ตอนที่ 563 ธรรมชาติของมารขาว
ตอนที่ 563 ธรรมชาติของมารขาว
หลังจากเซี่ยเฟยเดินผ่านกฎแห่งแสงอันเจิดจ้า เขาก็เริ่มทำการตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอก
จากมุมมองของเขาพื้นที่บริเวณโดยรอบไม่มีสัญญาณของมู่ฉิวโป๋ให้เห็นเลย แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินกลับ จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นเศษหิมะที่กระเด็นขึ้นไปในอากาศจากระยะไกล
“ตรงนั้นมีคนกำลังสู้กันอยู่งั้นเหรอ?” อันธถามขึ้นมาด้วยความสับสน
เซี่ยเฟยก็ไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน เขาจึงใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลก้าวข้ามผ่านกำแพงล่องหนไปเงียบ ๆ และใช้วิชาพรางจิตเพื่อแอบออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตูม!
ยิ่งชายหนุ่มเข้าไปใกล้สถานที่เกิดเหตุมากเท่าไหร่ เสียงการต่อสู้ก็ยิ่งดังขึ้นมามากขึ้นเท่านั้น ต่อมาชายหนุ่มก็ได้เห็นแมงมุมตัวสีขาวกำลังล้อมมู่ฉิวโป๋เอาไว้อย่างหนาแน่น และชายชราก็กำลังซ่อนตัวอยู่ในกำแพงด้วยใบหน้าที่เหมือนกับคนที่ทำอะไรไม่ถูก
“ดูในมือเขาสิ! นั่นมันคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5” อันธอุทานขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเขาสังเกตเห็นคริสตัลสีเขียวในมือของมู่ฉิวโป๋
สถานการณ์นี้ทำให้เห็นเซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ท้ายที่สุดแมงมุมสีขาวแต่ละตัวก็มีขนาดใหญ่มากกว่าวัว ยิ่งไปกว่านั้นทั่วทั้งพื้นที่ยังเต็มไปด้วยศพของแมงมุมอย่างมากมาย ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าแมงมุมพวกนี้ถูกมู่ฉิวโป๋สังหารไปตั้งแต่ในก่อนหน้านี้
น่าเสียดายที่พวกแมงมุมมีจำนวนมากเกินไป ดังนั้นไม่ว่าชายชราจะพยายามแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะสังหารแมงมุมทั้งหมดได้ตามลำพัง เขาจึงยอมแพ้และซ่อนตัวเองอยู่ภายใต้กำแพงมิติ โดยไม่รู้ว่าตัวเองจะหลุดพ้นออกไปจากสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ยังไง
หลังจากสังเกตเห็นสภาพความเป็นอยู่ของมู่ฉิวโป๋แล้ว เซี่ยเฟยก็แอบเดินทางกลับไปอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเขาก็จำเป็นจะต้องคำนวณแผนการทุกอย่างใหม่เนื่องมาจากแมงมุมพวกนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การคำนวณของเขา
แต่ในทันใดนั้นเองน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้าของเขาก็เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่แมงมุมตัวสีขาวจะเริ่มคลานออกมาจากพื้นน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยขาตั้งแปดข้างของพวกมันให้ความรู้สึกคล้ายกับหอกที่แหลมคม ส่วนดวงตาสีฟ้าทั้งแปดดวงของมันก็ให้ความรู้สึกถึงความดุดัน
ฉัวะ!
เซี่ยเฟยรีบกระโดดลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่เขาจะสะบัดข้อมือตวัดดาบดราก้อนสเกลออกไปตัดขาหน้าทั้งสองข้างของแมงมุมขาวโดยตรง
ปวด!
อย่างไรก็ตามขาของแมงมุมพวกนี้มีความแข็งมาก จนทำให้ข้อมือของเซี่ยเฟยได้รับบาดเจ็บเสียเอง
กลสังหาร!
เมื่อร่างกายของเขาสัมผัสเข้ากับพื้นเขาก็เริ่มทำการตวัดดาบออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อทำการตัดขาที่เหลือทั้งหกข้างของแมงมุม จนทำให้ร่างของมันหล่นลงไปดิ้นอย่างทุรนทุรายบนพื้นหิมะ
ถุย!
ทันใดนั้นขนอุยก็พ่นลูกบอลพลังงานออกมาจากปาก ทำให้ร่างของแมงมุมประมาณ 1 ใน 5 ถูกสลายกลายเป็นอณูพลังงานที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงมาก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าลูกบอลพลังงานของขนอุยสามารถเปลี่ยนสสารให้กลายเป็นพลังงานได้ อย่างไรก็ตามการจู่โจมของเจ้าตัวน้อยกลับไม่สามารถสังหารแมงมุมขาวได้ภายใต้การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งมันก็หมายความว่าแมงมุมพวกนี้จะต้องเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะประมาทอีกต่อไป เขาจึงรีบกระโดดขึ้นไปและใช้ดาบยาวภายในมือเสียบเข้าใส่หัวของแมงมุมโดยตรง
ใบดาบดราก้อนสเกลเจาะเข้าไปภายในร่างของแมงมุมขาวด้วยความยากลำบาก และชายหนุ่มก็ต้องพยายามใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลในการสังหารแมงมุมตัวนี้
การต่อสู้ของเซี่ยเฟยดึงดูดแมงมุมขาวเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสัตว์พวกนี้เป็นสัตว์ที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์มาก พวกมันทั้งหมดจึงพยายามซ่อนตัวอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งและจะกระโดดออกมาจู่โจมในช่วงเวลาที่ชายหนุ่มไม่ทันได้ระวังตัว
พายุมิติปิดล้อม!
เซี่ยเฟยทำการปล่อยคลื่นมิติออกไปเพื่อปัดเป่าแมงมุมขาวที่เข้ามาขวางทาง อย่างไรก็ตามพลังของคลื่นมิติพวกนี้ก็มีความรุนแรงสูงมากจนทำให้มู่ฉิวโป๋สัมผัสได้ถึงร่องรอยของเซี่ยเฟยแล้ว
ชายชรารีบสลายกำแพงมิติทิ้งไปทันที จากนั้นเขาก็จู่โจมเข้าใส่แมงมุมขาวที่ขวางทางก่อนที่จะรีบมุ่งหน้าเข้ามาหาเซี่ยเฟยด้วยความรวดเร็ว
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของแกที่ทำให้ฉันต้องมาถูกขังอยู่ในดาวดวงนี้! ฉันจะทำให้แกค่อย ๆ ทรมานตายลงไปอย่างช้า ๆ ให้สาสมกับสิ่งที่แกได้ทำกับฉันเอาไว้!!”
มู่ฉิวโป๋ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งในระหว่างนั้นชายหนุ่มก็เคลื่อนที่หนีกลับเข้าไปในกำแพงล่องหน
ชายชรารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถฝ่ากำแพงล่องหนเข้าไปได้ เขาจึงยืนอยู่ด้านนอกแล้วตะโกนด่าทอชายหนุ่มด้วยคำหยาบคายต่าง ๆ นานา
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาให้กับชายชราเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะชูนิ้วกลางเพื่อเป็นการยั่วยุและเดินกลับเข้าไปยังด้านในของกฎแห่งแสง โดยไม่สนใจมู่ฉิวโป๋ที่กำลังโกรธจนจะเป็นบ้าอยู่ด้านนอกเลย
หลังจากกลับเข้ามาในเขตสุสาน เซี่ยเฟยก็เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากและนั่งพักเพื่อฟื้นฟูให้พลังงานกลับคืนมา ถึงแม้ว่าการต่อสู้กับแมงมุมพวกนั้นจะไม่ได้สร้างความลำบากให้กับเขามากนัก แต่ถ้าหากว่าพวกมันกระโจนเข้ามาเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งพลังงานของเขาก็จะเหลือไม่มากพอที่จะจัดการกับพวกมันได้
“นายเจอพวกแมงมุมน้ำแข็งพวกนั้นแล้วใช่ไหม?” ผู้อาวุโสดำกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“สัตว์อสูรทั่ว ๆ ไปไม่สามารถที่จะยืนเผชิญหน้ากับขนอุยได้ด้วยซ้ำ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมแมงมุมพวกนั้นถึงไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวขนอุยเลยแม้แต่น้อย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“อสูรศักดิ์สิทธิ์ของนายเป็นสัตว์อสูรที่มีศักยภาพที่ค่อนข้างดี แต่น่าเสียดายที่แมงมุมพวกนั้นไม่ใช่สัตว์อสูรทั่วไปแต่เป็นสัตว์ประหลาดในเขตแดนเผ่ามารของเรา พวกมันเลยไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวมารขาวอย่างที่ควรจะเป็น” ผู้อาวุโสดำกล่าวขณะชำเลืองมองสายตาไปทางขนอุย
“สัตว์ประหลาด?” เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และมันก็ทำให้เขานึกถึงหนอนด้วงมิติที่เป็นสัตว์ประหลาดของเผ่ามารด้วยเหมือนกัน
“ความจริงแล้วสัตว์ประหลาดก็มีต้นกำเนิดมาจากสัตว์อสูรเหมือน ๆ กัน แต่หลังจากที่เผ่ามารของเราเอาพวกมันไปเลี้ยงดูเป็นเวลาหลายแสนปี พวกมันก็ไม่ได้มีสัญชาตญาณเหมือนกับสัตว์อสูรอีกต่อไป แต่เดิมดาวดวงนี้ก็เป็นถิ่นที่อยู่เดิมของพวกแมงมุมน้ำแข็งก่อนที่ฉันจะถูกขังเอาไว้ที่นี่อยู่แล้ว ทั่วทั้งดาวจึงมีแมงมุมน้ำแข็งอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน”
“ตอนแรกพวกมันอาศัยอยู่ลึกลงไปใต้ดิน แต่ตอนที่นายขุดดินหนีออกมานายก็บังเอิญไปปลุกพวกมันเข้า คนที่อยู่ด้านนอกนั่นจึงโชคร้ายต้องมารับชะตากรรมแทนนายไป และยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไหร่พวกแมงมุมก็จะยิ่งตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลมากขึ้นเท่านั้น” ผู้อาวุโสดำอธิบาย
“แล้วคุณรู้อะไรเกี่ยวกับมารขาวบ้าง?” เซี่ยเฟยถาม
เซี่ยเฟยเคยตรวจสอบข้อมูลของขนอุยในตระกูลหยูมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลถูกบันทึกเอาไว้น้อยมากและถึงแม้ว่าเขาจะพยายามค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่เขาก็ยังไม่สามารถค้นหารายละเอียดของมารขาวเพิ่มเติมได้เลย
“อสูรศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดต่างก็ล้วนแล้วแต่มีนิสัยที่แปลกประหลาดมาก ส่วนจุดเด่นมากที่สุดของมารขาวไม่ใช่การต่อสู้ แต่มันคือสัตว์อสูรที่เกิดมาเพื่อทำลายล้างมากกว่า” ผู้อาวุโสดำกล่าว
“ทำลายล้าง? จะว่าไปเจ้านี่ก็ชอบทำลายนู่นนี่นั่นอยู่บ่อยจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวขณะจ้องมองไปที่ขนอุย
“อสูรพวกนี้ซุกซนตามธรรมชาติของพวกมันอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่านายจะสอนมันดีแค่ไหนแต่นายก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของพวกมันได้”
“อีกอย่างการเอามันไปต่อสู้ร่วมกับนายบ่อย ๆ ถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะการทำลายล้างที่แท้จริงของมารขาวจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการสะสมพลังงานอย่างเนิ่นนาน ดังนั้นมันจึงจะเป็นการดีที่สุดถ้าหากว่านายจะใช้งานมันหลังจากที่มันได้เติบโตอย่างเต็มที่แล้ว” ผู้อาวุโสดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณหมายความว่ายังไง?” เซี่ยเฟยถามอย่างสับสน
“นายสังเกตเห็นไหมว่าช่วงนี้สัตว์อสูรของนายแทบที่จะไม่ได้มีพัฒนาการใด ๆ เลย?” ผู้อาวุโสดำกล่าว
“อันที่จริงขนอุยก็อยู่ในร่างที่ 2 มาตั้งนานแล้ว แล้วมันก็มีวิธีการต่อสู้อยู่เพียงแค่ 2 วิธี แม้ว่าวิธีการพวกนั้นจะทรงพลังมากในตอนที่มันยังอยู่ในพันธมิตร แต่หลังจากที่เราเข้ามาในดินแดนของผู้ใช้กฎการโจมตีของมันก็แทบที่จะทำอะไรใครไม่ได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เหตุผลที่มันเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะว่านายใช้งานมันบ่อยมากเกินไป พลังงานภายในร่างของมันจึงถูกเผาผลาญก่อนที่มันจะสะสมพลังงานได้มากพอ ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากที่สุดสำหรับนายที่ทำให้มันไม่พัฒนาไปไหนสักที” ผู้อาวุโสดำกล่าว
“ขนอุยกินคริสตัลต้นกำเนิดของผมเขาไปตั้งเยอะ การจะเอามันออกมาช่วยสู้สักหน่อยมันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายไม่เข้าใจสัตว์อสูรของตัวเองเลยสินะ ฉันจะบอกอะไรให้ว่าโดยปกติแล้วมารขาวจะทำการโจมตีออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวตลอดทั้งชีวิตของมัน” ผู้อาวุโสดำกล่าวพร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนใจ
“อะไรนะ?! โจมตีครั้งเดียวทั้งชีวิต”
“ใช่ เพราะมารขาวจะสะสมพลังงานตั้งแต่เกิดและจะปลดปล่อยการโจมตีออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวหลังจากที่มันเติบโตอย่างเต็มที่ และการโจมตีในครั้งนั้นมันก็จะก่อให้เกิดภัยพิบัติที่ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้ามันอยู่”
“การโจมตีของมารขาวรุนแรงมากถึงขนาดที่ทำให้จักรวาลทั่วทั้งจักรวาลต้องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมมันถึงถูกเรียกว่าอสูรผู้ทำลายล้างดวงดาว เพราะมันสามารถทำลายกาแล็กซีได้หลายร้อยกาแล็กซีภายใต้การจู่โจมเพียงแค่ครั้งเดียวของมัน”
“นายโชคดีแล้วที่นายได้รับมารขาวมาเป็นอสูรในพันธสัญญา แต่นายก็ยังด้อยปัญญาอยู่มากที่เอามันมาใช้พ่นพลังงานเล่นแบบนี้” ผู้อาวุโสดำกล่าว
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยตกตะลึงและเขาก็ได้จ้องมองไปที่ขนอุยด้วยความประหลาดใจ
ไอ้ตัวเล็กนี่เป็นสัตว์อสูรที่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?
บรรพบุรุษของเจ้านี่โจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวตลอดชีวิต?
การจู่โจมของมันทำให้ทั่วทั้งจักรวาลต้องสั่นสะท้าน?
ไอ้ตัวตะกละเนี่ยนะ! ที่มีพลังน่ากลัวในระดับนั้น!?
“ดูเหมือนว่าดินแดนของผู้ใช้กฎจะถึงคราวเสื่อมถอยแล้วจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ทำพันธสัญญากับมารขาวยังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะต้องใช้สัตว์อสูรของตัวเองยังไง” ผู้อาวุโสดำกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ขนอุยดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ผู้อาวุโสดำกล่าว มันจึงพยายามเลียคอของชายหนุ่มเพื่อปลอบใจเจ้านายของมัน
“วิธีการที่ดีที่สุดในการใช้งานมารขาวคือการให้มันสะสมพลังงานไปเรื่อย ๆ และวันหนึ่งที่นายได้พบกับศัตรูที่นายไม่สามารถต่อกรได้ มันก็จะทำการเสียสละชีวิตของมันเพื่อทำลายศัตรูลงไปภายใต้การจู่โจมเพียงแค่ครั้งเดียว นี่แหละคือวิธีการใช้มารขาวให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด”
“หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในชีวิตนี้ มันก็จะถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งในมุมใดมุมหนึ่งของจักรวาลพร้อมกับความทรงจำทั้งหมดที่หายไป ต่อมามันก็จะเริ่มเดินตามเส้นทางบรรพบุรุษของมัน และนี่ก็คือวิถีชีวิตตามธรรมชาติของมารขาว”
“อสูรศักดิ์สิทธิ์แต่ละตัวต่างก็ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่มีอยู่อย่างโดดเดี่ยวในจักรวาลไม่มีความสามารถในการสืบพันธุ์ และเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันเสียชีวิตเมล็ดพันธุ์ของพวกมันก็จะเริ่มเติบโตใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีวันสูญหายไปจากจักรวาลแห่งนี้”
ยิ่งผู้อาวุโสดำอธิบายธรรมชาติของขนอุยมากเท่าไหร่ เซี่ยเฟยก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เขารู้สึกตกใจเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะอันธก็รู้สึกตกใจไปพร้อมกับเขาด้วย
ใครจะไปคิดว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อย ๆ จะมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น สถานะของมันในสายตาของเซี่ยเฟยจึงได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในทันที และหลังจากนี้เขาก็คงจะต้องเก็บมันเอาไว้ในฐานะของไพ่ตายใบสุดท้ายที่เก็บเอาไว้พลิกกระแสของสงคราม
เซี่ยเฟยแอบตัดสินใจอย่างลับ ๆ ว่าเขาจะไม่ใช้งานขนอุยอย่างพร่ำเพรื่ออีกต่อไป และจะปล่อยให้มันค่อย ๆ เติบโตจนกลายเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
อย่างไรก็ตามการที่จะให้ขนอุยใช้พลังงานทั้งหมดจู่โจมออกไปเพื่อแลกชีวิตกับตัวเอง ก็ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องที่โหดร้ายสำหรับเจ้าตัวน้อยมากเกินไปสักหน่อย เพราะถึงแม้ว่าชายหนุ่มมักจะรังแกมันอยู่เป็นประจำ แต่ในใจลึก ๆ เขาก็หวังว่ามันจะอยู่กับเขาตลอดไป
เซี่ยเฟยหยิบคริสตัลขาวออกมาจากแหวนมิติอีกครั้ง และปล่อยให้ขนอุยได้ดูดซับพลังงานพวกนั้นเข้าไปอย่างมีความสุข
“มารขาวจำเป็นจะต้องแปลงร่างถึงเก้าครั้งเพื่อที่มันจะได้กลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวเต็มวัย ซึ่งในตอนนี้มันก็อยู่ใกล้กับการพัฒนาไปสู่ร่างที่ 3 แล้ว และอาจจะเป็นเพราะว่ามันเติบโตเคียงข้างนายมาตั้งแต่ที่มันยังเด็ก มันเลยไม่ได้มีนิสัยเย่อหยิ่งอย่างที่มารขาวควรจะเป็น หลังจากนี้นายควรจะต้องปฏิบัติตัวกับมันเป็นอย่างดี เพราะสักวันหนึ่งนายก็อาจจะต้องใช้มันเพื่อแลกกับความปลอดภัยของนายเอง”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นและถึงแม้ว่าผู้อาวุโสดำจะไม่พูดอะไรแต่เขาก็คิดที่จะดูแลมันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
“ว่าแต่ทำไมนายถึงไม่ใช้หงส์ครามในระหว่างการต่อสู้เหรอ? ทั้ง ๆ ที่นายมีอาวุธมายาที่ทรงพลังอยู่ในมือแท้ ๆ” ผู้อาวุโสดำเริ่มถามเปลี่ยนหัวข้อ
****************
โอ๊ยพ่อ! รู้ดีไปหมด!! ถ้าบอกว่าเห็นอันธด้วยอีกคนพี่เฟยจะไม่มีความลับอะไรซ่อนแล้วนะนอกจากกฎแห่งความโกลาหล
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 168
แสดงความคิดเห็น