STARCIN ภาคที่ 5 Elforia ตอนที่ 26 สางผม
"ท่านฟราน! ที่โรงเรียนมีประชุมด่วนนะครับ" หนึ่งในอาจารย์ส่วนตัวที่องค์ราชาจ้างวานวิ่งมาตั้งแต่โรงเรียนกลับมายังที่พักของฟราน
"ได้ค่ะเดี๋ยวจะรีบไป" รอยยิ้มอันเบิกบานตอบกลับบวกกับชุดสำหรับออกกำลังเปิดเนื้อหนังของเธอทำเอาชายวัยกลางคนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อีกทั้งยังมีเรือนร่างผิวพรรณราวกับเทพธิดาลงมาจุติแม้จะมีมัดกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวแต่ก็ยังดูมีน้ำนวลสมกับเป็นกุลสตรี
"คะครับท่านฟราน พวกเขานัดกันที่ห้องประชุมใหญ่นะครับ" หลังจากบอกกล่าวเรียบร้อยเขาก็ออกมาจากห้องสำหรับออกกำลังกายที่ฟรานอยู่และล่วงหน้ากลับไปยังโรงเรียนหลวง
นี่มันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่ก็ไม่มีเบาะแสของกิจังเลย ดูท่าแค่ข้อมูลในเมืองแอสต้าจะไม่พอ
เธอรีบเช็ดเหงื่อหลังจากออกกำลังกายเสร็จแต่งตัวลวก ๆ และมุ่งตรงไปยังโรงเรียนหลวงทันที
ตั้งแต่ขึ้นมาเลเวลเจ็ดผู้คนก็เริ่มเกรงใจเราหนักขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะขอหรือทำอะไรก็สามารถทำได้อย่างกับเป็นเจ้าของประเทศไปแล้ว
"มาแล้วหรือครับท่านฟราน" ทหารองครักษ์เฝ้าอยู่หน้าห้องประชุมใหญ่ที่นั่นเต็มไปด้วยสมาชิกสภาระดับสูงผู้คนที่คอยขับเคลื่อนอาณาจักรเซียในทุกวันนี้
"ในเมื่อคนมาครบแล้วผม...ก็ขอเริ่มการประชุมนะครับ" ขณะที่เอ่ยเช่นนั้นเขาก็ยังไอเป็นบางครั้งไม่สบายคอ
ทันใดนั้นก็มีคนกระโดดเข้ามาทางหน้าต่างสร้างความตกอกตกใจจนทหารองครักษ์เกือบจะชักดาบฟันเสียแล้ว "เดี๋ยวสิครับลุงแพกซ์ไม่มีผมอยู่ได้ยังไง?"
"เจ้าวินอีกแล้วเหรอเมื่อไหร่จะเลิกเข้ามาโผงผางแบบนั้นเสียที"
"ก็มาทางปกติพวกยามไม่ให้เข้าน่ะ" สายตาขององครักษ์จับจ้องวินจนอยากจะจับมาทรมานสักทีหลังจากที่เรียกพวกเขาว่ายาม
วินเป็นหนึ่งในคนที่น่าจับตามองเพราะนิสัยที่ไม่สนใจใครและความสามารถในการพลิกแพลงเวทมนตร์ทำให้เขาขึ้นเป็นประธานนักเรียนได้ ฟรานนั่งนิ่งเงียบเฝ้ามองผู้คนภายในห้องนั้นเพียงอย่างเดียว
"สวัสดีครับท่านฟรานไม่ได้เจอกันพักหนึ่งแล้วนะครับ"
"สวัสดีค่ะ" ฟรานโบกมือตอบรับพร้อมกับยิ้มอ่อน ๆ
"ถ้าจะมาประชุมก็นั่งลงซะวิน!" แพกซ์กระแทกเสียงดูจริงจังจนวินเองก็ยอมนั่งตามที่บอก
"หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเผ่าภูตจิ๋วบุกรุกมาถึงเมืองแอสต้าแถมยังทำร้ายท่านฟรานผู้ที่จะเป็นผู้กล้าในอนาคตอีก แต่ทั้งทหารองครักษ์หรือสายลับก็ไม่มีใครตามหาเจ้านั่นเจอเลยแม้แต่คนเดียว"
อา...การประชุมแสนจะน่าเบื่อ ถึงจะคิดไปเองก็เถอะแต่ภูตตนนั้นไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเราเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วก็ตาลุงนั่นที่มาช่วยเราไว้ถ้าไม่มีเขาเราก็คงจะเจ็บหนักไปแล้วถ้ามีโอกาสเจออีกครั้งก็อยากจะขอบคุณตรง ๆ
"เรื่องนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่วันนี้เราจะมาเนื่องในวาระการแต่งตั้งยศให้กับท่านฟราน"
อืมแต่งตั้งยศเหรอ "หา? เมื่อกี้ว่าอะไรนะคะลุงแพกซ์" ท่าทางร้อนรนจนทำตัวไม่ถูกของเธอทำเอาสมาชิกสภาแปลกใจที่ได้เห็น
"โอบาฝากข้ามาน่ะ ว่าจะแต่งตั้งยศให้กับท่านฟรานให้เทียบเท่ากับองค์รัชทายาทหรือก็คือศักดิ์เทียบเท่าสายเลือดกษัตริย์นั่นเอง"
"เอาจริงเหรอคะ?"
"อืม..." แพกซ์พยักหน้าตอบและคนในที่ประชุมก็ไม่มีใครแย้งทำให้ลงมติเป็นเอกฉันท์
เฮ้อ...เรื่องยุ่งยากอีกแล้วสิ ถ้าเป็นถึงกับองค์รัชทายาทก็คงจะมีองครักษ์หรืออะไรแนวนั้นคอยติดตามด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็แอบออกไปหาข้อมูลไม่ได้น่ะสิ
"หนูขออะไรสักอย่างได้ไหมคะ?" ฟรานสูดหายใจเข้าออกรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยออกไป
"ได้แน่นอนครับถ้าสิ่งนั้นไม่ได้เกินตัวพวกเรา" แพกซ์ตอบรับแทบจะทันทีดูจะตามใจฟรานเป็นพิเศษต่างกับวินคนละขั้ว
"หนูอยากจะไปเมืองอื่นบ้างแต่ถ้าไปอาณาจักรอื่นได้ก็ยิ่งดีค่ะ"
"ถ้าเรื่องไปเมืองข้าง ๆ ก็ได้อยู่หรอกแต่กับการเดินทางข้ามอาณาจักรคงจะเป็นไปได้ยาก ขนาดที่องค์ราชาเองก็ไม่ไปเยือนอาณาจักรอื่นเช่นกันเพราะอุดมการณ์และวิธีการแตกต่างกันจนอาจจะเกิดสงครามได้"
แสดงว่าแต่ละอาณาจักรไม่ได้ญาติดีกันสินะ ถ้าเป็นไปตามข่าวจากพวกทหารก็จะระบุการตายของกิจังว่าตกลงไปในทะเลและถูกชาวสมุทรสังหาร
"แล้วถ้าไปเมืองยานจะได้ไหมคะ?"
แววตาสงสัยกำลังจับจ้องฟรานพลางตั้งคำถามในใจแต่ก็ไม่เอ่ยออกมา
"ท่านฟรานจะไปที่นั่นทำไมหรือครับ? ที่นั่นกำลังฟื้นฟูเมืองหลังจากที่ถูกโจมตีไปหยก ๆ"
ถามได้ถูกประเด็นเลย
"คือหนูอยากจะไปศึกษาการฟื้นฟูเมืองโดยตรงเลย แค่อ่านหรือฟังเอามันไม่เพียงพออีกทั้งเรื่องแบบนั้นใช่ว่าจะมีโอกาสบ่อย ๆ" รอยยิ้มอ่อน ๆ เพียงเล็กน้อยของเธอพร้อมกับสายตาอ้อนวอนกวาดไปทั่วจนใคร ๆ ก็ไม่กล้าแย้ง
"ดะได้สิแต่ต้องมีคนคุ้มกันไปด้วย ตอนนี้ท่านฟรานยังอยู่แค่เลเวลเจ็ดยังไม่สามารถวางใจจากผู้ที่คิดร้ายได้"
"แค่นั้นหนูก็ขอบคุณแล้วค่ะ"
และเมื่อการประชุมเสร็จสิ้นลงสมาชิกสภาก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง
"สวัสดีอีกครั้งนะครับท่านฟราน" วินเดินตามหลังฟรานออกมาไม่ไกลก่อนจะตะโกนทักทาย
"ไม่ต้องเรียกท่านก็ได้ค่ะ ก่อนหน้านี้เราก็คุยกันแบบปกติแท้ ๆ" เธอมองดูสายตาอันเบิกบานยิ้มสนุกทุกอิริยาบถของวินก่อนจะตอบกลับ
"ก็ได้ ๆ ฟราน ฉันจะต้องเรียกรุ่นพี่หรือเปล่านะเพราะเลเวลเธอแซงฉันไปแล้ว"
"ไม่จะดีกว่า ในเมื่อฟรานเข้ามาทีหลังก็ควรจะเป็นรุ่นน้องยกเว้นเสียแต่ว่าจะวัดกันที่ระดับพลัง" เธอเหม่อมองไปยังภายนอกหน้าต่างมองไปยังนักเรียนที่เดินไปเดินมา
วินกระตุกยิ้มยียวนใช้หางตามอง "แล้วเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง? ได้อภิสิทธิ์เรียนข้ามวิชาปลีกย่อยทั้งหมดเหมือนกับฉันเลยสินะ"
"จะว่าดีมันก็ดีตรงที่วิชาหลาย ๆ อย่างฟรานพอจะมีความรู้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าได้เรียนก็คงจะรู้ลึกละเอียดมากกว่าแต่เวลามันไม่ได้เหลือเฟือขนาดนั้น"
"ฉันพึ่งรู้นะเนี่ยว่าค่ายทหารแบบนั้นจะสอนเรื่องการคำนวณมานาหรืออะไรพวกนั้นที่ทหารไม่น่าจะสอน"
"เปล่าหรอกไม่ได้เรียนมาจากทหารแต่เป็น....พวกเรากลุ่มคนที่มายังโลกนี้เรียนรู้กันเองน่ะ" ใบหน้าที่คุ้นเคยของซึฮากิผุดขึ้นมาก่อนจะเอ่ยออกไป
"อ้อเหรอ งั้นฉันไม่รบกวนละขอตัว" วินกระโดดโลดโผนลงหน้าต่างไม่รู้ทำไมไม่ออกทางดี ๆ ทิ้งให้ฟรานยืนนึกทบทวนกับตนเองต่อไป
ในเมื่อทำเรื่องไปเมืองยานได้แล้ว ทีนี้ก็คงต้องหาจังหวะหลบสายตาพวกทหารออกไปสืบข่าวดู แล้วก็ยังไม่ได้ลองใช้สกิลใหม่เลยสักครั้งถือว่าเป็นโอกาสแล้วกัน
ขณะเดียวกันที่เมืองเอลโฟเรียทุกคนกำลังจับจ้องดูการประลองเล็ก ๆ ของคานะและเซนโดยมีผู้มากความสามารถหลายคนค่อยสร้างโล่ป้องกันผู้บริสุทธิ์และบ้านเมืองไว้
"พวกเขาสู้กันทำไมเหรอครับ?" เอกล่าวทักด้วยคำถามเป็นอันดับแรกเมื่อได้เห็นสนามประลองเละเทะไปหมด
"ไม่รู้สิอยู่ ๆ พวกเขาก็เข้ามาหาแล้วก็บอกว่าช่วยคุ้มกันเมืองด้วย ไอ้เราก็นึกว่าจะออกไปสำรวจแต่ดันมาสู้กันเองซะได้" ชิมม่อนสอดสายตามองดูการเคลื่อนไหวที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่เคยสู้กับเขา
"พวกเขาเก่งเอาเรื่องเหมือนกันนะสำหรับอายุแค่นี้" เฮอเมสเดินเข้ามาทางด้านหลังชายตามองการฟาดฟันกันด้วยมานาสารพัดรูปแบบ
"ดูเหมือนจะยังวัยรุ่นอยู่เลยมั้ง ข้าไม่เคยถามอายุพวกเขาเสียด้วย" อ้อมแขนสีดำวางพาดบนไหล่เฮอเมสอย่างสนิทสนม
" [ประเมิน] ระดับศักยภาพของพวกเขาสูงกว่าเรานะเนี่ย ถ้าได้รับการฝึกฝนอีกสักสิบปีก็อาจจะตามเราทันก็ได้"
"ไม่หรอกเฮอเมส ข้าเชื่อว่าพวกเขาทำได้ไวกว่านั้น" ชิมม่อนกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวเข้าไปดูพวกเขาใกล้ ๆ ระหว่างนั้นก็ยังคงใช้บาเรียปกป้องอาคารบ้านเมืองไว้ด้วย
แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นสะบัดฟาดคมมีดมานาประชันความแข็งแกร่งกันโดยไม่มีการออมมือทั้งสิ้น เปลวเพลิงสีชาดห่อหุ้มอาวุธของเซนพร้อม ๆ กับการกระโจนเข้าใส่อาศัยการเหวี่ยงหนึ่งร้อยแปดสิบองศาส่งแรงกระแทกใส่คานะจนเสริมกำลังของเธอแตกเป็นเสี่ยง ๆ
สกิลแบบนี้เหมือนกับตอนที่ใช้ในสงครามเลย คานะสร้างมานาขึ้นรอบตัวได้อย่างรวดเร็วดั่งการหายใจเข้าออกประจวบเหมาะกับเซนที่สูญเสียการทรงตัวเพราะส่งแรงที่มากเป็นพิเศษและเมื่อวินาทีที่เขากำลังจะล้มถึงพื้นก็มีแอ่งน้ำมารองรับ
คนอื่นอาจจะคิดว่านั้นเป็นการช่วยรับแรงกระแทกแต่เปล่าเลย เมื่อเซนสัมผัสกับแอ่งน้ำเล็ก ๆ นั่นมันก็ขยายตัวออกห่อหุ้มร่างของเซนไว้ราวกับเป็นฟองน้ำขนาดยักษ์ต่อด้วยศรสีขาวที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้ายิงออกมาจากคันธนูสีน้ำเงินช็อตร่างของเซนจนแน่นิ่งไป
กระแสไฟถือว่าเป็นของอันตรายที่ทำร้ายร่างกายได้โดยตรงไปถึงข้างใน หวังว่าเขาจะไม่...
เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่เซนถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเขาก็สลัดฟองน้ำยักษ์ด้วยคลื่นความร้อนที่แผ่กระจายตั้งแต่ตรงหน้าไปยันบาเรียที่พวกชิมม่อนสร้าง
มาแล้วสินะดวงตาแดงก่ำดั่งเลือดที่หลั่งพร้อม ๆ กับความบ้ามุทะลุไม่สนใจใคร
ทันใดนั้นเซนก็พุ่งเข้าหาด้วยการใช้เวทไฟส่งแรงดันจากด้านหลังเป็นเหมือนเครื่องบินไอพ่น
เร็วมาก เธอไม่ทันได้หายใจเต็มปอดก็ยังจะมีกลิ่นไหม้ลอยฟุ้งไปทั่วอีกทั้งป่าในบริเวณนั้นก็กำลังถูกเผาไปพร้อม ๆ กัน
ถึงจะไม่ถนัดระยะประชิดก็เถอะแต่ก็อย่าดูถูกไป ใบมีดสีชาดของเซนหมุนควงราวกับเป็นสายลมที่เต็มไปด้วยความร้อนลอดผ่านกระสุนน้ำที่คานะตั้งใจยิงสกัดไปได้
สมกับเป็นสกิลของนายจริง ๆ ...เบอร์เซิร์ก คานะใช้คันธนูยื่นออกไปให้มีดของเซนแทงลอดเข้ามาด้านในและบิดอย่างรวดเร็วสลัดมีดให้หลุด
"คงจะพอแค่นี้แหละเซน" เมื่อมีดของเขาหลุดมือสกิลทั้งหมดก็สลายหายไปทันทีเหลือเพียงเถ้าธุลีของป่าไม้ ในที่สุดคานะก็สามารถสูดอากาศหายใจได้ตามปกติทำเอาเกือบหมดสติไปเสียแล้ว
"พอแล้วสินะ โชคดีนะเนี่ยที่ฉันพอจะคุมเบอร์เซิร์กได้บ้างไม่อย่างงั้นคงเผาเมืองไปด้วยแน่ ๆ"
"ขนาดคุมได้ก็เกือบจะฆ่าฉันแล้วนะ !" คานะตะคอกเสียงใส่ท่าทางหงุดหงิดขณะที่กำลังหายใจเข้าออกลึก ๆ
"โถ่คานะ ก็สกิลมันจะใช้เองก็ต่อเมื่ออยู่ในสถานะอันตราย"
คานะถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ก็สมกับเป็นนายจริง ๆ แต่สกิลมันก็มีจุดอ่อนอย่างหนึ่งก็คือเมื่อขาดการติดต่อกับตัวกลางจ่ายมานามันก็จะหยุดทำงานทันที"
"ก็นั้นน่ะสิ ถ้าเกิดตอนสู้ ๆ อยู่แล้วอาวุธดันหลุดมือขึ้นมาก็คงเสร็จแน่ ถึงได้ไม่อยากจะใช้เจ้าดาบใหญ่นั่นเท่าไหร่เพราะมันน่าจะเป็นจุดสังเกตและหลุดการควบคุมได้ง่าย"
ขณะที่เซนพูดคานะก็เอาแต่จ้องมองด้วยแววตาฉงนสงสัย "แปลกแฮะที่นายใช้หัวคิดเป็นด้วย"
"อะอ้าวแม่สาวน้อย ไม่รู้ซะแล้วว่าฉันเป็นใคร"
"เป็นใครเหรอพ่อหนุ่ม?" ระหว่างเซนกับคานะกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือดก็มีชิมม่อนเข้ามาทัก
"พี่เซนเท่มากเลยครับแต่ก็ยังอ่อนกว่าพี่คานะ" รอนตะโกนมาแต่ไกลก่อนที่พวกเด็ก ๆ จะวิ่งกันมาดูสภาพการต่อสู้ของพี่ ๆ ทั้งสองซึ่งโดยรอบเละเทะไปหมดทั้งแอ่งน้ำและเถ้าถ่านกระจายไปทั่ว
"พี่เซนสอนเวทไฟแบบนั้นให้บ้างสิ" คิโนริวิ่งไปบนสนามประลองที่เละเทะสัมผัสบรรยากาศของการสู้รบโดยตรงหากเธอเข้ามาร่วมประลองได้ก็คงจะเข้ามาแล้ว
"ไม่ได้สิคิโนริ ถ้าพี่เขาจะสอนก็ต้องสอนฉันด้วย" รอนมองคิโนริด้วยสายตายียวนยืนกอดอกองอาจดั่งชายชาตรี
เมื่อการต่อสู้จบลงชาวบ้านก็กลับไปทำงานของตนเองพร้อมกับข่าวลือต่าง ๆ นานาเอาไปคุยกันสนุกปากและในช่วงบ่ายวันนั้นก็เป็นการฝึกต่อสู้จริงของพวกเด็ก ๆ ต่อ
"ได้เวลาแล้วสินะ" คิโนริเดินนำหน้าพรรคพวกไปก่อนใครโดยมีมังกี้ สเตล่าและเซนไปด้วยเพื่อความปลอดภัย
"ฝากด้วยนะเซน !" คานะโบกมือลาเช่นเดียวกับพวกเซน
"เตรียมอาหารไว้ให้ด้วยล่ะ พอออกแรงเสร็จมันก็ต้องเติมพลังให้เต็มที่"
ดันเจี้ยนที่ตั้งอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรที่นั่นยังไม่มีคนงานมาทำงานเลยแม้แต่คนเดียว ทรัพยากรที่ยังไม่ได้รับการสำรวจและระดับของมันที่ยังไม่ระบุยิ่งทำให้พวกคิโนริตื่นเต้นจนสงบจิตสงบใจไม่ได้
"เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ยเข้ามาแค่ไม่กี่นาทีก็เจอทางสว่างแล้ว" ตลอดทางเซนก็ยังคงบ่นไปเรื่อยแม้จะไม่ได้ก้าวก่ายการฝึกของเด็ก ๆ แต่มันก็ทำให้พวกเธอเสียสมาธิได้
"เงียบหน่อยไม่ได้หรือยังไงเซน !" สเตล่าชักสีหน้าดุไปหนึ่งชุดทำหน้าที่หยุดเซนแทนคานะได้ดี
หลังจากการสำรวจและกำจัดมอนสเตอร์ตัวเล็กตัวน้อยออกไปก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงจนต้องกลับออกมาเสียก่อน
23 มกราคม พ.ศ.2576
หลังจากผ่านไปหลายวันจนซึฮากิและคนงานออร์คช่วยกันจัดการพื้นที่น้ำเน่าช่วยให้มันสะอาดตาปลอดภัยต่อจมูกมากขึ้นแต่มันก็ยังไม่ได้แก้เรื่องน้ำท่วมอยู่ดี
"พวกเราเก็บพวกซากบ้านออกไปหมดแล้วทีนี้จะทำยังไงต่อ?" หนึ่งในอดีตทหารออร์คเอ่ยถามระหว่างที่อยู่ในช่วงพักผ่อน
"ถ้างานหลัก ๆ ก็คงจะหมดแล้วต้องรอเครื่องจักรไอน้ำอันที่เหลือก่อน ระหว่างนั้นเราจะเตรียมตาข่ายดักปลาสำหรับการทำฟาร์ม"
"ทำฟาร์มอะไรนะ?" ท่าทางงุนงงของพวกเขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนอย่างกับไม่เคยทำมาก่อน
"เราจะใช้หมู่บ้านหลักสามแห่งเป็นฟาร์มเลี้ยงปลาและจะมีการทำการเกษตรโดยต้องมีการทำจุดเก็บน้ำไว้ไม่ให้น้ำไหลท่วมพืชผล"
ดู ๆ แล้วถึงจะอธิบายไปก็คงจะไม่มีประโยชน์ รูปแบบการใช้น้ำก็คือเปลี่ยนการท่วมเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญแทน ฟาร์มปลาถือเป็นก้าวแรกในการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำที่มากเพียงนี้และเมื่อมีตาข่ายก็จะวางใจได้ว่าปลาจะไม่หายไปไหน นอกจากปลาที่จะหามาเพาะเลี้ยงก็ยังมีปลาที่ไหลมาตามน้ำอีกจึงต้องเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะสมด้วย
"เลี้ยงปลา !"
"เกษตร !" พวกเขาส่งเสียงพร้อมเพรียงแม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร
คิดดีแล้วหรือเปล่าเนี่ยที่จะช่วยพวกเขา ซึฮากิถึงกับส่ายหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ถึงเวลาข้าวแล้วนะทุกคน" มาลีน่าเธอมาทำอาหารด้วยตัวเองและปล่อยให้ออร์คผู้หญิงทำงานสร้างตาข่ายด้วยการถักทอที่ซึฮากิสอนให้
จริง ๆ ก็อยากจะทำเขื่อนเก็บน้ำไปเลยจะได้ทำไฟฟ้าไว้ใช้ด้วยแต่มันก็อาจจะเกินกำลังไปหน่อยหรือระหว่างที่รอเครื่องจักรไอน้ำจะกลับบ้านดี? ไปดูว่าเมืองเป็นยังไงบ้าง
"ผมขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวจะกลับมาใหม่ ระหว่างนั้นก็ขอให้พักกันให้เต็มที่" ซึฮากิยกมือขึ้นระดับเดียวกับศีรษะเป็นการบอกลาก่อนจะแยกตัวไปไม่สนใจใคร
"แฟรงค์ ปุย" ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตอบรับพร้อม ๆ กับนกอินทรีบินลงมาเกาะบนไหล่และเจ้าปุยที่กระโดดขึ้นมานั่งบนหัว
"ไม่อยากจะคุยหรอกนะพวกแก พวกเราจัดการน้ำเน่าเสียได้เสร็จสักทีต้องขอบคุณที่พวกเขาเชื่อฟัง"
"จีจี..."
"ฉันรู้น่าเจ้าปุย มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่ดูจะไม่ชอบหน้าเรานักคงเพราะเป็นมนุษย์แต่ดันได้เป็นคนสั่งการเสมือนถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี"
"กรร !" เจ้าแฟรงค์ผงกหัวท่าทางไม่พอใจเมื่อได้ยินที่ซึฮากิพูดแม้จะฟังไม่รู้เรื่องได้สามารถเข้าใจได้
"เจ้าพวกนั้นมันพยายามรบกวนการจัดการหลายครั้งคงหวังจะให้มีเรื่องแย่ ๆ ให้ตำหนิได้แต่ฉันก็จับตาดูเป็นพิเศษ เมื่อใดที่พวกมันตั้งใจทำให้งานล่มฉันก็จะเข้าไปทดแทนหรือไม่ก็แกล้งเข้าไปทุกครั้งทำให้พวกมันล้มเหลวในการแกล้ง"
"หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ" ขณะที่ซึฮากิกำลังเดินเพลิน ๆ ก็มีกลุ่มออร์คโผล่ออกมาดักหน้ามากกว่าสิบตัว
"ทำไม? อยากทำงานต่อเหรอ" เขาตอบกลับด้วยท่าทางอันเฉยชาแม้จะพอรู้อยู่แล้วว่าพวกออร์คมาทำอะไร
สายตามุ่งร้ายอย่างชัดเจนของพวกเขากำลังจับจ้องซึฮากิไม่ละไปไหน "ดูมันพูดเข้าสิ ดูยังไงก็หลอกใช้งานพวกเราแน่ ๆ"
"ใจเย็นก่อนสหาย พวกเราต้องจับมันเป็นตัวประกันเพื่อให้มันปล่อยพี่น้องของเราออกมา" ออร์คหนุ่มที่มีร่างกายกำยำเหมาะกับการเป็นทหารก้าวเท้าออกมาแนวหน้า
"ทำไมถึงรีบร้อนนักล่ะ ฉันส่งสัญญาณบอกที่เมืองแล้วว่าให้ดูแลพวกออร์คให้อยู่รอดเพราะอีกแค่ไม่กี่วันก็จะปล่อยตัว" ขณะที่ซึฮากิกำลังพูดก็มีออร์คหนุ่มโผล่ออกมาจากด้านข้างใช้กำปั้นดินระเบิดซัดเข้าเต็ม ๆ
"ตอนนี้แหละ ! จับมันให้ได้" เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นว่าซึฮากิสูญเสียการทรงตัวก็กรูกันเข้าไป
ซ้ายสามคนกับขวาอีกสอง การใช้มานาที่เหมือนกับเด็กน้อยพึ่งฝึกใช้ไม่เสถียรและยังเปราะบาง
ซึฮากิใช้มีดที่ซ่อนไว้สร้างโล่ลมที่พัดออกไปจากตัวทำให้พวกเขาไม่อาจเข้ามาใกล้ได้ก่อนจะออกหมัดขวาที่มีเพียงการเสริมมานาชกโดนออร์คที่อยู่ด้านขวามือกระเด็นไปโดนพรรคพวกอีกคนด้วย
"เวรเอ๊ย !" คลื่นมานาที่ห่อหุ้มคมดาบทื่อ ๆ ของออร์คหนุ่มฟาดผ่านสายลมของซึฮากิมาได้
"ยังช้าอยู่" ซึฮากิใช้มีดสั้นที่เติมมานาลงไปปัดดาบของออร์คไปโดนพรรคพวกของมันเองแม้จะไม่โดนจุดสำคัญแต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกมันสับสน
ขณะที่กำลังสู้กันอยู่ก็มีออร์คที่พยายามลอบเข้ามาใกล้ ๆ หาจังหวะที่ซึฮากิพลาด
"คิดว่าไม่รู้หรือยังไง" ทันใดนั้นก็มีมืออันหยาบกร้านจับไหล่ของออร์คตัวนั้นและด้วยความตกใจมันก็เหวี่ยงขวานขนาดใหญ่ด้วยแรงทั้งหมดที่มีถ้าเป็นต้นไม้ก็คงจะโดนตัดขาดในครั้งเดียว
"เหวี่ยงไปไหน?" เมื่อได้เห็นชัด ๆ ก็พบว่านั่นเป็นเพียงร่างโคลนของซึฮากิหลังจากโดนขวานฟันก็สลายหายไปแต่ก่อนที่จะตั้งหลักได้ซึฮากิตัวจริงก็พุ่งมาอยู่ข้าง ๆ ใช้เพียงกำปั้นซัดเข้าคางจนสลบไปทันที
"พวกออร์คกับก็อบลินจะอ่อนด้านเวทมนตร์ยิ่งกับพวกที่ไม่ใช่ทหารก็ยิ่งแล้วใหญ่ เผ่าออร์คมีจุดเด่นในเรื่องการฟื้นฟูร่างกายดังนั้นการฟันเฉือนหรือแทงของพวกนั้นจะหายได้ไวกว่าปกติ ฉันก็เลยต้องจัดการให้หมดสติในครั้งเดียวเพราะต่อให้ฟื้นฟูร่างกายได้แต่ก็ใช่ว่าจะฟื้นคืนสติได้"
ซึฮากิค่อย ๆ เดินเข้าหาออร์คหนุ่มผู้เป็นดั่งหัวหน้าของกลุ่มออร์คพวกนี้
"เฮ้อ...เจ้าพวกนี้ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ" เขาใช้จังหวะที่กำลังพูดปล่อยหมัดออกมาทีเผลอแต่ซึฮากิก็ยังหลบได้ทันอย่างกับรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะทำอะไร หมัดที่ปล่อยออกไปนั้นเปลี่ยนเป็นการรวบตัวซึฮากิและจับไว้แน่นก่อนจะให้พรรคพวกที่เหลือบุกเข้ามากระหน่ำอาวุธใส่โดยไม่สนใจผู้เป็นหัวหน้าเลยสักนิดแม้จะบาดเจ็บหนักไปด้วยก็ตาม
"ยอดเยี่ยม" ขณะที่พวกออร์คกำลังรุมมัดร่างอันสะบักสะบอมอยู่ก็มีเสียงปรบมือจากด้านหลังทำเอาขนลุกไปทั้งตัว
"ใช้จุดเด่นในด้านการฟื้นฟูของตัวเองได้ดีแถมยังใจกล้าบ้าบิ่น ถ้าได้ไปเป็นแนวหน้าของกองทัพคงจะเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงทีเดียว"
คมดาบและขวานพุ่งตรงเข้าหาซึฮากิทันทีไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พวกเขากัดฟันจ้องตาเขม็งราวกับได้เจอผีใช้ความตกใจเข้าฟาดฟันแต่นั่นก็ไม่อาจจะทำอะไรซึฮากิได้
"พวกนายต้องการให้ปล่อยตัวพี่น้องที่โดนจับสินะ นี่ไม่เชื่อใจกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอก็ฉันทำสัญญากับมาลีน่าแล้วว่าจะปล่อย" ความเร็วของพวกออร์คไม่อาจตามซึฮากิได้ทันเพียงแค่การออกแรงก็มองได้เห็นทิศทางการโจมตี องศาของหัวไหล่ มือและลำตัวจะเป็นการบ่งบอกจุดหมายของการออกแรง
"พวกนายยังขาดการประสานงานที่ดี บางครั้งการเหวี่ยงอาวุธไปมั่ว ๆ ก็พลาดไปโดนพรรคพวกของตัวเอง ยังดีที่สามารถฟื้นฟูได้แต่หากโดนจุดสำคัญล่ะ?" หลังจากกระโดดซึฮากิก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศสร้างความตกตะลึงให้กับพวกออร์คไม่น้อย
"ผะผี มันเป็นผีแน่ ๆ" เสียงอันสั่นระริกมือไม้อ่อนจนถืออาวุธไว้ไม่ได้เพราะความกลัว
"พวกเราถอยเร็ว !"
"ใครบอกให้หนี" ก่อนที่พวกเขาจะได้วิ่งออกไปก็มีกำแพงที่มองไม่เห็นปิดกั้นไว้ดั่งกล่องสี่เหลี่ยมและค่อย ๆ บีบพวกเขาจนตัวติดกันหมด
"ถ้าอยากเอาชนะคนที่มีความว่องไวสูงกว่า ก็ต้องเล่นทีเผลอไม่ก็บีบพื้นที่ให้แคบลงแต่คนที่ว่องไวและมีสกิลตรวจจับด้วยก็ยากที่จะทำเช่นนั้น"
"แกต้องการจะพูดอะไร?" เมื่อซึฮากิลอยลงต่ำมากพอที่จะพูดคุยกับพวกเขาก็ได้ยินเสียงตะคอกจากออร์คหนุ่มคนเดิม
"พวกเรามันคนละระดับต่อให้เอาออร์คทั้งเผ่ามาก็ชนะฉันไม่ได้หรอก" กระตุ้นไปแค่นี้ก็คงจะพอแล้วสินะ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกมันก็ระเบิดความโกรธฝืนสภาพร่างกายและทำลายกำแพงลมของซึฮากิออกไป ก่อนจะขว้างขวานใส่ซึฮากิพร้อม ๆ ส่งพรรคพวกขึ้นไปหาด้วยการเหวี่ยงธรรมดา ๆ
ความพิเศษของร่างกายที่ฟื้นฟูได้ดีทำให้พวกเขาสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายได้แม้จะใช้มันหนักจนกระดูกแทบจะแตก กล้ามเนื้อปริฉีกขาดแต่ด้วยความโกรธและต้องการมีชีวิตรอดทำให้อะดรีนาลีนหลั่งส่งผลให้พวกเขามุทะลุพุ่งเข้าใส่ไม่สนใจร่ายกาย
"วิชาต่อไปเอาเป็นเรื่องมานาดีไหม?" เขาดีดตัวกลางอากาศหลบหลีกออร์คที่พุ่งเข้าใส่พร้อมกับบีบอัดมานาเป็นลูกกลม ๆ ก่อนจะโยนลงไปข้างล่างและระเบิดออกสร้างแรงกระแทกใส่พวกออร์คพลางยิ้มในหน้าเหมือนตนเองกำลังสนุกที่ได้ทำอะไรเช่นนี้
[เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย]
- อะดรีนาลีน เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไตซึ่งจะหลั่งออกมาเมื่อเกิดความเครียด ความกลัว หรือรู้สึกโกรธ
- อะดรีนาลีนมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ ระดับความดันโลหิต รวมถึงกระบวนการสลายน้ำตาลของร่างกาย
- โรคที่ส่งผลกระทบต่อระดับอะดรีนาลีน ได้แก่ โรคแอดดิสัน เป็นเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต
- อะดรีนาลีนสามารถใช้เป็นสารยารักษาอาการภูมิแพ้เฉียบพลันรุนแรงได้ ผ่านวิธีการฉีดเมื่อเกิดอาการแพ้
- โดยมีการใช้ยาในภาวะหัวใจหยุดเต้นทำให้กล้ามเนื้อหัวใจต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้น
อ้างอิงจาก
กองบรรณาธิการ HD.hd สุขภาพดี เริ่มต้นที่นี่.2019.แหล่งที่มี : https://hd.co.th/what-is-adrenaline-2
สุปราณี พลธนะ.การพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นในระบบแพทย์ฉุกเฉินของประเทศไทยในยุควิถีใหม่.2565.แหล่งที่มา : https://www.niems.go.th/1/UploadAttachFile/2022/EBook/415782_20220623100414.pdf
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 248
แสดงความคิดเห็น