บทที่ 4 ความลับ

ดาบสองมือ อาวุธคู่บารมีขุนศึกยอดขุนศึก อยุธยา

-A A +A

บทที่ 4 ความลับ

"เอ็งจะไปเป็นทหารใช่ไหม"

"ใช่"

"งั้น เอ็งก็จงเดินทางไปพร้อมกับพวกข้าเถอะ"

"ตกลง ข้าจะไปพร้อมกับพวกเอ็ง"

"เราหาที่พักก่อนดีกว่า เพราะเหนื่อยกันมามากแล้ว" สิงห์บอก

"ข้าก็เห็นด้วย" เสือเห็นด้วย เพราะตอนนี้เขาก็อ่อนแรง ถ้าจะให้เดินทางก็คงไม่ไหวแน่

"งั้นก็จงเข้าไปพักในถ้ำนั่น" เทพศิลป์เอ่ยชวนแล้วชี้มือไปทางขวามือของทุกคน

กายแก้วพยักหน้า "เอ็งชำนาญทาง เอ็งก็นำไปสิวะ"

"งั้น พวกเราไปกันเถอะ" เทพศิลป์นำทางอย่างชำนิชำนาญ เหมือนเคยไปอาศัยมาก่อน

"กายแก้ว เจ้าดูแลไอ้หนุ่มคนนี้แล้วกัน" เสือบอกแล้วเดินตามเทพศิลป์ไปทันที

"ไป" กายแก้วยื่นมือไปจับแขนของเกตุหมายจะจูงไป แต่ก็ต้องถูกสะบัดออก

"ปล่อย ข้าเดินเองได้"

เจ้ากายแก้วแปลกจิตคิดสงสัย

มองตามไปด้วยจิตคิดผวา

เนื้อมันนุ่มหน้าตาช่างโสภา

รูปกายาละม้ายคล้ายสตรี

ยิ่งใกล้ชิดจิตใจให้หลงรัก

ก็ตระหนักว่าตนคิดบัดสี

หากคนรู้คงอายแสนทวี

ขอเทพไท้ปราณีช่วยชี้ทาง

ถ้ำมีขนาดใหญ่พอที่คนหลายคนจะอยู่ร่วมกันได้ บริเวณถ้ำมีสระน้ำอยู่ใกล้ๆ ป่าไม้ล้อมรอบทำให้ร่มรื่นเย็นสบาย

เกตุเดินไปยังสระน้ำอย่างยินดี อาบน้ำดีกว่า รู้สึกเหนียวตัวเต็มทีแล้ว

เด็กหนุ่มกระโดดลงน้ำทันที เขาขัดสีฉวีวรรณด้วยความสบายใจ หลายวันแล้วที่เขามีแต่ความทุกข์เพราะพ่อถูกโจรฆ่าตาย ในเมื่อหัวหน้าโจรตายไปแล้วก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน อย่าให้มีเวรมีกรรมต่อกันอีก

ทันใดงั้น น้ำก็แตกกระจายพร้อมกับจระเข้ตัวสีดำโผล่ขึ้นมา ทำให้เด็กหนุ่มตกใจจนแทบจะสิ้นสติ

"ช่วยด้วย!" เขาร้องสุดเสียง

กายแก้วเดินผ่านมาเห็นภาพนั้นเข้าพอดี ชายหนุ่มตกตะลึงจนแทบทำอะไรไม่ถูก ที่เขาตกตะลึงหาใช่จระเข้ไม่ แต่เป็น เขาต้องหยุดความคิดไว้แค่นั้นเพราะต้องช่วยเกตุก่อน

"มุดน้ำเร็ว!" เขาบอกสุดเสียง กระโดดลงน้ำพร้อมดาบในมือ

เกตุดำน้ำลงไปตามที่เขาบอก จากนั้นจึงพุ่งตัวออกห่างจากสัตว์ร้าย หาทางหนีขึ้นบนบกได้สำเร็จ

กายแก้วแหวกว่ายเข้าไปหาจระเข้อย่างไม่เกรงกลัว ดาบในมือฟาดฟันหมายสังหาร

จระเข้หลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว แล้วแว้งกัดทันที ชายหนุ่มดำลงไปในน้ำเพื่อหลบคมเขี้ยว แล้วแทงจระเข้ที่ท้อง ดาบเล่มนั้นสร้างบาดแผลให้สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจนสาหัส มันดิ้นอย่างแรงทำให้น้ำบริเวณนั้นแตกกระจาย น้ำที่ใสสะอาดบัดนี้กลายเป็นสีแดงไปชั่วขณะ

ชายหนุ่มโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำห่างจากจระเข้พอสมควร เขาตั้งจิตให้เป็นสมาธิ ขว้างดาบออกไปสุดกำลัง

ฉับ ถูกบริเวณกลางลำตัว จระเข้ตัวนั้นก็ถึงแก่ความตาย เลือดสีแดงไหลผสมกับน้ำส่งกลิ่นคาวไปทั่วบริเวณนั้นอย่างน่าสะอิดสะเอียน

กายแก้วขึ้นจากสระ มองหาเกตุที่ขึ้นมาก่อนด้วยความกระวนกระวาย เขารู้ว่าเกตุขึ้นมาจากน้ำแล้ว แต่ที่เขากระวนกระวายก็เพราะว่าได้รู้อะไรบางอย่างเข้า

"ขอบใจที่ช่วย" คนที่เขาตามหาพูด

หลังจากเกตุขึ้นจากน้ำแล้ว ก็รีบไปใส่เสื้อผ้าจนเรียบร้อย พอเห็นจระเข้ตัวนั้นตายและชายหนุ่มปลอดภัยเขาก็ดีใจยิ่งนัก

"เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม" เกตุพูดขึ้น มองสำรวจร่างเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่าไม่มีบาดแผลภายนอกก็คลายใจ

"ข้าหาเป็นไรไม่ แต่เจ้าเป็น" เขาชะงักประโยคหลังไว้ทันท่วงที มิเช่นนั้นคงเผลอพูดออกไปจนหมดว่ารู้เห็นอะไรมา

"ข้าเป็นอะไร" เกตุมองหน้าเขาอย่างค้นหา หรือว่าเขาจะรู้ว่าเราเป็น3 มหัพภาค

"เปล่า คือว่าข้าหมดแรงจากการสู้กับจระเข้น่ะ ก็เลยเลอะเลือนไปหน่อย" พูดจบก็เสแสร้งล้มลงกับพื้น

"กายแก้ว!" เกตุเรียก พร้อมกับมาพยุงร่างชายหนุ่มให้ลุกขึ้น ทั้งแววตาและน้ำเสียงบ่งบอกว่าเป็นห่วงเขาอย่างเห็นได้ชัด

"เราคงหมดแรงแล้ว พยุงเรากลับถ้ำหน่อยสิ"

เกตุพยุงเขา แล้วพากลับถ้ำไปอย่างลำบาก ถ้าเกตุรู้ว่าคนที่ถูกพยุงไม่ได้เป็นอะไรเลยคงโกรธน่าดู

พอถึงถ้ำ เกตุวางร่างกายแก้วลงตรงที่เตรียมไว้ให้นอน แล้วเดินไปหยิบน้ำผึ้งมาส่งให้

"กินซะ จะได้มีกำลัง" บอกพร้อมกับนั่งลงข้างๆ

ชายหนุ่มรับกระบอกไม้ไผ่ที่บรรจุน้ำผึ้งมาชิมเล็กน้อย "ถ้าอยากให้เรามีกำลังเพิ่มขึ้นแล้วก็ ไปเอากล้วยน้ำว้ามาด้วยสิ"

"เอามาทำไม" ถามอย่างไม่เข้าใจ

"มันเกี่ยวอะไรกับกล้วยน้ำว้า ไม่เห็นเข้าใจเลย น้ำผึ้งก็บำรุงกำลังอยู่แล้ว แล้วกล้วยเกี่ยวอะไรด้วย"

"อาจารย์เคยสอนว่า กล้วยน้ำว้ากับน้ำผึ้งป่าช่วยบำรุงกำลังดีนัก หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งมันก็ไม่สมบูรณ์น่ะสิ" เขาสาธยายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

"ข้าเข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวข้าไปหามาให้" พูดพร้อมจะลุกออกไปจากถ้ำ

"ไม่ต้อง" แขนข้างขวาของชายหนุ่มกดไหล่เกตุไม่ให้ลุกไป

"มันอันตราย เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก เราดีขึ้นมากแล้ว" ชายหนุ่มบอก

"งั้นก็ค่อยโล่งอกหน่อย แต่ข้าสงสัยอยู่อย่างนึง เจ้าจะบอกข้าให้กระจ่างใจได้หรือไม่" เกตุเอ่ยขึ้นเบาๆ

"ว่ามาสิ แต่เจ้าต้องตอบคำถามเราด้วยนะ"

"ได้ ตกลง"

"จะถามอะไรก็ถามมาสิ" กายแก้วเร่งเพราะไม่ทันใจ

"ทำไมเจ้าจึงบอกให้ข้าดำน้ำ ตอนที่เจอกับจระเข้"

"อ้อ, แค่นี้เองรึ"

"ก็แค่นี้แหละ"

"งั้นฟังให้ดีนะ", ,, ชายหนุ่มเริ่มอธิบาย

"จระเข้เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ฉะนั้นตอนที่มันลงไปอยู่ใต้น้ำมันจะอ้าปากกัดคนไม่ได้ เพราะมันกักเก็บลมหายใจเอาไว้ ถ้ามันอ้าปากมันก็จมน้ำตายได้เหมือนกัน"

"จระเข้จมน้ำตายได้ด้วยหรือ" ถามอย่างสงสัย

"ได้สิ เพราะมันเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ฉะนั้นถ้ามันไม่ได้ขึ้นมาหายใจบนบกมันก็ตาย"

"มีอะไรบ้างที่ไม่ได้ขึ้นมาหายใจบนบกแล้วต้องตาย เราหมายถึงสัตว์น้ำน่ะ"

"เท่าที่เราฟังอาจารย์เล่าก็จะมี เต่าทะเล ปลาฉลาม ปลาโลมา ประมาณนี้แหละ"

"ทะเลเป็นยังไง ข้าไม่เคยเห็น" เกตุสงสัย เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเห็นทะเลแม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่เด็กเขาเคยได้ยินแต่คำบอกเล่าของพวกพ่อค้าวานิชที่ล่องเรือไปขายของ แต่ไม่เคยเจอกับตัวสักครั้ง"ทะเลมีน้ำสีฟ้า รสชาติเค็มมาก แล้วก็ยังมีหาดทรายด้วยนะ" ชายหนุ่มยังสาธยายเพิ่มเติมอีกว่า

"มีกุ้งหอยปูปลาที่รสชาติอร่อยมากมาย ข้าเล่าให้เจ้าฟังไม่หมดหรอก"

"แล้วเจ้าเคยไปทะเลตอนไหน

"ตอนที่ข้าร่ำลาอาจารย์ออกท่องเที่ยวไปในโลกกว้างเพื่อหาประสบการณ์ ข้าจึงฉวยโอกาสนั้นเดินทางไปเที่ยวทะเลเสียเลย"

"แล้วเจ้าเอาอัดที่ไหนใช้"

"ข้าก็ท้าประลองเพลงดาบกับยอดฝีมือทั้งหลาย พอข้าชนะ ข้าก็ได้ของมีค่าเพื่อไปแลกกับอัดมาใช้"

“แล้วเจ้าเคยแพ้ไหม” ถามแบบตรงๆ

“ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว” ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าไม่เชื่อหรอก ถึงเจ้าจะเก่งแค่ไหนแต่มันก็ต้องมีคนเก่งกว่าเจ้า เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า เหนือเจ้าก็ยังมีคนอื่น”

“เราไม่เคยแพ้จริงๆนะ เพราะดาบที่อาจารย์ให้ทำมาจากเหล็กชั้นดี แถมยังลงอาคมไว้อีกต่างหาก”

น สำนักของอาจารย์ฤทธี เมื่อ 4 ปีที่แล้ว อาจารย์ได้เรียกลูกศิษย์เข้ามาหา จากนั้นท่านก็เริ่มพูดว่า

“ในเมื่อพวกเจ้าเรียนวิชากับข้าจนจบทุกอย่างแล้ว พวกเจ้าก็จงเดินทางกลับบ้านเถอะ” เสียงอาจารย์เอ่ย

ชายหนุ่มยื่นมือไปรับแล้วกราบลงด้วยความซาบซึ้งใจ ตั้งแต่เด็กอาจารย์เอ็นดูเขาเสมอ ถึงเขาทำผิดอาจารย์ก็คอยสั่งสอนด้วยความปราณี ไม่เคยเลยสักครั้งที่อาจารย์จะใช้คำพูดที่รุนแรงกับเขา

"ส่วนเจ้าแสงสุรีย์ จงเอาดาบแสงอัคคีไป" แสงสุรีย์กราบลงแล้วรับดาบมาด้วยความตื่นเต้น

"เป็นพระคุณยิ่งแล้วขอรับ" ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน

“พวกเจ้าจำไว้ ดาบที่ข้าให้สามารถตัดเหล็กเหมือนตัดต้นกล้วย สังหารคนก็ง่ายเหมือนมดปลวก พวกผีสางนางไม้ถ้าเจอดาบเล่มนี้ไม่มีทางต่อกรได้อย่างแน่นอน”

อาจารบอกสรรพคุณของดาบให้ลูกศิษย์ฟังอย่างละเอียด หลังจากนั้นทั้งหมดก็ได้แยกย้ายกันไป แสงสุรีย์เดินทางกลับอยุธยา กายแก้วเดินทางท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง, , ,, ส่วนอาจารย์ยังคงอยู่ในสำนัก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.