสืบหาข่าวเพียงคนเดียว

ด้วยการสนับสนุนของชุดเกราะชั้นยอดจึงทำให้เซี่ยเฟยสามารถเคลื่อนไหวภายในช่องว่างมิติได้เหมือนกับว่าเขากำลังบินอยู่

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้ไปซ่อนตัวด้านหลังชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ เพราะภายในเส้นทางอันกว้างใหญ่มีกองทัพกองหนึ่งกำลังซ่อนตัวอยู่

ใช่แล้ว สิ่งที่เขาเห็นอยู่มันคือกองทัพจริง ๆ และมันยังเป็นกองทัพของดาร์คไนท์!!

เนตรมายา!

“พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา! เผ่าพันธุ์ทรงปัญญาของดาร์คไนท์กำลังรวมกองกำลังมาจัดการกับพวกเรา!!” ลินนิจอุทานด้วยความตกตะลึง

นอกเหนือจากคางคกยักษ์ที่ชายหนุ่มเคยได้พบในอดีต ภายในกองทัพนี้ยังมีนักรบผู้สวมชุดเกราะอยู่อีกไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน

“คนพวกนี้จะต้องเป็นกองกำลังหลักของดาร์คไนท์แน่ ๆ ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้วพวกเขาควรจะเป็นกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ฉันไม่คิดเลยว่าแนวหน้าของดาร์คไนท์จะเข้ามาใกล้ดินแดนกฎถึงขนาดนี้แล้ว” ลินนิจกล่าว

สิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์มีการแบ่งระดับออกเป็นระดับต่าง ๆ คล้ายกับสิ่งมีชีวิตภายในดินแดนกฎ สิ่งมีชีวิตที่เซี่ยเฟยเคยสังหารไปก่อนหน้านี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำสุดในดาร์คไนท์เทียบได้กับอัศวินกฎในดินแดนกฎเท่านั้น ส่วนสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ก็เปรียบเสมือนกับราชาสัตว์อสูร สำหรับกองทัพที่รวมตัวกันอยู่ในตอนนี้ก็คงจะเทียบได้กับกองทัพของนักรบในระดับจักรพรรดิ

สิ่งมีชีวิตพวกนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณอีกต่อไป แต่พวกเขาคือกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา

ฟุบ!

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ค้นพบกองทัพของศัตรูแล้วเขาก็เริ่มถอยกลับอย่างรวดเร็ว

“ทำไมพวกเราไม่ตามพวกมันต่อไปล่ะ?” ลินนิจถามอย่างสงสัย

“ไม่จำเป็นหรอกครับ หากดูจากการเคลื่อนไหวของพวกมันแล้ว เราก็พออนุมานได้ว่าพวกมันน่าจะไปถึงไนท์ปาร์ตี้ช่วงเที่ยงคืนพอดี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“เที่ยงคืน!? นั่นมันช่วงเวลาเดียวกันกับที่การประมูลสารานุกรมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น” ลินนิจสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ

—

“ช่วงเวลาที่งานประมูลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่กองทัพดาร์คไนท์กำลังจะเดินทางมาถึงงั้นเหรอ? เรื่องนี้มันจะต้องเป็นแผนการของฮันนิซีแน่ ๆ” เซี่ยเหลียนหนิงสรุปสถานการณ์อย่างรวดเร็วหลังจากเขาได้ฟังรายงานจากเซี่ยเฟย

“ผมคิดว่าเรื่องนั้นอาจจะยังไม่ใช่สถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุด บางทีฮันนิซีอาจจะเป็นคนให้เส้นทางพวกดาร์คไนท์ไปด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นพวกมันก็คงจะไม่สามารถคำนวณเวลาการปรากฏตัวได้อย่างแม่นยำขนาดนี้ และอย่าลืมว่าเบื้องหลังฮันนิซีคือพระเจ้า” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบทั้งเซี่ยเค่อและเซี่ยเหลียนหนิงต่างก็สะดุ้งอย่างตกใจ

เป็นไปได้ไหมว่าพระเจ้าจะมีส่วนร่วมกับแผนการในครั้งนี้ด้วย?

ทั้งเซี่ยเค่อร์และเซี่ยเหลียนหนิงต่างก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก เพราะสถานการณ์นี้มันร้ายแรงมากจนเกินไป

“บรรพบุรุษมอบหมายให้นายเป็นคนนำในภารกิจนี้ นายคิดว่าพวกเราควรจะทำยังไงกันต่อไป?” เซี่ยเค่อกล่าวถามหลังจากพยายามรวบรวมสติกลับมาอีกครั้ง

“พวกนั้นอยากจะทำอะไรก็เรื่องของพวกมัน พวกเราให้ความสำคัญกับการปล้นของพวกเราก็พอแล้ว ในเมื่อสารานุกรมก่อให้เกิดความวุ่นวายได้ถึงขนาดนี้ มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าบันทึกฉบับนี้มีความสำคัญมากแค่ไหน”

“ไม่ว่าสถานการณ์ด้านนอกจะเป็นยังไง แต่สกายวิงจะเป็นผู้ควบคุมชะตากรรมของตนเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสารานุกรมดาร์คไนท์ต้องมาอยู่ในมือของเรา ส่วนความตายของคนอื่นมันไม่เคยอยู่ในความคิดของผมเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

***************

ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรีบปล้นรีบหนี แต่ตอนนี้ยังหาสารานุกรมไม่เจอเลยน๊าาาา