2
มื่อทุกคนออกจากห้องของทัศไปแล้ว รินรดาก็สะบัดมือออกจากมือเขาและกระทืบเท้าของเขาแรงพอที่เขาอุทานออกมาว่า
“โอ๊ย! คุณ...”
ทัศได้แต่มองหน้าหญิงสาวที่เขาเพิ่งเจอเธอแต่กลับรู้สึกใจเต้นตึกตักเมื่ออยู่ใกล้ๆ อีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกทั้งที่เธอเป็นคนแปลกหน้า
“อะไร” รินรดาพูดขึ้นมาพร้อมกับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหนึ่งของห้องนอนที่มีโต๊ะกลมและเก้าอี้สองตัววางอยู่ริมหน้าต่างบานกว้างผนังด้านข้างมีรูปวาดสีน้ำเป็น ฉลาม อยู่หลายรูป รินรดาเดาว่าเจ้าของห้องคงชอบฉลามเป็นพิเศษ ด้านหลังเป็นประตูที่เปิดทิ้งไว้เป็นเหมือนห้องอ่านหนังสือมีชั้นหนังสือเรียงรายเป็นสองแถววางตามความยาวของห้อง ส่วนเตียง และ ตู้ก็เป็นแบบเรียบๆคลาสสิกสไตล์วิจเทจทุกอย่างในห้องบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของเจ้าของที่ดูเรียบครึมข้าวของเครื่องใช้ส่วนมากเป็นสีเอริ์ธโทน เธอคิดในใจว่า
‘มองๆไปก็สบายตาดีอีกทั้งห้องยังโล่งๆสบายๆเสียอยู่อย่างเดียวไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของห้องจะขี้เมา’
“คุณเข้ามาในห้องผมทำไม”
ทัศพูดจบก็เผลอจ้องหน้าของหญิงสาว จนเธอจ้องหน้าเขากลับเพื่อทำให้เขารู้ตัวว่าเสียมารยาทที่จ้องหน้าเธอเขารู้สึกตัวจึงโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษที่จ้องเธอ รินรดายิ้มให้เขาชายหน้าแปลกคนนี้ก็พูดขึ้นอีกว่า
“ว่าอย่างไรเล่า”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาโผล่ที่นี่ได้งัย ที่นี่คือที่ไหนอ่ะ”
“ทำไมเธอถึงพูดแปลกๆเช่นนี้ อีกทั้งยังแต่งกายแปลกประหลาดจะว่าเป็นคนเสียจริตก็ไม่เชิง แต่ดูอย่างไรเสียก็ไม่น่าจะปกติสักเท่าไหร่”
“นี่! คุณ เกินไปมั้ยชั้นจะแต่งตัวแบบไหนแล้วมันหนักอะไรคุณ”
รินรดารู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของชายแปลกหน้าที่บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหนเธอก็อยากรู้ไม่ต่างจากเขา
ทัศที่ไม่ค่อยจะเข้าในสิ่งที่หญิงสาวคนนี้พูดสักเท่าไหร่ แต่เรื่องที่เขาอยากรู้คือ
“บ้านของเธออยู่ตำบลไหนหรือ”
“ที่นี่ คือที่ไหนอ่ะ”
“ผมถามคุณก่อน ครับ ช่วยตอบคำถามผมก่อนครับ”
“ชั้นก็อยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนเหมือนกัน”
ทัศถอนหายใจอีกทั้งอ่อนใจที่คิดว่าพูดคุยกับหญิงแปลกหน้าคนนี้ไม่ได้ความอะไรและคิดว่า
‘หรือว่าเธอจะเสียจริตแล้วจริงๆในยามนี้ก็ดึกแล้วจะปล่อยให้เธอออกไปร่อนเร่พเนจรก็คงจะใจดำเกินไปสักหน่อยอีกทั้งหน้าตาท่าทางของเธอก็ไม่ได้มีพิษภัยอันใด’
ทัศครุ่นคิดสักพักก็เห็นว่าเธอกอดอกแล้วใช้มือลูบๆแขนของเธอพร้อมกับนั่งทำตัวห่อๆ เขาจึงเอื้อมมือไปดึงหน้าต่างข้างเธอเพื่อปิดเป็นจังหวะเดียวกับที่รินรดาขยับตัวเพราะเห็นมาชายแปลกหน้าคนนี้โน้มตัวมาทางเธอแต่เธอขยับหนี ซึ่งเธอหันหนีไปในทางเดียวที่เขาเอื้อมตัวยื่นมือเพื่อมาปิดหน้าต่างพอดีทำให้ใบหน้าของเขาและเธอสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ แก้มนวลนุ่มของเธอที่เขาเพิ่งคลอเคล้าจูบไม่อยากผละหนีโดยไม่มีเหตุผล แต่ขณะเดียวกันเธอกลับขยับหนีในทันที เหมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกันเจอกัน ทัศไม่เลิกจ้องเธอส่วนมือของเขาก็เอื้อมปิดหน้าต่าง แล้วเขาจึงเดินไปที่มุมห้องด้านหนึ่งที่มีตู้ไม้เล็กๆอยู่ข้างๆโต๊ะเขียนหนังสือของเขาที่มีเครื่องพิมพ์ดีดโบราณตั้งอยู่ เขาหยิบสำลีม้วน ยาแดงและขวดแก้วเล็กๆที่มีน้ำใสๆ วางไว้บนโต๊ะตรงหน้ารินรดาแล้วเขาก็พูดขึ้นว่า
“ช่วยใส่ยาให้ผมด้วยครับ”
“ค่ะ อะไรน๊ะ” รินรดามึนงงกับคำพูดของเขาแต่ก็ลุกจากเก้าอี้หยิบสำลีม้วนขึ้นมาแล้วคิดว่า
‘ทำไมยังใช้สำลีม้วนแบบนี้อีก ทั้งที่สำลีก้อนๆที่ใช้เช็ดแผลใช้ง่ายและสะดวกกว่า’
รินรดาหยิบยาขวดยาแดงขวดเล็กจิ๋วขึ้นมาอ่านแล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่มีเบตาดีนหราค่ะ”
ทัศขมวดคิ้วก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า
“อะไรหรือที่เธอพูดถึง”
“อ้าว! ก็เบตาดีนงัยใส่แผลสดฆ่าเชื้อด้วยนะ”
“ยาอะไรของเธอ ช่วยใส่ยาแดงให้ผมแล้วนี่ปิดแผล”
ทัศยื่นพลาสเตอร์ปิดแผลที่เป็นแบบผ้าให้รินรดา เธอรับมาด้วยอาการงงไม่คิดว่านอกจากผู้ชายแปลกหน้าคนนี้จะจัดบ้านแนววิจเทจแล้วข้าวของเครื่องใช้ก็แต่งตัวยังเป็นแนวๆนั้นด้วย รินรดาคิดในใจว่า
‘ไม่น่าเชื่อมีคนแบบนี้อยู่อีก’
รินรดานำยาแดงเทใส่สำลีแล้วนำไปเช็ดๆตรงบริเวณคิ้วของเขาโดยที่เธอเกรงมือให้เบามือที่สุดกลัวว่าเขาจะเจ็บ
เขาอยู่ใกล้เธอจนได้กลิ่นน้ำหอมของเธอช่างหอมชื่นใจยิ่งนักและคิดไปว่า
‘ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นคนเร่ร่อนที่ดูสะอาดสะอ้านกลิ่นตัวหอมชื่นใจ เสียอยู่อย่างเดียวใส่เสื้อคอย้วยขาดเหมือนมดกัดอีกทั้งกางเกงหรือก็ขาดวิ่นเห็นผิวขาขาวๆของเธอชัดเจนเช่นนี้’
เมื่อยาแดงโดนแผลของเขาเขาถึงกับสะดุ้งหากแต่ไม่ใช่เพราะเจ็บแผลแต่เธออยู่ใกล้ชิดเขามากเหลือเกินจนเขารู้สึกแปลกๆไม่น่าจะใช่เพราะเขาเขินเธอก็คงไม่ใช่ด้วยเหตุเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เขาชิดใกล้ ทัศจ้องมองหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ไม่ได้มีอาการเขินอายด้วยซ้ำยิ่งทำให้เขาแปลกใจนักในความเป็นเธอ ส่วนรินรดาเธอเห็นเขาสะดุ้งขยับตัวก็คิดว่าคงจะเจ็บแผล แต่เธอก็คิดว่าเธอก็เบามือที่สุดแล้วรีบนำพลาสเตอร์ปิดแผลให้เขาแล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม รามกล่าว
“ขอบคุณครับ”
แล้วเขาก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอีกมุมหนึ่งของห้องแล้วเปิดตู้หยิบชุดนอนของเขาออกมายื่นให้เธอพร้อมกับพูดว่า
“คืนนี้พักที่นี่ก่อนพรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่ เธอไปผลัดชุดก่อนเถอะ”
ทัศพูดจบก็เดินนำมาที่ประตูห้องของเขาแล้วก็ต้องหันกลับมามองหญิงสาวอีกครั้งเพราะเธอไม่ขยับตัวเดินตามเขามาเธอยังคงนั่งอยู่เก้าอี้ที่เดิม
“อ้าว! แล้วกัน ผมจะพาคุณไปนอนห้องนอนแขกครับ เชิญทางนี้ครับ”
“ห๊ะ! อะไรนะจะให้ชั้นนอนที่บ้านคุณหรา ไม่อ่ะชั้นไม่นอน ม่ายน้า! ชั้นจะกลับบ้านป่านนี้คุณป้ากับคุณยายคงบ่นแล้ว”
ทัศฟังหญิงแปลกหน้าคนนี้พูดถึงคุณยายและคุณป้าก็คิดในใจว่า
‘เธอไม่ใช่คนเร่ร่อน แล้วเหตุใดแต่งกายเช่นนี้’
ทัศตั้งใจมองหน้าหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณาก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นว่า
“คุณครับ นี่มันดึกดื่นเกือบจะเที่ยงคืนแล้วครับ คุณจะไปอย่างไรกันรถรงรถรางก็ไม่วิ่งแล้วครับ ผมไม่ใจดำให้ผู้หญิงตัวคนเดียวออกไปหรอกครับ”
“ใครบอกชั้นจะกลับไปคนเดียว คุณนั้นหละไปส่งชั้นที่บ้านตอนนี้เลย”
ทัศถอนหายใจอีกครั้งแล้วก็ถามขึ้นว่า
“ผมคงขับรถไปส่งคุณไม่ได้ บ้านคุณอยู่ที่ใดกันล่ะครับ”
“ถนนราชพฤกษ์ แล้วที่นี่คือที่ไหน”
ทัศมองหน้าหญิงสาวอีกครั้งพร้อมกับทำหน้างุนงงกับชื่อถนนที่เธอกล่าวอ้างเพราะชื่อถนนนี้ไม่มีในพระนครและฝั่งธนบุรีเป็นแน่
“ชื่อถนนอะไรหรอกหรืออยู่บางไหนกัน”
“ราชพฤกษ์งัยไม่รู้จักหราเดี๋ยวบอกทางให้ ไปสิ”
ชื่อถนนที่หญิงสาวแปลกหน้าคนนี้พูดถึงนั้นทำให้ทัศต้องครุ่นคิดไม่น้อย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 185
แสดงความคิดเห็น