ตอนที่ 215 จงกล 6 กลีบ
ตอนที่ 215 จงกล 6 กลีบ
ก่อนหน้านี้ทูรามได้ไปส่งฉินหมางที่ดาวโลกโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า เขาจึงจำเป็นต้องรีบกลับไปเพื่อสะสางงานที่เหลือค้างอยู่ในสมาพันธ์ ถ้าเป็นไปได้ทูรามก็อยากจะใช้ชีวิตอย่างอิสระเหมือนกับเซี่ยเฟยอยู่เหมือนกัน เพราะการใช้ชีวิตในสำนักงานไม่เหมาะกับลักษณะนิสัยของเขาเลย
ทูรามได้สั่งให้เลขาจ่ายเงินค่าสินค้าของเซี่ยเฟยล่วงหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ท้ายที่สุดภายในสมาพันธ์ก็มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้ามาอย่างมหาศาล และแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ได้งบประมาณเป็นจำนวนมากหมุนเวียนเข้ามาในทุก ๆ ปี การใช้เงินเพียงแค่นี้ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาเลย
หลังจากใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทูรามก็ทำการติดต่อไปยังฉินหมาง
“เมื่อกี้เซี่ยเฟยติดต่อมาหาฉัน” ทูรามกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คราวนี้เขาต้องการอะไรจากนายอีกล่ะ?” ฉินหมางถาม
“ไอ้เด็กนั่นต้องการให้ฉันจ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อให้บริษัทของมันขยายตัวออกไป ดูเหมือนว่าแผนการของนายจะเป็นไปได้ด้วยดี ฉันรู้สึกได้เลยว่าเซี่ยเฟยได้รับแรงกระตุ้นมามากกว่าเดิม”
“เซี่ยเฟยเป็นพวกอยากรู้อยากเห็นเรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยมีเป้าหมายที่ชัดเจนเลยนอกจากการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ถึงแม้ความคิดแบบนั้นจะไม่ใช่ความคิดที่แย่แต่มันก็เป็นความคิดที่กว้างมากเกินไป สิ่งที่ฉันทำก็แค่ทำให้เขามีเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม เขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม” ฉินหมางกล่าว
“ฉันก็หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามอย่างที่นายคิด ถ้าเขาตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่ดวงจันทร์อย่างน้อยเขาก็จะได้ล่องลอยอยู่ท่ามกลางดวงดาว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ แต่การพยายามไล่ตามเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ย่อมสร้างผลดีให้กับเขาอย่างแน่นอน ว่าแต่นายคิดวิธีการโต้กลับพวกนั้นเอาไว้แล้วหรือยัง?” ทูรามถาม
“ฉันจะทำให้พวกมันต้องเสียใจที่ยังปล่อยให้ฉันมีชีวิตอยู่ ฉันแค่ต้องการจะส่งต่อทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเซี่ยเฟย แต่น่าเสียดายที่ปีกของเขายังขยายออกไม่กว้างพอ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะตายก่อนหรือเขาจะเติบโตมากพอที่จะดูแลตัวเองได้ก่อนกันแน่” ฉินหมางกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“ฉันคิดว่าหลังจากแก่ตัวลงนายจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่านิสัยเดิม ๆ ของนายจะฝังอยู่ในกระดูกสินะ หลังจากนี้ถ้าใครทำให้นายขุ่นเคืองคนพวกนั้นก็คงจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข” ทูรามกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
—
แวมไพร์บินออกมาจากวงโคจรของโลกเพื่อเดินทางไปยังท้องทะเลที่เต็มไปด้วยดวงดาว
บัญชีพิเศษของสตาร์เน็ตเวิร์กมีความสามารถในการค้นหาที่ทรงพลังมาก เพราะหลังจากที่เซี่ยเฟยทำการค้นหาไปเพียงแค่ไม่นาน ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับจงกล 6 กลีบก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ชายหนุ่มเฝ้าดูข้อมูลอย่างระมัดระวังและเนื่องจากบัญชีพิเศษสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทั่วทั้งพันธมิตร จำนวนของข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาจึงมีปริมาณมหาศาล แต่ราคาของจงกล 6 กลีบที่ปรากฏขึ้นมากลับมีราคาหลักหมื่นล้านทั้งหมดเลย
“อย่าเสียเวลาดูข้อมูลพวกนี้เลย ที่ที่ฉันบอกจะต้องมีจงกล 6 กลีบอยู่แน่ ๆ ฉันเคยเจอพืชล้ำค่าชนิดนี้อยู่ในหุบเขา แต่ตอนนั้นมันยังไม่เติบโตเต็มที่ฉันจึงปล่อยมันเอาไว้อยู่ที่เดิม ซึ่งตอนนี้มันก็น่าจะเติบโตพอให้เก็บเกี่ยวได้แล้ว” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนจะยอมตัดใจจากข้อมูลในสตาร์เน็ตเวิร์ก จากนั้นเขาก็ทำการป้อนจุดหมายปลายทางตามที่อันธบอกลงในระบบนำทาง
ตอนนี้สิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำไม่เพียงแต่จะต้องเร่งการพัฒนาของบริษัทควอนตัมเท่านั้น แต่เขายังจะต้องรีบเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองด้วย
น่าเสียดายที่ในกระบวนการเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 มันทำให้สมองของเขาได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง ทำให้ไม่สามารถใช้การฝึกฝนเพื่อพัฒนาความสามารถของตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องดื่มน้ำยาอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ความสามารถของเขามีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ตอนที่เขาได้อยู่ในดาวมรดกเขาก็บังเอิญโชคดีได้พบกับสมุนไพรที่มีชื่อว่าวิหคเพลิงสวรรค์ ซึ่งมันก็ทำให้เขาสามารถพัฒนาพลังจิตขึ้นมาอยู่ในระดับสตาร์เบสขั้นสูงได้ในคราวเดียว
ขณะเดียวกันอันธก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการฝึกฝนความสามารถพิเศษถึงสองชนิดพร้อมกันมาก่อน และในฐานะของบุคคลแรกที่ฝึกฝนความสามารถ 2 ชนิดไปพร้อมกันแบบนี้ เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อค้นหาความลับในการเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กับพลังทั้งสอง
เท่าที่อันธได้สังเกตการณ์มาความเร็วในการดูดซึมน้ำยาของเซี่ยเฟยมีความเร็วขึ้นมากกว่าเดิมหลังจากที่เขาได้รับพลังพิเศษชนิดที่ 2 มา ที่สำคัญกว่านั้นคือพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของชายหนุ่มกำลังฟื้นฟูตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านพ้นไปเขาอาจจะสามารถพัฒนาพลังได้โดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาน้ำยา แต่ความคืบหน้าในการซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 มันช้ามากและมันก็อาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 1,000 ปีในการซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ให้กลับมาสมบูรณ์
เซี่ยเฟยอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้เมื่อเขาได้ฟังความเร็วในการฟื้นฟูพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขา แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถพัฒนาพลังพิเศษเหมือนคนอื่นได้ แต่การที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ถูกเปิดออกอย่างเต็มที่มันก็ทำให้เขาได้รับพลังที่คาดไม่ถึงกลับมาเช่นเดียวกัน
คนธรรมดาโดยทั่วไปย่อมไม่สามารถพัฒนาพลังพิเศษถึงสองสายพร้อมกันได้อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้อันธก็เคยยืนยันว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาไม่มีทางฟื้นฟูตัวเองกลับมาอย่างแน่นอนเช่นกัน
แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขากำลังฟื้นฟูตัวกลับมาอย่างช้า ๆ และถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ได้ในเร็ว ๆ นี้ แต่มันก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของเขาแล้ว
อันธได้ข้อสรุปใหม่ว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ที่ถูกเปิดออกอย่างเต็มที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้อย่างมากมาย โดยที่เขาไม่สามารถจะคาดเดาความเป็นไปได้พวกนั้นด้วยสามัญสำนึกของตัวเองได้
ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เซี่ยเฟยสามารถทำได้อย่างเดียวในตอนนี้คือการอดทนรอให้สารตกค้างในร่างกายค่อย ๆ สลายหายไป และเขาก็ต้องหาพืชวิเศษที่มีชื่อว่าจงกล 6 กลีบเพื่อมาเตรียมน้ำยาสำหรับการเพิ่มพลังรอบใหม่
“หลังจากกินยาอีกรอบ ฉันน่าจะมีพลังถึงสตาร์ริเวอร์แล้วใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ถ้าพวกเราได้รับจงกล 6 กลีบมาจริง ๆ ฉันก็เชื่อว่าพลังของนายจะเพิ่มขึ้นจนถึงสตาร์ริเวอร์ แต่ถึงแม้ว่ามันจะพัฒนาไม่ถึงระดับนั้นแต่ความเร็วของนายก็น่าจะใกล้พัฒนาถึง 10,000 เมตรต่อวินาทีเต็มที นี่คืออุปสรรคที่ผู้ใช้พลังสายความเร็วเกือบทุกคนไม่สามารถฝ่าฟันไปได้ แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาพัฒนาพลังมาทั้งชีวิตของพวกเขาแล้วก็ตาม”
“เอาล่ะพวกเรามารอจนกว่าพวกเราจะได้พบกับจงกล 6 กลีบกันดีกว่า” เซี่ยเฟยกัดฟันพูดขึ้นมาด้วยความกังวล
แน่นอนว่าอันธก็กำลังรู้สึกกังวลด้วยเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดจงกล 6 กลีบจะเติบโตขึ้นบนดาวเคราะห์ที่มีฝนตกตลอดทั้งปี แล้วมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการเติบโตเป็นเวลาหลายพันปีจนทำให้มันเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่หาได้ยากมากที่สุดในจักรวาล
ด้วยระดับความสามารถของเซี่ยเฟยในตอนนี้ เขาสามารถพึ่งพาได้เพียงแต่วัตถุดิบที่หายากขึ้นเท่านั้น และถ้าหากว่าเขาต้องการจะพัฒนาความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม วัตถุดิบที่เขาจำเป็นจะต้องใช้ก็จะยิ่งหายากยิ่งกว่าจงกล 6 กลีบ
หลังจากกลับเข้าไปภายในห้องเซี่ยเฟยก็เริ่มฝึกวิชาเล่ห์สังหารเป็นอย่างแรก ซึ่งในตอนนี้เขามีความเชี่ยวชาญในวิชามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ทำให้การจู่โจมของเขามีความเฉียบคมมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และเวลาฝึกฝนในทุก ๆ วันก็ค่อย ๆ สั้นลงเหมือนกับการทบทวนความรู้ให้ร่างกายยังคงคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนพลังจิตและเปลี่ยนไปฝึกวิชามนตราอสูร
ระดับพลังของพลังจิตถูกผูกติดกับพลังสายความเร็ว แต่เนื่องจากพลังพิเศษสายความเร็วเป็นพลังที่ค่อนข้างเรียบง่าย เซี่ยเฟยจึงไม่จำเป็นจะต้องฝึกฝนอะไรนอกจากการทำความคุ้นเคยกับความเร็ว
แต่สำหรับพลังจิตเป็นพลังที่มีความยุ่งยากแตกต่างจากพลังสายความเร็วอย่างสิ้นเชิง เพราะมันจำเป็นจะต้องคอยควบคุมพลังอยู่ตลอดเวลา และมันก็ยังมีเทคนิคพิเศษสำหรับการใช้พลังจิตด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เทคนิคดีม่อนแอคซึ่งเป็นเทคนิคการระเบิดพลังจิตออกมาในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งในช่วงเวลานั้นสมองของเขาจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก และความเสียหายที่เกิดขึ้นก็อาจจะได้กลายเป็นความเสียหายถาวร เซี่ยเฟยจึงพยายามใช้เทคนิคนี้ให้น้อยที่สุดเว้นแต่ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นจริง ๆ
เซี่ยเฟยนั่งหลับตาพร้อมกับกระจายคลื่นสมองไปทุกทิศทางเหมือนกับเส้นด้ายพลังงานที่มองไม่เห็น
การใช้พลังจิตในรูปแบบนี้เป็นการกระทำที่มีความละเอียดอ่อนสูงมาก และถ้าหากว่ามันได้มีใครบุกเข้ามาภายในห้องของชายหนุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาก็จะต้องรู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นหนังสือ, โต๊ะและเก้าอี้บินว่อนอยู่ทั่วทั้งห้อง
เซี่ยเฟยยกสิ่งของต่าง ๆ ขึ้นไปในอากาศพร้อมกับควบคุมให้สิ่งของพวกนี้คอยไล่ล่าจู่โจมหลบหลีกซึ่งกันและกัน
การทำแบบนี้จำเป็นจะต้องใช้สมาธิที่สูงมาก และมันก็เป็นวิธีการควบคุมที่แตกต่างจากการควบคุมใบมีดทั้ง 18 เล่มของเซเลสเชียลมูนโดยสิ้นเชิง
ถึงยังไงเซเลสเชียลมูนก็เป็นอาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับผู้ใช้พลังจิตโดยเฉพาะ และโดยปกติเป้าหมายของการจู่โจมของใบมีดทั้ง 18 เล่มก็คือเป้าหมายเดียวกัน แต่วัตถุที่เซี่ยเฟยกำลังควบคุมอยู่ภายในห้องนั้นมีจำนวนกว่า 50 ชิ้น และพวกมันก็กำลังไล่ล่าจู่โจมเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“51 ชิ้น! ตอนนี้นายสามารถควบคุมวัตถุในเวลาเดียวกันได้ถึง 51 ชิ้นแล้ว ดูเหมือนการใช้พลังจิตควบคุมของนายจะดีขึ้นเรื่อย ๆ” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยเฟยได้พยายามควบคุมวัตถุชิ้นที่ 52 วัตถุทั้งหมดที่ลอยอยู่ในอากาศก็เริ่มเกิดอาการสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง ก่อนที่พวกมันจะร่วงหล่นลงมาโดยที่เขาไม่สามารถควบคุมพวกมันได้
“ล้มเหลวอีกแล้วสินะ” เซี่ยเฟยกล่าว
จากนั้นเขาก็ควบคุมวัตถุทั้งหมดให้ลอยกลับไปในตำแหน่งเดิม ก่อนที่เขาจะควบคุมพวกมันให้เริ่มทำการไล่ล่าในอากาศอีกครั้ง
นอกจากการฝึกฝนการใช้พลังจิตให้มีความละเอียดอ่อนกว่าเดิม เซี่ยเฟยยังจำเป็นจะต้องฝึกฝนให้พลังจิตมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมด้วย โดยวิธีการฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังจิตคือการใช้พลังจิตยกโลหะที่มีน้ำหนักมากกว่า 200 กิโลกรัม ซึ่งเขาก็ยกพวกมันขึ้นขึ้นลงเหมือนกับว่าเขากำลังออกกำลังกาย
วิธีการฝึกฝนเหล่านี้เป็นวิธีที่เซี่ยเฟยได้คิดค้นขึ้นมาเอง ซึ่งในความเป็นจริงมันเป็นวิธีการฝึกฝนที่ได้ผลมากกว่าวิธีการในหนังสือ แล้วมันก็เป็นวิธีการฝึกฝนที่เขาสามารถฝึกได้ทุกที่ทุกเวลา
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เริ่มทำการฝึกฝนวิชามนตราอสูรและถึงแม้ว่าวิชามนตราอสูรในขั้นที่ 3 จะสามารถเข้าควบคุมสัตว์อสูรส่วนใหญ่ในจักรวาลได้แล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันมีพลังอำนาจในการต่อสู้น้อยเกินไป
ในทุ่งดาววิลเดอร์เนสอันห่างไกลยังมียานบัญชาการลำหนึ่งจอดรอเขาอยู่ แต่เขาก็จำเป็นจะต้องเอาชนะค้างคาวเงาดาราที่เฝ้ายานลำนั้นอยู่ให้ได้เสียก่อน และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสามารถจัดการกับค้างคาวตัวนั้นได้ ยานบัญชาการย่อมจะต้องตกเป็นของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่าพันธมิตรย่อมไม่ให้บุคคลธรรมดาเป็นเจ้าของยานบัญชาการที่ทรงพลังในระดับนี้และการพยายามลงทะเบียนยานบัญชาการย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาอย่างแน่นอน
แต่เซี่ยเฟยมีเป้าหมายเป็นยานไททันที่ไร้เทียมทาน เขาจึงจำเป็นจะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อไปยังเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของเขาให้สำเร็จ
ชายหนุ่มฝึกฝนอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้พักผ่อนเป็นเวลากว่า 14 ชั่วโมง ก่อนที่เขาจะเริ่มอ่านความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเข้ารหัสหุ่นยนต์, ศึกษาพิมพ์เขียวของระบบซุปเปอร์เรดาห์และการพยายามประยุกต์ความรู้ทั้งหมดเพื่อสร้างระบบเรดาร์ของตัวเองขึ้นมา
นี่คือตารางชีวิตประจำวันที่เซี่ยเฟยได้ทำอยู่ทุกวัน ซึ่งแม้แต่ประธานาธิบดีของพันธมิตรก็อาจจะไม่ได้มีชีวิตที่ยุ่งเหมือนกับชายหนุ่มคนนี้
ท้ายที่สุดหากเขามีเป้าหมายที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ เขาก็จำเป็นจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนทั่วไปด้วยเช่นกัน และในที่สุดเขาก็เดินทางมาจนถึงดาวเคราะห์ที่มีฝนตกตลอดทั้งปี
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 166
แสดงความคิดเห็น