กินอาหารร่วมกัน
"ภรรยาเจ้ากลับมาแล้ว" อันเฉิงที่แบกไม้ไผ่มาเกือบสิบลำรีบวางมันลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเจอภรรยาของตนเอง ภรรยาของเขาไม่ได้เป็นอันใดหลังจากขึ้นเขาช่างดียิ่งนัก
“ขอรับข้าได้หมูป่ามา พี่สะใภ้รองกับน้องสะใภ้สี่กำลังทำอยู่ขอรับ” อวิ้นซียืดอกขึ้นพูดคล้ายโอ้อวดต่อหน้าสามี วันนี้เขาถึงขั้นล่าหมูป่าตัวใหญ่มาได้เลยนะ
“ภรรยาของข้าเก่งที่สุด” อันเฉิงยิ้มกว้างออกมา เขาว่าแล้วภรรดาเขาดีที่สุด อวิ้นซีเก่งที่สุด ภรรยาบอกจะเลี้ยงดูเขา ภรรยาก็ทำได้จริงๆ อันเฉิงชอบภรรยาของเขามาก
“ท่านพี่วันนี้ทำแค่นี้ก่อนเถิดขอรับ ท่านเหนื่อยแล้ว” อวิ้นซีเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้สามีของตน แดดร้อนทั้งวันสามีของเขาตัวดำหมดแล้ว
“ไม่ๆ ข้าไม่เหนื่อย ข้าจะไปช่วยสร้างบ้านให้น้องสี่” อันเฉิงกล่าว บ้านน้อยของพวกเขาอันเฉิงทำเสร็จไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้เขากำลังช่วยพี่รองทำบ้านของน้องสี่อยู่ ไม่ได้เหนื่อยอันใดนักเขาชอบทำงานยิ่ง หยุดอยู่เฉยๆ น่าเบื่อเกินไป
“โอ้เช่นนั้นรึ ได้ขอรับ ข้าจะไปช่วยพี่สะใภ้รองกับน้องสะใภ้สี่ทำอาหารขอรับ” อวิ้นซีเข้าใจอย่างไรอันเฉิงก็พึ่งอายุยี่สิบปีเท่านั้นเขาย่อมมีแรงล้นเหลือจึงไม่ได้ห้ามอันใดเขาอีก ส่วนตนเองก็ขอไปทำอาหารกับเหล่าสะใภ้ด้วยกันก็แล้วกัน
ป๊อกๆ ต๊อกๆ
“เจ้าสี่กลับมาแล้วรึ เป็นเช่นไร ได้เรื่องอย่างไรบ้าง” พี่รองกำลังตอกตะปูอยู่หันมาเจอโจรุ่ยกำลังเดินมาพอดีจึงถามขึ้น โจรุ่ยเข้าเมืองไปเกือบทั้งวันถึงได้กลับมา
“ได้ขอรับ เถ้าแก่จ้าวมีคนเยอะพอสมควร แล้วพวกเราจะสร้างถึงสามเรือน พรุ่งนี้เถ้าแก่จ้าวจะเข้ามาดูพื้นที่และพูดคุยตกลงราคากับพวกเราขอรับ” ช่วงนี้งานเริ่มไม่มี พอโจรุ่ยเข้าไปพูดคุยเถ้าแก่จ้าวก็รับงานทันที ซ้ำยังบอกว่าจะคิดราคาถูกกว่าเจ้าอื่นอีก เพราะเขาเองก็เป็นลูกน้องที่ทำงานดีของเถ้าแก่อยู่แล้ว ยิ่งเขาบอกว่าพี่สะใภ้สามจะสร้างเรือนหลังใหญ่ด้วย เถ้าแก่ยิ่งพูดคุยดียิ่งไม่มีอะไรต้องกังวลนัก
“เช่นนั้นก็ดี ตอนนี้พวกเราทำกระท่อมให้เจ้าต่อเถิดของน้องสามทำเสร็จแล้ว เขาเลยมาช่วยเจ้าด้วย” โจฉีกล่าวในเมื่อไม่มีอันใดต้องเป็นห่วง พวกเขาต้องเร่งสร้างกระท่อมนี้ให้เสร็จก่อนตะวันจะตก
ป๊อกๆ ต๊อกๆ
“โอ้ พี่สามยังยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนเลยนะขอรับ” โจรุ่ยยิ้มขึ้นพี่สามของเขายอดเยี่ยมเช่นเดิม อันเฉิงสนใจแต่ตอกตะปูมุงใบจากอยู่ข้างบนไม่ได้สนใจพี่น้องของเขาพูดอันใดแม้แต่น้อย
“น้องสะใภ้สามก็เช่นกัน ขึ้นเขาไปเพียงครั้งเดียวกลับได้หมูป่าตัวใหญ่มา เมียข้ากับน้องสะใภ้สี่กำลังแล่เนื้ออยู่ทางนู้น” โจฉีทำงานไปพูดคุยไปด้วย เขายกย่องน้องสะใภ้สามยิ่ง เมื่อก่อนเห็นคล้ายคนที่อ่อนแอ ไม่คิดว่าจะเป็นมีดซ่อนคมเช่นนี้ ก่อนชี้ให้โจรุ่ยดูพวกเขากำลังวุ่นวายตั้งเตา ผัดทอดกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างเรือนน้อยของอันเฉิงนู้น
“โอ้เช่นนั้นรึ ข้าคาดว่าแยกบ้านครั้งนี้ก็ดีเหมือนกัน หากเรายังอยู่นะ ท่านแม่คงนำมันไปขายจนหมดเหลือไว้แค่ให้ตนเองกินกับพี่ใหญ่เท่านั้นแน่” มือไม้โจรุ่ยก็ไม่ว่างเช่นกันเขากำลังจับไม้ให้พี่รองอยู่ ครั้งนี้นับว่าพี่สามได้คู่ครองที่ดีไม่น้อย อวิ้นซีได้รับการชื่นชมจากเขาตั้งแต่เข้าปกป้องพี่สามของเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ซ้ำยังมีความสามารถไม่แพ้บุรุษเช่นนี้อีก วันนี้พวกเขายังได้กินเนื้อหมูป่าอันมีค่าเพราะฝีมือของพี่สะใภ้สามคนนี้อีกดีจริงๆ
“หึ ทุกอย่างท่านแม่เป็นผู้เลือกเอง ยังดีที่เราสามคนพี่น้องยังสมัครสมานกันเช่นนี้” หากยังอยู่เรือนเดียวกัน พวกเขาอย่าได้ฝันว่าจะได้กินหมูป่าเลย แม้แต่น้ำมันหมูพวกเขายังไม่ได้กิน ตอนนี้ท่านแม่ตัดสินใจแยกบ้านแล้ว แม่โจจะเสียใจทีหลังแน่ แม่โจคงคิดไม่ถึงพวกเขาจะใช้ชีวิตวันแรกในการแยกบ้านได้ดีเช่นนี้ ต่อไปแม่โจจะรู้เอง
“เดิมในพี่น้องเราข้าห่วงพี่สามที่สุด แต่ตอนนี้คาดว่าคงมีแค่พี่ใหญ่เท่านั้นที่เลือกภรรยาผิด” โจรุ่ยคิด ความจริงเขาห่วงพี่สามจริงๆ พี่สามก็ยอมท่านแม่เกินไป พี่สะใภ้สามก็อ่อนแอ แต่พอทุกอย่างเปลี่ยนไปเช่นนี้ คนที่น่าเป็นห่วงกลับเป็นครอบครัวพี่ใหญ่ ถึงเขาจะเกลียดชังพี่ใหญ่อย่างไรแต่ในใจลึกๆ ความเป็นพี่น้องนั้นอย่างไรก็ตัดให้ขาดยาก พี่ใหญ่เป็นคนเลือกภรรยาด้วยตนเอง แต่กลับตาไม่ดีไปเลือกคนที่เป็นผีพนันเช่นนั้นมา หากยังไม่กลับตัวเขาคิดว่าครอบครัวพี่ใหญ่ต้องมีปัญหาในสักวัน วันนี้เขาเข้าเมืองไปยังเจอนางแอบไปที่โรงพนันทั้งๆ ที่แยกบ้านยังไม่พ้นวันด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาแล้ว ชีวิตใครชีวิตมันหากพวกเขาคิดไม่ได้ก็ได้แค่ปล่อยไปเท่านั้น” โจฉีส่ายหัว ห่วงก็ส่วนห่วง ตอนนี้ขอแค่พวกเขาเอาชีวิตให้รอดก่อน คนเขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือหรือความห่วงใยจากเราจะทำอันใดได้ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่เป็นเช่นใด เพียงแต่ผ่านมาเขาไม่พูดออกมาเท่านั้น มีแต่ท่านแม่กับพี่ใหญ่เท่านั้นแหละที่หลับหูหลับตาเห็นว่านางดีนัก คนในเมืองเขาพูดกันให้ทั่วที่เถ้าแก่หลิงยินยอมให้ลูกสาวตนเองแต่งกับคนไม่เอาไหนเช่นพี่ใหญ่นั้นเพราะเถ้าแก่เอือมระอาบุตรสาวคนนี้มากนัก จึงรีบให้นางแต่งออกจะได้ไม่ผลาญสมบัติของตระกูลหลิวจนหมดไงเล่า
“พวกท่านมาพอดี น้องสะใภ้สามลงมือทำอาหารด้วยต้นเองเลยเจ้าค่ะ” สะใภ้รองร้องบอกเมื่อเห็นสามีและน้องสามีกำลังเดินมาทางนี้
“ใช่เจ้าค่ะ แต่ละอย่างหน้าตาน่าทานนัก กลิ่นหอมยิ่งเจ้าค่ะ” สะใภ้สี่กลืนน้ำลายไปเสียหลายรอบ ไม่คิดว่าสะใภ้สามคนนี้เก่งรอบด้านจริงๆ แต่เหตุไฉนตอนอยู่บ้านตระกูลโจด้วยกันคล้ายคนทำอันใดไม่เป็นนะ สะใภ้สี่คิดไปในมือยังไม่ลืมตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคน
“เช่นนั้นรึ ต้องขอบคุณน้องสะใภ้สามแล้วที่ทำอาหารให้พวกเรากินในวันนี้”โจฉียิ้ม น้องสะใภ้สามเป็นคนล่าหมู่ป่ามาไม่พอยังลงมือทำอาหารให้พวกเขากินอีก โจฉีเกรงใจน้องสะใภ้สามยิ่ง
“ต้องอร่อยแน่ๆ เลย แค่ได้กลิ่นข้าก็อยากอาหารแล้ว” โจรุ่ยสูดกลิ่นเข้าไป เพียงเท่านี้ท้องของเขาก็ต้องประท้วงแล้ว
“ฮ่าๆ พวกท่านกล่าวเกินไปแล้ว ท่านพี่มานั่งตรงนี้เร็วเข้า” อวิ้นซียิ้มอย่างเขินอายก่อนกวักมือเรียกสามีที่ยื่นเหม่ออยู่ให้มานั่งข้าง ๆ ตนเอง
“ภรรยาข้า อาหารทั้งหมดนี้เจ้าทำรึ” อาหารที่ส่งกลิ่นหอม ๆ ออกมาทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของภรรยาเขาจริง ๆ รึ อาหารวิเศษอันใดถึงหอมน่ากินเช่นนี้เหตุใดท่านแม่ไม่เคยทำให้เขากินเลยเล่า
“ใช่ขอรับ อันนี้ต้มเลือดหมู ผัดเผ็ดหมูป่า หมูหมกหน่อไม้ ลาบหมู หมูย่างแร่ชิ้นบางๆ กับน้ำจิ้มอร่อยๆ ขอรับ” อาหารทั้งหมดนี้เขาเป็นคนทำเอง แม้เขาจะมีชื่อที่เป็นภาษาจีนเพราะพ่อบุญธรรมเขาเป็นคนจีน ความจริงเขานั้นเป็นคนไทยต่างหาก เขาจึงชอบทำอาหารไทยกินเองเป็นอย่างยิ่ง แม้มาอยู่โลกนี้แล้วเขายังไม่ลืมอาหารพวกนี้
อึก
“แต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้นเลย จิวเอ๋อน้องหลับแล้วลูกมากินข้าวเร็วเข้า” สะใภ้รองบอกบุตรสาวตนเองที่ตอนนี้นางนั่งไกวเปลของทารกสองคนนอนอยู่คนละเปล
“เจ้าคะท่านแม่” จิวเอ๋อร้องรับแม่ของตนเอง ก่อนหันมามองของทั้งสองว่าตื่นหรือไม่ ก่อนไปนั่งร่วมกับผู้ใหญ่เพื่อกินข้าว
“อร่อยมาก ภรรยาเจ้าทำอาหารอร่อยจริงๆ ยอดเยี่ยมที่สุด” อันเฉิงชิมดูทุกอย่าง อร่อยแปลกใหม่ยิ่ง โดยเฉพาะอันที่เรียกว่าลาบหมูถูกปากเขายิ่งตักเข้าปากไปเสียหลายคำ
“หึๆ เช่นนั้นท่านก็กินเยอะๆ นะขอรับ วันหลังข้าจะทำให้ท่านกินอีก” อวิ้นซีสังเกตท่าทีของสามีลอบจดจำสิ่งที่เขาชอบไว้ วันหลังจะได้ทำให้เขากินบ่อยๆ
“เจ้าจะเหนื่อยหรือไม่” อันเฉิงขมวดคิ้ว ให้ภรรยาทำอาหารเขาจะเหนื่อยเกินไปหรือไม่ ถึงแม่ภรรยาจะบอกว่าจะเลี้ยงเขา แต่อันเฉิงก็ไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยอันใด พี่รองบอกไว้ว่าเป็นบุรุษต้องเลี้ยงดูภรรยา ตอนนี้เขากำลังคิดว่าจะทำเช่นไรตนจึงไม่เป็นภาระของภรรยา
“ไม่เลยขอรับเพียงเท่านี้เอง พี่สะใภ้รอง น้องสะใภ้สี่ กินเยอะๆ นะขอรับจะได้มีน้ำนมให้หลานๆ ดื่ม ข้ายังเก็บผลไม้มาไม่น้อยเลยแบ่งไปกินนะขอรับ” เขาไม่ได้ลำบากนักกับการแค่ทำอาหารให้สามีทาน ก่อนอวิ้นซีจะหันไปหาเหล่าสะใภ้ด้วยกัน ตอนนี้พวกนางช่างผอมยิ่งนักไม่คิดว่าสกุลโจที่พอมีเงินมีทองอยู่บ้างกลับมีแต่พี่สะใภ้ใหญ่ที่อ้วนถ้วนสมบูรณ์สะใภ้คนอื่นกลับผอมแห้งเช่นนี้ พวกนางจะไปมีน้ำนมให้ลูกได้อย่างไร
“อืม ขอบคุณเจ้าจริง อาหารอร่อยทุกอย่างเลย อาหารที่คนมาจากนครหลวงทำอร่อยกว่าชาวบ้านเช่นเราจริงๆ ด้วย” พี่สะใภ้รองกล่าวออกมา อาหารพวกนี้พวกนางไม่เคยเห็นมาก่อนคาดว่าน่าจะเป็นอาหารที่ชาวนครหลวงเขากินกันกระมัง ช่างแต่งต่างจากคนบ้านนอกอย่างพวกนางจริงๆ
“แฮะๆ ขอรับ” อวิ้นซีหัวเราะแห้งๆ จะว่าไปเจ้าของร่างใช่ว่าจะทำอาหารไม่เป็น แต่เขาเกิดคิดถึงอาหารบ้านเกิดขึ้นมาเท่านั้นจึงได้ทำให้ทุกคนได้กินในวันนี้ ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจเช่นนั้นไปเถิด เขาก็ไม่รู้จะอธิบายเช่นไรเหมือนกัน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 79
แสดงความคิดเห็น