ดาบพิโรธสวรรค์ ตอนที่ 20 ฆาตกรหลบหนี

ดาบพิโรธสวรรค์
คุณกำลังอ่าน: ดาบพิโรธสวรรค์

-A A +A

ดาบพิโรธสวรรค์ ตอนที่ 20 ฆาตกรหลบหนี

เปิดขาย
หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 20 ฆาตกรหลบหนี

 

เฉินต้าเจิ้งสงสัยว่าเหตุใดผู้อาวุโสฟ่างถึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง

 

"มีอะไรผิดพลาดกับสมบัติของท่านงั้นหรือ?" เฉินต้าเจิ้งเอ่ยถามพลางคิดไปด้วย 'ไม่สิ หากมีอะไรผิดพลาด น้ำเสียงของเขาต้องไม่ใช่เช่นนั้น"

 

เมื่อนึกได้เช่นนั้น เขาจึงรีบวิ่งออกไปยังที่พักของศิษย์ชั้นนอกทันที ดูเหมือนว่าเขาต้องพบหลินเซวียนก่อนจึงจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

 

แต่มันยิ่งทำให้เขาปวดหัวหนักไปอีก เพราะหลินเซวียนไม่อยู่ในที่พักของตน เฉินต้าเจิ้งถามเหล่าศิษย์ที่อยู่ระแวกนี้ แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าหลินเซวียนไปที่ใด

 

อย่างไรก็ตาม เขาต้องกลับไปรายงานผู้อาวุโสฟ่าง

 

หลังจากทราบเช่นนี้ ผู้อาวุโสฟ่างทำได้เพียงลูบเคราอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว "เมื่อเขากลับมา บอกให้เขารีบไปพบข้าทันที"

 

"ขอรับ" เฉินต้าเจิ้งกล่าวอย่างเคารพ

 

หลังจากผู้อาวุโสฟ่างจากไป เฉินต้าเจิ้งเอามือลูบศีรษะของตนทันที "โอ้ ข้าลืมไปว่ายังมีดาบอีกเล่มที่หลินเซวียนซ่อมให้เสร็จแล้ว!"

 

"ช่างเถอะ ไว้หลินเซวียนกลับมาค่อยส่งไปพร้อมกัน" เขาไม่กล้าพบหน้าผู้อาวุโสฟ่างตอนนี้ และหวังว่าหลินเซวียนจะกลับมาโดยเร็ว

 

ขณะเดียวกัน พายุลูกใหม่ได้มาถึงยังหน้าประตูสำนักซวนเทียน

 

บรรดาศิษย์ของพรรคปราณเทวะพยายามค้นหาร่องรอยการตายของจางปิ่นอย่างเต็มที่ ผลก็คือ ศิษย์หน้าเหลี่ยมผู้ที่สู้กับหลินเซวียนเพื่อแย่งหญ้าใบม่วงมาบอกข่าวอันน่าประหลาดใจให้

 

เขาบอกว่าได้สู้กับคนคนหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ พวกจางปิ่นได้เห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและได้เข้ามาช่วย หลังจากนั้น จางปิ่นและคนอื่น ๆ ได้ติดตามชายคนนั้นเข้าไปยังที่ส่วนลึกของป่า แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็เสียชีวิตที่นั่น

 

ท้ายที่สุด ศิษย์หน้าเหลี่ยมได้วาดหน้าคนที่สู้ด้วยเป็นรูปลักษณ์ของหลินเซวียน พวกเขาจึงเริ่มค้นหาโดยทันที หลังจากสำรวจอยู่หลายครั้ง ท้ายที่สุดพวกเขาก็พบรายละเอียนของหลินเซวียน

 

"ขี้ข้าดาบที่เพิ่งกลายเป็นศิษย์ชั้นนอก?" ชายหนุ่มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยิน "เจ้าคิดว่าเขาสามารถสังหารผู้เปิดชีพจรระดับสี่และระดับสามอีกสองคนได้งั้นหรือ?"

 

ชายหนุ่มผู้นี้คือหนึ่งในหัวหน้าพรรคปราณเทวะในส่วนของศิษย์ชั้นนอก เขามีนามว่าหยานกง ขั้นบ่มเพาะพลังของเขาคือขั้นเปิดชีพจรระดับหก เวลานี้ เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธจัดเมื่อได้ยินข่าว

 

"พี่กง" ชายหน้าเหลี่ยมกล่าวเสียงสั่นเทา "ตอนข้าสู้กับคนชื่อหลินเซวียน ข้าพบว่าถึงแม้เขาจะอยู่เพียงขั้นเปิดชีพจรระดับสาม แต่ความแข็งแกร่งของเขาอยู่เหนือกว่าระดับสามไปมาก"

 

"พี่กง ตอนนี้สถานการณ์มันเลวร้ายมาก ไม่ว่าจะถูกหรือผิด พวกเราต้องจับมันให้ได้ก่อน มิเช่นนั้นพวกเราคงไม่สามารถอธิบายให้พี่ชายเขา" ศิษย์ด้านข้างหยานกงกล่าวขึ้น

 

"ไปดูกันก่อนเถอะ!" หยานกงสะบัดมือ จากนั้นได้กลุ่มคนจำนวนหนึ่งไปยังที่พักของหลินเซวียน

 

……

 

ณ ที่พักอาศัยของกลุ่มศิษย์ชั้นนอก คนขอพรรคปราณเทวะได้ปรากฏตัวกันที่นี่ พวกเขารีบเข้าไปล้อมกระท่อมหนึ่งทันทีและมีคนหนึ่งที่ถีบประตูเข้าไป

 

เมื่อศิษย์ชั้นนอกคนอื่น ๆ ที่เห็นพรรคปราณเทวะ ท่าทีของพวกเขาถึงกับจมดิ่ง

 

"พี่กง ไอ้หนูนั่นไม่อยู่ที่นี่!" เสียงใครบางคนตะโกนออกมาจากกระท่อม

 

"ไม่อยู่? มันหนีไปแล้วงั้นหรือ?" หยานกงขมวดคิ้วพร้อมกล่าว "ส่งคนไปดูในระแวกรอบนอกของสำนัก มันมีคนอาศัยอยู่แถวนั้น ข้าไม่เชื่อว่ามันจะหนีหายเข้ากลีบเมฆไปได้!"

 

ด้วยคำสั่งของพรรคปราณเทวะ ศิษย์ชั้นนอกทุกคนจึงเข้าใจการกระทำของพวกเขาทันที ชื่อของหลินเซวียนได้ถูกจดจำโดยทุกคนเป็นครั้งแรก

 

เมื่อพวกเขาทราบว่าหลินเซวียนเป็นเพียงศิษย์ตัวจ้อยที่ไร้ซึ่งคนสนับสนุน พวกเขาถึงกับสับสน ‘มันเป็นเรื่องจริงที่คนเขลาไม่รู้จักความกลัว ศิษย์เพียงคนเดียวแต่กลับกล้าท้าทายพรรคปราณเทวะ

 

หลังจากได้ยินข่าวนี้ ถังอวี้รีบรุดมาหาหลินเซวียนเช่นกัน นางไม่คาดคิดว่าหลินเซวียนจะก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่เพียงแต่จะสร้างปัญหาให้พรรคปราณเทวะ แต่ยังฆ่าคนของพวกเขาด้วย!

 

นางรีบวิ่งมายังที่พักของหลินเซวียนอย่างร้อนรน ในใจก็นึกกลัวว่าหลินเซวียนจะถูกพวกปราณเทวะจับได้แล้ว แต่โชคดีที่พรรคปราณเทวะไม่พบหลินเซวียนแม้แต่เงา

 

"เจ้าบ้านั่นรู้จักหนีด้วยหรือ!" ถังอวี้ตะคอกด่าหลินเซวียนในใจพลางกระทืบพื้นไปด้วย

 

กลุ่มของผู้สังเกตการณ์ได้เอ่ยขึ้น "ข้าได้ยินมาว่า หลินเซวียนคนนั้นเคยเป็นขี้ข้าดาบของถังอวี้ใช่หรือไม่"

 

"ใช่แล้ว"

 

"โอ้ หรือว่าพวกเขาแอบตั้งกลุ่มขึ้นมาอย่างลับ ๆ ?"

 

……

 

เพียงครึ่งวัน ข่าวฆาตกรรมครั้งนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยน มันกลายเป็นกลุ่มของพรรคปราณเทวะได้สู้กับกลุ่มพรรคเทพสงครามในป่า พวกเขารีบกระจายข่าวนี้ทันทีเพื่อไม่ให้เสียหน้า

 

แต่ทันทีที่ข่าวนี้ไปถึงหูของศิษย์ชั้นใน พวกระดับสูงของพรรคเทพสงครามได้ออกมาปฏิเสธทันทีว่าพวกเขาไม่ได้มีเรื่องอะไรทั้งนั้น ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก

 

พรรคปราณเทวะตั้งกำลังสำรรจตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ยังหาหลินเซวียนไม่พบ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจว่าหลินเซวียนกลายเป็นฆาตกรหลบหนีไปแล้ว

 

...

 

หลังจากผ่านไปหลายวัน หลินเซวียนสามารถควบคุมพลังวิญญาณในตัวได้ดีขึ้น เขาเห็นนิ้วของตัวเองกำลังตวัดไปมาอย่างละเอียดอ่อนบนก้อนหิน

 

"ดีมาก เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก!" เซียนสุรากล่าว

 

"เอาล่ะ ไปฝึกดาบได้!" หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลินเซวียนรู้สึกตื่นเต้นทันที

 

"เจ้ายังเด็กอยู่คงไม่เชื่อ ว่าการเขียนบนหินนี้เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หากพร้อมค่อยเริ่มฝึกขั้นที่สอง" เซียนสุราเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ "สำหรับขั้นที่สองเจ้าต้องสลักตัวอักษรบนใบไม้และห้ามทำให้มันทะลุ"

 

หลินเซวียนทราบว่าการควบคุมพลังนั้นยากอย่างแท้จริง แต่เขาก็หาได้เกรงกลัวไม่

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงก้มลงไปหยิบใบไม้จากพื้น และลองเขียนอักษร

 

"นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร?" เซียนสุราเอ่ยถามขึ้นทันที

 

หลินเซวียนทำใบหน้าว่างเปล่าก่อนจะตอบ "ท่านบอกว่าให้เขียนบนใบไม้!"

 

เมื่อเห็นว่าหลินเซวียนตั้งมั่น เซียนสุราจึงไม่มีทางเลือกนอกจากบอกให้เขาเตะไปยังต้นไม้ด้านหลัง

 

ตึง!

 

 หลินเซวียนหันไปเตะทันที

 

แม้ว่าจะไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่ต้นไม้ก็สั่นไหวถึงสามครั้ง ใบไม้จำนวนมากได้ร่วงลงมา

 

"เอาล่ะ จำนวนมันต้องเท่านี้ถึงจะพอดี มา! เริ่มได้!" เซียนสุรากล่าว

 

"อ๊ะ!" หลินเซวียนมองใบไม้จำนวนมากบนฟ้าด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว

 

……

 

เพียงชั่วพริบตา ครึ่งเดือนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ในป่าลึก มีร่างหนึ่งกำลังพุ่งทะยานไปมาอยู่ ในมือของเขามีดาบเหล็กดำที่ขยับอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ทุกการตวัดดาบ มันจะสลักอักษรบนใบไม้ที่ลอยอยู่

 

ดาบนั้นแตะที่ใบไม้ แต่ไม่ได้แทงทะลุ มันแม่นยำอย่างมากจนน่าตกใจ

 

ร่างนั้นคือหลินเซวียน เวลานี้หลังจากบ่มเพาะพลังอยู่ครึ่งเดือน เขาสามารถแกะสลักใบไม้ได้อย่างแม่นยำโดยไม่ทำให้มันเป็นรู

 

"ลุงขี้เมา ข้าฝึกเสร็จแล้ว มีอะไรอีก?" หลินเซวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

เซียนสุราพยักหน้าอย่างพึงพอใจ "ฝึกเขียนพอแล้ว ตอนนี้เจ้าสามารถฝึกวิชาดาบได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

 

วิชาดาบอัสนีมีอยู่สิบสามกระบวนท่า แต่ละท่าเฉียบคมราวกับสายฟ้า ยิ่งกว่านั้นพลังของมันยังรุนแรงอย่างมาก มันจะใช้เพียงเจ็ดส่วนในการโจมตี และเก็บไว้อีกสามส่วนเพื่อการโจมตีครั้งต่อไป มันก็เหมือนกับสายฟ้าในก้อนเมฆที่สะสมพลังก่อนจะผ่า

 

"ไปฝึกฝนในที่ที่มีน้ำและใช้แรงต้านในน้ำให้เป็นประโยชน์ ซึ่งมันจะช่วยให้วิชาดาบของเจ้าร้ายกาจขึ้น" เซียนสุราได้แนะนำ

 

ภายในน้ำนั้นย่อมมีแรงต้านเป็นธรรมดาอยู่แล้ว และมันได้ผลดีอย่างมากในการใช้ฝึกฝน หลินเซวียนจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาจำได้ว่ามีน้ำตกอยู่ไม่ไกลจากที่นี่

 

หลังจากเก็บข้าวของ หลินเซวียนได้มุ่งไปยังน้ำตกแห่งนั้นเพื่อฝึกฝนทันที

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.