ตอนที่ 17 ผู้ใดทำให้เจ้าเจ็บ ข้าจะทำให้มันเสียใจไปจนชั่วชีวิต
ตอนที่ 17 ผู้ใดทำให้เจ้าเจ็บ ข้าจะทำให้มันเสียใจไปจนชั่วชีวิต
ชายชราเริ่มมองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง หน้าตาเขานับว่าหล่อเหลามาก กล่าวได้ว่าอยู่ในระดับน่าทึ่ง เขาดูคล้ายจะปล่อยกลิ่นอายความสง่าผ่าเผยและความสันโดษออกมา แม้จะมีคนนับพันอยู่ต่อหน้า เขาก็ย่อมเหนือล้ำกว่าผู้คนเหล่านั้น รอยยิ้มบางที่ประดับบนใบหน้า ประกายดวงตาราวกับโลกทั้งใบไร้ความหมาย เพียงเฉพาะยามมองยังสาวน้อยในอ้อมแขน ดวงตาคู่นั่นจึงดูอ่อนโยนและนุ่มนวลลง
น้ำเสียงเขาสงบราบเรียบ สุ้มเสียงราวกับเปล่งออกมาจากปากผู้ทรงพลังอำนาจ แม้จะดูคล้ายว่าถูกกดระงับไว้เพื่อปกปิดจากผู้คน
ปู่หลงคิดอยู่ในใจ ดูเหมือนบุรุษผู้นี้จะไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน เขาย่อมต้องเป็นเป็นทายาทของตระกูลใหญ่ทรงอำนาจสักตระกูล เขาสามารถปลดปล่อยความรู้สึกสัมผัสของผู้อยู่เหนือล้ำได้อย่างตามใจนึก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเล็กๆจะสามารถกระทำได้
ปู่หลงยิ่งเพิ่มความสงสัยใคร่รู้ในต้นกำเนิดของบุรุษผู้นี้ขึ้นไปอีก
สายตาของปู่หลงตกลงบนแขนซ้ายของเขาที่กำลังอุ้มหนิงเสวี่ยอยู่ เมื่อเหลือบไปเห็นแหวน ม่านตาเขาหดลีบลงอย่างรุนแรงหากแต่กลับคืนเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เย่หวูเฉินสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของปู่หลงรวมถึงสีหน้าของเขาได้ในทันที เขายิ้มให้ปู่หลงและใช้หางตามองไปที่แหวนบนมือซ้ายอย่างครุ่นคิด
“เสวี่ยเอ๋อร์เลิกร้องไห้ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะหัวเราะเจ้าเอานะ” เย่หวูเฉินเขย่าตัวหนิงเสวี่ยเบาๆราวกับกำลังปลอบโยนทารกน้อยอยู่
“ข้า...ข้าเปล่าร้องไห้ ข้าแค่ดีใจมากเกินไป....” เย่หนิงเสวี่ยพยายามหยุดร้องไห้ แขนนางโอบรอบคอเขาไว้ไม่ปรารถนาจะปล่อยเขาไป
หลงเจิ้งหยางในที่สุดก็กล่าว “น้องเย่ เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆเหรอ? แต่ว่าอาการบาดเจ็บที่อวัยวะภายในของเจ้าก่อนหน้านี้...”
หากเป็นบุคคลธรรมดา ความเสียหายของอวัยวะภายในย่อมทำให้ถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน การที่เขายังไม่ตายยังก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างมากแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับมายืนอยู่ต่อหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น... นี่มันเหนือจินตนาการเกินไป ผลจากแก่นชีวิตธรรมชาติของไข่นกเทียนเล่ยสมควรยืดอายุของเขาออกไปได้บ้าง แต่ย่อมไม่ใช่ให้ผลลัพท์ดั่งร่ายมนต์เช่นนี้
เย่หวูเฉินยิ้มและพยักหน้า “อาการบาดเจ็บของข้ารุนแรงน้อยกว่าที่ท่านคิดไว้อยู่มาก อีกทั้งข้าฝึกฝนวิชาที่ช่วยให้ฟื้นคืนอาการบาดเจ็บได้ด้วยตัวเอง ยิ่งกว่านั้นในระหว่างสองวันนี้ แม้ว่าข้าไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกาย หากข้ายังคงตื่นอยู่ตลอดเวลา ข้ายังได้ยินทุกอย่างที่พวกท่านคุยกัน”
เย่หวูเฉินหายดีอย่างแท้จริง อีกทั้งไม่ปรากฎร่องรอยเจ็บป่วยใดๆบนร่างกายของเขา หากแต่กระแสลมปราณนับสิบในเวลานี้กำลังซ่อนอยู่ในร่างกาย หลับไหลรอคอยเวลาปะทุและคุกคามชีวิตเขาอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่ามันจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อไหร่
หลงเจิ้งหยางมุ่นคิ้วเล็กน้อย สีหน้าสับสนงุนงง
“ความเมตตาที่พวกท่านมีต่อข้าและเสวี่ยเอ๋อร์ ข้าเย่หวูเฉินจะขอจดจำไว้ภายในใจ พวกเราสร้างปัญหาให้พวกท่านมามากในสองวันที่ผ่านมา และตอนนี้ข้าไม่อาจอยู่รบกวนพวกท่านต่อไปได้อีก” เย่หวูเฉินกล่าวสื่อว่าเขาจะจากไปพร้อมกับเสวี่ยเอ๋อร์
ปู่หลงมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการรั้งอยู่ที่นี่ต่อ “กล่าวกันตามตรง ชายชราผู้นี้ย่อมไม่รั้งเจ้าไว้ แต่เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าเจ้าหายดีแล้ว? อย่าได้ทำให้ความพยายามของเย่หนิงเสวี่ยต้องพังลง”
“ท่านปู่หลง ขอบคุณในความห่วงใย แต่ตอนนี้ข้าหายดีแล้วจริงๆ” เขามองที่เย่หนิงเสวี่ยแล้วแตะหลังนางเบาๆ “เสวี่ยเอ๋อร์ ถึงเวลาที่เราต้องไปแล้ว บอกลาท่านปู่กับพี่หลงสิ”
เย่หนิงเสวี่ยทำตามอย่างเชื่อฟัง นางโบกมือด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ท่านปู่หลง และท่านพี่หลง ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยท่านพี่กับเสวี่ยเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์จะคิดถึงพวกท่านเสมอ และจะขอพี่ชายให้พามาเยี่ยมพวกท่านบ่อยๆ”
ปู่หลงหัวเราะเสียงดังและกล่าว “คำพูดของเจ้าทำให้ปู่ผู้นี้รู้สึกยอดเยี่ยมจริงๆที่ได้กระทำสิ่งดีๆ” เขากล่าวพลางโบกมือลา
พยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย เย่หวูเฉินไม่รั้งรอต่อไปและออกเดินทาง อีกครู่หนึ่ง เย่หนิงเสวี่ยก็ตะโกนเสียงดังมาห่างไกล “ลาก่อน ท่านปู่”
“เหตุใดเขาจึงเร่งรีบเช่นนั้น ถึงแม้ร่างกายของเขาจะหายเป็นปกติแล้วก็เถอะ น้องหญิงเสวี่ยเอ๋อร์เองก็ยังจำเป็นต้องพักฟื้นร่างกาย... แต่ว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆเหรอ? ข้าเองยังคงสับสนไม่หาย” หลงเจิ้งหยางกล่าวอย่างแปลกใจ
ปู่หลงนิ่งเงียบ จากนั้นกล่าวพึมพำกับตนเอง “ไม่... สิบห้าปีก่อนข้าเคยเห็นหลานชายของเขา ตอนเจ้าหนูนั่นอายุห้าขวบ กระดูกของเขาแข็งแกร่งและหนาแน่น แต่รูปลักษณ์กับอายุของเขาดูผิดไป แปลกยิ่งนัก”
“ท่านปู่ ท่านเคยเห็นเขามาก่อนอย่างนั้นหรือ?” หลงเจิ้งหยางเอ่ยถาม
ปู่หลงส่ายศีรษะและกล่าวอย่างมีนัยยะ “หลานข้า การได้มีวาสนาได้เป็นสหายกับชายผู้นั้นจะกลายเป็นประโยชน์กับเจ้าอย่างมาก”
หลงเจิ้งหยางพยักหน้าแล้วบ่นพึมพำ “น่าแปลก เหตุใดข้าจึงรู้สึกเหมือนเคยเจอเขามาก่อน”
.........................................
“ท่านพี่ ท่านบอกว่าจะปกป้องเสวี่ยเอ๋อร์ไปตลอดชีวิต”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้น อย่าปล่อยให้เสวี่ยเอ๋อร์ต้องอยู่คนเดียว ตกลงมั้ย?...”
“อืม!”
เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลเย่หวูเฉินจึงหยุดเท้าลง เขาวางเย่หนิงเสวี่ยลงบนก้อนหินเรียบที่อยู่ในลำธาร จากนั้นใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้านาง เขาลูบที่รอยบาดตามใบหน้าและกระซิบถาม “เจ็บไหม?”
“ไม่ ข้าไม่เจ็บเลย”
เย่หวูเฉินเคาะจมูกนางเบาๆ เขาทำตาบูดก่อนจะยิ้มและกล่าว “เป็นเพราะข้า เสวี่ยเอ๋อร์เลยต้องเจ็บปวดมากขนาดนี้ แม้รู้ว่าเสวี่ยเอ๋อร์จะไม่กล่าวโทษข้าก็ตาม... พี่ชายคนนี้ขอสาบานต่อเจ้า ต่อจากนี้ไม่ว่าเจ้าจะไปยังที่ใด พี่ชายเจ้าจะไม่ทิ้งเจ้าอีก”
เย่หนิงเสวี่ยพยักหน้า คิ้วโก่งขึ้นเล็กน้อย และหัวเราะบางเบา ในสายตาของเย่หวูเฉิน รอยแผลเป็นน่าเกลียดกับแผลรอยบาดล้วนไร้ความหมายใดๆ ที่เขาเห็นนั้นคือใบหน้างดงามน่ามอง
เขาลากนิ้วผ่านทุกแผลรอยบาดบนใบหน้านาง ทุกบาดแผลถูกลบหายไปไร้ร่องรอย ราวกับแผลเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีเพียงแสงสีจางๆบนใบหน้าจากพลังของ ‘มนต์หวูเฉิน’ เขารักษาแผลบนใบหน้าตลอดจนบาดแผลที่มือ เขาประคองนางไว้ในอ้อมแขน ค่อยๆถอดรองเท้าคู่ขาวของนางออก หนิงเสวี่ยอุทานด้วยความเจ็บปวด
ถุงเท้าสีขาวที่นางสวมใส่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงครึ่งหนึ่ง สามารถจินตนาการได้ถึงความเจ็บปวดของนางที่ต้องอดทนวิ่งไปมาตลอดสองวัน เย่หวูเฉินรู้สึกผิดต่อนางมากและไม่กล้าถอดถุงเท้าของนางออก เขาจับเท้าเล็กๆไว้แล้วแตะเบาๆ บาดแผลที่เท้านางหายสนิทในทันที
“ท่านพี่ช่างยอดเยี่ยมนัก ข้าไม่รู้สึกเจ็บแล้ว” เย่หนิงเสวี่ยกล่าวอย่างประหลาดใจ นางยิ่งมองเขาอย่างลึกซึ้งและผูกพัน
เมื่อเย่หวูเฉินถอดถุงเท้าคู่เล็กๆของนางออก เขากระซิบแผ่วเบา “หากผู้ใดทำให้เจ้าต้องเจ็บ ข้าจะทำให้มันเสียใจไปชั่วชีวิต” เสียงของเขาเบามากและเสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ยินว่าเขากล่าวว่าอะไร ผู้คนจะรู้คุณค่าของบางสิ่งเมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไป และเขาดีใจอย่างมากที่ตนยังไม่สูญเสียเสวี่ยเอ๋อร์
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 294
แสดงความคิดเห็น